คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 5 ปีก่อน part 5 - 'Baby, take my hand, I want you to be my best friend'
Haikyuu!!
縁と浮世は末を待て
Haikyuu!!
Bokuto x oc
***** Warning: มีการสปอยล์เนื้อหาในมังงะ
(9)
» ห้าปีก่อน «
Part 5
‘Baby, take my hand
I want you to be my best friend’
“อาคาอาชิ นายโดนโบคุโตะแย่งสาวไปแล้วเหรอ” โคโนฮะถามเซตเตอร์ของทีมอย่างทีเล่นทีจริง
“หมายความว่ายังไงครับ?” อาคาอาชิที่กำลังดื่มน้ำและเช็ดเหงื่ออยู่ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ก็โน่นไง โน่น!” รุ่นพี่หนุ่มบุ้ยปากไปทางโบคุโตะที่กำลังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับมัลลิกาที่อีกมุมหนึ่งของโรงยิม
นี่ก็วันที่สามเข้าไปแล้วที่เด็กแลกเปลี่ยนคนนั้นมาช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ตามที่พ่อกัปตันตัวดีขอ และเพราะเห็นว่ามันจะเป็นผลดีกับตัวโบคุโตะเองด้วย อาจารย์ยามิจิที่เป็นผู้กำกับทีมก็เลยอนุญาตให้เด็กสาวเข้ามาใช้โรงยิมเป็นที่ติวเฉพาะกิจระหว่างพักเบรกได้
“มะลิซังแค่มาช่วยติววิชาภาษาอังกฤษให้โบคุโตะซังไม่ใช่เหรอครับ” อาคาอาชิตอบรุ่นพี่อย่างไม่ได้ติดใจอะไร
“มันก็ใช่ แต่นายไม่สังเกตเหรอว่าโบคุโตะมันดูดี๊ด๊าแปลกๆ ตอนอยู่กับมะลิจังน่ะ” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงหัวเราะของเจ้านกฮูกก็ระเบิดออกมาซะดังลั่นซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหัวเราะเรื่องอะไร แต่ดูทรงแล้วคงจะเล่นมุกเองขำเองอีกตามเคย เพราะโคโนฮะไม่เชื่อหรอกว่าคนเงียบๆ ท่าทางหงิมๆ แบบมัลลิกาจะปล่อยมุกได้ฮามากขนาดนั้น
“สรุปว่าโบคุโตะยอมแพ้เรื่องฮานะจังแล้วอย่างนั้นสิ” โคมิเดินดื่มน้ำเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
“หมายความว่าไงครับโคมิซัง” อาคาอาชิถาม
“นั่นสิโคมิยัน! อาทิตย์ก่อนโบคุโตะเพิ่งจะอวดคุกกี้ฝีมือฮานะจังให้พวกเราดูอยู่หยกๆ แท้ๆ” โคโนฮะเองก็สงสัยไม่แพ้กัน
“ก็แค่คุกกี้ถุงเดียวเองไม่ใช่เหรอ จากนั้นฉันก็ไม่เห็นว่ามันกับฮานะจังจะอยู่ด้วยกันเท่าไหร่เลย”
“ถ้าบอกว่าตอนนี้โบคุโตะหันมาชอบแม่สื่ออย่างมะลิจังเสียเอง ฉันว่ายังพอมีเค้ามากกว่านะ” ‘วาชิโอะ ทัตสึกิ’ หนุ่มผิวเข้มหน้าดุพูดน้อย ตำแหน่งมิดเดิลบล็อกเกอร์ แสดงความคิดเห็นที่นานๆ จะพูดออกมาสักครั้ง
“วาชิโอะพูดมีเหตุผลนะ” ‘ซารุคุอิ ยามาโมโตะ’ วิงก์สไปเกอร์อีกคนหนึ่งของทีมกล่าวสนับสนุนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“หน็อย! เจ้าโบคุโตะ มันจะหล่อเลือกได้เกินไปหน่อยหรือเปล่าฟะ! หมั่นไส้เว้ย!!!” โคโนฮะกัดฟันกรอดพร้อมกับตวัดสายตาไปทางไอ้หนุ่มผมตั้งอย่างดุร้าย ส่วนอาคาอาชินั้นก็ได้แต่หันไปมองแผ่นหลังเล็กบอบบางของมัลลิกาอย่างเป็นห่วงนิดหน่อย
