ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Haikyuu!! - 縁と浮世は末を待て (Bokuto x oc) END

    ลำดับตอนที่ #5 : 木マリ (3) - ‘ไอซ์อเมริกาโน่ ไม่ใส่ไซรัปแก้วหนึ่งครับ!’ – โบคุโตะ

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 64




    Haikyuu!!

    縁と浮世は末を待て



    Haikyuu!!

    Bokuto x oc




    ***** Warning: มีการสปอยล์เนื้อหาในมังงะ



    (4)

    ‘ไอซ์อเมริกาโน่ ไม่ใส่ไซรัปแก้วหนึ่งครับ!’

    – โบคุโตะ


         เอาล่ะ มาทบทวนกันก่อนว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น


         พวกอัตสึมุ ฮินาตะและซาคุสะชวนโบคุโตะไปทานมื้อค่ำและดื่มสังสรรค์กันนิดๆ หน่อยๆ ที่ร้านคิวเคเจ้าประจำเพราะเห็นว่าเมื่อวานเขาถูกโค้ชดุที่ไม่มีสมาธิกับการซ้อมเท่าไหร่ ตอนที่ตอบตกลงไปนั้นชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีอำพันไม่ได้ตั้งใจที่จะดื่มอะไรมากมายอยู่แล้ว กะว่าจะดื่มนิดเดียวให้ร่างกายพออบอุ่นเฉยๆ เท่านั้นเพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังอยู่ในช่วงเก็บตัวซ้อมเพื่อนเตรียมแข่ง แต่แล้วเหตุการณ์บังเอิญก็เกิดขึ้นอีกจนได้เมื่อมัลลิกากับเทรนเนอร์ทีมใหม่ดันมาทานมื้อค่ำที่ร้านเดียวกันกับพวกเขา! ความประหม่าบวกกับความตื่นเต้นที่มีทำให้โบคุโตะเผลอดื่มเบียร์ไปหลายแก้วมากจนสุดท้ายก็เมาแอ๋ในที่สุด


         หลังจากเมาจนได้ที่ โบคุโตะก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไปแล้ว แถมที่ตื่นได้ก็เป็นเพราะฮินาตะที่เป็นรูมเมทมาปลุกอีกต่างหาก หัวก็ปวดจี๊ดจนแทบจะระเบิด แต่อย่างน้อยโบคุโตะก็สามารถลุกขึ้นมาอาบน้ำและแต่งตัวเตรียมไปซ้อมได้แหละนะ แถมยังเหลือเวลามากพอให้ไปต่อแถวซื้อกาแฟร้านดังที่มาเปิดอยู่ฝั่งตรงข้ามของสโมสรได้อีกด้วย


         ว่าแต่… นี่เขาคงไม่ได้เมาค้างจนฟุ้งซ่านไปเองใช่ไหมที่รู้สึกว่าเช้านี้พวกเพื่อนๆ ในทีมมองเขาแปลกๆ ยังไงพิกล อัตสึมุทำท่าราวกับจะถามอะไรเขาสักอย่างอยู่หลายรอบ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตัวถอดใจเลิกถามไปเองก็จะเป็นโอมิคุงที่ห้ามอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยการเตะหน้าแข้งขัดคอเอาไว้เสียก่อน


         “โอ๊ะ! Joshua-san, Mali-san, good morning!” ฮินาตะที่ได้ช็อกโกแลตปั่นแก้วใหญ่มาดื่มสมใจแล้วกล่าวทักทายนักโภชนาการกีฬากับโค้ชเทรนนิ่งคนใหม่ของมุสึบิเสียงดังเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงดีฟังชัดสุดๆ


         “Oh! Good morning Shoyo!” ฝรั่งผมทองตาฟ้าทักทายตอบอย่างเป็นกันเองและดูสนิทสนมกันอย่างไม่น่าเชื่อ และที่พีคกว่าก็คือโจชัวดันหันไปทักทายอัตสึมุกับซาคุสะที่กำลังยืนรอกาแฟของตัวเองอยู่ด้วยเนี่ยสิ! “Tsumu-kun! Omi-kun! Did you sleep well last night?”


