ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักแท้ ไม่ใช่ของเทียม

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 49


    ตอนที่ 3

    บ้านของวินทกรอยู่ย่านชานเมืองห่างไกลจากบ้านหลังอื่นๆ ในชุมชนนั้นพอประมาณ ดูจากข้างนอกแล้ว บ้านหลังนี้ก็เหมือนกับบ้านหลังอื่นๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ ออกจะคล้ายบ้านร้างด้วยซ้ำไปเพราะนอกจากตัวเขาเองแล้วบ้านหลังนี้ก็ไม่มีคนอื่นอีกนอกจากสัตว์เลี้ยงอีกไม่กี่ตัวของเขาเท่านั้นเอง มิหนำซ้ำตัวเขาก็ไม่ค่อยใส่ใจที่จะดูแลรักษาภายนอกบ้านเท่าไหร่ด้วยจึงทำให้ภายนอกมันดูโทรมลงกว่าสมัยพ่อแม่ตนยังมีชีวิตอยู่ แต่ภายในนั้นยังมีสภาพดีอยู่ โดยเฉพาะที่ห้องทำงานใต้ดินที่เขาต่อเติมเองขึ้นเพื่อเป็นมุมทำงานประจำของตนเอง

    ห้องนี้แบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ส่วนที่เป็นห้องทดลองจริงๆ อยู่ด้านในและกั้นเป็นสัดส่วนด้วยกระจกบานใหญ่ ส่วนด้านนอกนั้นเป็นทั้งห้องทำงานและมุมพักผ่อนที่สะดวกสบายที่สุดแม้ว่าจะดูรกๆ ไปบ้างตามประสาคนไม่ค่อยชอบเก็บกวาดบ้าน แต่เขาก็พอใจที่จะให้มันเป็นเช่นนั้นเอง เขามักจะขลุกอยู่ในห้องนี้เป็นเวลานานๆ แม้ว่าวันนั้นเขาจะไม่คิดทำอะไรก็ตาม เขาก็ยังมานั่งที่นี่เพื่ออ่านหนังสือหรือไม่ก็ฟังเพลงบรรเลงสบายๆ แก้เบื่อ วินทกรไม่ชอบบรรดาเพลงไทยสมัยนี้ที่เปิดกรอกหูให้ฟังทั้งเช้าค่ำตามวิทยุโทรทัศน์นักหรอก เพราะเบื่อที่แต่ละค่ายล้วนแต่จ้องหานักร้องประเภทขายความสวยความหล่อมาร้องเพลง หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าแหกปากตะโกนแข่งกันเสียมากกว่าไม่ได้มีความไพเราะละเมียดละไมอะไรเลย ว่าก็ว่าเถอะ เขาได้ยินมาว่าแม่ยอดขมองอิ่มของตนเองนี่ก็ดูเหมือนเคยถูกค่ายเทปแห่งหนึ่งติดต่อไปทำเพลงกับเขาด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ยังตกลงรายละเอียดกันไม่ได้เท่านั้นเอง

    ‘จะมีอะไรกัน มันกลัวว่าค่ายเทปทุ่มเงินโปรโมตเทปของมันไม่พอแล้วเทปเจ๊งเสียชื่อคนดังร้องเพลงหมดนะซิโธ่เอ๊ย คงนึกว่าตัวเองเสียงดีตายละ ฮี่ธ่อ จะบอกให้ เสียงหยั่งกะแมวร้องไห้อย่างนี้ต่อให้โปรโมตหนักแค่ไหนก็เจ๊ง เชื่อเถอะ’ ใครคนหนึ่งเคยนินทาเธอในอินเตอร์เนต
    วินทกรย่อมไม่มีวันเห็นด้วยกับข้อความดังกล่าวนี้เด็ดขาด เพราะสำหรับเขาแล้ว อะไรๆ ในตัวพรรักษ์คนนี้ย่อมล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีเลิศน่าชื่นชมไปเสียทั้งนั้นแหละ อย่างเช่นเสียงของเธอ เขาฟังเหมือนกับเสียงจากไวโอลินตัวโปรดที่เขาชอบหยิบมาเล่นอยู่เสมอเวลาเหงาๆ เมื่อคิดถึงเธอขึ้นมา

