ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fiction :: Stubborn Boy [Eunhae]*

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 :: Eunhyuk x Donghae*

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 53


    Chapter 7 :: Eunhyuk x Donghae

     

    ณ ร้านวายน์ เล็กๆร้านหนึ่ง

     

    “คุณอีทึกครับๆ โต๊ะ8ขอเชิญผู้จัดการร้านไปคุยครับ” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินเข้ามาหลังร้าน เรียกชายร่างบางที่กำลังทำบัญชีของอาทิตย์ที่แล้วอยู่ นับวันๆพนักงานร้านเล็กๆอันเป็นที่รักของเขาเริ่มน้อยลงทุกที อีทึกจึงมีหน้าที่ต้องจัดการเองแทบจะทุกอย่าง

     

    อีทึกวางปากกา ถอดแว่นที่สวมอยู่แล้วเดินไปพบลูกค้า

    “เอ่อ มีไรอะไรหรือครับ” อีทึกในมาดผู้นำถามด้วยคำพูดที่สุภาพ

    “น้อง ให้เด็กที่ไหนมาเปิดขวดไวน์ให้ผมเนี่ย ดูเสื้อสีขาวผมสิ! กลายเป็นสีม่วงแล้ว!! ไม่พอ เอาอีกขวดมาเปิด เปิดประสาบ้าอะไร ไวน์พุ่งเข้าหน้าผมเนี่ยยย” ลูกค้าออกแนวผู้บริหารพันล้านโวยวายขึ้น ทำให้อีทึกหน้าเหวอไม่น้อย เปิดไวน์พลาดก็ว่าแย่แล้ว แต่ที่แย่กว่า เพราะคนที่เปิดคือ อีทงเฮน้อยชายต่างบิดาของเขาเอง

     

    “ผมต้องขอโทษแทนเจ้าเด็กบ้านี่จริงๆนะครับ เดี๋ยวผมจะไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยนนะครับ” อีทึกโค้งหัวให้หลายสิบครั้ง รวมทั้งตะโกนบอกเจ้าน้องตัวดีให้ขอโทษลูกค้าอย่างด่วน

    “ทงเฮ! ขอโทษเขาสิวะ” คนเป็นน้องก็ต้องเชื่อฟังอย่างว่าง่าย

     

    “เออๆ ครั้งนี้ฉันจะยกให้ครั้งนึง เห็นแก่อีหนูนี่ด้วย เด็กใหม่สินะ” คุณผู้บริหารสูงวัยมองร่างเล็กอย่างเพ่งพินิจ

    “ครับบ เด็กใหม่” อีทึกตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    “ไปฝึกเปิดขวดให้มันดีกว่านี้ ดีนะที่ฉันเป็นลูกค้าใจเย็น ถ้าเป็นคนอื่นนะ เขาเอาเรื่องตายแล่ว” 2พี่น้องบืนหัวเราะแหะๆ ยิ้มแหยๆ

     

    แต่ก็ไม่เข้าใจว่าผู้สูงอายุนี่แพ้ทางเด็กวัยรุ่นหน้าตาน่ารักหรือไง เขาถึงได้ยอมอย่างว่าง่าย จากนั้นพนักงานเสิร์ฟอีกคนก็วิ่งเอาเสื้อเชิ๊ตสีขาวมาให้คุณลูกค้าเปลี่ยนใหม่ ส่วนทงเฮโดนอีทึกดึงหูเข้าหลังร้านไปโดยปริยาย

     

     

    “ว๊ากกก!~ ทึกฮยอง ผมเจ็บน้า T^T” ทงเฮร้องลั่นหลังร้าน

    “ก็บอกให้ฝึกดีๆก่อนแล้วค่อยไปเปิดปากขวดไงเล่า ทำไมนายไม่ฟังพี่ฮะ!” อีทึกดุไปบิดหูไป จนทงเฮน้ำตาเร็ดด้วยความเจ็บปวด

    “ก็ตอนนั้นไม่มีใครอยู่หน้าร้านเลยอ้ะ แล้วลูกค้าก็เรียกผมไปเปิดอ้ะ โอ๊ยยย ปล่อยก่อนได้ไหมอ่าทึกฮยองง เจ็บบบ!!~” ร่างเล็กตอบไปดิ้นไปร้องไป จนอีทึกสะบัดมือออกแรงๆออกจากหูน้อยๆของทงเฮ ทงเฮได้แต่ลูบป้อยๆ