จริงๆ แล้วเซตเตอร์หนุ่มก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าบัดดี้ของเขานั้นเหมือนจะมีใจให้โบคุโตะอยู่นิดๆ ไม่งั้นคงไม่โกหกและตามใจอีกฝ่ายไปเสียทุกเรื่องแบบนั้นแน่ คิดมาถึงตรงนี้อาคาอาชิก็นึกขึ้นได้ว่าจนถึงป่านนี้โบคุโตะก็เหมือนจะยังไม่รู้เรื่องที่มัลลิกาโกหกเอาไว้เลยนี่นา คนเรามันจะไม่เฉลียวใจสงสัยได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ส่วนฝ่ายหญิงนั้นก็น่าตีพอกัน พอเห็นว่าฝ่ายชายไม่ได้พูดอะไรเข้าหน่อยก็เลยปล่อยเลยตามเลยไปอีกแบบคนชอบหนีปัญหาไปเรื่อย
อาคาอาชิหลับตาถอนใจเบาๆ อย่างเคร่งเครียด ถ้าเกิดโบคุโตะชอบมัลลิกาขึ้นมาจริงๆ แล้วจับได้ว่าหล่อนโกหกอะไรเอาไว้บ้าง ปฏิกิริยาตอบรับมันจะออกมาแย่สักแค่ไหนนะ เขาเองก็ไม่เคยเห็นโบคุโตะโกรธใครแบบจริงๆ จังๆ มาก่อนเสียด้วยสิ ถ้าวันนั้นมาถึงอาคาอาชิจะตั้งรับยังไงดีละเนี่ย
แต่ยังไม่ทันจะได้คิดฟุ้งซ่านอะไรมากไปกว่านั้น อาจารย์ยามิจิก็เป่านกหวีดเรียกให้ทุกคนมารวมตัวและเริ่มซ้อมกันต่อเสียก่อน
“Alright, everyone! Let’s do it!!!” โบคุโตะลุกขึ้นยืนพร้อมกับตะโกนออกมาเป็นภาษาอังกฤษอย่างฮึกเหิม แต่ก็ไม่วายหันไปถามมัลลิกาอีกเพื่อความชัวร์ “ฉันพูดถูกหรือเปล่ามะลิ?!”
“เอ้อ… ค่ะ ถูกค่ะ” เด็กสาวต่างชาติตอบพร้อมกับก้มลงเก็บหนังสือและสมุดมากอดเอาไว้ในอ้อมแขนเพื่อจะเคลียร์พื้นที่ให้กิจกรรมชมรมดำเนินต่อไปได้อย่างสะดวก
“แหมโบคุโตะ! ได้มะลิจังมาช่วยติวให้หน่อยเดียวก็ทำเป็นพูดอังกฤษปร๋อเชียวนะ” โคมิออกปากแซวอย่างนึกสนุก
“แน่นอนอยู่แล้วโคมิยัน! มะลิน่ะเก่งจะตายไป ว่างๆ พวกนายก็มาติวด้วยกันสิ!” โบคุโตะยืดอกพร้อมกับกล่าวอย่างภูมิใจ
“โอ๊ย! ก็ได้แค่นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นแหละ ให้พูดยาวกว่านี้หรือใช้คำศัพท์ยากๆ ก็จอดแล้ว” ช่วงนี้ดูเหมือนโคโนฮะจะใจร้ายกับโบคุโตะมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเจ้าตัวรู้สึกอิจฉาเกินทนที่เจ้านกฮูกบ้านี่ได้ใช้เวลาอยู่กับมะลิจังที่น่ารักบ่อยมากเกินไป
‘เจ้านกฮูกบ้า’ ทำสีหน้าเจ็บปวดออกมา ก่อนจะทำแก้มพองลมอย่างมีน้ำโหแล้วพูดภาษาอังกฤษโต้กลับอีกฝ่ายไปอย่างไม่ยอมกัน “Konoha! Don’t underestimate me!”
แต่แทนที่จะชมนักเรียน โคโนฮะกลับหันไปชมติวเตอร์สาวแทนเสียอย่างนั้น “มะลิจัง! เธอเป็นอัจฉริยะหรือเปล่าเนี่ยถึงได้ทำให้เจ้าฮูกบ้านี่แตกฉานภาษาอังกฤษได้!”
