คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 5 ปีก่อน part 3 - ‘She’s got you mesmerized while I die’
Haikyuu!!
縁と浮世は末を待て
Haikyuu!!
Bokuto x oc
***** Warning: มีการสปอยล์เนื้อหาในมังงะ
(6)
» ห้าปีก่อน «
Part 3
‘She’s got you mesmerized while I die’
“มะลิ! แม่กามเทพน้อย! มานี่หน่อยได้ไหม!”
มัลลิกาที่เพิ่งจะเดินพ้นประตูโรงเรียนมาเป็นอันต้องหน้าแดงและใจเต้นแรงอย่างน่าขันเพียงเพราะโบคุโตะเรียกเธอว่า ‘แม่กามเทพน้อย’
ให้ตายสิ นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเองนะ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอสำหรับการโปรยเสน่ห์แจกยิ้มสดใสไปทั่วแบบนี้
“มีอะไรเหรอคะ โบคุโตะซัง”
เด็กหนุ่มยิ้มแฉ่งก่อนจะนำของสองอย่างที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมาโชว์อย่างภูมิใจ ชิ้นหนึ่งเป็นขนมคุกกี้ช็อกโกแลตชิพใส่ถุงแก้วผูกริบบิ้นสีเหลืองเอาไว้อย่างสวยงาม ส่วนอีกชิ้นเป็นชามะนาวธรรมดาหนึ่งกระป๋อง
“คุกกี้กับชามะนาวมันทำไมเหรอคะ” เด็กสาวถาม แต่กระนั้นในใจก็แอบสังหรณ์ใจแปลกๆ อยู่
“หึๆๆๆ มะลินี่ตลกดีนะ! เห็นแค่นี้ก็น่าจะเดาได้แล้วสิ!”
“ฉันไม่ใช่คนปล่อยมุกฮาอะไรนักหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ใช่คนเดาเก่งด้วย” ความจริงแล้วเธอไม่อยากรับรู้มากกว่าว่าโบคุโตะต้องการใช้เธอให้ทำอะไร ก็เลยทำเป็นหน้ามึนกลบเกลื่อนไปงั้น
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น! — แต่ช่างเถอะ ฉันวานมะลิเอาขนมไปให้ฮานะจังอีกได้ไหม ส่วนของตอบแทนก็… ชามะนาวเย็นๆ กระป๋องนี้นะ”
นั่นไง เอาอีกแล้วสินะ “เอ่อ… แต่ว่า…”
“หืม? ทำไมล่ะ รอบก่อนๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอมะลิ?” โบคุโตะถามด้วยใบหน้าใสซื่อ เล่นเอาเด็กสาวถึงกับสะอึกและพูดไม่ออกไปชั่วขณะเพราะมีชนักติดหลังอันเบ้อเร่อ
เป็นไงล่ะมัลลิกา อยากโกหกดีนัก
“งวดนี้ฉันเล่นใหญ่เลยนะมะลิ! คุกกี้นี้น่ะ เป็นคุกกี้แบบโฮมเมดนะจะบอกให้ เล่นเอาฉันลำบากเกือบตายแหนะ”
มัลลิการู้สึกขมคอขึ้นมาทันที ความสองมาตรฐานมันเป็นแบบนี้เองสินะ นางในดวงใจได้คุกกี้ทำเองใส่แพ็กเกจมาอย่างหรู แต่แม่สื่ออย่างเธอกลับได้รับแค่ชามะนาวกระป๋องที่หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อ
“แต่ว่า… รู้กันแค่เราสองคนได้ไหมมะลิ” จู่ๆ โบคุโตะก็โน้มตัวลงมากระซิบด้วย
“คะ?” มัลลิกาแก้มเป็นสีแดงเรื่อ ใจก็เต้นโครมครามเพราะได้กลิ่นโคโลญอ่อนๆ จากเสื้อผ้าของเขาเข้าไปเต็มๆ
“จริงๆ แล้วคุกกี้นี้น่ะ ฉันทำไหม้กับทำเสียไปตั้งหลายถาดจนห้องครัวที่บ้านเละอย่างกับสงครามแหนะ คุมิจังบ่นฉันเสียหูชาเลย แถมสุดท้ายก็ต้องให้คิริจังมาทำคุกกี้ให้อยู่ดี ฉันไม่ได้เป็นแม้แต่ลูกมือด้วยซ้ำ” เล่าไปเด็กหนุ่มก็ทำแก้มพองลมไปด้วย
“ใครเหรอคะ คุมิจังกับคิริจังที่ว่า”
“อ๋อ! พี่สาวของฉันเองน่ะ! ชื่อคุมิโกะกับคิริเอะ แต่ปกติพวกเราสามคนพี่น้องจะเรียกกันด้วยชื่อเล่นมากกว่า อย่างฉันก็จะชอบถูกพวกพี่ๆ เรียกว่าโคจัง”
“คุณมีพี่สาวด้วยเหรอคะ อาคาอาชิคุงไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังเลย” มัลลิกาถึงกับลืมเศร้าแล้วชวนอีกฝ่ายคุยถึงเรื่องที่บ้านเพื่อจะถือโอกาสทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้นอีกหน่อย