    เสียงหึ่งๆ จากเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องทดลองปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ ‘ได้เวลาแล้วซิ’ เขาคิดอยู่ในใจก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องชั้นในอย่างฉับไว สายตาจับจ้องอยู่บนเตียงผ่าตัดที่มีฝาครอบแก้วขนาดใหญ่ครอบเอาไว้ ภายในนั้นมีแมวสีขาวลายเทานอนสงบนิ่งอยู่ตัวหนึ่งซึ่งดูเผินๆ แล้วเหมือนกับว่าไม่มีชีวิตแต่อย่างใดนอกจากว่าตามตัวของมันมีสายยางที่ต่อเข้ากับเครื่องควบคุมที่มีหน้าปัดบอกตัวเลขต่างๆ เต็มไปหมดและมีของเหลวบางอย่างกำลังไหลผ่านสายยางเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายของมันตลอดเวลา จนกระทั่งมีเสียงกิ๊กดังออกจากเครื่องควบคุม ของเหลวนั้นจึงไหช้าลงๆ จนกระทั่งคงที่ และที่น่าพิศวงที่สุดคือ ลักษณะของมันนั้นช่างเหมือนกับแมวอีกตัวหนึ่งที่เขาเพิ่งเอามาขังไว้ในกรงที่ตั้งอยู่ข้างๆ ประตูห้องราวกับพิมพ์ออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันไม่ผิดเพี้ยน

    “เยี่ยมมาก มันได้ผลจริงๆ ด้วย เอาละ ตอนนี้ก็ถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว” เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมกับเดินสายไฟเส้นเล็กๆ จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจิ๋วๆ มาที่เตียงนั้นแล้วกดปุ่มเดินเครื่อง   เพียงพริบตาเดียวก็เกิดกระแสไฟฟ้าลั่นเปรี๊ยะเบาๆ อยู่ในเตียงครอบแก้ว ชั่วครู่เขาก็ปิดเครื่องพร้อมกับดูผลที่เกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น

    ในวินาทีนั้น ร่างของแมวที่นอนบนเตียงอย่างสงบนิ่งคล้ายไร้ชีวิตมาตลอดกลับเริ่มมีอาการกระตุกเล็กน้อย จากนั้นจึงลืมตาอันใสแจ๋วของมันขึ้นพร้อมกับขยับขาทั้งสี่ข้างช้าๆ และร้องเหมียวๆ อันเป็นอาการของแมวที่มีชีวิตทุกประการก่อนที่จะพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นแต่ติดที่สายโยงยางต่างๆ ที่ติดอยู่รอบตัวมัน วินทกรจึงรีบเปิดฝาครอบออกมาพร้อมกับปลดสายโยงต่างๆ เหล่านั้นออกจากตัวมันจนหมด ชั่วครู่เดียว เจ้าแมวตัวนั้นก็กระโดดลงจากเตียงพร้อมกับส่งเสียงร้องไปทั่วห้อง วินทกรรีบเอาจานนมและอาหารแมววางไว้ให้เจ้าเหมียวมีโอกาสลิ้มลองอาหาร ‘มื้อแรก’ ในชีวิตของมันจนเกลี้ยงจานก่อนจะอุ้มมันไปขังไว้ในกรงข้างๆ กับเจ้าแมวตัวแรกที่กำลังจ้องมองอากัปกิริยาของเพื่อนใหม่ของมันอย่างงงๆ ก่อนที่เขาจะจัดการกับสิ่งขับถ่ายของมันเพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทั่วห้องซึ่งเขาใช้เป็นที่พักผ่อนเกือบทั้งวัน