ตาสีดำลึกล้ำกะพริบปริบๆ ก่อนที่เสียงหวานเนิบนาบจะตอบกลับไป “โบคุโตะซังก็… ไม่ได้เป็นคนหัวทึบอะไรนี่คะ”
คำพูดที่เหมือนจะชมอีกฝ่ายแบบอ้อมๆ นั้นเล่นเอาหนุ่มๆ ทั้งหลายถึงกับอึ้ง โดยเฉพาะโบคุโตะที่หายใจฟืดฟาดและกลั้นยิ้มจนหน้าเบี้ยวยิ่งกว่าใคร เป็นเหตุให้โคโนฮะยิ่งหมั่นไส้กัปตันทีมหนักมากกว่าเดิม
“น้อยๆ หน่อยโบคุโตะ! จมูกบานหมดแล้วโว้ย!”
_________
“มะลิจัง ปิดเทอมหน้าร้อนนี้มาเข้าค่ายด้วยกันกับพวกฉันสิ” ยูกิเอะเอ่ยชวนขึ้นมาขณะที่พวกเธอสามสาวกำลังช่วยกันเก็บเก้าอี้และอุปกรณ์หลังจากเลิกซ้อมกันอยู่
“เข้าค่าย?” มัลลิกาทวนคำพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“จริงด้วยสินะ! ชวนมะลิจังไปด้วยต้องสนุกมากขึ้นแน่ๆ เลย” คาโอริเองก็ดูจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยอย่างตื่นเต้น
“ใช่ไหมล่ะ!” คนตัวเล็กกว่าอย่างยูกิเอะขยิบตาให้เพื่อนสาวอย่างขี้เล่น
“เอ่อ… แล้วค่ายหน้าร้อนที่ว่าเนี่ย มันเป็นค่ายอะไรอย่างนั้นเหรอ” เด็กแลกเปลี่ยนถามย้ำอีกครั้งตรงๆ เมื่อไม่มีใครยอมอธิบายให้ฟังเสียที
“ก็เป็นค่ายเก็บตัวซ้อมแข่งของกลุ่มชมรมวอลเลย์บอลในเครือฟุคุโรดานิน่ะ สี่โรงเรียนพันธมิตรจะมารวมตัวแล้วผลัดกันจับคู่แข่งไปเรื่อยๆ เพื่อฝึกฝีมือ” คาโอริเป็นคนอธิบายให้แบบพอสังเขป
“อ๋อ…” เด็กสาวชาวไทยพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ จะว่าไปก็เหมือนโบคุโตะจะเคยพูดถึงเรื่องค่ายหน้าร้อนนี่ให้เธอฟังอยู่บ้างแฮะ ที่ให้เธอมาช่วยติวก็เพราะเด็กหนุ่มอยากไปเข้าค่ายมากจนไม่อยากสอบตกแล้วต้องอยู่เรียนเสริมนี่นา
“ไปเถอะนะมะลิจัง~ ถ้ามะลิจังไปด้วยก็วางใจเรื่องกับข้าวได้เลย ไม่มีใครบ่นแน่ว่าอันนี้เค็มไปหรืออันนั้นหวานไป” ยูกิเอะยังคงหว่านล้อมอ้อนวอนมัลลิกาต่อ
เป็นที่รู้กันดีทั้งโรงเรียนว่าเด็กแลกเปลี่ยนจากไทยคนนี้มีฝีมือทำอาหารอร่อยเป็นเลิศขนาดไหน โรคุอิ มิกิ— นักเรียนม. 6 ที่เป็นประธานชมรมคหกรรมตามจีบมัลลิกาให้มาสมัครเข้าชมรมอยู่ทุกวี่วันเพราะหวังจะใช้ฝีมือทำอาหารของเด็กสาวต่างชาติคนนี้สร้างผลงานสำหรับงานโรงเรียนที่จะมาถึงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง น่าเศร้าที่มัลลิกาไม่ใจอ่อนเลย แต่กระนั้นก็ยังยอมรับปากว่าถ้าที่ชมรมเดือดร้อนขาดคนจริงๆ เธอก็เต็มใจที่จะไปช่วยเต็มที่
“จะดีเหรอคะ คือว่า… ยังไงฉันก็เป็นคนนอก” มัลลิกาเอ่ยอย่างไม่สบายใจนัก
“ต้องดีอยู่แล้วสิจ๊ะ! ฉันน่ะ… อยากกินกับข้าวฝีมือมะลิจังทุกวันเลยนะ ปิดเทอมหน้าร้อนนี้ช่วยทำความฝันของฉันให้เป็นจริงด้วยเถอะ!” ยูกิเอะที่เป็นสาวชอบกินมาแต่เดิมถึงกับรวบมือของมัลลิกามากุมเอาไว้แล้วเทินขึ้นเหนือหัวอย่างเทิดทูน
