ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง by aoikyosuke

    ลำดับตอนที่ #43 : ปรัชญาช่างกล ฯ ภาค ภาคี-ต้นสน ตอน แล้วเราก็รักกัน (ภาคเดท)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.17K
      15
      10 ก.ค. 53

     ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ตอน แล้วเราก็รักกัน  (ภาคเดท)












    "โหย ... ไอ้ห่าเอ้ย...เล่นโคตรเก่งเลยว่ะ" ต้นสนเดินออกจากโรงภาพยนตร์พร้อมกับภาคี

    เพราะหนังที่ไปดู พระเอกเก่งเกินคน สุดยอดของความเก่ง คนร่างสูงโปร่งนั้นก็เลยชมไม่ขาดปาก รู้สึกชอบใจที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ว่าแต่ภาคีรู้ได้ยังไงว่าเขาอยากดูหนังเรื่องนี้

    อัษฎาปลายตามองร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆ และก็เหมือนเดิม พี่แกก็ยังคงเงียบแล้วก็เฉยเหมือนเดิม จะไม่พูดอะไรเลยหรือไง วันๆ พามาดูหนังแล้วก็มาเดินเงียบ มันจะเอายังไงของมันกันวะ

    "เฮ้ย..หนังไม่สนุกหรือไง......ไม่อยากดูแล้วชวนมาทำไมวะ" อัษฎาใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่แขนของร่างสูง นิ่งเงียบนั้น

    ตอนตี 5 ครึ่ง ภาคีก็มารับเขาไปกินข้าวเหมือนทุกวัน ก่อนจะกลับก็ยื่นตั๋วหนังให้ อัษฎารับมาถือไว้อย่างงงๆ แล้วร่างสูงนั้นก็บอกว่า "รอบบ่ายสาม...มาให้ทันล่ะ" ภาคีพูดแค่นั้นแล้วก็โบกรถแท็กซี่กลับบ้านไปเฉยเลย ไม่สนใจสักนิดว่าเขาจะไปได้หรือไม่ได้ พี่แกไม่ถามอะไรเลย จะบอกว่าชวนก็ไม่เชิง มันออกแนวเหมือน ----ไม่ว่ายังไงมึงก็ต้องไป เพราะกูซื้อตั๋วให้มึงแล้ว---- ประมาณนั้นเลย แล้วตอนนี้เขาก็มานั่งดูหนังกับภาคีจริงๆ

     

    หนังเหรอ ก็งั้นๆ แหละ ธรรมดา แค่ต้นสนมาด้วยพี่ก็รู้สึกว่ามันสนุกแล้วล่ะ ต่อให้หนังมันน่าเบื่อกว่านี้ก็เถอะ นั่นคือความคิดของภาคี แต่เขาก็ไม่ยอมพูดออกไป ได้แต่พูดประโยคสั้น ๆตอบคำถามของต้นสนว่า "ก็ดี"

    ภาคีพูดแค่นั้นแล้วก็เดินเรื่อยๆ ลงบันไดเลื่อนพร้อมกับร่างโปร่งบางที่หันหน้ามามองเขาเหมือนไม่เข้าใจ แต่ก็เดินตามเขามาแต่โดยดี

    ภาคีตรงไปร้านสุกี้และเดินเข้าไปนั่ง พนักงานเดินเข้ามาจดรายการอาหารที่เขาสั่ง น่าแปลกที่ภาคีไม่ได้ถามอัษฎาสักนิดว่าจะกินอะไร จะเอาอะไร ชายหนุ่มสั่งนั่นสั่งนี่ เต็มไปหมด และที่แปลกกว่านั้นก็คือ รายการอาหารพวกนั้น เป็นของที่ต้นสนชอบทั้งหมด

    "แชร์...." ร่างโปร่งบางที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยกับร่างสูง ที่นั่งเฉยรออาหารที่จะนำมาเสิร์ฟ หนังก็ไม่ยอมให้เขาจ่ายค่าตั๋ว ข้าวที่กินทุกวันก็ไม่ยอมให้เขาออกค่าข้าว วันนี้แหละ ยังไงก็ไม่ยอมหรอก ให้เลี้ยงอยู่ฝ่ายเดียวได้ไง เสียศักดิ์ศรี ไม่ได้เห็นแก่กิน เห็นแก่สบายนะ

    ภาคีเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งแล้วก็ทำเหมือนไม่สนใจอีก นั่งเงียบมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย

    "บอกว่าแชร์ค่าข้าว...ได้ยินมั้ย" อัษฎาถามย้ำอีกครั้ง ภาคีมันเป็นบ้า ไม่เคยฟังที่เขาพูดเลยหรือไง โมโหจริง ๆ

    "ทำไมต้องแชร์....." ภาคีถามกลับ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าเนียนขาวตรงหน้านิ่ง เล่นเอาอัษฎาทำอะไรไม่ถูก อึกอัก คิดคำตอบไม่ทัน

    "ผมไม่ใช่ผู้หญิงอีกล่ะสิ" ร่างสูงต่อให้


    และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ อัษฎาตั้งใจจะพูดอย่างนั้นจริงๆ พออ้าปากจะพูด ภาคีก็ต่อให้เสร็จสรรพ จนเขาต้องหุบปากเงียบลง ตั้งท่าจะเถียงต่อแต่พนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟจนเต็มไปหมดทั้งโต๊ะ