    วินทกรได้ศึกษาถึงเรื่องนี้มานานนมแล้วตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนหนังสือ แต่เท่าที่เขาได้อ่านพบมา วิทยาการด้านการสร้างจำลองสิ่งชีวิตให้มีลักษณะเหมือนเดิมตัวทุกประการด้วยวิธีเพาะจากเซลล์ของร่างเดิม หรือที่ฝรั่งเรียกว่า ‘โคลนนิ่ง’  นี้แม้จะเกิดขึ้นมานานแล้วในต่างประเทศก็จริงอยู่ แต่ทั้งหมดที่เคยทดลองกันมาต้องอาศัยการเพาะเซลล์ให้เป็นตัวอ่อน แล้วจึงนำไปฝากไว้ในท้องแม่ให้คลอดออกมาตามปกติก่อนจะปล่อยให้ลูกที่เกิดขึ้นเจริญเติบโตตามธรรมชาติต่อไป แต่สำหรับตอนนี้เขาพบวิธีการที่ทันสมัยกว่านั้นด้วยการเลี้ยงตัวอ่อนที่เพาะได้แล้วด้วยอาหารที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงในหลอดแก้วปลอดเชื้อ เทคนิคของเขานั้นไม่เพียงแต่จะไม่ต้องพึ่งพาท้องแม่ในการเจริญของตัวอ่อนเท่านั้น  แต่ยังสามารถเร่งการเจริญเติบโตของร่างจำลองที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วจนมีอายุเท่ากับตัวเดิมในเวลารวดเร็ว อย่างเจ้าเหมียวตัวนี้ตัวจริงมีอายุกว่าสิบขวบแล้ว แต่เขาสามารถสร้างร่างจำลองให้เหมือนกับมันได้ทุกประการได้ในเวลาเพียงไม่ถึงสัปดาห์ อย่างนี้แล้วจะหาอะไรที่วิเศษกว่านี้ได้อีกเล่า

    แต่คิดๆ ดูแล้ว ใครจะเชื่อเขาว่าเรื่องนี้เป็นความจริง ถูกละ ถ้าหากเขาทดลองได้เฉพาะกับสัตว์ ทุกคนคงคิดว่าเขาเอาแมวฝาแฝดที่ไหนมาหลอกลวงกันเสียมากกว่า ดังนั้นถ้าจะให้ทุกคนเชื่อว่าเขาทำได้จริงๆ เขาจะต้องทำการทดลองกับคน และต้องเป็นคนดังๆ ที่เป็นรู้จักกันทั่วไป จะได้ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยเรื่องประวัติของคนๆ นั้นว่าไม่เคยมีพี่น้องฝาแฝดจริงๆ มาก่อน

    แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่าที่เขาจะทำอย่างนั้น บางที เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาจะค้นคว้าเรื่องนี้ไปทำไมในเมื่อเขายังมองไม่เห็นประโยชน์ที่แท้จริงของมันเลยนอกจากความรู้ที่ได้มา ใครๆ คงไม่คิดจะให้เขาสร้างร่างจำลองของตนเองให้หรอก ถ้าจะมีก็อาจเป็นพวกคนดังๆ ที่เกิดอยากเก็บตัวพักผ่อนเงียบๆ แต่ทำไม่ได้ก็อาจจะสนใจบ้าง หรือบางทีก็อาจจะมีพวกเสี่ยใหญ่ๆ ที่บ้ากามบางคนที่อาจให้เขาช่วยสร้างร่างจำลองของดาราคนโปรดของตนไว้เป็นนางบำเรอบ้าง แต่อย่างหลังนี้คงไม่มีเจ้าของร่างต้นแบบคนไหนยอมแน่ๆ และเขาเองก็ไม่คิดจะลดตัวใช้ความรู้หากินในทางชั่วร้ายแบบนี้เด็ดขาด

    “บางที เราน่าจะกลับไปค้นคว้าไอ้ครีมสมุนไพรบำรุงผิวพรรณนั่นต่อดีกว่า เผื่อจะผลิตขายได้” เขารำพึงกับตัวเองเบาๆ ขณะที่เดินกลับไปนั่งที่มุมพักผ่อนส่วนตัวอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับหยิบไวโอลินคันโปรดขึ้นมาสีเบาๆ ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับกระแสเสียงอันอ่อนหวานของมัน

    จริงซิ ตนสมควรที่จะหาอะไรที่มีประโยชน์ต่อตัวเองทำเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทดลองทำอะไรเล่นๆ สนุกๆ เพียงเพื่อหาความรู้และความเพลิดเพลินอย่างเดียวแล้วก็กินทุนเก่าไปเรื่อยๆ เหมือนทุกวันนี้จนแทบจะต้องวิจัยหาวิธีเปลี่ยนหญ้าที่ขึ้นรกทั่วบ้านให้กลายเป็นอาหารที่คนกินแทนข้าวได้อยู่แล้ว มันไม่น่าสนุกหรอกกับการเล่นสนุกแต่ต้องไส้แห้งอย่างนี้ น่ากลัวว่าถ้าขืนเขายังทำเป็นไม่สนใจเงินๆ ทองๆ อยู่อย่างนี้ละก็อย่าได้คิดหวังเลยว่าจะมีสาวใดมาเหลียวแลตน ไม่ต้องคิดฝันถึงดอกฟ้าอันสูงสุดอย่างพรรักษ์หรอก