    ซักวันหูตูต้องหลุดคามือฮยองแน่ๆT___T’ ทงเฮคิด

     

     

    “อีทึก ไม่เห็นต้องดุน้องเลยนี่” เสียงเข้มจากสวรรค์ ช่วยทงเฮจากมารร้ายทึกกี้ได้สำเร็จ

    “คังอิน นายก็ใจดีเกินไป  นายเป็นเจ้าของร้านนะ ไม่รู้ว่าลูกค้าขาประจำคนนั้นเขาจะมาร้านของนายอีกไหมน่ะสิ” อีทึกว่าพลางมีสีหน้ากังวลนิดหน่อย

    “เอาหน่าทึกกี้ ให้ทงเฮฝึกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เป็นเอง” ทั้งๆที่ร้านขาดพนักงานหลายตำแหน่ง แต่คังอินก็มีจิตใจที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น มีความเป็นผู้นำเสมอ ทั้งที่ก็พอจะรู้อยู่ว่าช่วงนี้ร้านยอดขายตก แต่ก็ยังทำให้คนในร้านมีกำลังใจไปด้วย

     

    “ทงเฮ ออกจากหลังร้านไปก่อน” อีทึกไล่น้องชายสุดที่รักก่อนที่คังอินจะเข้ามานั่งข้างๆโต๊ะทำงาน

    “งั้นเดี๋ยวผมกลับบ้านก่อนนะทึกฮยอง วันนี้ต้องทำรายงานตั้ง3เล่มแน่ะ อันนยองครับคังอินฮยอง” ทงเฮโอดครวญยกใหญ่ ก่อนจะเดินออกจากร้านไป

     

    “ทึกกี้จะเครียดทำไมล่ะ ผมยังมีกำลังใจจะต่อสู้เลย”คังอินจับมือเพื่อนสนิทแน่น

    “แต่ยอดขายตกลงทุกเดือน แถมพนักงานก็ลาออกกันไปทีละคนสองคนเนี่ยนะ” อีทึกยังคงสิ้นหวัง

    “สักวันมันต้องกลับมาดีเหมือนเดิมแหละทึกกี้ ช่วงนี้เศรษฐกิจมันไม่ดีเฉยๆ ยอดขายเลยตก รอช่วงปลายปีสิ ผมมั่นใจว่า ยอดขายต้องเพิ่มสูงแน่นอน” คังอินกอดปลอบพื่อนสนิทอยู่นาน  ทำให้อีทึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

     

    ถ้าอีทึกไม่ได้เจอคังอิน ป่านนี้เขาจะมีงานทำไหม ป่านนี้เขาจะมีเงินส่งทงเฮเรียนหรือเปล่า?

    สำหรับอีทึกแล้ว คังอินก็คือผู้มีพระคุณคนหนึ่ง พอทำงานไปนานเข้า ฐานะของคังอินก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง คือเพื่อนสนิท เขาไม่มีทางทิ้งร้านและเพื่อนคนสำคัญไปได้หรอก

     

    แต่สำหรับคังอินแล้ว....ตอนแรกอีทึกก็เป็นเพียงเด็กฝึกงานที่ป๊อปปูล่าในร้านเล็กๆคนหนึ่ง แต่นานไปๆ ความสนิทสนมมันเริ่มก่อตัวขึ้น จากคำว่าเด็กฝึกงาน เป็นเพื่อน จากเพื่อน เป็น....คนสำคัญ เพียงแต่ว่า

    อีทึกไม่เคยรู้เท่านั้นเองว่าตนสำคัญสำหรับชายหนุ่มร่างใหญ่คนนี้มากแค่ไหน

     

     

     

     

     

    ในขณะที่มือเล็กๆกำลังปั่นรายงานยิกๆๆ อยู่ สักพัก กระดาษก็มีคราบเลือดแปะไปตามทางที่เขาลากมือเขียนไปเรื่อยๆ ร่างเล็กชะงัก ก่อนจะพลิกมือไปมา หาว่าที่มามาจากไหนวะ และพบว่าบริเวณข้อมือของเขามีแผลขนาดใหญ่ สักพักความเจ็บก็เริ่มมาเยือนที่ข้อมือของเขา ร่างเล็กดีดนิ้วดังเป๊าะ นึกออกเลยว่าตอนที่เปิดขวดไวน์ แรงอัดมันทำให้ฝาของขวดกระเด็นไปบาดข้อมือของเขา