         โบคุโตะตาโตกับชื่อเล่นที่โจชัวใช้เรียกสองหนุ่มนั่น


         ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนั่นน่ะ? แถมสองคนนั้นก็ดูไม่ได้หัวเสียอะไรด้วยที่ถูกเรียกด้วยชื่อเล่นแบบนั้น


         แปลก… แปลกมากๆ กว่าโบคุโตะจะเรียกสองคนนั้นด้วยชื่อเล่นแล้วไม่ถูกทำหน้าบูดใส่ก็กินเวลาตั้งหลายเดือน เผลอๆ ตอนนี้ก็ยังแอบมีหน้าหงิกใส่อยู่บ้างด้วยซ้ำ


         ต้องมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนแน่ๆ ฮินาตะบอกว่าเมื่อคืนเขาเมาจนสลบไปเลยนี่นา! แล้วไอ้ตอนที่สลบน่ะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะเนี่ย?!


         “โบคุโตะซังคะ” เสียงเรียกอ่อนหวานนุ่มนวลจากมัลลิกาทำเอาร่างสูงและใหญ่โตสะดุ้งโหยงอย่างน่าขัน


         “อะ… อรุณสวัสดิ์มะลิ!” โบคุโตะทำเป็นยิ้มแย้มและทักทายกลบเกลื่อนท่าทีพิลึกพิลั่นของตัวเองอย่างเต็มที่


         ใบหน้าหวานหยดมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างมาก “ปวดหัวหรือเปล่าคะ เมื่อคืนคุณ…”


         “ลูกค้าท่านต่อไปเชิญค่ะ ไม่ทราบวันนี้จะรับอะไรดีคะ” พนักงานรับออเดอร์ส่งเสียงขัดขึ้นมาเสียก่อนทำให้โบคุโตะต้องรีบหันไปสั่งเครื่องดื่มของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้


         “เอาคาราเม…” ปากกำลังจะสั่ง ‘คาราเมลเฟรปเป้ ไซส์แอล’ ซึ่งเป็นเมนูประจำอยู่แล้วเชียว แต่จู่ๆ โบคุโตะก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆ กลางคัน หางตาเหลือบไปมองมัลลิกาที่กำลังยืนเงียบๆ ต่อคิวอยู่ด้านหลังในระยะประชิด ชายหนุ่มหลุกหลิกอยู่สักพัก ก่อนที่ดวงตากลมโตสีทองจะรีบกวาดมองชื่อเมนูกาแฟทั้งหลายที่อยู่บนป้ายด้านบนอย่างเร็วจี๋แล้วเปลี่ยนเมนูใหม่ทันทีเมื่อตัดสินใจได้ “เอาไอซ์อเมริกาโน่ ไม่ใส่ไซรัป ไซส์แอลแก้วหนึ่งครับ!”


         พนักงานสาวยิ้มตามมารยาท “ค่ะ ไอซ์อเมริกาโน่ ไม่ใส่ไซรัป ไซส์แอลหนึ่งแก้วนะคะ ทั้งหมด 250 เยนค่ะ”


         โบคุโตะยื่นเงินให้กับหล่อนไปแถมยังเผลอเก๊กทำหน้าเข้มสุดเท่แบบไม่จำเป็นอีกต่างหาก


         อย่าได้ไปบอกใครเชียวว่าที่สั่งกาแฟดำไปเมื่อกี้ก็เพราะอยากจะทำตัวเป็นหนุ่มคูลดื่มกาแฟดำขมๆ ต่อหน้าสาวเท่านั้นแหละ แต่ความจริงก็คือ เกิดมาจนอายุยี่สิบสี่เข้าไปแล้ว แต่นายโบคุโตะ โคทาโร่คนนี้กลับยังไม่เคยลองกินกาแฟดำเพียวๆ แบบที่สั่งไปเลยสักครั้ง ดังนั้นครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้ประเดิมเลยล่ะ


         กินได้ไหมไม่รู้ รู้แต่ว่าต้องเท่ต่อหน้ามะลิไว้ก่อน!


         ก็แหม! เขาน่ะออกจะเท่ไปหมดทุกอย่าง เสื้อผ้าในตู้ก็เน้นไปทางสีดำ เทาและก็ขาว รถที่ขับก็เป็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่สุดเท่ แถมยังเป็นนักกีฬาดาวรุ่งขวัญใจมหาชนอีก จะมาดื่มคาราเมลเฟรปเป้หวานๆ ได้ยังไงเล่า! ไม่เข้าพวกอย่างแรง!