“สารภาพออกมาแล้วสินะยูกิจัง ว่าที่อยากให้มะลิจังมาเข้าค่ายด้วยก็เพราะอยากให้เขามาช่วยทำกับข้าวให้กินน่ะ” คาโอริหรี่ตาแซว
“คาโอริเองก็อยากได้คนมาช่วยทำอาหารเพิ่มด้วยเหมือนกันนั่นแหละ เพราะในหมู่ผู้จัดการทีมก็ไม่ได้มีคนทำกับข้าวเก่งอะไรมากมายอยู่แล้ว ยกเว้นเอริจังจากทีมอุบุกาวะนะ”
“ก็ถูกของเธอนะ” สาวผมหางม้าถอนหายใจอย่างเถียงไม่ขึ้น “มีคนทำกับข้าวเป็นแบบมะลิจังมาด้วยสักคนคงเบาใจไปได้เยอะเลยแหละ”
“ชมกันเกินไปแล้วล่ะทั้งสองคน” คนโดนชมกลายๆ ยกมือขึ้นลูบผมยาวสีดำของตัวเองอย่างเขินอาย
“มะลิ! ขอโทษนะ วันนี้กลับมืดกว่าวันไหนๆ เลย!” โบคุโตะวิ่งพรวดเข้ามาขอโทษขอโพยมัลลิกาเสียยกใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เด็กสาวหน้าหวานยิ้มบางๆ ไปให้
“เดี๋ยวฉันกับอาคาอาชิจะเดินไปส่งให้ถึงหน้าบ้านเลยนะ— ว่าแต่คุยอะไรกับพวกยูกิปเปอยู่เหรอ”
มัลลิกาทำหน้าจะตอบ แต่ก็ถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน
“พอดีเลยโบคุโตะ มาช่วยพวกฉันกล่อมมะลิจังให้ยอมไปค่ายฤดูร้อนด้วยกันหน่อยสิ” ได้ทียูกิเอะก็หลอกใช้โบคุโตะเสียเลย
ตาโตสีทองเบิกกว้างขึ้นมาทันทีที่ฟังจบ “ความคิดเยี่ยมไปเลยยูกิปเป! ไปด้วยกันเถอะนะมะลิ! ยังไงปิดเทอมนี้มะลิก็ว่างอยู่แล้วนี่!”
พอหลอกโบคุโตะให้ช่วยตื๊อได้สำเร็จ ยูกิเอะกับคาโอริก็แอบแปะมือแสดงความสำเร็จกันเงียบๆ สองคนโดยไม่ให้ใครเห็น ลองถ้าโบคุโตะอยากให้ไปแล้วแบบนี้ มัลลิกาก็คงปฏิเสธยากแล้วล่ะ เห็นได้ชัดจะตายว่าเด็กแลกเปลี่ยนจากไทยคนนี้มักจะโอนอ่อนให้โบคุโตะอยู่ร่ำไป
“โค้ชครับ! ค่ายหน้าร้อนนี้ให้มะลิไปกับทีมเราด้วยได้ไหม” แถมหมอนี่ก็รู้จักสรรหาสารพัดวิธีมามัดตัวมัลลิกาไม่ให้ปฏิเสธได้ง่ายๆ เสียด้วย
“หา? เอาจริงเหรอโบคุโตะ” อาจารย์ยามาจิยังอึ้งอยู่ที่จู่ๆ ก็จะให้เด็กนอกชมรมติดตามทีมไปเข้าค่ายด้วย
“นะคะอาจารย์~ พวกหนูสองคนกับผู้จัดการทีมอื่นดูแลพวกผู้ชายเป็นโขยงแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ” ยูกิเอะช่วยขอร้องอีกแรง
“อีกอย่าง ได้ยินว่าค่ายคราวนี้จะมีทีมใหม่จากจังหวัดมิยางิมาร่วมกิจกรรมด้วยไม่ใช่เหรอคะ” คาโอริเองก็ร่วมมือหาเหตุผลมาโอดครวญด้วยเช่นกัน
หลังจากฟังนักเรียนอ้อนวอนหว่านล้อมอยู่นาน ในที่สุดผู้กำกับทีมก็ยอมพยักหน้าเห็นชอบ ชายมีอายุรูปร่างใหญ่โตแข็งแรงยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ “ก็ได้ๆ เห็นว่าค่ายคราวนี้คนเยอะเป็นพิเศษหรอกนะเลยยอมให้ เดี๋ยวฉันทำจดหมายขออนุญาตผู้ปกครองเผื่อให้ก็แล้วกัน”
