คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอน ตะกอนในใจ
"กลับมาแล้วแม่" อ้อนเดินหูลู่ผมเปียกเสื้อผ้าที่ใส่ตัวหลวมโครก จนต้องพับแขนและขากางเกงเอาไว้ นี่คงเป็นความเมตตาของทานตะวันที่โยนเสื้อชุดนักศึกษาให้ใส่กลับบ้านได้ ส่วนเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ในถุงพลาสติกใสที่หาได้ตามมีตามเกิด แล้วก็เดินลากขาขึ้นบันไดบ้านไป โดยมีสายตาของแม่มองตาม แล้วก็ส่ายหน้า เพราะความไร้มนุษย์สัมพันธ์ของลูกชาย
ไม่รู้ว่าวันนี้ไปทำอะไรมาอีกถึงได้เละเทะกลับมา แต่ก็ทำได้แค่ถามว่ากินข้าวมาหรือยัง หรือว่าทำไมวันนี้กลับเร็ว
เพราะถ้าถามมากกว่านั้น อ้อนจะโมโหใส่แม่ แล้วเดินปึงปังปิดประตูโครมคราม ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย เงียบไปบางทีนานเป็นวัน เป็นสัปดาห์
อยากจะถามว่าลูกเป็นอะไร แต่ก็ได้คำตอบเหมือนเดิมว่า
"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรเลยอย่ามายุ่งกับผมได้มั้ย"
ตั้งแต่อุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน อ้อนที่เป็นเด็กน่ารัก สมชื่ออ้อน ก็เปลี่ยนไป ไม่พูดไม่คุย ไม่อยากยุ่งกับใครอีก แม้กระทั่งแม่ก็ไม่ยอมพูดด้วย
ส่วนคนเป็นแม่ได้แต่ถอนใจ แล้วก็นั่งคำนวณเงินสำหรับนำไปใช้หนี้สินค่าซ่อมรถที่อ้อนยืมเพื่อนไปขับ ซ่อมไปเกือบสี่แสน สองปีผ่านไป ยังผ่อนใช้หนี้ไม่หมด แถมซ้ำกระดูกหัวเข่าของอ้อนก็แตก ต้องผ่าตัดซ้ำแล้วซ้ำอีก ใส่เหล็กดามเอาไว้ และวิ่งไม่ได้อีกเลย
สงสารลูก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะอ้อนไม่เคยพูดคุยอะไรอีกเลย นับตั้งแต่อุบัติเหตุคราวนั้น
คนเป็นแม่ส่ายหน้าแล้วยกมือกุมศีรษะ คิดไม่ตกว่าเมื่อไหร่จะหาเงินมาจ่ายค่าซ่อมรถได้หมดสักที
ส่วนตัวของอ้อนเมื่อเดินขึ้นห้องได้ ก็หยุดยืนมองที่หน้ากระจกนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งลงบนเตียง แล้วดึงขากางเกงขึ้น
ก้มมองที่รอยแผลยาว แล้วลองใช้นิ้วคลึงบริเวณที่เจ็บ จนต้องนิ่วหน้า
บอกแม่ไม่ได้หรอกว่า เริ่มเจ็บกระดูกที่หัวเข่าอีกแล้ว ไม่อยากผ่าตัดอีก
แม่จะไปเอาเงินที่ไหนมามากมาย แถมตัวเองยังไปทำภาระเพิ่มให้แม่อีก ถ้าแม่รู้ว่าไปติดหนี้ค่ากล้องตัวละเป็นแสนของไอ้ทานอีก
แม่จะทำยังไง หางานทำ ที่ไหนเขาก็ไม่รับ พอเห็นเดินขาลาก เขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อมาอีกที
สุดท้าย ก็เป็นได้แค่ไอ้ตัวถ่วง แถมยังทำให้แม่ลำบากซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีก
"เฮ่อ ทำไมไม่ตายห่าไปซะวะ จะอยู่ทำไมวะ อยู่เป็นภาระชาวบ้าน" อ้อนทิ้งกายลงนอนบนเตียง แล้วก็มองเพดานนิ่ง ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ
แล้วก็หรี่ตาขึ้น สมองครุ่นคิดถึงเรื่องของคนที่เหนือกว่า
อิจฉาไอ้ทาน อิจฉาร่างกาย อิจฉาตัวตนของมัน อิจฉาความรวยของมัน อิจฉา อิจฉา อิจฉาทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมเป็นมัน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เคยมี แล้วก็ไม่เคยได้ สุดท้ายยิ้มเหยียดหยามตัวเองที่ไม่มีแม้แต่ขาที่จะวิ่งได้เหมือนใคร ๆ
แล้วก็จำใจต้องข่มตาให้หลับลงอย่างช้า ๆ
แม่ แม่อย่ารู้เลยว่าผมเป็นอะไร แค่นี้ผมก็เป็นภาระให้แม่จะแย่อยู่แล้ว ผมมันเป็นลูกที่แย่ หาเรื่องมาให้แม่ทุกวัน ทำให้แม่มีความทุกข์
ผมทุเรศตัวเองเต็มทีแล้วแม่ ไม่มีอะไรที่ผมทำได้เลย ไม่มีเลยสักอย่าง
อ้อนยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก แล้วเลื่อนแขนลงมาปิดตา ก่อนจะปล่อยให้หยดน้ำหลั่งรินจากหน่วยตาหยดลงที่ข้างแก้ม แต่ไม่มีเสียงสะอื้นไห้เลยแม้แต่นิดเดียว