    เจ้าครีมสมุนไพรตัวนี้เขาเริ่มค้นคว้าอย่างจริงจังจากตำราโบราณที่ปู่ของเขาเก็บเอาไว้มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ที่จริงก็เพราะพรรักษ์นี่แหละที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาเกิดความมุมานะที่จะค้นคว้าครีมสมุนไพรนี้ขึ้นมาเพื่อกำนัลแด่สาวที่ตนรักได้ลองใช้ดูเป็นคนแรก แต่ยังไม่ทันสำเร็จดี พรรักษ์ก็บอกให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเสียก่อน เขาจึงเลิกล้มความตั้งใจนั้นไปอย่างเงียบๆ เพราะรู้ว่าถึงเขาจะทำสำเร็จเธอก็คงไม่เอาไปใช้อยู่ดี เผลอๆ อาจจะถูกกล่าวหาว่าตนวางแผนล้างแค้นที่ถูกเธอหักอกด้วยการทำให้เธอต้องหมดสวยเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้สงสัยว่าเขาอาจจะต้องหวนกลับมาค้นคว้ามันอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อใครทั้งสิ้นนอกจากปากท้องของเขาเอง แต่ก็นั่นแหละ เขาเองไม่มีความรู้ทางด้านการค้าขายเลยซักนิดเดียว ถึงจะทำออกมาได้จริงๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปขายให้ใครได้อย่างไรอยู่ดีนะแหละ

    วินทกรเหม่อมองรูปถ่ายของพรรักษ์ครึ่งตัวที่เขาตัดเก็บไว้จากนิตยสารเล่มหนึ่งแล้วนำมาใส่กรอบรูปตั้งไว้ดูแทนตัวจริงด้วยอาการเลื่อนลอย ลองคิดดูซิ ถ้าหากว่าพรรักษ์ได้ใช้ครีมสูตรพิเศษชนิดนี้แล้วละก็ เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าผิวพรรณของเธอที่เคยซีดเซียวอยู่เสมอเมื่อยามไม่ได้แต่งหน้าเข้ากล้องจะต้องเปล่งปลั่งสดใสขึ้นกว่าเดิมมากมายแน่นอน และลองว่าดาราดังอย่างเธอใช้ได้ผลขึ้นมาซักคน มีหรือที่ครีมดังกล่าวจะขายไม่ออก เผลอๆ มันอาจขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนผลิตแทบไม่ทันเลยก็เป็นได้ และถึงวันนั้นเขาคงจะเปลี่ยนฐานะจากคนธรรมดาๆ มาเป็นเศรษฐีย่อมๆ คนหนึ่ง  และเมื่อนั้นพรรักษ์ก็อาจจะสนใจมองเขาขึ้นมาบ้างหรอก

    และเมื่อคิดถึงเธอขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ประกายความคิดบางอย่างก็สว่างแวบขึ้นมาในสมองของชายหนุ่ม ทำให้เขาถึงกับร้องลั่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ

    “พรรักษ์ ใช่แล้วละ นี่แหละคือความคิดที่วิเศษที่สุด” เขาอุทานอย่างลืมตัวด้วยความยินดี “โธ่เอ๋ย ในเมื่อเราเพิ่งสร้างร่างจำลองสิ่งชีวิตขึ้นมาได้อย่างนี้  ทำไมเราไม่ลองเอาใช้กับรักเขาเป็นคนแรก...”
    ใช่แล้ว ถ้าหากมันเป็นผลสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้ค้นพบวิธีการนี้เป็นคนแรกเท่านั้น หากแต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาจะได้ร่างจำลองของหญิงสาวที่ตนรักสุดหัวใจเป็นผลพลอยได้อีกด้วย และเมื่อถึงวันนั้น เขาจะไม่ต้องเฝ้าชะเง้อชะแง้แลตามดูเธอเฉพาะแต่ตามหน้าจอโทรทัศน์หรือแผงหนังสืออีกต่อไป เพราะเขาจะได้มีร่างจำลองของเธอไว้ชื่นชม...ตลอดไป

    เขาผุดลุกจากเก้าอี้ทันทีก่อนจะเริ่มวางแผนลักพาตัวเธอมาทดลองให้ได้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเปี่ยมล้น

    -----------------------------
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติชมจากผู้อ่านทุกๆ ท่าน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×