“สำเร็จ!” สองสาวผู้จัดการและโบคุโตะต่างก็ดีใจกระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่
“นี่! เอาแต่พูดเองเออเองกันอยู่ได้ มะลิจังเขาตอบตกลงเป็นเรื่องเป็นราวแล้วหรือยังหืม?!” โคมิที่ทนไม่ไหวต้องออกปากดึงสติสามคนนั้นเสียเอง
“อ๊ะ! จริงด้วยสิ!” คาโอริที่ลืมตัวรีบหันไปหามัลลิกาทัน “มะลิจังว่าไง ไปเถอะนะ นะ~”
“ใช่ๆ นะมะลิ นะ~” โบคุโตะเองก็ช่วยอ้อนด้วยอีกคน
เจอดวงตาออดอ้อนสามดวงประสานกันแบบนั้นเข้าไป คนขี้ใจอ่อนจนเสียนิสัยแบบมัลลิกาจะปฏิเสธยังไงไหว สุดท้ายก็ต้องยอมพยักหน้ารับปากไปในที่สุดจนได้
_________
การสอบผ่านพ้นไปด้วยดี โบคุโตะทำคะแนนภาษาอังกฤษออกมาได้อย่างสวยงามจนอาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์เจ้าของวิชาถึงกับตะลึงแกมประทับใจหน่อยๆ ต้องยกความดีความชอบนี้ให้กับติวเตอร์อย่างมัลลิกาจริงๆ ที่ช่วยดึงเกรดโบคุโตะให้เพิ่มขึ้นมาได้ และเพราะเหตุนี้เองเลยทำให้สมาชิกทุกคนในทีมฟุคุโรดานิสามารถไปเข้าค่ายปิดเทอมฤดูร้อนด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
หลังจากที่กล้าๆ กลัวๆ อยู่นาน ในที่สุดมัลลิกาก็สามารถรวบรวมความกล้าหยิบจดหมายขออนุญาตไปให้คาเคสึ เม— คุณป้าเจ้าของโรงแรมคาเคสึที่รับเป็นโฮสต์ดูแลเธอตลอดหนึ่งปีนี้ได้ในที่สุด
ทีแรกเด็กสาวกังวลกลัวว่าโฮสต์จะไม่อนุญาตด้วยซ้ำ เพราะนึกไปว่าท่านต้องการให้เธออยู่ช่วยงานที่โรงแรมมากกว่า แต่ดูเหมือนว่ามัลลิกาจะคิดมากเกินไป เมยอมเซ็นใบอนุญาตให้อย่างไม่อิดออดใดๆ พร้อมกับบอกว่าโล่งอกไปทีที่มัลลิกามีเพื่อนชวนให้ไปทำกิจกรรมชมรมด้วยเหมือนเด็กคนอื่นๆ เสียบ้าง เด็กสาวไม่รู้มาก่อนเลยว่าโฮสต์กำลังกังวลเรื่องที่เธอเป็นเด็กเงียบๆ เกินไปจนกลัวว่าเธออาจจะไม่มีเพื่อนให้ไปทำกิจกรรมสนุกๆ ตอนหน้าร้อนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เขา
‘ที่ฉันรับเป็นโฮสต์ให้เธอไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากหาคนมาช่วยงานโรงแรมหรอกนะ อันนั้นมันผลพลอยได้ เหตุผลจริงๆ ก็คือฉันอยากสัมผัสความเป็นแม่ที่ได้เลี้ยงดูเด็กวัยรุ่นอีกสักครั้งก็เท่านั้นเอง มะลิจังก็เห็นใช่ไหมล่ะว่าลูกสาวแท้ๆ ของฉันน่ะพอเข้ามหา’ ลัยแล้วก็แทบจะไม่แวะมาหาแม่แก่ๆ อย่างฉันบ้างเลย’
นั่นคือสิ่งที่เมสารภาพออกมากับเด็กสาวต่างชาติที่หล่อนคิดเสมอว่าจะดูแลให้ดีไม่ต่างจากลูกสาวอีกคนหนึ่ง เล่นเอามัลลิกาน้ำตาแตกไปเลยเพราะไม่นึกมาก่อนว่าโฮสต์จะดีกับเธอมากขนาดนี้
บางทีมัลลิกาอาจจะมีดวงเรื่องกัลยาณมิตรก็ได้ใครจะรู้
