คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 5 ปีก่อน part 6 - ‘Lightning takes its time’
Haikyuu!!
縁と浮世は末を待て
Haikyuu!!
Bokuto x oc
***** Warning: มีการสปอยล์เนื้อหาในมังงะ
(10)
» ห้าปีก่อน «
Part 6
‘Lightning takes its time’
หลังจากสัปดาห์แรกในเนโกมะจบลง อีกสองสัปดาห์ถัดมาค่ายฝึกที่โรงเรียนชินเซ็นก็ได้เริ่มขึ้น ในบรรดาสี่โรงเรียนในเครือพันธมิตร— โรงเรียนมัธยมปลายในไซตามะแห่งนี้จัดว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการเข้าค่ายค้างแรมมากที่สุดแล้ว เนื่องจากด้านหลังโรงเรียนติดกับภูเขา มีป่าไม้เขียวขจีอยู่โดยรอบ เลยทำให้มีอากาศเย็นมากกว่าที่อื่น ส่วนข้อเสียนั้นก็เห็นจะมีอยู่อย่างเดียวคือแมลงเยอะไปหน่อย
“ไว้ใจฉันได้เลย!” สิ้นเสียง โบคุโตะก็ออกวิ่งแล้วกระโดดพาร่างสูงใหญ่ของตนให้ลอยขึ้นไปจนพ้นตาข่ายเน็ตก่อนที่จะบังเกิดเสียงดังปังขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มหวดฝ่ามือเข้าไปปะทะกับลูกวอลเลย์ ตามมาด้วยเสียงดังตูมเมื่อเจ้าลูกบอลดังกล่าวสามารถทะลุฝ่ากำแพงบล็อกของอุบุกาวะแล้วลอยไปกระแทกกับพื้นคอร์ตในระยะเส้นขาวได้อย่างพอดิบพอดี
“สวย! เฮ เฮ เฮ้!” คนทำแต้มให้ทีมได้ตะโกนวลีประจำตัวออกมาพร้อมกับยกกำปั้นสองข้างชูขึ้นกลางอากาศอย่างภูมิใจ “มะลิ! เห็นที่ฉันตบเมื่อกี้นี้หรือเปล่า”
“คะ?” มัลลิกาที่กำลังง่วนอยู่กับการแจกผ้าขนหนูอยู่ที่คอร์ทข้างๆ หันมาหาเด็กหนุ่มอย่างงุนงงเล็กน้อย แต่พอจับใจความได้ว่าเขาถามอะไรเมื่อครู่ เด็กสาวก็มีสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมา “เอ่อ… ขอโทษค่ะโบคุโตะซัง เมื่อกี้ฉัน… ไม่ทันมอง”
“ก๊าก! ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะราวกับเสียงไฮยีน่าของคุโรโอะดังขึ้นอย่างเย้ยหยัน เล่นเอาคิ้วโก่งคมกริบของโบคุโตะขมวดเป็นปมด้วยความหงุดหงิดและเสียเซลฟ์ยิ่งกว่าเดิม ทีมก็มีอยู่ตั้งห้าทีม ทำไมมัลลิกาถึงต้องไปช่วยแจกผ้าขนหนูให้กับทีมเนโกมะด้วยนะ!
หลังจากหัวเราะเยาะสหายนกฮูกจนสาแก่ใจแล้ว กัปตันทีมเนโกมะก็หันมาเสยผมเก๊กหล่อทำหน้าแพรวพราวใส่เด็กสาวชาวต่างชาติที่ตนต้องตาอยู่ทันที “ขอบคุณสำหรับผ้าขนหนูนะมะลิจัง~”
“เอ่อ… ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ได้ข่าวว่าวันนี้มะลิจังก็ทำหมูผัดขิงอีกใช่หรือเปล่า” เสียงของคุโรโอะดูจะทุ้มต่ำมีเสน่ห์เกินเหตุมากกว่าทุกทีจนน่าขนลุก อย่างน้อยก็ในสายตาของลูกทีมน่ะนะ หมอนี่ออกตัวแรงมาตั้งแต่ตอนอยู่ค่ายที่เนโกมะแล้วว่าชอบพอในตัวเด็กแลกเปลี่ยนจากไทยคนนี้มาก ไม่ว่ามัลลิกาจะหยิบจะจับอะไร คุโรโอะก็พร้อมที่จะยกยอชื่นชมไปหมดทุกอย่างเลย
ปกติแล้วงานของมัลลิกาที่ค่ายจะอยู่ในครัวกับโรงอาหาร แต่ก็มีบ้างที่จะถูกวานให้มาช่วยแจกน้ำกับผ้าขนหนูให้พวกนักกีฬาในโรงยิมขณะที่พวกสาวๆ ผู้จัดการคนอื่นง่วนอยู่กับการจดบันทึกสังเกตการณ์ระหว่างฝึกซ้อมของพวกผู้ชาย อีกอย่างเมนูส่วนใหญ่ในค่ายนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเลิศหรูหรือทำยากอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นของง่ายๆ ที่สามารถทำเตรียมเอาไว้ในปริมาณมากและสามารถนำกลับมาอุ่นทานใหม่ได้เรื่อยๆ อย่างเช่นแกงกะหรี่หรือไม่ก็เป็นกับข้าวง่ายๆ สองอย่างที่เสิร์ฟคู่กับสลัดผักและซุปมิโสะร้อนๆ เป็นต้น
