ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Haikyuu!! - 縁と浮世は末を待て (Bokuto x oc) END

    ลำดับตอนที่ #15 : 木マリ (6) - ‘หนังผีเหรอคะ?’ — มัลลิกา

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 64





     

    Haikyuu!!

    縁と浮世は末を待て


     

      



    Haikyuu!!

    Bokuto x oc

     

     

     

    ***** Warning: มีการสปอยล์เนื้อหาในมังงะ

     

     

     

    (14)

    ‘หนังผีเหรอคะ?’

    — มัลลิกา

     


         “มะลิ ไปหาอะไรกินกันดีไหม ฉันเห็นมีร้านแฮมเบอร์เกอร์อยู่แถวนี้พอดีเลย” โจชัว เฟรย์เอ่ยชวนเพื่อนร่วมงานสาวที่วันนี้ต้องมาร่วมชะตากรรมเรียนเสริมภาษาญี่ปุ่นด้วยกันในวันเสาร์แต่เช้าแบบนี้


         “เอ่อ… ขอโทษค่ะโจ พอดีฉัน… ต้องไปทำธุระที่อื่นอีกค่ะ” มัลลิกาปฏิเสธอย่างกล้อมแกล้ม แถมตะกี้ก็เกือบจะหลุดปากออกไปว่ามีนัดเดทอยู่แล้วเชียว โชคดีที่ยั้งปากเอาไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงได้ถูกซักไซ้ไม่หยุดแน่ โจชัวเป็นคนดี เธอไม่เถียง แต่กระนั้นเขาก็เป็นฝรั่งที่ขี้สงสัยเป็นอย่างมาก และมัลลิกาก็ยังไม่อยากให้ใครอื่นรู้เรื่องของเธอกับโบคุโตะเร็วนักด้วย


         แบบว่า… เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าหลังจากเดทวันนี้ผ่านไปแล้วจะเป็นยังไงต่อเหมือนกัน คงต้องรอให้หมดวันก่อนถึงจะให้คำตอบกับตัวเองได้มากกว่านี้


         “อ้าวเหรอ? งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปคนเดียวก็ได้”


         “ขอโทษนะคะโจ” หญิงสาวกล่าวอย่างรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องทิ้งให้อีกฝ่ายไปกินข้าวคนเดียว


         “น่า~ อย่าคิดมาก ฉันไม่ซีเรียสอยู่แล้ว” หนุ่มผมทองตาฟ้าเคราครึ้มโบกมืออย่างไม่ยี่หระก่อนจะรวบรวมหนังสือเรียน สมุดจด และปากกาเก็บใส่กระเป๋าเป้ใบเก่งของตัวเอง


         โรงเรียนสอนภาษาที่โจชัวกับมัลลิกามาเรียนนั้นเปิดอยู่ที่ชั้นสองของอาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮิงาชิโอซาก้าอันพลุกพล่าน ซ้ำยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอีกด้วย สถานที่นัดไปดูหนังของมัลลิกากับโบคุโตะก็คือที่ห้างฯ นั้นนั่นแหละ


         เมื่อสองหนุ่มสาวชาวต่างชาติเดินลงบันไดมาจนถึงชั้นล่างของตึกเรียน โจชัวก็ขอแยกไปอีกทางทันทีเพื่อให้มัลลิกามีเวลาส่วนตัวตามที่ต้องการ เมื่อได้อยู่ตามลำพัง มือบางก็ควานหามือถือในกระเป๋าสะพายไหล่ใบโตทันที นิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความไปหาโบคุโตะเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างเชื่องช้าเพราะยังไม่ถนัดกับการพิมพ์ผ่านแป้นดีนัก แต่สุดท้ายหลังจากที่ยืนงมอยู่นาน มัลลิกาก็สามารถพิมพ์ออกมาจนได้ประโยคที่สมบูรณ์ในที่สุด


     

    ลา มะลิลา:

    ฉันเลิกเรียนแล้วค่ะ ให้ไปรอที่ห้างฯ เลยไหมคะ

     


         ไม่นาน ข้อความที่ส่งออกไปก็ขึ้นว่าถูกอ่าน

     


    Hey Hey Hey:

    อื้ม! มะลิไปเดินเล่นในห้างฯ รอก่อนได้เลย

    ฉันแต่งตัวแป๊บเดียว

    เดี๋ยวจะซิ่งไปหาเลย!