         “ลูกค้าท่านต่อไปเชิญค่ะ” พนักงานคนเดิมหันไปให้ความสนใจลูกค้าคิวถัดไป ซึ่งก็คือมัลลิกานั่นเอง


         “เอ่อ… เอาคาราเมลเฟรปเป้ไซส์แอลค่ะ”


         เอ้า! โบคุโตะถึงกับหันไปมองมัลลิกาคอแทบหัน


         เขากับมะลิชอบกินกาแฟแบบเดียวกันเหรอเนี่ย?!


         คิดได้แบบนั้นโบคุโตะก็แอบทำหน้าหงอยน้อยใจตัวเองที่คิดมากไม่เข้าท่า แกนะแก! ทำเท่บ้าอะไรก็ไม่รู้ กินกาแฟดำเข้มๆ ไม่เห็นจะดีเท่ากับกินคาราเมลเฟรปเป้เหมือนกับมะลิเลยสักนิด! ขอเปลี่ยนตอนนี้จะทันไหมเนี่ย!


         “โบคุโตะซังคะ เรื่องที่ฉันถามเมื่อกี้น่ะ…” หลังจากที่จ่ายเงินค่ากาแฟเสร็จมัลลิกาก็วกกลับมาคุยเรื่องเดิมที่ค้างเอาไว้ต่อทันที


         “หา? เอ่อ… เรื่องอะไรงั้นเหรอมะลิ” โบคุโตะพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดทั้งที่ในใจนั้นกำลังเต้นโครมครามและประหม่าเป็นอย่างมากจนแทบไม่ได้สังเกตเลยว่าสามหนุ่มเพื่อนร่วมทีมกำลังมองมาทางเขาอย่างสนอกสนใจเกินเหตุ


         “เรื่องเมื่อคืนน่ะค่ะ ที่ร้านคิวเค” มัลลิกาเท้าความ “เรายืนคุยกันอยู่ดีๆ แล้วคุณก็วูบไปเลย คุณโอเคดีไหมคะเช้านี้”


         โบคุโตะชะงักไป


         เขา… ไปคุยกับมะลิตอนไหนกัน?


         แต่เดี๋ยวก่อน จะว่าไปสถานการณ์ตอนนี้มันก็แปลกๆ อยู่นะ เขาจำไม่เห็นได้เลยว่าเมื่อวานตัวเองเข้าไปทักทายหรือปรับความเข้าใจกับมัลลิกาแล้วตอนไหน สถานการณ์ของพวกเขามันควรจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากกว่านี้สิ แต่นี่มัลลิกากลับดูเข้าหาเขาได้ง่ายดายจัง


         “ดูท่าหมอนี่จะจำอะไรไม่ได้นะมะลิซัง” อัตสึมุเอ่ยแทรกขึ้นมา ก่อนจะวาดแขนโอบรอบบ่ากว้างของโบคุโตะเอาไว้หลวมๆ “ฟังนะไอ้นกฮูก ฉันจะเท้าความสั้นๆ ให้ฟังจะได้ไม่ตกข่าว เมื่อคืนแกเมามาก แล้วไปทำอีท่าไหนไม่รู้ถึงได้สลบไปตอนออกไปสูดอากาศที่นอกร้าน มะลิซังตะโกนร้องให้ช่วยเสียงดังจนคนทั้งร้านแห่กันออกมาดูเชียวล่ะ”


         “หา?! ฉะ… ฉัน… เป็นลมไป… ต่อหน้ามะลิงั้นเหรอ?” โบคุโตะถามตะกุกตะกักอย่างอับอาย


         “ค่ะ… คุณจำไม่ได้เลยเหรอคะ” มัลลิกาถามเสียงเบา หญิงสาวหลบตาไม่ยอมมองอีกฝ่ายตรงๆ พวงแก้มก็ซับเป็นสีแดงเรื่ออย่างน่าสงสัย


         “โห! โบคุโตะซังหน้าแดงมากเลยครับ” ฮินาตะกล่าวอย่างสังเกตพลางดูดเครื่องดื่มหวานเย็นในมือไปด้วยสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อนอะไร


         “หึ! ก็ควรจะอายอยู่หรอกนะโชโยคุง สภาพมันเมื่อคืนน่ะน่าดูชมเสียเมื่อไหร่ เล่นนอนแผ่ทับตักมะลิซังเสียขนาดนั้นนี่เนอะ ฮ่าๆๆ” อัตสึมุยังคงสาธยายเรื่องน่าอับอายเมื่อคืนไม่หยุด


         พอฟังอีกฝ่ายเล่ามาถึงตรงนี้โบคุโตะก็เริ่มจะจำเหตุการณ์ก่อนที่ภาพจะตัดไปเมื่อคืนได้ขึ้นมาแล้ว