ทว่าเมื่อมาอยู่ในมือมัลลิกา ของง่ายๆ พวกนั้นก็ดูจะอร่อยขึ้นมามากกว่าปกติได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเป็นเพราะมัลลิการู้เทคนิคการทำอาหารที่ผู้จัดการหญิงคนอื่นไม่รู้ละมั้ง อย่างเช่นเรื่องการใช้ไฟในระดับที่แตกต่างกันไปตามแต่ละวัตถุดิบนั้นๆ บางวันถ้ามีของสดเหลืออยู่เยอะหน่อย เด็กสาวก็จะพลิกแพลงนำของพวกนั้นออกมารังสรรค์ให้เป็นเมนูจานรองใหม่ๆ แต่อร่อยและเข้าท่าได้อย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะหมูผัดขิงที่อร่อยมากจนหมดเกลี้ยงแทบทุกวัน ไม่ใช่แค่ในหมู่นักกีฬาเท่านั้นที่ชอบ แต่รวมไปถึงพวกผู้จัดการหญิงเองก็เช่นกัน
“ค่ะ แล้วก็มีปลาดอร์รี่ย่างเกลือด้วย” มัลลิกาบอกเมนูเพิ่มเติมประจำวันนี้ให้คุโรโอะทราบ
“จริงเหรอ! ฉันน่ะชอบปลาที่สุดเลยนะมะลิจังโดยเฉพาะปลาซัมมะย่างเกลือ”
“เหรอคะ— แต่พอดีว่าช่วงนี้ปลาซัมมะหายาก ที่ซูเปอร์ก็เลยมีขายไม่เยอะเท่าไหร่ฉันกับพวกเอริจังก็เลยไม่ได้ซื้อมา”
“ไม่เป็นไรหรอกมะลิจัง ขึ้นชื่อว่าปลาก็ดีทั้งนั้นแหละ”
“นายเนี่ย ตัวเป็นเด็กหนุ่มแต่จิตใจเป็นคุณปู่สินะ ถึงได้กินแต่ปลา ปลา ปลาอยู่ได้” ยาคุที่ยืนฟังกัปตันทีมคุยหลอกล้อกับสาวเจ้ามานานถึงกับต้องเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้
“คนที่ขาดกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกอย่างนายน่ะไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันหรอกนะ” คุโรโอะตอกกลับไปด้วยรอยยิ้มอวดดีแสนจะน่าเตะ
“เลิกพูดอะไรที่คนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่องเสียทีได้ไหม โดๆ โคๆ อะไรเนี่ย? พูดภาษาญี่ปุ่นเซ่!”
“ไปกินปลาแล้วตั้งใจเรียนเองสิ จะได้ไม่งงไง”
“เหอะ! จะบอกให้นะ แม้แต่มะลิจังก็ไม่เข้าใจหรอกว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ใช่ไหมมะลิจัง!” ยาคุหันไปถามมัลลิกาอย่างหาพวก
เด็กสาวชาวไทยกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบลิเบอโร่จากเนโกมะไป “เอ่อ… กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกก็คือกรดไขมันโอเมก้า 3 รูปแบบหนึ่งค่ะ เรียกย่อๆ ว่า DHA”
“ฮ่า! เห็นไหมล่ะยัคคุง! มะลิจังเขาหัวดีพอจะรู้ว่ากรด DHA คืออะไร” คุโรโอะหัวเราะร่าออกมาอย่างดีใจแกมตื่นเต้นที่มัลลิกากับเขาดูจะพูดจาภาษาวิทย์ๆ ได้เข้าใจกันเป็นอย่างดี
“โอ๊ย! นายน่ะไปไกลๆ เลยไป” ยาคุจัดการดีดผ้าขนหนูใส่หลังกัปตันทีมตัวเองดังเพี๊ยะ “มะลิจังเองก็อย่าไปเออออตามน้ำคุโรมันมากนักสิ!”
“อย่าไปฟังยัคคุงนะมะลิจัง คนมีความรู้แบบเราสองคนต้องเกาะกลุ่มเหนียวแน่นกันเข้าไว้— โอ๊ย! เดี๋ยวเถอะ ใครปาบอลมาเนี่ย!” จังหวะเกี้ยวพา (?) มีอันต้องสะดุดลงเมื่อจู่ๆ ก็มีบอลปริศนาลอยมากระแทกหัวคุโรโอะเข้าเต็มๆ พร้อมกับเสียงนกหวีดจากกรรมการคอร์ทของฟุคุโรดานิกับอุบุกาวะที่ดังขึ้นเป็นการบอกว่าฝั่งที่เสียแต้มไปก็คือทีมของเหล่านกฮูก และคนที่เสิร์ฟลูกเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโบคุโตะ โคทาโร่นั่นเอง
“โทษทีคุโร พอดีฉันเสิร์ฟพลาดน่ะ” เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตากลมโตสีทองแสร้งตีหน้าเศร้าก่อนจะหันกลับไปมีสมาธิกับการแข่งตรงหน้าต่อ