    ร่างเล็กรีบวิ่งไปล้างแผลในห้องน้ำ ก่อนจะควานหากล่องปฐมพยาบาลในห้องของพี่ชาย แต่ทว่าจู่ๆ

    ภาพที่ร่างสูง เพื่อนสนิทของเขายื่นกล่องปฐมพยาบาลมาให้นั้นโผล่มาในหัวของเขา

    เขายิ้มกับตัวเองแล้ววิ่งไปหยิบกล่องพยาบาลที่ฮยอกแจให้ออกมาใช้ทันที เมื่อเปิดกล่องปฐมพยาบาลขนาดพกพา เขาก็เห็นกระดาษใบเล็กๆใบหนึ่งเขียนไว้ว่า

    อีทงเฮ

    คนซุ่มซ่ามอย่างนาย ฉันว่าต้องใช้มันคุ้มแน่ๆ

                                                    อีฮยอกแจ

    ถึงแม้จะไม่ใช่คำพูดที่หวานซึ้ง แต่ก็ทำให้ร่างเล็กรู้ว่า เขาเป็นห่วง ความรู้สึกทั้งหมดของฮยอกแจ มันผ่านกระดาษใบนี้มาหมดแล้ว (แม้ว่าตอนนี้ฮยอกแจจะกำลังต่อต้านความรู้สึกของตัวเองอยู่ก็ตาม)

     

    ทำแผลไปยิ้มไป เพราะเขาให้ความสำคัญกับร่างสูงมาก จึงมีความสุขมากในช่วงเวลาที่คนๆนั้นคอยเทคแคร์และห่วงใยเขา

    อีฮยอกแจ คือเพื่อนคนสำคัญที่สุด สำหรับเขา. . .

     

     

     

     

     

     

    “คุณชายมานั่งเหม่ออะไรที่สวนคนเดียวครับ” ชินดง พี่เลี้ยงของฮยอกแจถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

    “ผมคิดอะไรเพลินๆน่ะครับ กำลังสงสัยอะไรนิดหน่อย” คุณชายตอบพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนที่พี่เลี้ยงจะนั่งลงข้างๆ

     

    “นี่ ฮยอง” ฮยอกแจเรียกคนข้างๆ แต่สายตาก็ยังเหม่อลอยไปไกล

    “ครับ คุณชาย” ชินดงยังคงสังเกต อากัปกริยาที่แปลกๆของเจ้านายอันเป็นที่รัก

    “ในชีวิตนี้ ฮยองจะอยู่เป็นพี่เลี้ยงผมไปถึงเมื่อไหร่” ฮยอกแจเปิดประเด็น

    “ก็คง...เรื่อยๆไปจนแก่แหละครับ คุณท่านกับคุณหญิงมีพระคุณต่อผมมาก” ชินดงตอบ

    “แล้วฮยองไม่คิดจะแต่งงานบ้างหรอ”

     

    “ไม่รู้สิครับ มันเป็นเรื่องของอนาคต ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะมีคู่ไหม ถ้ามี คู่ของผมจะเป็นชายหรือหญิง” ชินดงพูดออกไปตามความคิด

    “ผู้หญิงสิ! ชินดงฮยองเป็นผู้ชายไม่ใช่เราะ!” ฮยอกแจหันมามองชินดงด้วยสีหน้าตกใจ ชินดงเห็นอาการลุกลี้ลุกรนแปลกๆของ เจ้านายก็อดหัวเราะไม่ได้

    “ทำไมต้องรนขนาดนั้นล่ะครับคุณชาย ไม่จำเป็นว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเสมอไปนะครับ”

    “อ่าว! ถ้าผู้ชายไม่คู่กับผู้หญิง แล้วจะมีลูกไว้สืบทอดตระกูลยังไงล่ะฮะ ชินดงฮยองเป็นไข้ปะเนี่ย= =” จากที่เหม่อลอย ฮยอกแจกลับมาเถียงพี่เลี้ยงของตนอย่างจริงจัง