“อื้ม! คงเพราะคนหนึ่งกำลังเตรียมสอบเนติฯ ส่วนอีกคนก็เรียนมหา’ ลัยแล้ว ก็เลยไม่เคยได้พามาแนะนำให้รู้จักกับพวกเพื่อนๆ ในทีมเท่าไหร่น่ะ”
“อ๋อ” พี่สาวของโบคุโตะซังอย่างนั้นเหรอ อยากเห็นจังเลยนะ “งั้นแบบนี้แสดงว่าคุณก็เป็นน้องคนเล็กน่ะสิคะ”
“ก็นะ… ฉันเป็นลูกหลงน่ะ” กัปตันทีมวอลเลย์ลูบหลังคอตัวเองก่อนจะหาเรื่องชวนคุยต่อ “เอ่อ… ว่าแต่แล้วมะลิล่ะ มีพี่น้องบ้างหรือเปล่า”
“ฉันมีฝาแฝดค่ะ แต่แฝดของฉันเป็นผู้ชาย ก็คงเหมือนฉันมีน้องชายล่ะมั้ง” เพราะดีใจที่อีกฝ่ายถามเรื่องของเธอบ้าง มัลลิกาเลยรีบตอบไปอย่างเต็มใจที่จะเล่า
“สุดยอด! ฝาแฝดชายหญิงเนี่ยเท่สุดๆ ไปเลยนะ! มันจะเหมือนกับว่ามะลิได้เห็นตัวเองเวอร์ชันผู้ชายหรือเปล่า?” โบคุโตะดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที
มัลลิกาอมยิ้มขำก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่หรอกค่ะ ฉันกับน้องเป็นแฝดเทียม ไม่ได้หน้าตาเหมือนกันเท่าไหร่นักหรอก”
“เหรอ…” โบคุโตะว่าก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “เอาเป็นว่า! เพราะมัวแต่รอมะลิมาโรงเรียน ฉันเลยไปซ้อมสายมากแล้ว ยังไงก็ฝากมะลิเรื่องฮานะจังด้วยแล้วกันนะ! ขอบใจมากเลย!”
“เอ้อ… เดี๋ยวสิคะ! ฉันยังไม่ได้--” มัลลิกาอยากจะปฏิเสธแต่ก็ถูกคนตัวสูงยัดถุงขนมและกระป๋องชามะนาวใส่มือมาด้วยกิริยาเร่งรีบและยัดเยียดเสียก่อน แถมดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดที่จะอยู่ฟังคำตอบเสียด้วย เพราะพอพูดเองเออเองจบ ขายาวๆ ก็ออกวิ่งหายลับไปทันทีด้วยความเร็วสูง
ส่วนแม่สื่อจำเป็นอย่างมัลลิกานั้นก็ได้แต่มองข้าวของในมือตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ
ถ้าไม่มีเรื่องของคิซากิ ฮานะ โบคุโตะก็จะไม่มีเรื่องให้เข้ามาคุยกับเธอก่อนเลยสินะ
_________
มัลลิกาพยายามแล้วจริงๆ ที่จะเอาคุกกี้ไปให้ฮานะ แต่สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมนั่นก็คือเจ้าตัวไม่มีแก่ใจจะรับมันเอาไว้ ก่อนจะขอตัวไปหาฟุรุโอยะ ฮิเดกิที่ห้องข้างๆ แทบจะทันที แถมมัลลิกายังสาบานได้ว่าเห็นสาวญี่ปุ่นคนนั้นปรายตามองเธออย่างรำคาญนิดหน่อยด้วย ไม่รู้ว่าไปหงุดหงิดอะไรมา
แต่ก็เอาเถอะ ก็ถือว่าหายกันแล้วล่ะ เพราะมัลลิกาเองก็ชอบแอบกลอกตาทุกทีเวลาที่คิซากิ ฮานะชอบพูดและหัวเราะเสียงดังขึ้นมาในห้องราวกับต้องการเรียกร้องความสนใจจากทุกคนให้หันมามองแต่ตัวเอง
อะไรเล่า? ขอล่ะ อย่ามองเธอแบบนั้นสิ เธอมีสิทธิ์ที่จะหมั่นไส้หล่อนไม่ใช่เหรอ เธอเองก็หึงเป็นกับเขาอยู่เหมือนกันนะ
พอนึกถึงสายตาที่ฮานะใช้มองเธอเมื่อกี้ มัลลิกาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ก่อนจะหน้ามืดฉีกถุงคุกกี้ออกแล้วจัดการกินขนมพวกนั้นเสียเอง เหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอต้องเป็นคนจัดการขนมป๊อกกี้กล่องนั้นและอีกสารพัดขนมหลายๆ อย่างที่โบคุโตะหามาให้แล้วฮานะไม่รับไงเล่า
เคี้ยวคุกกี้ไปได้แค่สามครั้งมัลลิกาก็รู้สึกนุ่มฟูตัวลอยขึ้นมาทันตา
อร่อยมาก! คิซากิซังพลาดแล้วล่ะที่ไม่รับคุกกี้ไป พี่สาวของโบคุโตะซังนี่ฝีมือใช้ได้เลยแฮะ ถ้ามีนมสักแก้วมากินคู่กันก็แจ๋วเลย!