ตามกำหนดการที่พวกยูกิเอะส่งมาให้ผ่านอาคาอาชิ ดูเหมือนว่าสถานที่ใช้เข้าค่ายคราวนี้จะไม่ใช่โรงเรียนฟุคุโรดานิแต่เป็นอีกโรงเรียนหนึ่งในชานเมืองโตเกียวที่มีชื่อว่าเนโกมะแทน อาคาอาชิบอกว่าค่ายจะจัดที่เนโกมะแค่อาทิตย์นี้เท่านั้น แล้วก็จะย้ายไปจัดที่โรงเรียนชินเซ็นในไซตามะยาวๆ จนกว่าจะถึงช่วงแข่งคัดเลือกตัวแทนโตเกียว
มัลลิกาก้าวขาลงจากรถมินิบัสของโรงเรียนอย่างตื่นเต้นและประหม่าหน่อยๆ สองมือที่กระชับสายสะพายกระเป๋าเป้สีเหลืองใบโตเอาไว้นั้นผุดเหงื่อซึมจนเปียกชุ่มไปหมด
“มะลิซัง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่ายังง่วงอยู่” อาคาอาชิที่เดินตามหลังมาถามอย่างเป็นห่วง ด้วยความที่พวกเขาออกเดินทางกันมาแต่เช้ามืด เลยอาจจะทำให้บัดดี้สาวนอนไม่พอได้
“เปล่าๆ ฉันแค่ประหม่านิดหน่อยเท่านั้นเอง” มัลลิกาสั่นศีรษะไปมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องคิดมากหรอกครับมะลิซัง ทุกคนในค่ายไม่มีอะไรน่ากลัวเลย” เด็กหนุ่มผมดำยุ่งเหยิงกล่าวพร้อมกับยิ้มบางๆ มาให้
ได้ยินแบบนั้นมัลลิกาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมานิดหน่อย ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยคาโอริและยูกิเอะขนของลงจากรถด้วยอีกแรง ถึงสัมภาระจะไม่ได้มีเยอะมากมายอะไรก็เถอะ แต่เด็กสาวก็ไม่สบายใจอยู่ดีถ้าต้องเดินตัวเปล่าสบายใจเฉิบอยู่คนเดียว
“โอ้! มาแล้วเหรอๆ” เสียงแหบห้าวด้วยวัยที่โรยราดังขึ้นพร้อมกับร่างท้วมเตี้ยของชายชราคนหนึ่งที่มีภาพลักษณ์เหมือนแมวขาวแก่ๆ ตัวหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับคณะทีมจากโรงเรียนฟุคุโรดานิ
“สวัสดีครับ!” เด็กๆ จากทีมเยือนกล่าวทักทายชายชราอย่างพร้อมเพรียงกัน รวมถึงมัลลิกาเองก็ด้วย เธอไม่รู้หรอกว่าคุณปู่คนนี้เป็นใคร แต่ก็พอจะเดาได้อยู่ว่าคงไม่แคล้วเป็นผู้กำกับทีมของเนโกมะแน่ๆ ราศีและความมีประสบการณ์โชกโชนจับตาเสียขนาดนี้ แถมที่ด้านหลังของเขาก็มีเด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่ในเสื้อยืดสีดำและกางเกงวอลเลย์สีแดงเดินตามหลังมาอีกด้วย พวกนี้คงเป็นนักกีฬาของทีมเนโกมะสินะ
“โฮ่! ยังแข็งแรงเสียงดังกันดีเหมือนเคยสินะ ดีแล้วล่ะดีแล้ว” ชายชราหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี “เอาล่ะ ไปเก็บของเถอะไป ห้องพักจัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว คุโรโอะกับไคจะพาพวกเธอไปเอง”
“โอ้! ไงคุโร!” โบคุโตะกระโดดเข้าไปกอดคอทักทายคนตัวสูงที่มีทรงผมเหมือนหงอนไก่ทันที เห็นได้ชัดว่าสนิทสนมกันมานานมากแล้วในระดับหนึ่งทีเดียว