    “นี่คุณชายนึกถึงแต่เรื่องสืบพันธ์หรือครับเนี่ย =[]=

    “เห้ย! เปล่าซะหน่อย แต่มันคือหลักที่ถูกต้องต่างหาก! ไม่งั้นคนเราเกิดมาจะแบ่งแยกเพศไว้ทำไมเล่า!” ฮยอกแจใส่อารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ

     

    “หรือว่า.....คุณชาย...กำลังมีปัญหาเรื่องความรักรึเปล่าครับ” ชินดงถามเพราะจับจุดผิดสังเกตได้

    =[]= มะ....มีอะไร ปัญหาอะไรฮะ มีที่ไหน ผมแค่สงสัยอะไรนิดเดียวเองนะ!”ฮยอกแจโวยวายกลับ ทำให้พี่เลี้ยงคนสนิทอย่างชินดงรู้ว่า มีปัญหาชัวร์ - -

    “ฮะๆๆ ครับๆ มีอะไรก็ปรึกษาผมได้นะครับ แต่ผมบอกคุณชายไว้อย่าง ความรักน่ะ ไม่มีผิดหรือถูก ไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ แค่เราได้เจอคนที่ใช่ คนที่เราคอยห่วงหา อยากอยู่ใกล้ คนที่เราคอยคิดถึงตลอดเวลา คนที่เรายอมทำเพื่อเขาทุกอย่าง นั่นแหละครับ ความรัก” ชินดงตอบยิ้มๆ แล้วมองปฏิกริยาของคุณชายจอมดื้อ จอมทิฐิ ก็เห็นว่าคุณชายทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่างตั้งอกตั้งใจ เหมมือนเด็ก3ขวบแก้ไขโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์อยู่เลย

     

    “ผมขอตัวไปล้างรถให้คุณชายก่อนนะครับ” ชินดงลูบหัวคุณชายอย่างเอ็นดูก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

     

    เฮ้ออ!! ความรัก ทำไมมันยุ่งยากจังวะ!’ ฮยอกแจสบถในใจ

     

     

     

     

    เด็กสาวสาวเท้าอย่างฉับไว แต่ด้วยกระโปรงลายลูกไม้ยาวประมาณเข่าที่หล่อนสวมมาทำให้หล่อนวิ่งได้ไม่เร็วดั่งใจคิด เป็นเวรกรรมอะไรที่หล่อนจะต้องลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่มหาวิทยาลัยในวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยนะ!

    เมื่อถึงล๊อกเกอร์ของตน อิมยุนอา หล่อนก็เปิดล๊อกเกอร์หากระเป๋าสตางค์ แต่ทว่า มีแต่จดหมายและPost it ที่บรรดาหนุ่มๆเขียนมาถึงเขาเต็มไปหมด แต่เพียงเขาไมคิดจะใส่ใจกับกระดาษพวกนั้นเลย จนเพื่อนสาวที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

    “นี่ยุนอา จดหมายมาเต็มล๊อกเกอร์เธอเลยอะ ไม่เปิดดูหน่อยหรอ”

    “ไม่อ่ะ เปิดทำไม ถ้าเจสสิก้าอยากเปิดดูเราก็ไม่ว่านะ เฮ้อ...กระเป๋าตังค์อยู่ไหนเนี่ย” ยุนอายังคงหากระเป๋าตังค์ไม่เลิก จนกองจดหมายกระเด็นลงพื้นหมด ส่วนเจสสิก้าเพื่อนสาวของยุนอาก็ตามเก็บจดหมายที่หล่นตามพื้น แล้วเปิดอ่านทีผ่านๆทีละใบ

     

    “ถึงน้องยุนอา สวัสดีครับ พี่ชื่อ.....” ไม่ทันที่เจสสิก้าจะอ่านชื่อ ยุนอาก็พูดขัดขึ้นมาก่อน

    “เจสสิก้า จะอ่านออกเสียงให้ได้อะไรเนี่ย”

    “อ่าว ก็เผื่อยุนอาจะสนใจไง ไม่สนเลยอ่อ มีตั้งหลาย10ฉบับ สงสัยจะหลายสิบคนนะเนี่ย มีคณะอื่นด้วยนะ” เจสสิก้าตะลึงหน่อยๆ ไม่คิดว่าเพื่อนของตนจะสเน่ห์แรงขนาดนี้