เจ็บที่ขา ปวดที่ใจ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ไอ้เฮงซวยนั่นจะออกฤทธิ์ออกเดชอะไรอีก ไม่อยากให้แม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่นี้ก็สร้างปัญหาพออยู่แล้ว
ไม่อยากให้แม่รู้เลยจริง ๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทานตะวันกดรีโมทโทรทัศน์ กดเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้วนั่งชันขาใช้คางเกยหัวเข่าเอาไว้ ตามองที่หน้าจอไม่กระพริบ
เปิดโทรทัศน์เอาไว้ และปิดไฟหมดทั้งบ้าน นั่งดูหนังสยองขวัญคนเดียว เสียงกรีดร้อง ไม่ได้ทำให้รู้สึกตื่นเต้น แต่ทำให้ง่วงงุนมากขึ้นเล็กน้อย
เพราะความเบื่อหน่าย จนต้องล้มตัวลงนอน และดึงหมอนข้างมากอดเอาไว้ ดวงตายังจับจ้องมองที่หน้าจอโทรทัศน์
ทั้งที่ตามองอยู่ที่ภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า แต่ความคิดกลับหลุดลอยไปไกลแสนไกล
คิดไปถึงการแข่งในไม่กี่วันข้างหน้า คิดไปถึงวินาทีที่ตัวเองจะได้รับถ้วยรางวัล คิดไปถึงวินาทีที่ทำประตูได้ แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
ต้องซ้อม ซ้อมเยอะ ๆ ซ้อมมาก ๆ ถ้าได้ถ้วยรางวัลแล้วจะบอกพ่อ พ่อต้องบอกว่าเก่ง หรือไม่ก็บอกแม่ แม่คงจะบอกว่า ทานตะวันเป็นที่หนึ่งแน่ ๆ
คิดไปถึงพ่อแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะยกแขนของตัวเองขึ้นจ้องมอง รอยยังอยู่เลยรอยบุหรี่ที่ถูกจี้ที่แขน บางทีเห็นรอยนี้แล้ว ก็เกลียดพ่อ พ่อที่ตบตีอาละวาด
พ่อที่โหดร้าย พ่อที่ต้องการอยากให้เป็นที่หนึ่งมากกว่าใคร ๆ เกลียด เกลียด เกลียด จนอยากจะฆ่าให้ตาย เกลียดที่สุด
แต่ก็รัก อยากให้พ่อบอกว่า เก่ง อยากให้พ่อชม อยากให้พ่อดีใจ อยากให้พ่อทำหน้าดีใจเวลาที่บอกว่าได้เป็นที่หนึ่ง
พ่อกับแม่แยกทางกันแล้ว พ่อได้เป็นนักธุรกิจเพราะการเพาะกล้วยไม้ขาย พ่อเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ พ่อแต่งงานใหม่ไปแล้ว
ส่วนแม่ ก็แต่งงานไปกับผู้ชายที่อายุอ่อนกว่า ไม่ได้เจอกันอีก นาน ๆ จะได้เจอกันที แต่ไม่ว่ายังไง ก็อยากให้มีคนชมว่าเก่ง อยากให้มีใครชื่นชม
ทานตะวันนอนอมยิ้ม เมื่อนึกถึงวันที่ตัวเองจะทำให้พ่อกับแม่ดีใจ แล้วรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นความหม่นหมอง เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วพบกับความมืด
บ้านหลังใหญ่ แต่อยู่คนเดียว ทำไมมันถึงได้เหงาอย่างนี้ มืดไปหมด มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด มีแต่ความมืดกับความเงียบงัน
ร่างที่นอนอยู่บนเตียงผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง เหมือนไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองดี ก่อนจะลงไปวิดพื้น วิดพื้นเป็นร้อย ๆ ครั้ง
ให้มันเหนื่อย ให้ร่างกายมันล้า ให้ร่างกายอ่อนเพลีย จะได้หลับ
ต้องออกกำลังกายเยอะๆ จะได้หลับ จะได้ไม่ต้องนึกถึงอะไรอีก ใช่แล้ว ใช่แล้ว
แต่ก็เพียงเท่านั้น เมื่อร่างกายหยุดนิ่งและนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นไม้ปาเก้เย็น ๆ
เหนื่อย ร่างกายมันล้า แต่ไม่ยอมหลับ จะทำยังไงดี จะทำยังไง
ใครคนหนึ่งที่ดูเหมือนคนบ้าบอในสายตาใคร ๆ ปล่อยให้น้ำตารินไหลลงอย่างช้า ๆ และขดตัวกอดร่างกายของตัวเองเอาไว้แน่น
หนาว พื้นมันเย็น บ้านก็มืด แถมยังเงียบอีก จะทำยังไงดี จะทำยังไงถึงจะข่มตาให้หลับลงได้สักที
แม่อยากกอดแม่ พ่ออยากให้พ่อชื่นชม แต่ทำไมไม่เห็นมีใครเลย ทำไมต้องอยู่คนเดียวด้วย ทำไม ทำไม ทำไม
จะทำยังไง ถึงจะหลับได้ในคืนนี้
จะต้องทำยังไง ถึงหลับตาลงได้สักที
จะต้องทำยังไง แม่ถึงจะรัก จะทำยังไงพ่อถึงจะสนใจ จะทำยังไง
จะต้องทำยังไงต่อไปดี
********************************
ความคิดเห็น