ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักแท้ ไม่ใช่ของเทียม

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 49


    ตอนที่ 2

    ร้านที่ทั้งสองเลือกเป็นร้านอาหารที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสเสียด้วย นับว่าฟังแล้วดูหรูเลิศประเสริฐศรีกว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษเป็นไหนๆ กฤตสั่งอาหารจานโปรดให้กับพรรักษ์อย่างไม่กลัวจน แม้ว่าสนนราคาอาหารของร้านนี้จะแพงเหลือหลายถึงขนาดที่ว่ากันว่าอาหารที่นี่ขนาดสั่งมาให้กินกันสองคนพออิ่มนั่นคิดเป็นเงินพอๆ กับค่ากับข้าวของบางครอบครัวเป็นเดือนเลยก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่นี่เพราะนอกจากบรรยากาศที่สุดจะโรแมนติกชวนฝันหวานแล้ว ค่าอาหารที่แพงจนหูฉี่ก็พลอยทำให้ที่นี่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก พรรักษ์จะได้รับประทานอาหารอย่างมีความสุขไม่ถูกคนมุงดูตัวราวกับเป็นตัวประหลาดมาจากโลกไหนเหมือนเวลาไปทานอาหารร้านอื่นที่ค่าอาหารถูกกว่านี้ ชีวิตคนดังๆ บางทีก็ต้องลำบากแบบนี้แหละ แต่เขาและเธอเคยชินกับมันเสียแล้ว แถมยังชอบด้วย ดีซิ คนสนใจเยอะๆ ก็แปลว่าตนยังมีชื่อเสียงดีอยู่ไม่ได้ตกกระป๋องไปไหนเหมือนคนอื่น

    “คุณลองสเต็กนี่ดูซิ อร่อยดีแถมไม่เหนียวด้วย” กฤตคะยั้นคะยอให้เธอทานสเต็กจานแพงที่เขาสั่งมาเอาอกเอาใจเธอโดยเฉพาะ เพราะถือคติว่าถ้ารักจะเอาใจสาวสวยเนื้อหอมอย่างนี้ก็ต้องลงทุนกันหน่อย แต่ทว่าน่าจะคุ้มเมื่อนึกถึงประโยชน์ที่จะได้รับในภายภาคหน้า

    “ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวอ้วนตาย” เธอว่าขณะที่มองสเต็กชิ้นโอชะนั้นด้วยความเสียดายเล็กๆ เพราะที่จริงมันเป็นอาหารจานโปรดของตนแท้ๆ แต่ทำไงได้ ในเมื่อตอนนี้เธอกำลังเล่นละครเป็นเด็กข้างถนนผู้ยากไร้อยู่ จะกินมากๆ จนดูอ้วนท้วนสมบูรณ์เกินเหตุได้ยังไงละ เดี๋ยวก็ไม่สมบทบาทเท่านั้นเอง

    “นิดหน่อยน่า รับรองแค่นี้ไม่อ้วนหรอก” กฤตไม่ยอมแพ้ ตัดเนื้อให้เป็นชิ้นเล็กลงแล้วใช้ส้อมจิ้มป้อนให้เธอถึงปาก เพราะนึกว่าเธอกำลังเล่นตัวให้ง้ออีกแล้ว

    “ไม่เอาน่า อายคนอื่นเขา” เธอกัดฟันปฏิเสธความหวังดีของชายหนุ่มพร้อมกับตักสลัดเข้าปาก “รักทานสลัดดีกว่า อร่อยดีแถมไม่อ้วนด้วย”

    “ตามใจคุณ” เขายอมแพ้พร้อมกับส่ายหัวด้วยความระอาเพราะนึกไปว่าหญิงสาวกำลังเล่นตัวกับเขาอีกแล้ว

    แต่ทั้งคู่ไม่รู้หรอกว่าในขณะที่ตนกำลังทานอาหารมื้อนี้อย่างมีความสุขโดยคิดว่าไม่มีใครเห็นตนอยู่นั่นเอง แท้จริงแล้ว ทั้งคู่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จับตาดูพรรักษ์อย่างไม่ยอมละสายตาไปไหน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตามก็หาได้รอดจากสายตาเขาคนนั้นไปได้

    ชายหนุ่มคนนั้นแต่งตัวแบบสบายๆ ออกจะโทรมๆ เล็กน้อย สวมเสื้อยืดและรองเท้าแตะหลวมๆ ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีน้ำหน้ากล้าเข้ามาในร้านอาหารสำหรับคนรวยโดยเฉพาะอย่างนี้  เขาเลือกนั่งที่โต๊ะหัวมุมตรงที่สามารถมองเห็นพรรักษ์ได้อย่างถนัดตาที่สุดโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันสังเกต แต่ถึงจะเห็น เธอก็คงไม่สนใจอยู่ดี เผลอๆ เธออาจจำเขาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำไป

    เขามองดูคนทั้งคู่กะหนุงกะหนิงกันด้วยสายตาปวดร้าว แน่ละ เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าหนุ่มนั้นมันวิเศษซักแค่ไหนกันเธอถึงได้ดีกับมันนัก ทีกับเขาละก็ เธอไม่เคยแม้แต่ที่จะแยแสตนซักน้อยนิดแม้ว่าเขาจะหลงรักเธอหัวปักหัวปำจนแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ แต่ทำไมหนอ เธอถึงไม่เคยคิดรักเขาบ้างหรือแม้แต่จะยิ้มให้ซักหนก็ยังดี จะมีก็แต่ความเย็นชา ความหมางเมินเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกันเท่านั้นเอง

    เขายังจำได้คำพูดของเธอในวันนั้น วันที่พรรักษ์พูดจาขอให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเสียทีได้ดีราวกับว่าพรรักษ์เพิ่งลุกขึ้นจากโต๊ะตัวนั้นมาพูดกับตนได้ยินเมื่อซักครู่นี้

    “นี่นายวิน ขอทีเถอะอย่ามายุ่งกับฉันอีกได้ไหม ฉันรำคาญนายเต็มทีแล้ว เบื่อที่สุด คนอะไรไม่รู้บ้าชะมัด จะพูดก็ไม่พูดซักคำ เอาแต่อึกๆ อักๆ เดินตามเฝ้าฉันอยู่ได้ทุกฝีก้าวอย่างนี้ฉันไม่ชอบนะ รู้ไหม” เธอว่าฉอดๆ ใส่หน้าเขาอย่างรวดเร็วจนฟังแทบไม่ทัน “ฟังนะ ถ้านายว่างนักละก็ไปหาอะไรที่มันมีประโยชน์ทำซะบ้างซิ จะได้เลิกฟุ้งซ่านเที่ยวเดินตามฉันทั้งวันอีก รำคาญยะ”

    “แต่…” วินทกรพยายามจะอธิบายความรู้สึกของตนที่มีต่อพรรักษ์ แต่เธอไม่ฟังเสียงยังคงว่าฉอดๆ ต่อไปฝ่ายเดียวโดยไม่ปล่อยให้วินทกรได้มีโอกาสพูดแม้แต่น้อย

    “ฉันขอบอกนายเป็นหนสุดท้ายนะว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก นี่แน่ะ นายหน้าจืด ฉันจะบอกอะไรให้ ถึงนายจะเดินตามฉันทุกฝีก้าวยังไงฉันก็ไม่สนใจนายหรอก เรามันเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้นเองรู้ไหม จำไว้ซะ” เธอว่าก่อนจะสำทับเสียงแข็งกร้าว “แต่ถ้านายยังไม่เลิกการกระทำอย่างนี้ของนายอีกละก็ เราก็ไม่ต้องมาคบกันอีก เข้าใจไหมนายเซ่อ”

    เธอพูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที ปล่อยให้เขายืนเซ่อมองดูเธอจากไปด้วยสายตาเซื่องซึมปวดร้าวหัวใจเพียงคนเดียว ไม่กล้าที่จะตอแยเธออีกต่อไป

    วันนั้น วินทกรกลับบ้านอย่างคนอกหักเซื่องซึม และหลังจากนั้นเป็นต้นมาความผิดหวังก็เข้ามาเกาะกุมจิตใจชายหนุ่มจนไม่อยากจะพูดจากับใครๆ โดยไม่จำเป็นไปอีกหลายวัน จนเพื่อนๆ บางคนก็รู้สึกผิดสังเกตแต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะถามถึงแต่อย่างใด แน่ละ เขาไม่ใช่คนเด่นคนดังเป็นดาวเหมือนเธอนี่นา สำหรับเพื่อนๆ แล้ว เขาเป็นเพียงแค่นายจืดบ้าง นายน้ำเปล่าบ้าง และอะไรๆ อีกหลายฉายาที่แย่ๆ แต่เขาก็ไม่เคยถือโทษโกรธใครเพราะเขาเชื่อมั่นว่าคนเราแท้จริงนั้นไม่ได้ดูกันที่หน้าตาหรือว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่ หากแต่ต้องดูกันให้ถึงข้างในใจต่างหาก
    น่าเสียดายที่พรรักษ์คงไม่เคยคิดอะไรลึกซึ้งปานนั้นหรอก เพราะเขาเห็นเธอก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่สนใจแต่เฉพาะคนหล่อๆ เท่ๆ ที่ฉาบฉวยอยู่ภายนอกมากกว่าที่จะมองลึกไปกว่านั้น

    แต่แม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอเองไม่น่าจะเป็นผู้หญิงในอุดมคติของตนเองเลยซักนิดเดียว แต่ก็เแปลกเหลือเกินที่เขายังคงหลงรักเธออย่างไม่เสื่อมคลายมาจนถึงทุกวันนี้ เขายังคงจดจำใบหน้าที่หวานคมได้รูป ดวงตาที่สวยซึ้งและรอยยิ้มที่จับใจชายหนุ่มจนหัวใจหลอมละลายพ่ายแพ้ถอนตัวไม่ขึ้น แม้ว่ามันเป็นการยิ้มให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตนก็ตาม