“หนวกหูเว้ยโบคุโตะ นี่เพิ่งจะหกโมงครึ่งเองนะ” คนที่ชื่อคุโรโอะทำหน้าเหม็นเบื่อหน่อยๆ พร้อมกับผลักหัวเจ้านกฮูกออกไปอย่างทีเล่นทีจริง
“พวกผู้ชายนอนรวมกันที่ชั้นหนึ่งกับสองของตึกวิทย์นะ จัดห้องแบบแยกตามทีมเอาไว้ให้แล้ว ห้องของฟุคุโรดานิเป็นห้องสามกับสี่ ส่วนผู้หญิงนอนรวมกันที่ชั้นสี่นะ” เด็กหนุ่มผมสั้นเกรียนหน้าตาใจดีเป็นมิตรกล่าว อาคาอาชิแอบกระซิบให้มัลลิการู้ว่าคนนี้มีชื่อว่า ‘ไค โนบุยุกิ’ มีตำแหน่งเป็นรองกัปตันทีมของเนโกมะ ส่วนกัปตันทีมตัวจริงก็คือคนผมหงอนไก่ท่าทางไม่น่าไว้ใจที่อยู่กับโบคุโตะคนนั้นนั่นเอง
“อาคาอาชิ ทีมนายมีผู้จัดการทีมคนใหม่เหรอ” เสียงเนือยๆ เหมือนคนง่วงนอนของโคสึเมะ เคนมะถาม สองตาเรียวคมเหมือนตาแมวจับจ้องไปทางร่างโปร่งบางของเด็กสาวแปลกหน้าที่เกาะกลุ่มเดินหายไปกับพวกคาโอริอย่างสงสัย
“ไม่ใช่หรอก มะลิซังแค่มาช่วยงานชั่วคราวน่ะ เธอเป็นเด็กแลกเปลี่ยนที่ย้ายมาเรียนปีนี้” อาคาอาชิตอบพร้อมกับเดินตามคนในทีมไปที่ตึกเรียนที่ถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นห้องพักชั่วคราวของพวกเขา
“อ๋อ…” เคนมะพยักหน้าเงียบๆ ก่อนที่บรรยากาศสงบสุขยามเช้าจะถูกทำลายลงอีกครั้งด้วยเสียงโวยวายของ ‘ยามาโมโตะ ทาเคโทระ’
“ม่ายยยยยย! ฟุคุโรดานิมีผู้จัดการหญิงสามคนแล้วเหรอเนี่ย นี่มันอะไรก๊านนนนน!”
“ยามาโมโตะหนวกหู” เคนมะด่าวิงก์สไปเกอร์ผมโมฮอว์กเข้าให้หนึ่งที ดูเหมือนว่าหมอนี่เองก็เข้าใจผิดถึงสถานะของมัลลิกาเหมือนกันสินะ
“คือว่า… ฉันไม่ใช่ผู้จัดการหรอกค่ะ แค่มาช่วยงานอีกแรงเฉยๆ เท่านั้นเอง” คนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้จัดการทีมรีบโบกมืออธิบายให้เด็กหนุ่มคนนั้นเข้าใจ
บทสนทนาที่เด็กสาวจากต่างโรงเรียนส่งมาให้นั้น ทำเอายามาโมโตะที่ไม่ค่อยจะมีภูมิต้านทานสาวสวยตั้งรับไม่ทัน เด็กหนุ่มได้แต่อ้าปากพะงาบๆ พูดออกมาแทบไม่เป็นคำ หน้าเน่อแดงก่ำไปหมดจนมัลลิกาชักจะงง แต่ยังไม่ทันจะได้ถามไถ่อาการอะไรเพิ่มเติมดี เด็กหนุ่มผมโมฮอว์กก็หันหลังวิ่งหนีออกไปเสียแล้ว แถมยังตะโกนแหกปากไปตลอดทางว่า ‘สาวสวยพูดกับฉันด้วย’ อีกต่างหาก
เป็นคน… แปลกจังแฮะ มัลลิกาที่ถูกทิ้งให้ยืนงงอยู่ตามลำพังคิดกับตัวเองเงียบๆ
“ขอโทษแทนหมอนั่นด้วยนะ น่าอายจริงๆ เลยให้ตายสิ!” ‘ยาคุ โมริสึเกะ’ เอ่ยปากขอโทษแทนยามาโมโตะอย่างสุภาพ
“เอ่อ… ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มัลลิกาตอบอย่างไม่ได้ติดใจถือโทษอะไรก่อนจะแนะนำตัวตามมารยาท “ฉันชื่อมะลิค่ะ เป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากไทย”