โอ๊ย! แจ๋วบ้าแจ๋วบออะไรเล่า! นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะมะลิ!
แล้วแบบนี้ถ้าโบคุโตะซังมาถามอีกเธอจะทำยังไง? โกหกอีกเหรอ แต่เธอไม่อยากโกหกอีกแล้วนะ!
ติ๊ง~
เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือที่มัลลิกาไปซื้อซิมของที่นี่มาใส่แล้วดังขึ้น มือบางหยิบมันออกจากกระเป๋ากระโปรงนักเรียนสีเทาดำก่อนจะพบว่าข้อความที่ถูกส่งนั้นมาจากโบคุโตะ โคทาโร่นั่นเอง
เด็กสาวมองโทรศัพท์ตัวเองราวกับว่ามันเป็นแมลงสาบ
รู้งี้ไม่น่าให้เบอร์เขาไปเลย ไม่สิ โบคุโตะไม่ได้มาขอเบอร์กับเธอตรงๆ เสียหน่อย เขาไปขอมาจากอาคาอาชิอีกทีต่างหาก
Hey Hey Hey:
มะลิ! ให้คุกกี้ฮานะจังไปหรือยังเอ่ย?!
ฮานะจังว่าไงบ้าง?
?
ฮัลโหลมะลิ!
ตอบหน่อยเร้ว!
เด็กสาวกลืนคุกกี้ในปากลงคออย่างยากลำบาก
ถ้าหากเธอบอกความจริงไปเขาจะผิดหวังไหมนะ
ไม่! หยุด! พอได้แล้วมะลิ! เหมือนที่อาคาอาชิบอกไง เธอต้องเลิกโกหกเสียที!
ลา มะลิลา:
คิซากิซังเขาไม่รับน่ะค่ะ
เอาล่ะ เป็นไงล่ะ เธอบอกความจริงไปแล้ว หวังว่าโบคุโตะจะรับได้นะ
กริ๊ง~
เด็กสาวถึงกับสำลักขนมออกมาเสียยกใหญ่
เขาโทรมาทำไมล่ะเนี่ย!
“ฮะ ฮัลโหล”
“มะลิ! ทำไมล่ะ ทำไมฮานะจังถึงไม่รับคุกกี้!” เสียงแปดหลอดดังกระหึ่มมาตามสาย มัลลิกาเกือบจะเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน แถมเธอยังได้ยินเสียงบ่นของอาคาอาชิลอยมาตามสายเบาๆ ด้วยว่า ‘โบคุโตะซัง เรายังซ้อมกันอยู่นะครับ!’
“คือว่า… ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ว่าหนนี้เขาไม่รับจริงๆ”
“แต่ว่าคราวก่อนที่มะลิให้ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ! แถมมะลิยังบอกอีกว่าฮานะจังชอบมาก!”
คำพูดของคนปลายสายเป็นดุจมีดที่บินเข้าแทงอกของมัลลิกาอย่างจัง คำโกหกที่ตัวเองเคยพูดเอาไว้กลายเป็นหอกย้อนเข้าตัวซะงั้น
“ก็ใช่ค่ะ… ฉันบอกคุณไปแบบนั้นจริง แต่ว่า… หนนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ นี่คะ”
“…” ความเงียบจากปลายสายทำเอามัลลิกาลนลาน
“โบ… โบคุโตะซัง ยังอยู่หรือเปล่าคะ”
“…”
“โบคุโตะซังคะ!”
“มะลิจัง นี่โคโนฮะพูดนะ!” เสียงของบุคคลใหม่ดังเข้ามาในสาย
ภาพใบหน้าของเด็กหนุ่มผมยาวปรกหน้าสีบลอนด์หม่นปรากฏขึ้นในหัวของมัลลิกาทันที “ค่ะ! สวัสดีค่ะโคโนฮะซัง”
“จ้าๆ หวัดดีจ้ะ— เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ เมื่อกี้คุยอะไรกับเจ้าโบคุโตะมันงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่ามะลิจังไปหักอกมันเข้าน่ะ!”