     


         ข้อความที่ค่อยๆ รัวเข้ามาในห้องแชทส่วนตัวของพวกเขาทำเอาหญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นและไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง


         เมื่อเช้าตอนกำลังเลือกชุดใส่อยู่ที่อพาร์ทเม้นต์ของตัวเองนั้น เธอยังคิดอยู่เลยว่าเรื่องเดทวันนี้อาจจะเป็นแค่ความฝันก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นมัลลิกาก็ยังอุตส่าห์พิถีพิถันเลือกชุดที่จะใส่ในวันนี้มากเป็นพิเศษอยู่ดี แถมยังเสียเวลาแต่งหน้านานกว่าปกติอีกด้วย


         ว่าแล้วหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเงาตัวเองในกระจกร้านดอกไม้ที่เธอหยุดยืนส่งข้อความอยู่ เสื้อสเวตเตอร์ลายทางกับกางเกงผ้าฮานาโกะขายาวสีฟ้าอ่อนแบบนี้จะดูธรรมดาไปหรือเปล่านะ แถมรองเท้าผ้าใบสีขาวที่สวมอยู่ก็มีรอยเปื้อนอยู่ตั้งสามสี่จุดแหนะ


         พลันมัลลิกาก็รีบส่ายหัวเรียกสติให้ตัวเอง


         ไม่เอาน่ามะลิ! มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ! อย่างน้อยวันนี้เธอก็แต่งหน้าได้สวยดีทีเดียวนะ!

     

     

    ลา มะลิลา:

    งั้นฉันจะรอที่ร้านหนังสือนะคะ


     

         หญิงสาวบอกสถานที่นัดเจอแบบเจาะจงไปให้เพราะจำได้ว่าที่ห้างฯ นั้นมีร้านหนังสือขนาดใหญ่อยู่ที่ชั้นสาม


         โบคุโตะส่งสติกเกอร์วัวอุชิซังทำแขนโค้งเป็นรูปวงกลมมาให้เป็นคำตอบว่าโอเค มัลลิกาจึงส่งสติกเกอร์กลับไปเช่นเดียวกันก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าและเดินมุ่งหน้าไปที่ตึกกระจกสีฟ้าที่สูงโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้าด้วยหัวใจพองโตและเต้นรัว

     


    __________



         ร่างโปร่งบางเดินดูหนังสือที่เรียงรายกันอยู่บนชั้นวางไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอ้อยอิ่งอยู่ที่ชั้นหนังสือมังงะนานเป็นพิเศษ ถึงจะยังไม่สามารถอ่านภาษาญี่ปุ่นได้อย่างแตกฉานเท่าเจ้าของภาษาหรือคนที่สอบวัดระดับได้เลเวลสูงกว่าเท่าไหร่ แต่มัลลิกาก็ยังชอบที่จะได้สัมผัสและเปิดดูตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นที่เป็นต้นฉบับอยู่ดี เธอมักจะบอกคนอื่นอยู่เสมอว่ามันให้ความรู้สึกที่คลาสสิกดี


         หลังจากยืนเปิดดูอยู่สักพัก มือบางก็วางวันพีซเล่มแรกฉบับภาษาญี่ปุ่นกลับเข้าชั้นตามเดิมเพราะไม่อยากถูกกิเลสครอบงำจนเผลอซื้อหนังสือติดไม้ติดมือไปให้หนักกระเป๋าเพิ่ม อีกอย่างช่วงนี้เงินเดือนเธอก็ยังไม่ออกด้วย แถมข้าวของในอพาร์ทเม้นต์ก็ยังขาดเหลืออีกตั้งหลายอย่าง เธอควรจะประหยัดเงินเพื่อเอาไปซื้อของที่จำเป็นก่อน คิดได้แบบนั้นร่างบางก็เลยเดินไปหาอะไรอ่านที่โซนนิตยสารแทน ดูจากจำนวนปกที่มีเหลืออยู่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย มัลลิกาก็สะท้อนใจว่าสื่อสิ่งพิมพ์นั้นกำลังซบเซามากเต็มที่แล้วจริงๆ