         เมื่อคืนหลังจากที่ดื่มเบียร์ไปหกแก้ว เขาก็เริ่มมึนจนต้องขอออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ไม่นึกเลยว่าพอเดินพ้นประตูร้านออกมาไม่เท่าไหร่ก็ต้องเจอกับมะลิที่ยืนพิมพ์ข้อความใส่โทรศัพท์อยู่เข้าพอดี กว่าจะรู้ตัวเขาก็เผลอตะโกนเรียกชื่อเธอออกมาซะดังลั่น


         ใช่แล้วนี่แหละจุดเริ่มต้นของบทสนทนาแรกในรอบห้าปีของพวกเขา! แม้จะอิหลักอิเหลื่ออยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าได้คุยแหละนะ แต่นั่นยังไม่ใช่จุดที่พีคที่สุด! เพราะโบคุโตะยังนึกขึ้นมาได้อีกเรื่อง นั่นก็คือสองประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับมัลลิกาก่อนที่จะวูบไป



         ฉันคิดถึงมะลินะ



         ดีใจมากๆ เลยที่มะลิสบายดี



         เหมือนมีเสียงระเบิดดังบึ้มขึ้นในหัว เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อกี้มะลิถึงหน้าแดง! ถ้ามีรูล่ะก็โบคุโตะจะขอแทรกตัวมุดเข้าไปหลบอยู่ในนั้นตลอดชีวิต!


         “มะลิซังน่าสงสารจริงๆ ตัวแกก็ไม่ใช่เล็กๆ ดีนะแข้งขาคุณเขาไม่หักน่ะ” อัตสึมุก็ยังคงทับถมเจ้านกฮูกต่อไปตามประสาคนนิสัยไม่ดี “โอมิคุงก็ใจร้ายพอกัน ไม่คิดจะช่วยแบกเจ้านกฮูกนี่บ้างเลย ปล่อยให้ฉันกับโชโยคุงแบกหัวแบกท้ายกันอยู่แค่สองคน”


         “เรื่องอะไรล่ะ ฉันไม่จับตัวใครสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกนะ” ซาคุสะแหวใส่พร้อมกับทำหน้ารังเกียจไปทางโบคุโตะอย่างไม่ปิดบัง

         

         “พอเถอะค่ะมิยะซัง ฉันเป็นห่วงโบคุโตะซังจริงๆ นะคะ” เสียงหวานเนิบนาบดูใจเย็นของมัลลิกาส่งเสียงห้ามปราบเซตเตอร์ตัวแสบนิ่มๆ แต่น่าแปลกที่มันกลับได้ผลชะงัด ส่วนโบคุโตะจากที่อายๆ อยู่พอได้ยินสาวเจ้าพูดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเผลอกลั้นยิ้มออกมาจนหน้าเบี้ยว


         มะลิเป็นห่วงเราด้วยล่ะ!


         “ปกติเจ้านี่ก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่ต้องไปห่วงอะไรมันมากนักหรอก” ซาคุสะที่เพิ่งไปรับอเมริกาโน่ของตัวเองมาเอ่ยขึ้น


         “งั้นเหรอคะ”


         “ใช่ อีกอย่างเมื่อคืนเล่นดื่มไปตั้งหกแก้วแบบนั้น ไม่น็อกก็แปลกแล้ว”


         พอซาคุสะพูดจบ มัลลิกาก็หันมาจ้องหน้าโบคุโตะอีกครั้งด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง “ทำไมถึงดื่มมากขนาดนั้นล่ะคะ วันนี้คุณมีซ้อมแท้ๆ นะ”


         ชายหนุ่มอยากจะตอบไปเหมือนกันว่าเพราะเธอนั่นแหละเขาถึงได้ดื่มจนเมา แต่มาคิดอีกทีมันก็ไม่ใช่ความผิดของมัลลิกาเสียหน่อย เขาผิดเองล้วนๆ ที่เลือกที่จะดื่มเพื่อหนีปัญหาเองแบบนั้น


         “โทษทีมะลิ จากนี้ฉันคง… ไม่ดื่มแล้วล่ะ”


         “ฉันไม่ได้บอกให้คุณเลิกดื่มค่ะ” หญิงสาวหน้าหวานแย้งขึ้นมา “คุณดื่มได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณให้เหมาะสมและไม่ส่งผลต่อร่างกายในทางลบค่ะ เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนคุณดื่มมากเกินไปจริงๆ”