“ปละ เปล่านะคะ” อย่างเธอจะไปหักอกอะไรโบคุโตะได้ เขาไม่ได้ชอบเธอเสียหน่อย
“ก็แล้วไป ถึงฉันจะแอบหวังให้มะลิจังหักอกมันอยู่นิดๆ ก็เถอะนะ แล้วสรุปว่าคุยอะไรกันงั้นเหรอ ทำไมไอ้นกฮูกบ้านี่จู่ๆ ก็น้อยใจลงไปนอนแหมะแบบนี้”
“โบคุโตะซังเข้าโหมดน้อยใจอีกแล้วเหรอคะ”
“ช่าย~ อาคาอาชิเรียกให้ไปซ้อมก็ไม่ยอมไป วันนี้ก็มาสายจนถูกโค้ชด่าแท้ๆ แถมอาทิตย์หน้าเราก็ต้องแข่งอินเตอร์ไฮกันแล้ว แต่ไอ้บ้านี่ก็ยังจะกล้าทำตัวเอาแต่ใจเป็นเด็กๆ อีก”
มัลลิกาถึงกับเม้มปากหน้าเสีย ปลายนิ้วมนเคาะโต๊ะถี่รัว
ปากก็บอกว่าจะเลิกโกหกแล้วแท้ๆ แต่พอโบคุโตะซังแสดงอาการงอแงเสียใจให้เห็น อาการไม่สบายใจและนิสัยเสียๆ ของเธอก็กลับเข้ามาเล่นงานอีกจนได้ และกว่าจะรู้ตัวปากเจ้ากรรมก็อ้าปากพูดออกไปก่อนที่เจ้าของอย่างเธอจะรู้ตัวเสียอีก
“โคโนฮะซังช่วยเอาโทรศัพท์ไปแนบหูโบคุโตะซังทีได้ไหมคะ”
“หืม? ก็ได้อยู่หรอกนะ รอแป๊บนะ— เฮ้ย! โบคุโตะ มะลิจังจะคุยด้วย”
เด็กสาวได้ยินเสียงลมพ่นออกมาทางจมูกแรงๆ หนึ่งที เดาว่านั่นคงเป็นอาการงอนของโบคุโตะซังแน่ๆ มัลลิกาเลยถือโอกาสนี้เป็นฝ่ายพูดก่อนเองเสียเลยเพราะรู้ดีว่าอย่างไรเสียโบคุโตะก็จะไม่เปิดปากพูดกับเธอก่อน
“โบคุโตะซังคะ ขอโทษที่ฉันพูดแบบนั้นออกไปนะคะ แต่ว่าเมื่อกี้… คิซากิซังวกกลับมาเอาคุกกี้ไปแล้วล่ะค่ะ”
“…”
“ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้เธอจะหงุดหงิดอะไรสักอย่างอยู่ก่อนแล้ว ส่วนฉันก็เข้าไปคุยกับเธอแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเอง เลยเผลอไปทำให้คิซากิซังเขาหงุดหงิดมากขึ้นน่ะค่ะ”
“…”
“แต่ว่าตอนนี้เธอกลับมาอารมณ์ดีเป็นปกติแล้วนะคะ ตะกี้ก็เข้ามาขอโทษฉันใหญ่เลย แล้วก็รับคุกกี้ไปแล้วด้วย เธอฝากขอบคุณคุณด้วยแหละค่ะ”
“จริงเหรอ…” โบคุโตะยอมเปิดปากพูดกับมัลลิกาในที่สุด
“ค่ะ” ทำไมนะมะลิ… แค่เขายอมกลับมาพูดกับเธอทำไมถึงต้องโล่งใจขนาดนี้ด้วย
“งั้นเหรอๆ งั้นก็ดีแล้วแหละนะ!” น้ำเสียงของโบคุโตะดูดี๊ด๊าขึ้นมาผิดหูผิดตา
“ค่ะ” ช่างแตกต่างกับน้ำเสียงห่อเหี่ยวของมัลลิการาวฟ้ากับเหว
“แล้วฮานะจังได้พูดอะไรอีกหรือเปล่ามะลิ”
มัลลิกาทำหน้างง “มันต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเหรอคะ”
“ก็อย่าง… ฮานะจังได้พูดไหมว่าจะทำขนมหรือไม่ก็ข้าวกล่องมาตอบแทนฉันบ้างอะไรแบบนี้”
เด็กสาวเผลอกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ อีตานี่ได้คืบจะเอาศอกชัดๆ
“งั้นเหรอ คงไม่มีสินะ ฉันก็หวังอะไรไม่เข้าท่า แค่ฮานะจังรับน้ำใจฉันไปก็ดีมากแล้วล่ะ” พอเห็นมัลลิกาไม่ตอบ น้ำเสียงของโบคุโตะก็ดูอ่อนแรงลงไปอีก
“ความจริงแล้ว เมื่อกี้คิซากิซังก็เหมือนจะเปรยๆ อยู่เหมือนกันนะคะว่าต้องหาอะไรทำตอบแทนคุณบ้าง”
“จริงเหรอ!!!”
“ค่ะ” มัลลิกาอยากจะดีดปากตัวเองให้หลุดจริงๆ เลย!