         ตาสีดำไล่มองไปทีละเล่มเพื่อจะหาอะไรน่าสนใจมาอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอ ตอนนั้นเองที่ใบหน้าหนึ่งบนปกนิตยสารสามารถดึงความสนใจของมัลลิกาได้อย่างจัง พอเพ่งมองดูดีๆ แล้ว ปากอิ่มก็ถึงกับอ้าค้าง ก่อนที่มือจะเผลอยื่นออกไปหยิบนิตยสาร GQ ฉบับปกของประเทศญี่ปุ่นออกมาถือไว้ในมืออย่างไม่ทันรู้ตัว


         แม้จะเป็นภาพขาวดำ แต่มัลลิกาก็สามารถจินตนาการได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาโตคมของนายแบบที่กำลังจ้องตรงมาผ่านรูปภาพนั้นมีเฉดสีทองอำพันที่สวยมากแค่ไหน


         ใช่แล้ว นายแบบบนปกก็คือโบคุโตะนั่นเอง!


         ก็… พอจะรู้อยู่หรอกว่าบางครั้งพวกนักกีฬาก็จะรับงานถ่ายแบบหรือไม่ก็โฆษณาบ้างตามความเหมาะสม แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าคอนเซปต์ถ่ายแบบของโบคุโตะจะออกมา… ฮอตแบบนี้


         เธอไม่เคยเห็นชายหนุ่มแสดงสีหน้าและสายตาแบบนี้มาก่อนเลย ช่างภาพคงจะเก่งมาทีเดียวถึงได้ทำให้โบคุโตะสามารถส่งสายตานิ่งขรึมที่ขับเน้นความหล่อเหลาและเซ็กซี่ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อแบบนี้ ขนาดว่าเขาไม่ได้ถอดเสื้อโชว์เนื้อหนังอะไรมากมายเลยแท้ๆ บนตัวชายหนุ่มยังคงมีเสื้อผ้าอยู่ครบทั้งท่อนบนและท่อนล่าง เพียงแต่ว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เจ้าตัวใส่อยู่นั้นถูกปลดกระดุมลงมาหมดทั้งแผง เผยให้เห็นแผ่นอกและกล้ามท้องเป็นลอนให้พอน่าค้นหาเท่านั้น


         จู่ๆ มัลลิกาก็รู้สึกอยากกลืนน้ำลายขึ้นมาเอาเดื้อๆ แถมกว่าจะรู้ตัวก็เผลอจ้องตากับคนในรูปนานจนแทบไม่ได้ขยับไปไหนเลย และคงจะยืนอยู่นานกว่านี้แน่ๆ ถ้าหากว่าเธอจะไม่ได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาใช้นิ้วเคาะกระจกเรียกเบาๆ เข้าเสียก่อน


         แผงนิตยสารที่หญิงสาวยืนอยู่นั้นถูกจัดอยู่บริเวณใกล้กับประตูทางเข้าร้าน โดยมีเพียงผนังกระจกที่กั้นระหว่างด้านในและด้านนอกเอาไว้เท่านั้น และเมื่อมัลลิกาเงยหน้าขึ้นมาดู หญิงสาวก็ต้องเจอเข้ากับดวงตากลมโตสีทองของโบคุโตะที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้วเข้าอย่างจัง


         ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีดำทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็กเกต กางเกงขายาวแบบลำลอง รองเท้าผ้าใบหรือแม้แต่หมวกแก๊ปที่เจ้าตัวใส่มาเพื่อช่วยปิดบังใบหน้า จะมีก็แต่เสื้อยืดตัวในเท่านั้นที่เป็นสีขาวสกรีนลายแปลกๆ ที่เธอเองก็ยังมองไม่ออกว่ามันเป็นลายอะไร


         พอโบคุโตะตัวจริงมายืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้ มัลลิกาก็เผลอกดนิตยสารในมือเข้ากับตัวแน่น สองแก้มก็รู้สึกได้ว่าร้อนผ่าวไปหมดราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบไปเล่นซนมาทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ


         ก็แค่เผลอจ้องรูปเขาตาเป็นมันก็เท่านั้นเอง


         ‘เดี๋ยวฉันเข้าไปหานะ’ โบคุโตะพิมพ์ข้อความใส่จอโทรศัพท์ให้มัลลิกาอ่านผ่านกระจกเพื่อสื่อสารด้วย แต่หญิงสาวกลับรีบโบกมือบอกว่าไม่ต้อง เธอจะออกไปหาเขาเอง ซึ่งชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็พยักหน้าตกลงแล้วยืนคอยเธอแต่โดยดี


         หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะรีบวางนิตยสารเล่มนั้นกลับเข้าชั้นตามเดิม


         ใจเย็นหน่อยมัลลิกา กับอีแค่รูปภาพ อย่าไปใจสั่นให้มากนักจะได้ไหม!



    _________



         “มะลิอยากดูเรื่องอะไรเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาขณะที่พวกเขากำลังยืนดูตารางฉายหนังบนป้ายจอแอลซีดีกันอยู่ที่ชั้นบนสุดของตัวห้างฯ


         ทันทีที่ชายหนุ่มถาม หญิงสาวที่กำลังใจลอยและประหม่าอยู่ก็ได้สติขึ้นมาทันใด ก่อนจะพยายามส่งเสียงตอบออกไปอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย “เอ่อ… อะไรก็ได้ค่ะ”


         โบคุโตะก้มหน้ามองมัลลิกาเงียบๆ อย่างไม่สบายใจ บางทีหญิงสาวอาจจะเกร็งกับการมาเดทนี้มากกว่าที่เขาคิดก็ได้ ตั้งแต่ตอนเขามาถึงห้างฯ และกำลังเดินหาร้านหนังสือที่ว่าก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เหมือนจะมองมาทางเขาบ่อยๆ เพราะจำได้ว่าเขาคือโบคุโตะ โคทาโร่ นักกีฬาดาวรุ่งจากทีม MSBY มัลลิกาเองก็อาจจะสังเกตเห็นเรื่องนี้เหมือนกันเลยมีท่าทางใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้ ปกติเธอก็ขี้อายและไม่ชอบเป็นจุดสนใจอยู่แล้วนี่นะ


         “มะลิ ใส่หมวกแทนฉันเอาไหม” ร่างสูงก้มตัวลงเพื่อให้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันแล้วถาม


         “คะ?” ระยะห่างที่จู่ๆ ก็ลดลงมากะทันหันทำให้มัลลิกาถึงกับผงะและก้าวเท้าถอยหลังอย่างอัตโนมัติ


         ชายหนุ่มยืดตัวตรงและยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองก่อนจะตอบ “ก็-- ตั้งแต่เข้ามาในห้างฯ คนก็ชอบมองมาทางเราตลอดเลยใช่ไหมล่ะ ไอ้ฉันน่ะไม่อะไรหรอกเพราะชินแล้ว แต่มะลิอาจจะอึดอัดที่ต้องเป็นเป้าสายตาก็ได้ ฉันเลยจะให้มะลิใส่หมวกแทน อย่างน้อยถ้ามีคนแอบถ่ายรูปไปลงเน็ต คนก็จะได้ไม่เห็นหน้ามะลิไง”


         มัลลิกาถึงกับเงียบไป ดูเหมือนโบคุโตะจะคิดเผื่อเธอไปไกลหลายขั้นมากทีเดียว ในขณะที่เธอนั้นมัวแต่เกร็งและใจลอยไม่เข้าท่าเพราะยังถูกภาพถ่ายสุดฮอตบนปก GQ ฉบับนั้นตามหลอกหลอนอยู่ไม่หาย


         ก็มันช่วยไม่ได้นี่ จะหาว่าเธอหมกมุ่นก็ได้ แต่รูปบนปกนั้นมันติดตาเธอนี่นา พอต้องมาเดินกับตัวจริงแบบนี้มันก็อดเขินไม่ได้เหมือนกันนะ!


         แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรไป โบคุโตะก็จัดการสวมหมวกใบที่ว่าลงมาที่ศีรษะของมัลลิกาเองเสียแล้ว


         “ใส่ไว้เถอะนะมะลิ โลกอินเทอร์เน็ตเดี๋ยวนี้มันน่ากลัว” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยกมือขึ้นจัดทรงผมของตัวเองไปด้วย


         มือบางขยับหมวกบนหัวให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ ว่าขอบคุณ พร้อมกับความรู้สึกอุ่นๆ ข้างในใจที่ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ดูจะห่วงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของเธอมากกว่าที่คิด


         “มะลิไม่ต้องเกรงใจอะไรฉันเลยนะ วอยเชอร์เนี่ยดูได้ทุกเรื่องไม่จำกัดโรง ถ้าอยากอัปเกรดที่นั่งเป็นฮันนีมูนซีทก็ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าถูกกว่าราคาปกติอยู่ดีแหละ!”


         “เอ่อ… ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ เลือกที่นั่งธรรมดาแถวบนก็พอ”


         โบคุโตะพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง “แล้ว… สรุปอยากดูเรื่องอะไรล่ะมะลิ”


         “อะไรก็ได้จริงๆ ค่ะ คือว่า… หนังที่ฉันอยากดูมันยังไม่เข้าโรงน่ะ” ใจจริงเธออยากดู 'มายฮีโร่ อคาเดเมีย เดอะมูฟวี่' แต่ก็อย่างที่บอกไป ต้องรอถึงอาทิตย์หน้ากว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าโรง


         “งะ งั้นเหรอ— งั้นไว้เรามาใหม่อาทิตย์หน้าไหมมะลิ?” โบคุโตะมีสีหน้าวุ่นวายใจอย่างยิ่ง


         “อาทิตย์หน้าโปรแกรมซ้อมและออกกำลังกายจะจริงจังมากขึ้นแล้วค่ะ ทั้งคุณและฉันคงไม่ว่างมาดูหนังแบบนี้แล้วล่ะ” หนึ่งในทีมเทรนเนอร์เตือนความจำให้กับนักกีฬาคนดัง


         จริงด้วยแฮะ โบคุโตะคอตกทันควัน


         ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นโปสเตอร์หนังเรื่องหนึ่งเข้า มันเป็นภาพโทนสีดำอึมครึมชวนขนหัวลุกของปีศาจที่สวมชุดแม่ชีสุดสะพรึงที่ใครๆ ต่างก็รู้จักมันเป็นอย่างดี


         หนังเรื่องผีแม่ชีเข้าโรงมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วนี่นา!


         ตาโตสีทองกลมโตลุกวาวเป็นประกายขึ้นมาทันที


         ในใจโบคุโตะมีแผนที่คิดไม่ซื่ออยู่อย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะออกจากหอพักนักกีฬามา อัตสึมุแนะนำว่าอย่าเลือกดูหนังรักโรแมนติก แต่ให้เลือกดูหนังผีหรือไม่ก็หนังสยองขวัญแทน เผื่อว่ามัลลิกาจะกลัวแล้วเผลอมาเกาะแขนหรือไม่ก็มาซุกไหล่เขาได้อย่างไรเล่า


         ถึงไอเดียนี้จะฟังดูน่าสนใจดี แต่กระนั้นในชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง โบคุโตะก็เกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อยว่าจะชวนมัลลิกาดูเรื่องนี้ดีหรือไม่ ก็เขาน่ะ ไม่อยากทำเธอกลัวเลยจริงๆ นะ


         แต่สุดท้ายโบคุโตะก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับจิตใจด้านชั่วร้ายของตัวเองเข้าจนได้


         “เอ่อ… งั้นเราดูเรื่อง 'เดอะ นัน' กันไหมมะลิ”


         “หนังผีเหรอคะ?” หญิงสาวทำตาโตอย่างแปลกใจ


         “อื้ม! มะลิกลัวหรือเปล่า”