    "ท้องอิ่มก่อนแล้วกัน...ค่อยรบกันต่อ" ร่างสูงหยิบผักในจานมาเทใส่หม้อน้ำที่เริ่มเดือด หยิบนั่นหยิบนี่ใส่จนเต็มไปหมด แล้วก็ปิดฝาหม้อ มือแกร่งเอื้อมหยิบถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆ ที่อยู่ฝั่งของอัษฎามาบีบมะนาว แล้วก็เท พริกและกระเทียมลงไปผสม คนๆ จนได้ที่แล้วก็ส่งกลับคืนให้กับร่างโปร่งบางตรงหน้าเขา ก่อนจะแกะตะเกียบของตัวเองออก และบีบมะนาวใส่ในน้ำจิ้มถ้วยของตัวเอง และก็เช่นเคย พี่แกก็ยังเงียบอีกเหมือนเคย

     

    อัษฎารับถ้วยนั้นมาแล้วก็เริ่มลงมือตักอาหารที่อยู่ในหม้อเดือดๆ มาใส่ถ้วย แล้วก็ราดด้วยน้ำจิ้ม ตักเข้าปาก เพียงคำแรกที่สัมผัสปลายลิ้น ต้นสนคิดว่าภาคีปรุงน้ำจิ้มให้เขาได้อร่อยแล้วก็ถูกใจมาก รู้ได้ยังไงว่าเขาชอบกินรสนี้


    ดวงตากลมทอดมองร่างสูงตรงหน้าที่ตั้งหน้าตั้งตาคีบอาหารใส่ปาก มีบางครั้งที่ตักของชอบของเขาใส่จานให้ แล้วเขาก็รับมันมาใส่ปากเงียบๆ ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ กินไปเงียบไป สนใจอยู่แต่กับการกินเท่านั้น

    ภาคีตื่นเต้นมากที่จะได้มากินข้าวกับอัษฎานอกเหนือจากกินข้าวต้มโต้รุ่งที่กินด้วยกันอยู่ทุกวัน เขาถือฤกษ์งามยามดีที่รู้ว่าเป็นวันหยุดของต้นสนไปซื้อตั๋วหนังมาให้ จะชวนก็ไม่รู้จะชวนยังไง เลยเอายัดใส่มือให้ต้นสน ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าร่างบางนั้นจะมาหรือเปล่า แต่พอเห็นต้นสนมาปรากฏตรงหน้า เขาก็ดีใจที่สุด แต่ต้องเก็บอาการ
    เดี๋ยวจะหาว่าเวอร์ แล้วเขาก็คิดมาตลอดเลยระหว่างที่ดูหนังด้วยกัน ถ้าแกล้งเผลอไปโดนมือ มันจะแปลกมั้ย แล้วเขาก็ทำอย่างนั้นจริงๆ กะจังหวะตอนที่มือเล็กๆ เอื้อมมาหยิบข้าวโพด เขาก็เอื้อมไปหยิบบ้าง มือแตะกันพอดี แต่ก็แค่นิดเดียว ต้นสนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาก็ทำเป็นเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจนั้นเต้นระทึกไปถึงไหนแล้ว

    หลังจากนั้นก็ออกมากินสุกี้ด้วยกัน ซึ่งทั้งเขาแล้วก็ต้นสนก็ตั้งหน้าตั้งตากินกันโดยไม่ได้พูดอะไรกัน กินกันจนหมด แล้วร่างบางนั้น ก็ยื่นแบงค์ให้เขาบอกว่าค่าข้าว แต่เขาก็ไม่ได้รับไว้ จ่ายเงินเสร็จก็ลุกออกมาเงียบๆ

    ร่างบางนั้นคงจะหงุดหงิดไม่พอใจอยู่เหมือนกัน เดินมาพยายามจะยัดเยียดเงินใส่มือของภาคี ร่างสูงก็เลยแกล้งดึงเงินไว้แล้วก็จับมือเล็กๆ นั้นซะเลย เขาสังเกตเห็นต้นสนหน้าแดงๆ แล้วก็สะบัดมือออกไปพร้อมกับเงินที่เอามายื่นให้เขา

    "ดีเว้ย...กินแค่ไหนก็ไม่ต้องจ่าย....มากินข้าวกับคนรวยก็ดีอย่างงี้แหละ" ร่างบางประชดเขาก่อนจะก้าวเดินฉับๆ ออกไปยืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์

    ภาคีมาส่งอัษฎาขึ้นรถ ไม่ได้ตามไปส่งถึงบ้านหรอก เดี๋ยวจะมาตะโกนใส่หน้าเขาว่า "ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ..." อีก


    อัษฎาเดินขึ้นรถเมล์ ได้ที่นั่งข้างหน้าต่าง ไม่ได้หันไปสนใจกับคนที่มาส่งเลย นั่งคิดอะไรไปเรื่อย ภาคีจะมาอะไรกับเขานักหนากัน มารับไปกินข้าวได้ทุกวัน แล้ววันนี้.....เขากับภาคี....เรียกว่ามาเดทกันหรือเปล่านะ

    ร่างบางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันกลับมา ก้มมองมือของตัวเอง เผลอยิ้มออกมา สัมผัสของร่างสูงที่เพิ่งลากันเมื่อครู่ยังหลงเหลือความอบอุ่นอยู่เลย แล้วภาคีล่ะ จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่านะดวงตากลมเหม่อมองไปไกล

    อัษฎาไม่มีทางรู้เลย ว่าหลังจากที่เขาก้าวขึ้นรถเมล์ไปแล้ว ภาคีเองก็ยิ้มร่าเหมือนกัน ยิ้มจนแทบหุบยิ้มไม่อยู่ แล้วก็ยืนมองมือของตัวเอง เดินยิ้มไปเรื่อย ก่อนจะโบกแท็กซี่ให้ไปส่งบ้าน


    วันนี้ อะไร อะไร มันก็ดูดีไปหมดเลยสำหรับภาคี

    ************************ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×