คุโรโอะคิ้วกระตุกถี่ยิบ เจ้าแมวดำนั้นรู้ดีว่าเมื่อกี้นี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่อย่างใด โบคุโตะมันจงใจเสิร์ฟเล็งมาโดนหัวเขาชัดๆ! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียด้วยที่เจ้านกฮูกบ้าเข้ามาขัดจังหวะตอนที่คุโรโอะกำลังสนทนาพาทีกับมัลลิกาอยู่อย่างสนิทสนม
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะคุโรโอะซัง” เสียงหวานของมัลลิกาที่ถามไถ่มานั้น ทำให้กัปตันทีมเนโกมะสามารถเปลี่ยนสีหน้ากลับมายิ้มแย้มแจกอ้อยได้เหมือนเดิมราวกับสับสวิตช์
เห็นท่าทีของโบคุโตะเมื่อครู่นี้แล้วคุโรโอะก็นึกอยากจะลองทดสอบอะไรบางอย่างดู ว่าแล้วเสียงทุ้มเจ้าเสน่ห์ก็ถูกงัดเอามาใช้กับเด็กสาวอีกครั้ง
“ไม่เลยจ้ะ ไม่เลย~ สบายมาก! ขอบคุณที่เป็นห่วงนะมะลิจัง~”
“เหรอคะ แต่เมื่อกี้บอลกระแทกเสียงดังมากเลยนะ”
“อืม— ถ้ามะลิจังไม่ว่าอะไรก็ช่วยดูหลังหัวฉันให้หน่อยสิว่าโนมากหรือเปล่า” เด็กหนุ่มขอร้องพร้อมกับโน้มตัวลงมาให้เด็กสาวผมดำยาวช่วยดูบริเวณที่ถูกกระแทกไปเมื่อครู่นี้ให้
“เอ่อ… ค่ะ ขออนุญาตนะคะ”
“ออก!” ยังไม่ทันที่ปลายนิ้วของมัลลิกาจะแหวกเส้นผมสีดำชี้หงอนของคุโรโอะออกดู เสียงของลิเบอโร่จากทีมอุบุกาวะก็ดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าโบคุโตะตบลูกโฮมรันออกนอกคอร์ทไปแล้วอย่างงดงาม
ฟุคุโรดานิเสียไปแล้วอีกหนึ่งแต้ม
“บ้าเอ๊ย!!! โทษที!!!” โบคุโตะที่ทำพลาดไปหลายครั้งทรุดลงไปบนพื้นพร้อมกับทึ้งผมไฮไลท์สีบลอนด์เทาของตัวเองไปด้วยอย่างแรง
“ไม่เป็นไร เอาใหม่ๆ” โคมิให้กำลังใจเพื่อนพร้อมกับตบหลังปลอบไปด้วย
หืม… คุโรโอะแสยะยิ้มร้ายออกมา ดูเหมือนจะมีนกฮูกหวงดอกมะลิอยู่แถวนี้หนึ่งตัวจริงๆ ด้วยแฮะ
__________
ตั้งแต่ค่ายฝึกหน้าร้อนเริ่มต้นขึ้น โบคุโตะก็รู้สึกไม่มีสมาธิและไม่สบอารมณ์ในหลายๆ อย่าง
มันก็ดีอยู่หรอกที่ได้เล่นวอลเลย์ทุกวันกับเพื่อนต่างโรงเรียน แถมยังมีมัลลิกามาใช้เวลาอยู่ในค่ายด้วยกันแบบนี้อีก บัดดี้ของอาคาอาชิเองก็เหมือนจะได้เพื่อนใหม่ๆ จากค่ายนี้เยอะมากกว่าตอนอยู่ที่โรงเรียนเสียอีก อาหารที่เธอทำก็อร่อยมากด้วย อร่อยมากจริงๆ เพียงแต่… มีบางอย่างที่ทำให้โบคุโตะรู้สึกทะแม่งๆ กับอาหารพวกนั้น รสชาติอร่อยล้ำที่รู้สึกคุ้นลิ้นอย่างประหลาดทำเด็กหนุ่มขบคิดไม่ตกมาหลายวันแล้ว มันเหมือนกับ… เขาเคยกินอาหารรสชาติแบบนี้จากที่ไหนมาก่อนอย่างนั้นแหละ
“เป็นอะไรโบคุโตะ อมข้าวไว้ทำไม ไม่อร่อยเรอะ? อย่าได้บังอาจพูดว่าไม่อร่อยเชียวนะ! ไม่งั้นฉันจะเตะตูดแกแล้วบังคับให้ไปขอโทษมะลิจังเดี๋ยวนี้เลย!” คุโรโอะที่เดินถือถาดอาหารผ่านมาโวยวายพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษกัปตันทีมฟุคุโรดานิไปก่อนแล้วล่วงหน้า
ตากลมสีทองหรี่แคบลงอย่างหงุดหงิด นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำโบคุโตะไม่สบอารมณ์
คุโรโอะชักจะทำตัวสนิทสนมกับมัลลิกาจนออกนอกหน้ามากเกินไปแล้ว ทุกครั้งที่เจ้าแมวบ้านี่เปิดปากพูดเป็นต้องมีชื่อ ‘มะลิ’ หลุดออกมาอยู่ร่ำไป แถมยังมาเรียกว่า ‘มะลิจัง’ อย่างโน้น ‘มะลิจัง’ อย่างนี้แบบสนิทสนมอีก พูดก็พูดเถอะ! มัลลิกาถือว่าเป็นเด็กของฟุคุโรดานิแท้ๆ แต่แทบจะไม่มีเวลาให้โบคุโตะกับทีมนกฮูกเลย เผลอแป๊บเดียวเป็นต้องถูกพวกแมวมือเหนียวนักเก็บลูกนั่นดึงตัวไปคุยเล่นด้วยอยู่เรื่อย!