“ฮื้ออออ! ฮานะจังน่ารักที่สุดเลย! ขอบใจมากเลยนะมะลิ! เธอเนี่ยเป็นกามเทพน้อยจริงๆ ด้วยแหละ!”
เด็กสาวยิ้มไม่ออกกับคำชมนั้นด้วยซ้ำ
ได้โปรดอย่าเรียกเธอแบบนั้นเลย
เธอไม่ใช่อะไรทั้งนั้นนอกจากคนขี้โกหกเท่านั้นเอง
_________
“มะลิซังครับ คุณคิดว่าจะปิดผมไปได้อีกนานแค่ไหนกันงั้นเหรอ” อาคาอาชิที่สวมผ้ากันเปื้อนพร้อมด้วยผ้าโพกหัวสีเหลืองสำหรับเรียนวิชาคหกรรมเอ่ยขึ้นมากับบัดดี้สาวที่กำลังบรรจงตักแป้งคุกกี้นิ่มใส่ถาดเป็นรอบที่สอง ทั้งที่ถาดแรกที่เจ้าตัวทำก็ออกมาดูดีน่าทานมากแล้วแท้ๆ
“หมายความว่าไงเหรออาคาอาชิคุง” เด็กสาวถามกลับด้วยใบหน้าใสซื่อ
“ผมหมายความว่า ผมรู้มาตลอดนะครับว่าขนมและข้าวกล่องที่คุณชอบทำเกินมาโรงเรียนบ่อยๆ น่ะ คุณเอาไปให้โบคุโตะซังโดยอ้างว่าคิซากิซังเป็นคนทำมาให้”
มัลลิกาหน้าซีดตัวเย็นที่ถูกอาคาอาชิจับได้ อุตส่าห์นึกว่าปกปิดได้เนียนมากแล้วเสียอีกนะ
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรออาคาอาชิคุง” พอถูกตาคมสีฟ้าครามจ้องเอาอย่างกดดันแบบนั้น มัลลิกาก็ไม่กล้าเฉไฉหรือโกหกกลบเกลื่อนอีก
“ตั้งแต่ที่คุณทำข้าวกล่องมาให้โบคุโตะซังครับ”
มัลลิกาถึงกับคอตก ก็หมายความว่ารู้มาตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิ
“ผมกินข้าวเที่ยงกับคุณทุกวัน ผมจำหน้าตาข้าวกล่องฝีมือคุณได้ครับมะลิซัง”
“ถ้ารู้อยู่แล้วทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ”
“ก็เพราะผมรอให้คุณหยุดและมาสารภาพเองอยู่ไงล่ะครับ แต่เห็นได้ชัดว่าคุณกำลังเพลิดเพลินกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากเชียว คุกกี้ถาดที่สองนี่ก็ตั้งใจจะเอาไปให้โบคุโตะซังอีกใช่ไหม”
“ขอโทษอาคาอาชิคุง” เสียงหวานกล่าวอย่างหงอๆ
เด็กหนุ่มมองคนตัวเล็กที่อายุมากกว่าอย่างอ่อนใจ “บอกผมมาหน่อยได้ไหมครับว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ไหนรับปากผมไว้แล้วไงว่าจะไม่โกหกอีก”
“คือ… ฉันก็พยายามบอกความจริงกับโบคุโตะซังไปหลายทีแล้วเหมือนกัน แต่ว่าเขาเหมือนจะรับไม่ได้แล้วก็โวยวายงอแงใส่ฉันอยู่เรื่อย พอเห็นเขาทำหน้าเศร้าๆ เสียงหงอยๆ ทีไรฉันเป็นต้องใจอ่อนทุกที สุดท้ายเรื่องมันก็เลยกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว”
ได้ฟังอาคาอาชิก็ถอนหายใจออกมา “ผมก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก โบคุโตะซังน่ะ… ไม่ค่อยฟังที่คนอื่นพูดกับตัวเองเท่าไหร่หรอกครับ”
มัลลิกาพยักหน้าหงึกหงัก
“แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำอยู่นี่หรอกนะครับ!”