    ยุนอาไม่ได้ใส่ใจ หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากล๊อกเกอร์แล้วเดินตรงออกจากห้องที่เต็มไปด้วยตู้ล๊อกเกอร์ของนิสิตฯเป็นร้อยๆตู้ เจสสิก้าจึงวิ่งตามยุนอาออกมาพร้อมกับจดหมายกองโตๆ

    “นี่ๆ ทำไมเธอไม่สนใจผู้ชายที่เข้ามาหาเธอซักคนเลยเนี่ย หรือว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว?” เจสสิก้ายังคงไม่เลิกล้มความพยายาม แต่กลับทำให้ยุนอาชะงักเท้าทันที

    “เห้ ยุนอา เป็นอะไรไปเนี่ย นิ่งเลยอ่ะ หรือว่าจะจริง” เจสสิก้าวิ่งขึ้นมาดักหน้ายุนอาไว้

    “................” ยุนอายังคงไม่ตอบ แต่มีสีหน้าที่แปลกไป ซึ่งเดาไม่ได้ว่ากำลังมีความสุข หรือ ความทุกข์

    “ว่าแต่...ยุนอาก็ไม่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนเลยนี่นา”

    “เจสสิก้า พอเถอะ ฉันไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละ” ยุนอาพูดปัดก่อนจะเดินต่อ แต่ทว่า....อีกประโยคที่ทำให้ยุนอาถึงกับชะงักทันที ในสิ่งที่เพื่อนสาวพูดออกมา

     

    “เอ๊ะ ! หรือว่า...ยุนอาจะชอบฮยอกแจ ต้องใช่แน่ๆเลยอะ ฮยอกแจเป็นผู้ชายที่อยู่กับยุนอาบ่อยที่สุดแล้วนี่ ฮิฮิ”

    เจสสิก้าพูดไปโดยไม่ได้ใส่ใจคำตอบของยุนอาเลยสักนิด เพราะใครๆหลายคนบ้างก็มองว่ายุนอาและฮยอกแจเป็น...คู่รักกัน แต่ยุนอาก็ไม่ได้ใส่ใจกับความคิดของเจสสิก้ามากนัก ปล่อยแม่นั่นดี๊ด๊าอยู่คนเดียว

    “เลิกเดาสุ่มสี่สุ่มห้าเถอะเจส ถ้าฉันมีคนที่ชอบแล้ว เดี๋ยวฉันก็บอกเธอเองแหละ จะไปกันยังเนี่ย ฉันหิวข้าวแล้วนะ”

    “จ้าๆ แม่คนสวย ฉันก็หิวเหมือนกัน” และเมื่อพูดถึงเรื่องอาหาร เจสสิก้าก็ลืมเรื่องที่พูดออกไปเมื่อกี๊ทั้งหมด(สรุป เจสสิก้าเห็นอาหารสำคัญที่สุดนั่นเอง 555)






    ต้องขอโทษจากใจที่ลงช้านะฮะ
    เนื่อจากป่วยอย่างแรงงง เลยไม่ได้ลง
    อ้ะๆ แต่ว่า...ไม่ได้เปน2010นะ

    มีคอมเม้นนึงเม้นว่างงๆที่ฮยอกแจให้ทงเฮรอนาน
    แล้วรีบวิ่งมา

    จะไขความข้องใจว่า
    ตอนเช้าจักรยานทงเฮพัง ทงเฮล้ม
    พอถึงมหาลัย ทงเฮมาห้องพยาบาล มาทำแผล เจอฮยอกแจนอนอยู่

    ตอนเย็นที่ทงเฮรอฮยอกแจพาไปส่งที่บ้าน ที่ฮยอกแจมาช้า
    เพราะมัวแต่ไปหา กล่องปฐมพายาลขนาดพกพามาให้ทงเฮไง
    ^______^ เอาง่ายๆเลย สรุปสั้นๆได้ใจความ ฮยอกแจเป็นห่วงทงเฮนั้นเองจ้า

    ขอบคุณสัหรับคอมเม้นมากๆเลยนะ
    ไม่สบาย พอเปิดมาเจอยังงี้ล้ะปลื้มใจจ T[]T !!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×