“ของที่มะลิทำน่ะอร่อยอยู่แล้วหรอก!” โบคุโตะตอกกลับพร้อมกับคีบทามาโกะยากิเข้าปากไปทีเดียวสองชิ้นรวด ความอร่อยและรสชาติคุ้นเคยที่กวนใจมานานเล่นงานเด็กหนุ่มเข้าอีกครั้งทันทีที่เจ้าไข่ม้วนสีเหลืองทองหายเข้าไปในปาก
เนี่ย… ทามาโกะยากินี่ก็รสชาติคุ้นชะมัด! ไหนจะแครอทกับผักซอยละเอียดที่ผสมอยู่ในเนื้อไข่ม้วนพวกนี้อีก
ความจริง… โบคุโตะเองก็พอจะจำได้อยู่หรอกว่าเคยกินของอร่อยพวกนี้จากที่ไหนมาก่อน เพียงแต่เขาแค่ไม่อยากปักใจเชื่อว่ามันจะเป็นอย่างเดียวกัน แต่จิตใต้สำนึกมันก็คอยเอาแต่บอกว่าเขาเคยกินอาหารรสชาติแบบนี้มาจากข้าวกล่องของฮานะจัง ไม่ว่าจะหมูผัดขิงเอย ทามาโกะยากิเอย หรือแม้แต่โอนิกิริไส้บ๊วยกับปลาแซลม่อนที่มัลลิกาเคยทำมาให้เป็นของว่างตอนพักเบรกก็ด้วย ทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนเคยปรากฏอยู่ในข้าวกล่องของฮานะทั้งสิ้น ข้าวกล่องที่มัลลิกาเป็นคนนำมาให้เขาด้วยตัวเองยังไงล่ะ…
พลันดวงตาสีทองก็เหลือบมองเข้าไปด้านในครัวที่เปิดโล่งอยู่ไม่ไกล เด็กหนุ่มเห็นร่างโปร่งบางของมัลลิกากำลังช่วยกันเก็บล้างหม้อชามรามไหที่มากมายเป็นภูเขาอยู่กับมิยาโนะชิตะ เอริ— ผู้จัดการทีมของโรงเรียนอุบุกาวะอย่างสนิทสนม
หรือว่าบางที… ข้าวกล่องของฮานะจังที่ผ่านมาอาจจะเป็น…
“เป็นอะไรไปครับโบคุโตะซัง” อาคาอาชิที่เพิ่งจะทานส่วนของตัวเองหมดถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนเป็นรุ่นพี่ชักจะทำตัวแปลกเข้าไปทุกวัน
โบคุโตะรีบสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดนั้นให้ออกไป “ไม่มีอะไรหรอกอาคาอาชิ!”
“แน่นะครับ” คนเป็นรุ่นน้องถามอย่างไม่วางใจ
“แน่สิ!” เด็กหนุ่มผมตั้งยืนยันอีกครั้งก่อนจะรีบพุ้ยข้าวสวยเข้าปากอย่างมูมมาม
ใช่แล้วล่ะ มันเป็นไปได้หรอกหรอก เขาต้องคิดมากไปเองแน่ๆ
ก็มะลิน่ะไม่มีทางโกหกเขาแบบนั้นอยู่แล้ว
__________
คืนวันที่สามของค่ายจะมีจัดประชุมแบบไม่เป็นทางการระหว่างกัปตันและรองกัปตันจากแต่ละทีม ไม่ใช่กิจกรรมที่จริงจังอะไรนักหรอก ก็แค่มาแชร์ข้อมูลและพัฒนาการของทีมตัวเองจากรายงานที่พวกผู้จัดการทำสรุปเอาไว้ให้เท่านั้น อาจจะมีหารือกันเรื่องบทลงโทษสำหรับทีมที่แพ้ในแต่ละรอบบ้าง แต่ก็ไม่มีหัวข้ออื่นที่ซีเรียสมากไปกว่านั้น
จริงๆ แล้วโบคุโตะอยากจะชวนพวกกัปตันมาเล่นไพ่ด้วยกันตอนดึกมากกว่า สำรับไพ่ที่เตรียมมาจากบ้านก็อยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่สวมอยู่ตอนนี้แล้วด้วย เดี๋ยวรอให้อาคาอาชิพูดเรื่องน่าเบื่อให้จบก่อนแล้วค่อยท้าเจ้าพวกนั้นให้มาเล่นด้วยแล้วกัน
เมื่อวางแผนสำหรับคืนนี้เสร็จโบคุโตะที่เพิ่งเข้าห้องน้ำเสร็จก็เปิดก๊อกน้ำล้างมือให้เรียบร้อยก่อนจะเดินอาดๆ ออกมา สวนทางกับมัลลิกาที่กำลังเดินมาเข้าห้องน้ำทำธุระพอดี
“หวัดดีค่ะโบคุโตะซัง” คนหน้าหวานเป็นฝ่ายทักเด็กหนุ่มก่อน
“เอ่อ… หวัดดีมะลิ” โบคุโตะทักตอบอย่างประดักประเดิดเล็กน้อย แต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังดีใจอยู่ดีที่ได้ยืนคุยกับมัลลิกาแบบตามลำพังบ้างเสียที
“วันนี้กับข้าวอร่อยถูกปากไหมคะ ถ้าไม่ชอบอันไหนก็บอกได้นะ บางทีฉันก็ชอบลืมตัวเผลอทำรสจัดมากเกินไป”
“อร่อยทุกอย่างเลยมะลิ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ” โบคุโตะรีบตอบให้เด็กสาวที่ขี้กังวลมากเกินเหตุสบายใจ
พูดถึงเรื่องกับข้าว แม้ว่าจะพยายามกล่อมตัวเองให้เลิกคิดมากไปหลายรอบแล้วก็เถอะ แต่โบคุโตะก็ยังติดใจในเรื่องนี้อยู่ไม่หายเสียที
บางที… ถามๆ ออกไปเลยให้มันหายค้างคาใจคงจะดีกว่าล่ะมั้ง
“เอ่อ… มะลิ… คือเรื่องกับข้าวน่ะ--”
“คะ? ทำไมคะ มีอะไรที่คุณไม่ชอบจริงๆ ใช่ไหม”
“เปล่า… คือว่า--” โบคุโตะดูคล้ายจะอับจนด้วยคำพูดเป็นครั้งแรก ยิ่งพอเห็นสีหน้าเป็นกังวลและดวงตากลมโตสีดำลึกล้ำของแม่ครัวมือหนึ่งแล้วก็ยิ่งทำให้ถามไม่ออกเข้าไปใหญ่เลย
ไม่เอาน่าโบคุโตะ แกกำลังทำตัวไร้สาระอยู่นะ! คนน่ารักแสนดีและคิดมากไปเรื่อยอย่างมัลลิกานะเหรอจะกล้าสวมรอยบอกว่ากับข้าวที่ตัวเองทำเป็นฝีมือของฮานะจังแล้วโกหกเขามาได้นานมากขนาดนี้! ผ่านไปแค่วันเดียวก็ต้องรีบมาสารภาพเพราะทนไม่ไหวแล้วหรือเปล่า!