“ฉันยาคุ โมริสึเกะนะ เล่นตำแหน่งลิเบอโร่แหละ”
“อ๊ะ! ตำแหน่งเดียวกับโคมิซังใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้วล่ะ!” ยาคุยิ้มรับ “มะลิจังอย่าไปสนใจยามาโมโตะมันเลยนะ หมอนั่นพอเห็นทีมอื่นมีผู้จัดการเป็นผู้หญิงเข้าหน่อยก็เลยอิจฉาน่ะ”
“อ๋อ… เข้าใจแล้วค่ะ” พอได้คนปกติและร่าเริงแบบยาคุมาคุยด้วยก็เลยพลอยทำให้เด็กสาวคลายความประหม่าลงไปได้บ้าง
“มะลิจัง ไปเก็บของเข้าห้องพักเรากันเถอะ” ยูกิเอะตะโกนเรียกมัลลิกาให้รีบวิ่งตามมาได้แล้ว
“เอ่อ จ้ะ! ไปเดี๋ยวนี้แหละ— ขอตัวก่อนนะคะ” ประโยคสุดท้ายมัลลิกาหันมาพูดกับยาคุก่อนจะรีบวิ่งดุ๊กๆ ตามเพื่อนสาวผู้จัดการทีมไปอย่างเร่งรีบ
“น่ารักจังเลยนะมะลิจังเนี่ย แถมยังพูดญี่ปุ่นเก่งมากด้วย” พอพ้นหลังมัลลิกาไป ยาคุก็เข้ามาหวีดกับเคนมะและอาคาอาชิต่ออย่างร่าเริง “แต่เหมือนมะลิจังจะสูงพอๆ กับฉันเลยแฮะ ขางี้ยาวเหมือนนางแบบเลย”
“ยามาโมโตะต้องน่ารำคาญมากกว่าเดิมแน่เลย” เคนมะบ่นงึมงำขึ้นมา เล่นเอาอาคาอาชิเกือบหลุดขำออกมาทีเดียว ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วยว่าบัดดี้ของเขานั้นเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ติดแค่ว่าเจ้าตัวไม่ค่อยสนใจใครเท่าไหร่เพราะเอาแต่ชอบโบคุโตะอยู่ฝ่ายเดียวเนี่ยสิ
“ยาคุ ได้ความว่าไง รู้ชื่อเธอชื่อยังหา?” คุโรโอะทิ้งโบคุโตะให้ขึ้นตึกเรียนไปก่อนแล้วเดินปรี่เข้ามาหาลิเบอโร่คนเก่งของทีมด้วยสีหน้าจริงจัง
ยาคุกลอกตา “รู้แล้ว เขาชื่อมะลิ เป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากประเทศไทย”
“หา? เป็นคนต่างชาติหรอกเหรอ?!” กัปตันทีมเนโกมะร้องออกมาอย่างตกใจ
เคนมะและอาคาอาชิมองกัปตันทีมตัวสูงหน้าตาทรงโจรของเนโกมะอย่างละเหี่ยใจ
มาถึงค่ายแค่ห้านาทีเท่านั้น แต่มัลลิกาก็เริ่มจะป๊อปปูล่าร์เสียแล้ว แม้แต่คุโรโอะเองก็ยังเป็นเอามากจนถึงกับต้องใช้ให้ยาคุมาหลอกถามชื่อให้แบบนี้
“อย่าห่วงน่า เขาพูดญี่ปุ่นคล่องดีทีเดียว อีกอย่างนายเองก็พูดภาษาอังกฤษได้ไม่ใช่เรอะ” ยาคุตบหลังเพื่อนตัวสูงอย่างให้กำลังใจ
“ก็จริงแฮะ” คุโรโอะพยักหน้าก่อนจะหันไปหาเซตเตอร์ที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กของตัวเองพร้อมกับใช้มือเสยผมชี้โด่ชี้เด่ของตัวเองไปด้วย “นี่เคนมะ นายว่าวันนี้ฉันหล่อยัง”
“หา?” ไม่ใช่แค่เคนมะเท่านั้น แม้แต่อาคาอาชิกับยาคุเองก็เผลอทำหน้าปูเลี่ยนออกมาด้วยเหมือนกันเมื่อเจอคำถามสุดพิลึกของกัปตันทีมเนโกมะเข้าไป
“เดี๋ยวเถอะพวกนาย! ทำไมต้องทำหน้ากลั้นอ้วกแบบนั้นด้วย!” คุโรโอะโวยวายออกมาอย่างเสียเซลฟ์สุดๆ
ความคิดเห็น