    จากวันนั้นเป็นต้นมา วินทกรก็พยายามหลีกเลี่ยงตัวเองไม่ให้เข้าไปใกล้ๆ ให้เธอรำคาญใจอีก แม้ว่ามันจะทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความรักในตัวเธออย่างเต็มเปี่ยมของตนต้องร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ได้ก็ตาม
    และเมื่อจบมัธยมปลาย เส้นทางชีวิตของคนทั้งสองยิ่งห่างเหินกันออกไปเรื่อยๆ จนราวกับอยู่กันคนละโลกเลยทีเดียว

    วินทกรไปเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์สาขาชีวเคมีอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ และไม่เคยสนใจสาวๆ คนใดให้กลัดกลุ้มหัวใจตนเองอีกเลย  และหลังจากจบการศึกษา เขาก็ไม่ได้ไปหางานทำเหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่น ทั้งที่มีหลายแห่งก็ติดต่อมาว่าอยากได้คนเก่งอย่างเขาไปทำงานด้วยเงินเดือนสูงลิ่วก็ตาม แต่เขากลับพอใจกับการทำงานส่วนตัวที่บ้านมากกว่าที่จะคอยรับคำสั่งใคร นานๆ ทีเขาถึงจะรับงานเล็กๆ น้อยๆ ที่คนอื่นจ้างมาให้ช่วยแก้ปัญหาให้เป็นครั้งคราว แต่ส่วนมากก็ทำไปเพื่อความสุขความพอใจกับงานมากกว่าจะนึกถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ เพื่อตัวเขาเองไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว ลำพังเพียงแค่ดอกผลที่ได้รับจากมรดกก้อนเล็กๆ ของพ่อแม่ก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิตตามลำพังของตนเอง ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนขวนขวายสะสมอะไรมากมายอย่างคนอื่นๆ

    ส่วนพรรักษ์นั้นหลังจากพลาดหวังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐก็หันไปเรียนด้านการตลาดในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งและตั้งใจว่าจะดูหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบใหม่ในปีถัดไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำตามนั้น  ความสวยน่ารักของเธอก็เกิดไปสะดุดตาแมวมองนิตยสารวัยรุ่นเล่มหนึ่ง เธอจึงถูกชักชวนให้ไปถ่ายแบบลงนิตยสารฉบับนั้นและพอดีกับเธอเองก็ฝันอยากเป็นนางแบบมานานแล้วก็เลยรีบตกลงทันที และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็มีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัวในฐานะดาราประกอบก่อน แต่ด้วยความสวยและความสามารถในการแสดงของเธอ  ทำให้คุณแอ๊ดผู้จัดละครคนเก่งเห็นแววและมอบบท ‘ลินลา’ สาวปัญญาอ่อนผู้น่าสงสารในละครชื่อเดียวกันจนกระทั่งดังระเบิดกลายเป็นดาราเนื้อหอมจนถึงทุกวันนี้

    พรรักษ์ไม่ได้ติดต่อกับวินทกรอีกเลยมาตั้งแต่ออกจากโรงเรียนเป็นต้นมา เธอจึงไม่มีทางทราบได้เลยว่าเขายังคิดถึงตนเองแค่ไหน จนหากว่าเธอเกิดรู้เข้าอาจตกใจในความงมงายในรักของชายหนุ่มก็เป็นได้ เพราะนับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเธอกลายเป็นดารานางแบบชื่อดังเป็นต้นมาเขาก็ติดตามข่าวคราวของเธออย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เขาเฝ้าติดตามดูละครทุกเรื่องที่เธอแสดงทั้งๆ ที่ปกติเขาแทบไม่เคยสนใจดูละครน้ำเน่าพวกนี้เลยซักนิด มิหนำซ้ำยังไล่ล่าเก็บสะสมรูปภาพของเธอตามนิตยสารทุกเล่มที่เขาเห็นตามแผงหนังสือ จนเดี๋ยวนี้รูปพวกนี้มีมากจนพอจะเย็บเป็นเล่มหนาๆ ไม่แพ้ตำราเรียนของเขาได้หลายเล่มแล้ว แม้ว่ามันจะทำให้เขาสิ้นเปลืองเงินมากโขอยู่เพราะเธอเป็นดารานางแบบที่ขายดีที่สุดในวงการที่ใครๆ ก็อยากได้ไปเป็นนางแบบให้หนังสือตนเอง แต่เขาก็ยินดีจะเสียเงินกับเรื่องนี้อย่างไม่เสียดายเลยซักนิด

    พรรักษ์กับกฤตจ่ายเงินและลุกออกจากร้านไปแล้ว ดังนั้นวินทกรจึงไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ในร้านอีกจึงเรียกบริการมาคิดเงินก่อนจะเฝ้าติดตามคนทั้งสองอยู่ห่างๆ จนกระทั่งเมื่อเห็นนายกฤตคนนั้นพาหญิงสาวที่เขารักมาส่งที่บ้านของเธอโดยสวัสดิภาพแล้ว  เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะขับรถกลับบ้านของตนเองเสียที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×