พอคิดแบบนั้นเด็กหนุ่มก็ตัดใจ เขาส่ายศีรษะก่อนจะกลับมาทำตัวตามปกติและยิ้มกว้างส่งไปให้คนตัวเล็กในที่สุด “ไม่มีอะไรหรอก คือฉันแค่… อยากกินข้าวหน้าเนื้อบ้างก็เท่านั้นเอง”
“อ๋อ… เหรอคะ” มัลลิกาลูบหลังคอตัวเองเล็กน้อย “คือเนื้อมันค่อนข้างแพงน่ะค่ะ งบในค่ายเองก็มีค่อนข้างจำกัดด้วย--”
“เอ้อ! ไม่ต้องคิดมากหรอกนะมะลิ! ไม่มีเนื้อก็ไม่เป็นไร ฉันแค่พูดขึ้นมาเฉยๆ น่ะ!”
เด็กสาวยิ้มขำขึ้นมากับท่าทางลนลานที่พยายามจะปลอบเธอของอีกฝ่าย “ใจเย็นๆ ค่ะโบคุโตะซัง ฉันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเนื้อให้กินเลยตลอดอาทิตย์นี้หรอกนะคะ--”
“เอ๊ะ? หมายความว่ายังไงเหรอ?” โบคุโตะเอียงคอถาม
มัลลิกาอ้าปากน้อยๆ ทำท่าจะตอบคำถามของเขาอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน “เอาไว้เป็นเซอร์ไพรส์ดีกว่าค่ะ”
รอยยิ้มติดจะซุกซนหน่อยๆ ของมัลลิกาทำเอาโบคุโตะหายใจสะดุดไปชั่วครู่
มะลิรู้จักทำตัวขี้เล่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย! อย่าบอกเชียวนะว่าติดนิสัยของคุโรโอะมา!
ว่าแล้วโบคุโตะก็เผลอทำปากยื่นออกมาด้วยความแง่งอน “มะลิ อย่าไปอยู่ใกล้คุโรมากนักนะ”
“ทำไมจู่ๆ ก็พูดถึงคุโรโอะซังขึ้นมาล่ะคะ” เด็กสาวถาม
“เถอะน่า! อย่าไปเข้าใกล้มันมากก็แล้วกัน”
“ขอทราบเหตุผลได้ไหมคะว่าทำไม”
“ก็มันน่ะ… แบดบอยทรงโจรจะตายไป ไว้ใจไม่ได้หรอกนะ!”
แต่แทนที่จะตกใจหรือหวาดกลัวสักหน่อย มัลลิกากลับหัวเราะร่วนออกมาเสียอย่างนั้น
“หัว… หัวเราะอะไรน่ะมะลิ?!” เสียงทุ้มกระตุกเล็กน้อยเพราะไม่เคยได้ยินบัดดี้ของอาคาอาชิหัวเราะเสียงใสขนาดนี้มาก่อน
“โบคุโตะซังคะ คุโรโอะซังไม่ใช่แบดบอยอะไรหรอกค่ะ ออกจะ… เนิร์ดด้วยซ้ำไป”
“หา?”
“จริงๆ ตอนแรกที่เจอกันฉันก็แอบกลัวเขาอยู่เหมือนกันนะคะ แต่พอฟังเขาพูดไปสักพักก็เริ่มรู้สึกว่าเขาต้องเป็นพวกคงแก่เรียนและบ้าวิทย์เอามากๆ แน่เลย”
“หา?!” นั่นคือทั้งหมดที่โบคุโตะพอจะตอบกลับออกไปได้
“ฉันพูดจริงนะคะโบคุโตะซัง ก็เขาน่ะชอบพูดถึงเรื่องกรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิกขึ้นมาอยู่บ่อยๆ แล้วไหนจะไอ้ที่เขาชอบชวนลูกทีมพูดก่อนแข่งบ่อยๆ ว่า ‘พวกเราคือสายเลือด ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง’ อะไรนั่นอีก ไม่ใช่คนบ้าวิทย์แล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะคะ” ระหว่างที่พูดไปมัลลิกาก็ยังไม่หยุดหัวเราะเลย
อะไรกันเนี่ย ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ จี๊ดๆ ในอกนี่มันคืออะไร?!
แล้วให้ตายสิมะลิ! อย่าหัวเราะเพราะคนอื่นได้ไหม! เขาจะบ้าตายอยู่แล้วนะ!
__________
โบคุโตะแทบไม่มีกะจิตกะใจประชุมกัปตันเลยสักนิด เสียงหัวเราะสดใสของมัลลิกาที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนจนกระทั่งวันนี้ยังคงหลอกหลอนอยู่ในหู เหตุนี้เองถึงได้ทำให้กัปตันฟุคุโรดานิเอาแต่มองเขม่นไปที่คุโรโอะอย่างไม่วางตา ซ้ำยังจ้องเขม็งเสียจนคนจิตแข็งแบบกัปตันทีมเนโกมะยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
และเพราะมัวแต่จ้องเจ้าแมวดำอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายนี่เองเลยทำให้โบคุโตะลืมเรื่องเล่นไพ่ไปเสียสนิท กว่าจะรู้ตัวเจ้าไข่ปลาค็อดกับบร็อคโครี่และรองกัปตันอีกสองคนก็เดินออกจากห้องประชุมเฉพาะกิจไปแล้ว
“เอาเถอะ! เหลือแค่ห้าคนก็เล่นได้ มาเล่นไพ่กันเถอะ!” ร่างสูงใหญ่ของกัปตันฟุคุโรดานิลุกขึ้นประกาศกร้าวก่อนจะชี้หน้าหนุ่มๆ ที่เหลืออยู่แบบรายตัวและไม่วายขู่ “ใครแพ้ต้องมานวดขากับเท้าให้ฉันด้วย ตกลงไหม!”