         “อะ… อืม เข้าใจแล้วล่ะ” ชายหนุ่มเผลอยกมือขึ้นลูบท้ายทอยอย่างวางตัวไม่ถูก


         มัลลิกาพูดจาฉะฉานเด็ดขาดได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ถึงน้ำเสียงจะยังเนิบนาบและหวานจ๋อยเหมือนเดิมก็เถอะ แต่แววตาสีดำล้ำลึกคู่นี้น่ะสิที่ดูดุเสียจนต้องเชื่อฟัง


         “ไอซ์อเมริกาโน่และคาราเมลเฟรปเป้ได้แล้วค่ะ” บาริสต้าสาววางเครื่องดื่มของโบคุโตะและมัลลิกาลงบนเคาน์เตอร์พร้อมกับประกาศออกมาอย่างเสียงใส


         “โบคุโตะ นายดื่มกาแฟดำตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” อัตสึมุถามทันทีที่เห็นโบคุโตะเดินไปรับแก้วใส่กาแฟสีน้ำตาลดำมาถือเอาไว้


         “ฉันดื่มแบบนี้มานานแล้วหรอกสึมุ!” โบคุโตะโกหกคำโต


         “ไม่นะ นายชอบบอกว่ากาแฟดำมันขม แล้วก็จะดื่มแต่กาแฟที่ใส่คาราเมล นมและไซรัปเยอะๆ มากกว่าไม่ใช่เหรอ”


         “โบคุโตะซังอาจจะเลือกดื่มกาแฟดำวันนี้เพราะว่าเมาค้างล่ะมั้งคะมิยะซัง” มัลลิกาแก้ตัวแทนโบคุโตะอย่างหน้าซื่อตาใส


         “หา?” หนุ่มผมทองขมวดคิ้วงงงวย


         “ก็เมื่อคืนโบคุโตะซังดื่มจนเมาหนักมาก เช้านี้ก็เลยต้องดื่มกาแฟดำขมๆ แก้แฮงค์ไงคะ ถ้าดื่มกาแฟหวานๆ ใส่นมเยอะๆ ล่ะก็แสลงแย่ ใช่ไหมคะโบคุโตะซัง” มัลลิกาไม่ถามเปล่าแต่ยังส่งยิ้มหวานๆ มาให้ชายหนุ่มผมชี้ตั้งข้างตัวอีกต่างหาก


         แล้วโบคุโตะจะไปปฏิเสธอะไรได้!


         “อะ… อื้ม! ใช่แล้วล่ะ! เป็นแบบที่มะลิบอกเลย!”


         ตอแหลชัดๆ อัตสึมุด่าในใจ


         และเพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม โบคุโตะเลยจัดการดูดกาแฟดำในมือไปอึกใหญ่เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนว่าเขานั้นสามารถดื่มกาแฟดำได้จริงๆ แต่พอดื่มเข้าไปแล้วก็ต้องหลับตาปี๋ก่อนจะกลั้นใจกลืนมันลงไปอย่างยากลำบาก รสขมฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งปากและลำคอจนแทบจะแลบลิ้นแหวะออกมา


         ขมโคตร! ขมมากๆ มีคนกินของขมๆ แบบนี้เข้าไปได้ยังไงเนี่ย!!!


         “อาจจะขมสักหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยแก้แฮงค์ได้ดีนะคะ” มัลลิกากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มหวานหยด เล่นเอาโบคุโตะรู้สึกนุ่มฟูข้างในอกจนลืมขมเป็นปลิดทิ้ง


         ทำไมวันนี้มะลิยิ้มพร่ำเพรื่อจัง! เขาจะบ้าตายอยู่แล้วนะ!


         “มะลิจัง ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันประชุมกับบอสนะ” โจชัวที่ได้กาแฟของตัวเองมาแล้วตะโกนเรียกมาจากประตูร้าน


         “ไปแล้วค่ะโจ— งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวหันมากล่าวลาหนุ่มๆ นักกีฬาสี่คนอย่างเป็นกันเอง


         “พยายามเข้านะครับมะลิซัง!” ฮินาตะให้กำลังใจอย่างร่าเริง


         “จ้ะ— เอ้อ! จริงสิคะโบคุโตะซัง” ไม่วายมัลลิกาก็หันมาพูดกับโบคุโตะอีกครั้งจนได้ “ที่แคนทีนวันนี้มีสเต๊กเนื้อลูกเต๋านะคะ”