“ฉันรู้จ้ะ”
“บอกตามตรง ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยที่คุณโกหกมาได้นานขนาดนี้โดยไม่ถูกจับได้”
เด็กสาวยิ้มแหยๆ “จะว่าไงดีล่ะ คือ… โบคุโตะซังเขาไม่ยอมมาเจอหน้าคิซากิซังตรงๆ เสียทีน่ะ”
ได้ยินแบบนั้นอาคาอาชิก็ทำหน้าเมื่อย “ก็จริงนะครับ แถมช่วงที่ผ่านมาทีมผมก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับการแข่งอินเตอร์ไฮด้วย โบคุโตะซังก็เลยไม่ค่อยมีเวลา”
“จริงสิ ว่าจะถามอยู่เชียวว่าแข่งเป็นไงบ้าง”
“เข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายครับ แต่ก็แพ้แหละนะ ไว้รอบฤดูใบไม้ผลิค่อยว่ากันใหม่ครับ” อาคาอาชิตอบแบบหน้าตาย
“เหรอ พยายามเข้านะ”
“อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องครับมะลิซัง!” มือเรียวแข็งแรงเขย่าไหล่บางเบาๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณเคยคิดไหมครับว่าถ้าวันหนึ่งโบคุโตะซังเกิดรวบรวมความกล้าไปหาคิซากิซังได้เมื่อไหร่เรื่องโกหกที่คุณสร้างขึ้นมามันจะแตกเอา”
“ก็… คิด…”
“ตอบมานี่ไม่ได้มีความมั่นใจเลยนะครับ”
“ก็ได้ ฉันไม่ได้คิดเอาไว้หรอก ที่หลอกโบคุโตะซังอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้เขาดีใจเป็นครั้งๆ ไปก็เท่านั้นแหละ”
“มะ-ลิ-ซัง-ครับ”
“ฉันรู้อาคาอาชิคุง! ฉันเป็นคนไม่ดี ฉันมันชอบโกหก!” มัลลิกาด่าตัวเองพร้อมกับตีปากตัวเองเพี๊ยะๆ ไปด้วยจนอาคาอาชิต้องหยุดเอาไว้
“ไปบอกความจริงโบคุโตะซังเถอะครับมะลิซัง นะ”
มัลลิกาหลบตาอาคาอาชิอย่างขี้ขลาด
“ยอมให้เขาโกรธเสียแต่ตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้มันบานปลายนะครับ ช่วงนี้ไม่มีแข่งสำคัญพอดีด้วย มีเวลาให้โบคุโตะซังงอแงฟอร์มตกเหลือเฟือ”
“ก็… ก็ได้” มัลลิกายอมแพ้ในที่สุด ความจริง… เธอเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน
“ดีครับ” อาคาอาชิยิ้มบางๆ อย่างพอใจ ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางเตาอบที่กำลังทำงานอยู่ “ส่วนคุกกี้ถาดนั้นก็เอาไปให้แทนคำขอโทษด้วยแล้วกัน ไหนๆ ก็อุตส่าห์ทำเผื่อแล้วทั้งที”
มัลลิกายิ้มตอบก่อนจะพยักหน้าตกลง
_________
เย็นวันนั้นมัลลิกาเดินตามอาคาอาชิต้อยๆ ไปที่โรงยิมประจำของชมรมวอลเลย์บอลด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามอย่างวิตกกังวล กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอกัดเล็บจนเยินไปหมดก็ตอนที่อาคาอาชิบอกว่าจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้มัลลิกาเข้าไปรอด้านในก่อน
เด็กสาวถอดรองเท้านักเรียนวางเอาไว้ที่ตู้ด้านหน้าแล้วเดินใส่ถุงเท้านักเรียนเปล่าๆ เข้าไปด้านใน เธอก้มหัวโค้งทักทายอาจารย์ยามิจิ ทาเคยูจิที่เป็นผู้กำกับทีมฟุคุโรดานิอย่างสุภาพ เป็นจังหวะเดียวกับที่คาโอริและยูกิเอะวิ่งเข้ามาทักทายเธออย่างคิดถึงพร้อมกับบ่นโอดครวญเรื่องที่มัลลิกาไม่ยอมมาหาพวกเธอที่ห้องม. 6 บ้างเลย
หลังจากที่ยืนคุยกับสาวๆ อยู่สักพัก มัลลิกาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงตระหง่านของโบคุโตะในชุดสำหรับเล่นกีฬาเดินเข้ามาในโรงยิมอย่างร่าเริงเหมือนเคย เช่นเดียวกับที่สมาชิกทีมม. 6 และม. 5 ทยอยเดินตามหลังเขาเข้ามาทีละคนสองคน
มัลลิกาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าให้ตัวเอง มือที่ถือถุงใส่คุกกี้อยู่เหงื่อแตกพลั่กจนต้องคอยเช็ดกับกระโปรงนักเรียนอย่างงุ่นง่าน เธอขอตัวผละจากผู้จัดการทีมทั้งสองก่อนจะเดินเข้าไปหาโบคุโตะอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เอ่อ… โบคุโตะซังคะ”
“หืม? อ้าว! มะลิ! วันนี้ก็มาด้วยเหรอ?!” เด็กหนุ่มผมตั้งทักทายมัลลิกาอย่างคุ้นเคย
“ค่ะ… เอ่อคือว่า…” ดวงตาสีดำล้ำลึกหลุกหลิกไปมา แต่ก็ดันเผลอไปสบตากับอาคาอาชิที่ยืนให้กำลังใจแกมกดดันอยู่ห่างๆ เข้าพอดี หนำซ้ำเจ้าตัวยังโคลงศีรษะส่งซิกมาให้ในทำนองที่ว่า ‘เอาเลยครับ พูดไปเลย’ อีกต่างหาก
“มะลิมีอะไรหรือเปล่า” โบคุโตะเอียงคอถาม
“คือว่า… เรื่องของคิซากิซังน่ะค่ะ”
“ฮานะจังทำไมเหรอ”
“พะ… พวกขนมแล้วก็ข้าวกล่องที่ฉันเคยเอามาให้คุณน่ะค่ะ ของพวกนั้นทั้งหมดไม่ใช่--”
“อ๋อ! จริงด้วย! คุกกี้!”