“อะไรของนายเนี่ยโบคุโตะ” คุโรโอะโอดครวญอย่างเหนื่อยหน่ายเต็มที ใจเขาน่ะอยากจะไปนอนเต็มแก่แล้ว
“หึๆๆๆ กลัวแพ้หรือไงหืม? คุโรโอะ เท็ตสึโร่คุง” โบคุโตะทำหน้ายียวนกวนประสาทใส่ รู้ดีเลยแหละว่าถ้าพูดแบบนี้ออกไปจะต้องทำให้คุโรโอะยอมอยู่เล่นไพ่ด้วยแน่นอน
“หา?!! ใครกลัวไม่ทราบหึ! แน่จริงก็เข้ามาเลย!” นั่นไง ของขึ้นแล้วเห็นไหมล่ะ
“เดี๋ยวก่อนสิครับ นี่มันดึกแล้วนะ” อาคาอาชิพยายามห้าม
“เพิ่งจะสองทุ่มเองนะอาคาอาชิ! เล่นเถอะน่า! กัปตันกับรองกัปตันคาราสุโนะก็ด้วยนะ ไคด้วย!” โบคุโตะรบเร้าทุกคนเป็นรายตัว
ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ห้าคนที่เหลือต้องยอมตามใจอยู่เล่นไพ่กับโบคุโตะอย่างเสียไม่ได้ แถมพอเริ่มเล่นไปแล้วก็ชักจะติดลมและเผลอตัวอยู่เล่นกันจนถึงดึกดื่น แต่ละคนงัดกลยุทธ์และเล่ห์เหลี่ยมที่มีออกมาใช้อย่างเต็มที่เพราะมีศักดิ์ศรีของทีมเป็นเดิมพัน โดยเฉพาะโบคุโตะที่อยากจะทำให้คุโรโอะแพ้แล้วมาเป็นเบ๊คอยนวดให้ตัวเองเอามากๆ
“โบคุโตะ ยังจะเล่นอยู่อีกเหรอ” คุโรโอะถามเสียงเนือยพร้อมกับอ้าปากหาวหวอด เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนเริ่มง่วงกันเต็มที หนักสุดก็คงเป็นอาคาอาชิที่นอนสลบบนพื้นไปแล้วอย่างหมดสภาพ
“จะเล่นจนกว่านายจะแพ้แล้วมานวดเท้าให้ฉัน!” โบคุโตะยืนกรานอย่างตั้งมั่น อย่างน้อยถ้าหากทำให้เจ้าแมวดำนี่แพ้ได้สักตาสองตา เด็กหนุ่มจากฟุคุโรดานิก็คงอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้างแหละนะ
“อะไรของนายเนี่ย! ทำไมเล็งเป้ามาที่ฉันเรื่อยเลยฮะ!” จริงๆ แล้วคุโรโอะก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าสาเหตุที่ตัวเองถูกโบคุโตะเขม่นและเพ่งเล็งนั้นมาจากอะไร เพียงแต่กัปตันเนโกมะก็แค่อยากให้เพื่อนของเขาคนนี้รู้สึกตัวและยอมรับออกมาตรงๆ ได้ด้วยตัวเองมากกว่าก็เท่านั้นเอง
“ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ฉันแค่หมั่นไส้นายเป็นการส่วนตัว”
คุโรโอะคิ้วกระตุกขึ้นมากับคำตอบนั้น ดูท่าเขาคงจะหวังกับเจ้านกฮูกนี่มากเกินไปสินะ
ลองแหย่มันอีกสักหน่อยก็แล้วกัน
“เอางี้ดีกว่า ถ้านายชนะ ฉันจะยอมนวดให้ตามที่ขอ แต่ถ้าฉันชนะ ฉันขอเป็นเบอร์โทรของมะลิจังนะ ดีลไหม?”
โบคุโตะรู้สึกโมโหจนเหมือนจะมีลมพ่นออกจากหูได้อย่างไรอย่างนั้น ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงกับโต๊ะที่มีไพ่กองอยู่จนเกิดเสียงดังปัง ทำให้ซาวามุระและสึกะวาระที่กำลังสะลึมสะลือถึงกับสะดุ้งโหยงตาสว่างขึ้นมาทันที ส่วนอาคาอาชินั้นก็เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างเหมือนกัน แต่แป๊บเดียวก็กลับไปสลบไสลอีกอยู่ดี
“อย่าเอามะลิมาเป็นของพนัน! เขาเป็นคนนะไม่ใช่สิ่งของ!” ตาโตสีทองจ้องคุโรโอะอย่างมีน้ำโห แต่กระนั้นคนถูกจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านเลยสักนิด
“ใจเย็นโบคุโตะ ฉันไม่ได้พนันจะเอาตัวมะลิจังเสียหน่อย ฉันขอแค่เบอร์เองนะ”
“ไม่ได้! อยากได้นักก็ไปขอกับเจ้าตัวเอง ไม่ใช่เอาเขามาเป็นหัวข้อพนันแบบนี้”
“สึกะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย” ซาวามุระ ไดจิ กัปตันทีมของคาราสุโนะกระซิบถามเพื่อนที่เป็นรองกัปตันเสียงเบา
“ไม่รู้เหมือนกันไดจิ แต่ฉันชักจะกลัวแล้วสิ”
ฝั่งคุโรโอะนั้น ถึงแม้ว่าจะอึ้งไปกับโหมดจริงจังและดุดันของโบคุโตะก็ตาม แต่เด็กหนุ่มผมดำก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าออกมามากจนดูกระโตกกระตากแต่อย่างใด หนำซ้ำยังมีแก่ใจทำเป็นยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยใส่แล้วหลอกถามอีกฝ่ายไปอย่างเย้าแหย่อีกต่างหาก
“เป็นอะไรกับมะลิจังไม่ทราบ ถึงได้ตามหวงเขามากขนาดนี้น่ะหืม?”