         พอได้ยินว่ามีเนื้อย่างของโปรดโบคุโตะก็รู้สึกน้ำลายสอขึ้นมาทันที


         “แล้วมีหมูผัดขิงไหมครับมะลิซัง!” ฮินาตะถามแทรกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น


         “เอ้อ… วันนี้ไม่มีหรอกจ้ะ เพราะมีโปรตีนจากเนื้อแล้วก็เลยไม่ได้เพิ่มเมนูเนื้อหมูเข้าไปน่ะ” มัลลิกาสั่นศีรษะพร้อมกับยิ้มบางๆ เป็นเชิงขอโทษมาให้


         “เห… งั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มตัวเล็กทำหน้าหงอยๆ


         “อยากกินหมูผัดขิงเหรอฮินาตะคุง” นักโภชนาการสาวถาม


         “ครับ คิดถึงหมูผัดขิงของมะลิซังมากเลย”


         มัลลิกาหัวเราะเบาๆ “เอาไว้เป็นอาทิตย์หน้าแล้วกันนะ ฉันจะบอกรุ่นพี่ฮอนโดให้ลองแทรกเมนูเข้าไปให้”


         “จริงเหรอ? ขอบคุณมากครับ!”


         “ยังไงก็… ถ้าพักแล้วก็อย่าลืมมาทานสเต๊กเนื้อกันนะคะ โบคุโตะซังด้วยนะ” มัลลิกาหันมายิ้มให้โบคุโตะอีกครั้งก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับโจชัวในที่สุด ทิ้งให้เจ้านกฮูกตาโตยืนหายใจติดขัดอยู่ด้านหลังกับเพื่อนร่วมทีมอีกสามคนตามลำพัง


         “ใช่จริงๆ ด้วยสินะ” เสียงเจ้าเล่ห์ของอัตสึมุดึงสติของโบคุโตะให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้ง


         ตากลมสีทองหลุกหลิกไปมา “พะ พูดเรื่องอะไรเหรอสึมุ”


         เซตเตอร์หนุ่มของมุสึบิยิ้มกริ่ม “คืองี้นะ ฉันกับโอมิคุงมีทฤษฎี--”


         “หมายถึงทฤษฎีของฉันคนเดียวหรือเปล่ามิยะ” ซาคุสะขัดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและไม่ยอมแตะกาแฟในมือตัวเองสักจิบเดียว ถ้าหากไม่เข้าไปในตัวอาคารล่ะก็ซาคุสะจะไม่เปิดหน้ากากอนามัยที่สวมอยู่ออกเด็ดขาด


         “จะของใครก็ช่างเถอะโอมิคุง!” อัตสึมุโวยก่อนจะกระแอมแล้วกลับไปทำหน้าจริงจังแกมเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม “เอาเป็นว่า พวกฉันมีทฤษฎีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า ‘มะลิ’ ที่นายชอบเพ้อถึงตอนเมากับ ‘มะลิซัง’ นักโภชนาการกีฬาคนใหม่ของทีมเราจะเป็นคนคนเดียวกันน่ะสิ!”


         โบคุโตะอ้าปากพะงาบๆ


         “และเหตุการณ์เมื่อคืนกับท่าทีของพวกนายสองคนในเช้าวันนี้ก็ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าทฤษฎีของพวกเรานั้นเป็นความจริง”


         “เอ่อ…”


         “ไม่ต้องเสียเวลาโกหกกลบเกลื่อนเลยโบคุโตะ เมื่อคืนมะลิซังเล่าให้เราฟังหมดแล้วว่าเขาเคยมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่โรงเรียนเก่าของนายเมื่อห้าปีก่อน และเขาก็รู้จักกับนายดีเสียด้วย!”


         “เรื่องนี้ผมยืนยันได้ครับ ผมเคยเจอมะลิซังตอนที่เธอมาช่วยทำบาร์บีคิวให้เรากินตอนไปเข้าค่ายเก็บตัวซ้อมกับฟุคุโรดานิและเนโกมะที่โตเกียวเมื่อหน้าร้อนตอนม. 4 แถมคราวที่ผมป่วยตอนแข่งฮารุโคก็ได้มะลิซังทำข้าวต้มให้กินด้วย”


         “กู้ดจ๊อบโชโยคุง!” อัตสึมุยกนิ้วโป้งให้น้องใหม่ของทีม “ที่สำคัญนะโบคุโตะ เมื่อคืนโอมิคุงไลน์ไปถามอาคาอาชิคุงให้แล้วด้วย รายนั้นเขาคอนเฟิร์มแล้วว่าเป็นเรื่องจริง!”