         มัลลิกานิ่งคิดสักพักก่อนจะส่ายหน้า “เปล่าค่ะ… ดูได้ค่ะ”


         “งั้นก็ดูเรื่องนี้นะ!” โบคุโตะยิ้มออกมาอย่างสมใจ


         “ค่ะ”


         เมื่อตกลงกันได้แล้ว ร่างสูงก็รีบไปติดต่อซื้อตั๋วกับพนักงานที่เคาน์เตอร์พิเศษทันที ทิ้งให้มัลลิกายืนคอยและมองไปทางโปสเตอร์หนังผีแม่ชีอย่างหวาดๆ เล็กน้อย


         จริงๆ แล้วเธอไม่ค่อยถูกโรคกับหนังผีเท่าไหร่ แต่อาสึกะจังเคยส่งไลน์มาเล่าว่าได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว พร้อมกับรีวิวให้ฟังว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คาดหวังเอาไว้เท่าไหร่ มัลลิกาก็เลยคิดว่าบางทีเธออาจจะดูหนังเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องกลับไปนอนหลอนมากนักก็ได้


         หรือถึงกลัว… อย่างน้อยเธอก็จะได้หาเรื่องเกาะแขนโบคุโตะด้วยไงล่ะ



    __________


     

         อาสึกะจังโกหก!ไหนว่าไม่น่ากลัวไงเล่า!ตอนนี้เธอกลัวจะตายอยู่แล้ว!


         มัลลิกาตะโกนต่อว่าอดีตรูมเมทในใจไม่หยุดขณะที่กางมือปิดตาแบบแง้มๆ พอให้เหลือช่องว่างระหว่างนิ้วเอาไว้เพราะความอยากรู้ไปด้วย บรรยากาศในหนังนั้นทั้งวังเวง น่ากลัวและอึมครึมกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก แต่ก็อย่างว่า อาสึกะจังเป็นคอหนังสยองขวัญนี่นา เห็นหน้าตาจุ๋มจิ๋มนุ่มนิ่มเหมือนก้อนโมจิแบบนั้น แต่กลับดูหนังผีหรือหนังฆาตกรรมเลือดสาดได้แบบตาไม่กะพริบเลยนะ น่ากลัวว่าเจ้าสาวหมาดๆ คนนั้นคงจะเคยดูอะไรที่มันน่ากลัวยิ่งกว่านี้มาแล้วแน่ๆ ถึงได้บอกว่าผีแม่ชีไม่น่ากลัว!


         “ฮือ มะลิ ผีไปหรือยัง” เสียงทุ้มของโบคุโตะที่ครางถามหงิงๆ อยู่ใกล้ๆ ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เช่นเดียวกับฝ่ามือร้อนผ่าวที่เกาะกุมอยู่บนแขนและไหล่ของเธอไม่ยอมปล่อย


         “ไม่รู้ค่ะ ฉันปิดตาอยู่” หญิงสาวกระซิบตอบเสียงเบาพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะนึกขำอย่างละเหี่ยใจกับสภาพของเธอและเขาในตอนนี้


         โบคุโตะน่ะเริ่มออกอาการกลัวตั้งแต่ฉากแรกแล้ว และก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้จากที่มัลลิกาตั้งใจว่าจะเป็นคนซุกเขา กลายเป็นว่าตอนนี้เขาเป็นฝ่ายซุกเธอแทนเสียอย่างนั้น เรียกได้ว่าสลับบทบาทย้อนแย้งกันสุดๆ ไปเลย!