เจอคำถามนั้นเข้าไปโบคุโตะก็ถึงกับสะอึกแรง “ก็… เป็น… เพื่อนไง!”
คุโรโอะกลอกตาใส่ ร่างสูงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ พร้อมกับกอดอกและยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้างเป็นรูปเลขสี่ไปด้วย “เพื่อนกันเขาไม่หวงกันแบบที่นายทำหรอกนะโบคุโตะ อาคาอาชิยังไม่เห็นมาตามหวงมะลิจังเลย”
คนถูกพาดพิงครางฮือขึ้นมาอย่างกับรับรู้ได้ว่ากำลังมีคนพูดถึงตัวเองอยู่
“ก็… อาคาอาชิไม่เหมือนฉันนี่!” โบคุโตะพยายามจะเถียงไปแบบข้างๆ คูๆ
คุโรโอะไหวไหล่ “งั้นนายก็ไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าคืนพรุ่งนี้ฉันจะชวนมะลิจังไปดูดาวตอนกลางคืนด้วยกัน”
“ไม่ได้นะ! ค่ำแล้วก็ต้องรีบนอนพักผ่อนสิ!” โบคุโตะค้านทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ
“คนที่ชวนคนอื่นอยู่เล่นไพ่หลายชั่วโมงไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องนอนแต่หัวค่ำหรอกนะ!”
“เราแอบออกไปกันดีไหมสึกะ” ไดจิหันไปถามสึกะวาระอีกรอบ
“อย่าเพิ่งสิไดจิ ฉันกำลังลุ้นสนุกเชียว” รองกัปตันคาราสุโนะปัดมือไปมาเพราะไม่อยากถูกขัดจังหวะการรับชมดราม่าฉากใหญ่นี้ไป
“ไม่ก็คือไม่! มะลินอนดึกไม่ได้เพราะต้องเหนื่อยตื่นมาทำข้าวเช้าให้พวกเราตั้งแต่ตีห้านะ!” โบคุโตะยังยืนยันคำเดิมอย่างดื้อดึง
“โบคุโตะ แกจะหวงก้างทำไมไม่ทราบครับหา? หรือว่าแกเองก็ชอบมะลิจังเหมือนกัน?! หืม? ว่าไง?!” คุโรโอะเบื่อที่จะเล่นแง่หลอกถามอ้อมไปอ้อมมาแล้ว กับเจ้าสัตว์เซลล์เดียวแบบนี้คงมีแต่ต้องถามออกไปตรงๆ เท่านั้นแหละ
เจ้านกฮูกตาโต หน้าแดงแจ๋ ปากก็พะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคุโรโอะกล่าวหาว่าเขาเองก็ชอบมะลิเหมือนกัน
“อะ… อะไรของนายน่ะ คุโร!!”
กัปตันเนโกมะพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งทีแรงๆ ก่อนจะเลิกทำหน้ายียวนและเปลี่ยนมาโหมดจริงจังบ้าง “ถ้าแกชอบมะลิจังก็บอกมาตรงๆ เพราะฉันไม่อยากแย่งผู้หญิงกับเพื่อน มันน้ำเน่า! และอย่างที่นายบอกไปเมื่อกี้ว่ามะลิจังไม่ใช่สิ่งของให้แย่งชิง”
“ฉัน… ไม่รู้… ฉัน… หา?” สีหน้าของโบคุโตะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบวินาทีต่อวินาที เดี๋ยวก็ตกใจ เดี๋ยวก็เขินอาย เดี๋ยวก็งุนงงตั้งตัวไม่ทัน ถ้าจะพูดให้เห็นภาพล่ะก็ ในสายตาของสองหนุ่มจากคาราสุโนะนั้น ต้องบอกว่าศึกนัดนี้โบคุโตะถูกคุโรโอะน็อกเข้าให้เต็มๆ เลยทีเดียว
“ค่อยๆ คิดไปนะโบคุโตะ คิดได้แล้วก็มาให้คำตอบฉันด้วยล่ะ ฉันจะได้จัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ถูก” คุโรโอะลุกขึ้นยืนก่อนจะทิ้งให้โบคุโตะยืนจมอยู่กับความรู้สึกที่ท่วมท้นของตัวเองไปเพียงลำพัง “โชว์จบแล้ว ซาวามุระคุงกับสึกะจังก็ไปนอนเถอะไป— อาคาอาชิคุงด้วย ลุกขึ้นไปนอนที่ห้องตัวเองดีๆ ได้แล้ว”
“ห่ะ! — เล่นกันจบแล้วเหรอครับ” อาคาอาชิผงกหัวขึ้นมาถามอย่างงัวเงีย หมดกันมาดเซตเตอร์ผู้สุขุมของฟุคุโรดานิ
“เออ จบแล้ว ไปนอนได้แล้ว” คุโรโอะช่วยยืนยันอีกรอบ
พอถูกบอกแบบนั้นอาคาอาชิก็รีบผุดลุกขึ้นมาแล้วเดินซอยเท้าถี่ๆ ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“ส่วนนายน่ะ” คุโรโอะชี้นิ้วมาที่โบคุโตะอย่างคาดโทษ “ห้ามไปนอนจนกว่าจะคิดตกเรื่องความรู้สึกของตัวเองได้ เข้าใจไหม!” สั่งทิ้งท้ายเสร็จร่างสูงในเสื้อวอร์มสีแดงก็เดินจากไปโดยมีรองกัปตันอย่างไคและสองหนุ่มจากทีมกาดำตามหลังไป