         “แกบังคับฉันให้ไลน์ไปถามเคจิคุงเองหรอก” ซาคุสะทำหน้าเมื่อย


         “แหมโอมิคุง ตัวนายเองก็อยากรู้เหมือนกับฉันนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ยอมบ้าจี้ถามให้หรอก”


         “เอาเหอะ” หนุ่มผมดำหยักศกกลอกตา


         “แต่ผมไม่รู้เลยนะว่าโบคุโตะซังกับพี่สาวผมยาวตาหวานคนนั้นจะเคยปิ๊งกันมาก่อน ตอนเข้าค่ายดูไม่มีวี่แววอะไรเลยแท้ๆ” ฮินาตะเอ่ยอย่างนึกสงสัย


         “ระ… เรื่องนั้นน่ะ…” โบคุโตะพยายามจะอธิบายและแก้ตัวแต่ก็ถูกอัตสึมุพูดแทรกอีกแล้ว


         “แหมโชโยคุง เห็นแบบนี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ก็หมายความว่าความรักครั้งนั้นมันไม่สมหวังยังไงล่ะ! ดูก็รู้ว่าโบคุโตะเป็นฝ่ายหลงรักมะลิซังข้างเดียวมาตลอดแต่สาวเจ้าเขาไม่เล่นด้วย” นิยายของอัตสึมุทำเอาโบคุโตะคิ้วกระตุกนิดๆ ด้วยความยั้วะ


         “อืม… แต่ผมว่าไม่ใช่หรอกนะมิยะซัง” ฮินาตะเถียง


         “หืม? ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะโชโยคุง”


         “มิยะซังไม่ได้ยินที่มะลิซังพูดกับโบคุโตะซังเมื่อกี้เหรอครับ”


         เซตเตอร์หนุ่มขมวดคิ้ว “เรื่องสเต๊กเนื้อลูกเต๋าน่ะเหรอ”


         “ครับ!” เจ้าของเรือนผมชี้ฟูสีส้มพยักหน้า “จู่ๆ มะลิซังจะพูดเรื่องของกินที่แคนทีนกับโบคุโตะซังขึ้นมาทำไมถ้าไม่ใช่เพราะเธอจำได้ว่าโบคุโตะซังชอบกินเนื้อย่าง!”


         อัตสึมุอ้าปากหวอ ในขณะที่ซาคุสะก็ทำสีหน้าเหมือนถึงบางอ้อและพยักหน้าสนับสนุนเหตุผลของฮินาตะเงียบๆ


         “ผมว่าจริงๆ แล้วมะลิซังเองก็คงจะใส่ใจโบคุโตะซังอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ ล่ะมั้งครับ— ใช่ไหมครับโบคุโตะซัง!”


         คนตาโตสีทองเหมือนนกฮูกหลุบตาก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม “คือว่า… จริงๆ แล้วที่สึมุกับฮินาตะพูดมาก็มีทั้งส่วนที่ถูกและส่วนที่ผิดนั่นแหละ”


         สามหนุ่มตาโตอย่างแปลกใจ โดยเฉพาะอัตสึมุและซาคุสะ เพราะต่างคนต่างก็ไม่คิดว่าโบคุโตะจะยอมอ้าปากเล่าเรื่องของตัวเองกับสาวปริศนาที่ชื่อว่า ‘มะลิ’ ออกมาในที่สุด


         “ถ้าจะลำดับเหตุการณ์ให้ถูกก็ต้องบอกว่า มะลิเป็นฝ่ายชอบฉันก่อน… นั่นแหละนะ” โบคุโตะเอ่ยต่อ มือใหญ่หมุนแก้วกาแฟพลาสติกในมือเป็นวงกลมไปมาอย่างใจลอย


         “เอ๋?! ไม่จริงน่า” อัตสึมุร้องออกมาเบาๆ


         “แต่สึมุก็พูดถูกอยู่อย่างหนึ่งนะ ที่ว่าเรื่องของฉันกับมะลิในตอนนั้นไม่ใช่ความรักที่สมหวังน่ะ”


         คุณพระ! หลังจากที่พยายามหลอกถามมานาน วันนี้เจ้านกฮูกมันยอมพูดแล้วจริงๆ ว่ะ! อัตสึมุตาถลนอย่างตื่นเต้นก่อนที่สองมือจะคว้าหมับเข้าที่ไหล่กำยำของเพื่อนร่วมทีมเอาไว้แน่น