         กว่าหนังจะจบก็เล่นเอาหัวใจเกือบวายไปหลายรอบ แต่ยังดีที่พอถึงช่วงท้ายเรื่องมัลลิกาก็เริ่มสนุกและลุ้นไปกับการหาทางปราบปีศาจแม่ชีของพวกตัวเอกได้ (แต่ก็ยังหลอนหน้าของผีแม่ชีอยู่ดีแหละนะ) พอออกจากโรงมาได้ หญิงสาวก็นึกเสียใจขึ้นมา ช่างเป็นการดูหนังที่ไม่คุ้มค่าตั๋วเอาเสียเลย ถึงจะเป็นการใช้วอยเชอร์ซื้อมาโดยไม่ต้องเสียเงินสักเยนก็เถอะ


         “เอ่อ-- หิวหรือยังคะโบคุโตะซัง ไปหาอะไรกินก่อนกลับกันเถอะ” มัลลิกาเอ่ยชวนขึ้นมาก่อนจะชะงักไปเมื่อไม่เห็นร่างสูงเดินคู่มาด้วยกันเหมือนทีแรก หญิงสาวหันซ้ายหันขวามองหาไปทั่ว ก่อนจะเห็นว่าโบคุโตะนั่งกอดเข่าอยู่ตรงบันไดทางเข้าโรงหนังพร้อมกับบรรยากาศห่อเหี่ยวที่ปกคลุมร่างกายใหญ่โตนั้นเสียจนมืดมน


         โหมดสิ้นหวังเหรอ? โหมดสิ้นหวังที่เธอไม่ได้เห็นมานานสินะ!


         คิดได้แบบนั้นร่างโปร่งบางก็ก้าวเข้าไปหาแล้วถามอย่างเป็นห่วง “ปะ… เป็นอะไรไปคะโบคุโตะซัง”


         คนตัวใหญ่ทำหน้างอมากกว่าเดิมและไม่ยอมพูดจาตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น


         “คือว่า… ถ้าคุณไม่พูดฉันก็ไม่รู้จะช่วยยังไงหรอกนะคะ”


         พอได้ยินมัลลิกาพูดแบบนั้นโบคุโตะก็เหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้าง เขารีบปรับสีหน้าให้มาปกติเหมือนเดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเองอีกครั้ง “ไม่มีอะไรหรอกมะลิ”


         “เหรอคะ?” หญิงสาวมองเขาอย่างกังขา


         “…” ชายหนุ่มเงียบไปสักพักก่อนจะยอมบอกสาเหตุออกมาตามตรง “ก็ฉันน่ะ! เอาแต่ซุกมะลิอยู่ได้ตลอดทั้งเรื่องเลย โคตรจะไม่คูล!”


         มัลลิกาฟังแล้วก็ได้แต่อึ้ง ก่อนที่เสียงหวานจะหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้


         เหตุผลนั่นออกจะ… เด็กไปสักหน่อย แต่ก็สมกับเป็นโบคุโตะดี ราวกับว่าหนุ่มน้อยคนนั้นในวันวานยังไม่หายไปไหน ยังคงอยู่ที่ตรงนั้นในส่วนที่ลึกที่สุดในตัวโบคุโตะเสมอ


         “มันไม่ขำนะมะลิ!” เสียงทุ้มโอดครวญใส่อย่างงอแง


         “ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับกลั้นยิ้มไปด้วย ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างไม่ให้ขาดตอน “อย่าคิดมากเรื่องนั้นเลยค่ะโบคุโตะซัง ก็ผีแม่ชีมันน่ากลัวจริงๆ นี่นา”


         “นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันจะสื่อนะมะลิ!”


         คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดมุ่นเล็กน้อย “แล้วคุณจะสื่อว่าอะไรล่ะคะ”


         “ก็ฉันควรจะเป็นคนให้มะลิซุกสิถึงจะถูก!” เขากล่าวเสียงดังพร้อมกับตบลงไปที่อกตัวเองดังป้าบ


         หนนี้มัลลิกาหัวเราะร่วนออกมาอย่างกลั้นไม่ได้แล้วจริงๆ


         “มะลิ~!!” ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอเสียงยานอย่างงอแงหนักขึ้น อะไรกันเนี่ย บอกว่าอย่าหัวเราะก็ยังหัวเราะอยู่ได้!


         “ฉันหัวเราะเพราะว่าคุณน่ารักและตลกดีหรอกค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะเยาะเย้ยคุณเลย”


         “…” โบคุโตะทำปากบุ้ยอย่างงอนๆ


         “อีกอย่าง… การที่คุณกลัวหนังผีก็ไม่ได้ทำให้คุณดูเท่น้อยลงในสายตาฉันหรอกค่ะ”


         ชายหนุ่มถึงกับผงกหัวตาโตเป็นนกฮูกขึ้นมาทันควัน


         เมื่อกี้มะลิพูดว่าเราเท่เหรอ?