“คะ?” มัลลิกากะพริบตาปริบๆ อย่างุนงงที่จู่ๆ โบคุโตะก็โพล่งขัดขึ้นมาอย่างเสียงดัง
“ก็วันนี้ฮานะจังจู่ๆ ก็มาดักรอฉันที่หน้าห้องเรียน แล้วเขาก็ให้คุกกี้ฉันมาถุงเบ้อเร่อเลย อันที่เหมือนกับที่มะลิถืออยู่นี่แหละ เขาเรียกว่าอะไรนะ คุกกี้นิ่มใช่ไหม อืม… แต่ของมะลิหน้าตาแอบดูดีกว่าแฮะ อ๊ะ! แต่อย่าไปบอกฮานะจังนะว่าฉันพูดงี้” ท้ายประโยคโบคุโตะยกนิ้วชี้ขึ้นมาที่ริมฝีปากอย่างขี้เล่น แต่มัลลิกาไม่มีอารมณ์มาเขินกับท่าทางน่ารักแบบนั้นของโบคุโตะหรอก เพราะตอนนี้เธอกำลังช็อกอยู่ต่างหาก
แถมพอหันไปหาอาคาอาชิ เธอก็พบว่าบัดดี้ของเธอนั้นก็ตกใจกับเรื่องที่โบคุโตะเล่าไม่แพ้กัน
“ให้เดานะ วันนี้ห้องของมะลิกับอาคาอาชิเรียนวิชาคหกรรมสินะ ใช่ป่าวอาคาอาชิ!” กัปตันทีมหันไปหาเซตเตอร์หนุ่มม. 5
“เอ่อ… ครับ”
“โบคุโตะนี่ก็ดี๊ด๊าอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำแหนะ เมื่อไหร่จะเลิกโม้เรื่องคุกกี้ของฮานะจังเสียทีฮึ?” โคโนฮะยื่นหน้าเข้ามาจิกกัดเพื่อนร่วมทีมอย่างหมั่นไส้
“โคโนฮะ! ไม่เห็นเหรอว่าในที่สุดฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือนฉันแล้ว! ไม่แน่นะ บางทีฉันอาจจะมีลุ้นก็ได้ ไหนๆ ฟุรุโอยะคุงก็มีแฟนไปแล้วนี่นา ก็เท่ากับว่าฮานะจังโสดสนิทแบบไม่มี ‘เพื่อนไม่จริง’ มาคอยขวางแล้วไงเล่า!”
“ฤดูใบไม้ผลิบ้าอะไรก็แก นี่มันเริ่มเข้าหน้าร้อนแล้วต่างหาก”
“ฉันหมายถึงความรักของฉันกำลังผลิบานเหมือนฤดูใบไม้ผลิต่างหากเล่า! โคโนฮะนี่ไม่โรแมนติกเลยนะ!”
“เอาเหอะ! จะคอยดูแล้วกันว่าจะไปได้ไกลสักแค่ไหน”
“ได้เลย!! – ว่าแต่เมื่อกี้มะลิจะคุยเรื่องอะไรกับฉันนะ” โบคุโตะหันมาสนใจมัลลิกาอีกครั้งในที่สุด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กสาวชาวไทยเตรียมใจมาพูดในเย็นนี้กลับถูกทำลายลงอย่างไม่เป็นท่าเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของโบคุโตะเท่านั้น
สมองของเธอแล่นเร็วจี๋เพื่อจะประมวลเรื่องราวทุกอย่างในหัวให้ออก
คิซากิซังไปหาโบคุโตะที่ห้องเรียนแล้วให้คุกกี้ฝีมือตัวเองไป
ฟุรุโอยะคุงมีแฟนแล้ว และจากที่ฟังเมื่อครู่ แน่นอนเลยว่าแฟนคนที่ว่าต้องไม่ใช่เพื่อนหญิงที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กอย่างคิซากิ ฮานะแน่
ก็หมายความว่า… ฮานะจังเริ่มที่จะให้โอกาสโบคุโตะซังแล้วอย่างนั้นเหรอ
“ฮัลโหล มะลิ ยังอยู่หรือเปล่า” โบคุโตะโบกมือเรียกสติคนตัวเล็กไปมา “หรือว่ามะลิตั้งใจจะมาบอกฉันว่าฮานะจังจะเอาคุกกี้มาให้ สงสัยจะไม่ได้เตี๊ยมเรื่องเวลากันเอาไว้สินะ หรือไม่ฮานะจังก็ใจร้อนรีบเอามาให้ฉันเองแล้วไม่ได้บอกมะลิแน่ๆ เลย”
“โบคุโตะซัง พูดเองเออเองเก่งเกินไปแล้วนะครับ” อาคาอาชิที่ยืนนิ่งมานานเอ่ยออกมาอย่างเหน็บแนม
“อาคาอาชิอย่ามาด่ากันสิ! รอมะลิตอบก่อนก็ได้แล้วค่อยมาว่าฉัน!”