         “โบคุโตะ! เรายังพอมีเวลาเหลืออยู่นะ มานั่งนี่มา แล้วก็เล่าทุกอย่างให้เราฟังทั้งหมดเลย นะ!” พูดเสร็จก็ลากเจ้านกฮูกไปนั่งที่โต๊ะตัวยาวในร้านกาแฟเองเสร็จสรรพ


         “มิยะ นี่แกอยากเสือกมากเกินไปหรือเปล่า” ซาคุสะพ่นวาจาประหนึ่งยาพิษใส่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์


         “โอมิคุง! รู้นะว่าตัวเองก็อยากฟัง ไม่ต้องมาโบ้ยให้ฉันเป็นคนขี้เสือกคนเดียวเลย!”


         “เราจะไม่ไปวอร์มอัพก่อนซ้อมกันเหรอครับ เดี๋ยวโค้ชก็ด่าเอาหรอก” ฮินาตะถามพวกรุ่นพี่อย่างเลิ่กลั่ก


         “เวลายังเหลือแหล่น่าโชโยคุง! มานั่งนี่มา ไม่อยากรู้เหรอว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างโบคุโตะและมะลิซังของนายน่ะ” แทนที่จะฟังที่ฮินาตะเตือน กลับชวนน้องใหม่มาเข้าแก๊งเผือกชีวิตโบคุโตะด้วยอีกแหนะ!


         “คือว่า… เรื่องมันออกจะงี่เง่านะพวกนาย” ไหนๆ อัตสึมุกับซาคุสะก็ฉลาดพอจนสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้เองไปตั้งครึ่งขนาดนี้ แถมฮินาตะเองก็รู้จักมะลิอยู่แล้วด้วย โบคุโตะจึงไม่เห็นเหตุผลที่จะเก็บงำเรื่องราวเมื่อตอนม. ปลายเอาไว้อีกเหมือนเมื่อก่อน


         “แหม พวกฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากนายเยอะอยู่แล้วล่ะโบคุโตะ” อัตสึมุหัวเราะใส่อย่างใจร้าย


         คิ้วเข้มสีเทาขมวดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอยากจะมีเรื่องกับเซตเตอร์ตัวแสบขนาดนั้น ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเล่าย้อนไปถึงอดีตที่ตามหลอกหลอนเป็นเงาในใจเขามาตลอดห้าปีให้กับเพื่อนร่วมทีมฟัง



    _______


    T A L K


         กว่าจะเขียนตอนนี้จบ นานมากค่ะ ไม่รู้ทำไมอะ บางทีอาจจะยังจับอารมณ์และตีความคาแรคเตอร์คุณโบไม่ค่อยได้มั้ง เขียนไปก็รู้สึกว่าพอมีมะลิอยู่ด้วยแล้วคุณโบดูเป็นคนหลายอารมณ์มาก เสียอาการไปไม่เป็นขั้นสุด 5555555 

         เกลียดมากที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเมนูกาแฟเป็นอเมริกาโน่เพียวๆ เพราะกลัวไม่เท่ต่อหน้ามะลิ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เปลี่ยน เพราะนางแฮงค์อยู่ กินของหวานๆ มันๆ แต่เช้าคงได้อ้วกแน่ 

        รู้สึกว่าอัตสึมุเป็นคาแรคเตอร์ที่เขียนได้มันส์มากค่ะ55555 ด่าเป็นด่า อยากเผือกก็คืออยากเผือก โอมิคุงก็ปากแข็งบอกว่าไม่สน แต่จริงๆ แล้วคือหูผึ่งเตรียมฟังมากนะเอาดีๆ น้องใหม่อย่างฮินาตะก็เป็นกุญแจสำคัญไขปริศนาที่พวกสึมุพยายามไขมานาน อย่างที่บอกไปในตอนที่แล้ว ว่าโฮสต์ของมะลิคือคุณป้าเจ้าของโรงแรมคาเคสึที่คาราสุโนะไปพัก น้องฮิเลยรู้จักมะลิดีเลยค่ะ หมูผัดขิงที่พวกหนุ่มๆ กาดำชอบกินก็เป็นฝีมือน้องมะลิเองค่ะ :)

         ตอนหน้า จะเป็นตอนย้อนอดีตอีกครั้งนะคะ


    #มะลิกับนกฮูก

    sun&moon

    17.03.2021

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×