ร่างสูงใหญ่ในเสื้อวอร์มแจ็กเก็ตสีขาวของโบคุโตะยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางความเงียบพร้อมกับกองไพ่ที่ยังไม่ได้เก็บรวมให้เรียบร้อย คำพูดของคุโรโอะยังลอยวนเวียนอยู่ในหัวจนแทบจะกลายเป็นหลอกหลอน
เขา… ชอบมะลิงั้นเหรอ
จริงอยู่ที่ตอนแรกที่เจอกัน โบคุโตะคิดว่ามัลลิกาเป็นคนเข้าใจยาก ด้วยความที่เป็นคนเงียบๆ ขี้อาย และไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ เท่าไหร่ แถมช่วงนั้นเขาเองก็ยังชอบคิซากิ ฮานะอยู่ ก็เลยไม่ได้มองมัลลิกามากไปกว่าแม่สื่อที่ใช้งานได้สะดวกเท่านั้น แต่พอเริ่มทำใจเรื่องฮานะได้ มุมมองของเขาที่มีต่อมัลลิกาก็เริ่มเปลี่ยนไป เด็กหนุ่มปฏิเสธไม่ได้ว่ามัลลิกาเป็นคนที่น่ารักทั้งในเรื่องหน้าตาและนิสัย ถึงแม้จะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่กระนั้นเธอก็ใจดีและคิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ ทำเอาโบคุโตะรู้สึกผิดจับใจที่เอาแต่ขอให้เธอช่วยเรื่องฮานะอยู่บ่อยๆ แบบนั้น ยิ่งช่วงก่อนสอบที่ได้เด็กสาวมาช่วยติวหนังสือให้ทุกเย็นก็ยิ่งทำให้โบคุโตะรู้สึกว่าการมีมัลลิกาเป็นเพื่อนนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว แถมโคโนฮะกับเพื่อนคนอื่นๆ ในทีมก็ชอบบ่นว่าหมู่นี้โบคุโตะติดมัลลิกามากจนอาคาอาชิแทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอยู่แล้ว
เดี๋ยวก่อนสิ… จะว่าไปแล้ว เขาเคยมองมัลลิกาเป็นเพื่อนจริงๆ หรือเปล่านะ อย่างที่คุโรโอะว่า เพื่อนกันจะไม่หวงกันเวลาที่มีใครคนอื่นเข้ามาทำท่าทีสนใจในตัวอีกฝ่ายแบบนี้ จะไม่รู้สึกจี๊ดในอกเวลาที่รู้ว่ามีใครคนอื่นสามารถทำให้เขาหัวเราะได้อย่างเบิกบานใจนอกจากเรา
มันอาจจะเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว แต่ใช่… โบคุโตะอยากเป็นคนที่ทำให้มัลลิกาหัวเราะได้เต็มเสียงแบบนั้นแค่คนเดียว เขาหวงได้แม้กระทั่งเสียงหัวเราะสดใสเหมือนระฆังของเธอเลยนั่นแหละ
ราวกับว่ามีสายฟ้าฟาดลงมาตรงหน้าอย่างฉับพลัน เด็กหนุ่มรู้แจ้งถึงความจริงข้างในจิตใจได้ในที่สุด
ถูกของคุโร
เขาคงชอบมะลิแล้วจริงๆ
__________
T A L K
คูมโบใจเย็นนะ มะลิไม่ได้ติดนิสัยคุโรมา มะลิแค่ผ่อนคลายกับทุกคนมากขึ้นก็เลยกล้าเล่นขึ้นไงเล่า!
มีคนหึงจริงๆ ด้วยนะคะในค่ายนี้ คุโรโอะเป็นสนามอารมณ์ของคูมโบไปแล้ว แต่คุโรแกก็ไม่ยอมค่ะ น๊อคกลับด้วยการตบเรียกสติคูมโบไปเลยว่าที่พี่แกเป็นผีบ้าแบบนี้ก็เพราะชอบและหวงมะลิจังไง!
ฉากกัปตันเล่นไพ่กันนี่เราเอามาจากนิยายเล่ม 3 นะคะ แหะ~
เราเคยบอกไปหรือยังนะว่าตอนอยู่ไทย มะลิเป็นเด็กวิทย์คณิต (ペ◇゚)」น้องเลยเก็ตมุกวิทย์ๆ ที่คุโรพูดไวกว่าชาวบ้านค่ะ
แล้วก็ คูมโบก็เริ่มจะเอะใจเรื่องที่มะลิโกหกเอาไว้แล้วนะคะ พี่แกจำรสมือได้ค่ะ แต่ว่าเพราะไม่คิดว่ามะลิจะทำ และพี่แกก็เชื่อใจมะลิมากด้วย ก็เลยไม่ปักใจเชื่อทฤษฎีในหัวของตัวเอง ก็ไม่แปลกใจนะถ้าพี่แกจะโกรธแรงตอนที่จับไต๋โกหกได้แบบจริงๆ จังๆ น่ะค่ะ (;へ:)
#มะลิกับนกฮูก
sun&moon
30.05.2021
ความคิดเห็น