“ก็… ตามนั้นแหละค่ะ” เสียงหวานตอบอย่างแผ่วเบา สองตาก็เอาแต่ก้มมองพื้นโรงยิมอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก
ครั้งนี้ถือว่าเธออกหักอย่างเป็นทางการได้หรือยังนะ
“เห็นไหมเล่าอาคาอาชิ เป็นอย่างที่ฉันบอกจริงๆ ด้วย!” โบคุโตะยืดอกอย่างลำพอง “แล้วมะลิจะอยู่ดูพวกฉันซ้อมไหม ที่แวะมานี่ก็เพราะแบบนั้นสินะ!”
“เปล่าค่ะ” เด็กสาวรีบปฏิเสธออกไปเพราะอยากรีบออกไปจากตรงนี้จะแย่อยู่แล้ว
“อ้าว? หรือว่าจะเอาคุกกี้มาให้ฉันหรือเปล่า ฉันยินดีรับไว้ด้วยความเต็มใจเลยนะ เพราะว่าเป็นมะลิไง”
หมอนี่… ชักจะพูดเองเออเองมากเกินไปแล้วนะ
ก็จริงอยู่หรอกที่เธอตั้งใจเอามาให้เขาในทีแรกเพราะอยากให้เป็นของขวัญแทนคำขอโทษที่เธอโกหกเขาเอาไว้ แต่พอเจอโบคุโตะพูดจ้อไม่หยุดแบบนี้มัลลิกาก็เปลี่ยนใจหันไปหาโคโนฮะที่กำลังกอดอกดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ แทน
“คุกกี้นี้ฉันให้โคโนฮะซังค่ะ”
“เอ๋? จริงเหรอ? ถามจริง? มะลิจังงงง~” ดูเจ้าตัวจะดีใจแฮะที่ได้ขนม
“แบ่งกันทานกับทุกคนในทีมก็ได้นะคะ”
“อ่ะ… อืม จ้ะ” คนที่เพิ่งได้คุกกี้จากสาวน้อยหน้าแห้งทันทีที่ถูกบอกแบบนั้น
“อาคาอาชิคุง ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
“เอ่อ… ครับ กลับดีๆ นะครับ” บัดดี้หนุ่มไม่ได้คิดจะรั้งตัวอีกฝ่ายเอาไว้แต่อย่างใด แถมดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องที่ตั้งใจให้มัลลิกามาสารภาพผิดไปเสียสนิท
_________
T A L K
ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้อัปวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ได้อัปจนได้ค่ะ ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ ;-;
เขียนตอนนี้ก็แอบเครียดนะคะ แต่งลบไปหลายรอบมาก จะว่ายังไงดีล่ะ มะลิก็ผิดนะที่โกหก แต่คุณโบนี่ก็พูดเองเออเองเก่งมาก พูดเยอะและพูดเสียงดังจนไม่เหลือช่องให้คนอื่นเขาบอกหรืออธิบายเรื่องที่ต้องการจะพูดเลย ถ้าพูดให้เห็นภาพก็คือโบคุโตะเหมือนลำโพงดังกระหึ่มแต่มะลิเป็นพิณที่เสียงเบาๆ นุ่มๆ น่ะค่ะ เลยกลายเป็นว่าโบคุโตะเหมือนไม่มีใจจะฟังมะลิพูด และเสียงของมะลิก็ไปไม่ถึงคุณโบด้วย บวกกับที่มะลิเป็นคนเงียบๆ และใจเสาะ สุดท้ายก็เลยไม่ได้บอกความจริงเสียที แถมฮานะจังก็เหมือนจะให้โอกาสคุณโบแล้วด้วย อีรุงตุงนังขึ้นไปอี้กกก T__T
แล้วก็ ในฟิคเราให้คุณโบมีพี่สาวสองคนนะคะ เราบังเอิญไปเจอทฤษฎีของ fanon หนึ่งที่บอกว่าโบคุโตะน่าจะมีพี่สาวสองคน อ่านแล้วชอบคอนเสปต์นี้มากเลยให้คุณโบมีพี่เสียเลย ส่วนมะลิก็มีฝาแฝดค่ะ เป็นแฝดชายหญิง จริงๆ เคยแอบบอกเอาไว้แล้วตอนหนึ่งด้วยนะว่ามะลิมีแฝด เพิ่งจะได้มาคอนเฟิร์มจริงๆ ก็ตอนนี้นี่แหละค่ะ ฮา
เจอกันตอนหน้านะคะ
#มะลิกับนกฮูก
sun&moon
15.04.2021
ความคิดเห็น