         ฝ่ายหญิงสาวนั้นรู้ดีว่าตัวเองพูดอะไรออกไป และเธอก็ไม่ได้อยากแก้ตัวอะไรด้วยเพราะมันเป็นความรู้สึกจริงๆ ที่เธอมีให้เขา บางทีเรื่องชวนขำในโรงหนังเมื่อครู่นี้อาจจะช่วยละลายพฤติกรรมเคอะเขินที่ผ่านมาของพวกเขาทั้งคู่ให้หายไปแล้วไม่มากก็น้อย ตาสีดำล้ำลึกจึงหลุบมองพื้นและยิ้มบางโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนที่ร่างบางจะหันหลังเดินนำหน้าคนตัวโตออกจากบริเวณโรงหนังไปไกลมากขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการหน้าแดงที่ดูจะทำได้ไม่แนบเนียนเท่าไหร่นัก


         โบคุโตะเองก็เสียอาการไม่ต่างกันนัก เขาถึงกับหลุดยิ้มออกมาจนหน้าบาน ก่อนจะรีบก้าวขายาวๆ ตามไปจนสามารถตามทันร่างโปร่งบางได้ไม่ยาก “มะลิคิดว่าฉันเท่จริงๆ เหรอ?!”


         ดูท่าเขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ สินะ


         “ฉันหิวแล้วค่ะ คุณมีร้านแนะนำไหม” แต่หารู้ไม่ว่ามัลลิกานั้นยังคงเก่งเรื่องทำหน้ามึนอยู่ไม่ต่างจากเมื่อสมัยก่อนเลยสักนิดเดียว


         “มะลิ~ เมินคำถามกันแบบนี้ได้ไง?!”


         “ยังไงก็อย่าเลือกร้านฟาสฟู้ดจะดีกว่านะคะโบคุโตะซัง” แม้ว่าเขาจะเซ้าซี้ แต่มัลลิกาก็จิตแข็งมากขึ้นจนไม่คล้อยตามไปกับอารมณ์เอาแต่ใจของอีกฝ่ายได้โดยง่ายอีกแล้ว


         “มะลิอะ~!”




    __________



    T A L K


         ซาวด์จากเดอะนันมาค่ะ! 555555555

         เรารู้สึกว่าโบคุโตะต้องเป็นคนแบบนี้แน่นอนค่ะ ประเภทที่ว่าอยากจะโชว์ว่าไม่กลัวผี แต่พอเอาเข้าจริงแล้วก็กลัวมากเหมือนกัน จากทีแรกวางแผนอย่างดีว่าจะให้มะลิซุก กลายเป็นว่าตัวเองไปซุกมะลิแทน 555555555555555 แต่มะลิก็แสนดีไม่ได้มองว่าพี่แกเท่น้อยลงเลยค่ะ หมั่นไส้! ดีใจจนหน้าบานเพราะเขาบอกว่าตัวเองเท่~

         เราว่ามะลิอยู่กับคุณโบแล้วต้องได้หัวเราะบ่อยขึ้นแน่ๆ ค่ะ คุณโบดูเป็นคนตลกโดยไม่ได้ตั้งใจดีนะ แหะ~

         ตอนหน้าก็น่าจะยังอยู่ในวันเดทนี้ต่อนะคะ กลัวจะยาวไปเลยหั่นเป็นสองตอนค่ะ

         ปล. ช่วงนี้รีดเดอร์รักษาสุขภาพ ระวังตัวกันด้วยนะคะ เราเองก็ตุ้มๆ ต่อมๆ อีกแล้ว คนในบ้านที่ทำงานมีคนติดโควิดกันเกือบหมดเลยค่ะ *กัดฟันกอดเข่าแน่นมาก*


    #มะลิกับนกฮูก

    sun&moon

    04.07.2021 

         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×