ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนแรก
ตอนที่ 1
ความโกลาหลย่อยๆ ได้เกิดขึ้นภายในห้องรับแขกสุดหรูของคฤหาสน์หลังหนึ่งย่านชานกรุงเทพเมื่อกองถ่ายของละครเรื่อง ‘จะขาดเธอได้อย่างไร’ มาขอใช้เป็นฉากถ่ายทำท่ามกลางความสนใจของนักข่าวสายบันเทิงที่เฝ้าติดตามการถ่ายทำอย่างเนืองแน่น ก็ใครจะพลาดเล่าในเมื่อฉากนี้เป็นการประชันบทบาทกันระหว่างสองดาราดังแห่งยุค คนแรกก็คือพรรักษ์ ดาราสาวเจ้าบทบาทซึ่งมารับบทที่เธอแสนถนัดแม้ว่ามันจะต่างกับชีวิตของตนเองราวฟ้ากับดินเลยก็ตาม นั่นก็คือเป็นเด็กข้างถนนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาจนในที่สุดก็ได้ดิบได้ดีเป็นภรรยาของพระเอกสุดหล่อพ่อรวย ท่ามกลางความไม่พอใจของบรรดาญาติๆ ของเขาโดยเฉพาะลูกพี่ลูกน้องของพระเอก ซึ่งรับบทโดยสุขสมร ดาราเจ้าบทบาทอีกคนที่เคยเป็นนางเอกยอดนิยมมาก่อน แต่ระยะหลังๆ เธอมักถูกจับมารับบทร้ายๆ เป็นประจำ แล้วก็เล่นได้ดีเสียด้วยจนคนเกลียดกันทั่วบ้านทั่วเมือง
“แอกชั่น” เสียงผู้กำกับสั่งการให้ทุกคนในกองถ่ายเริ่มถ่ายทำได้
สุขสมรเริ่มบทบาทถนัดของเธอด้วยการพูดจาถากถางนางเอกด้วยวาจาระคายหู ก่อนที่จะร้องกรี๊ดพร้อมกับแสดงอาการโกรธแค้นอิจฉาริษยาเมื่อนางเอกใช้วาจาอันแหลมคมเชือดเชือนกลับมาทันควัน สีหน้าท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนางเอกฉายออกจากแววตาของสุขสมรดูสมจริงสมจังไม่มีที่ติ ทั้งนี้เพราะนอกจอนั้นเธอกับพรรักษ์ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดตั้งแต่ฝ่ายหลังเข้าวงการบันเทิงแล้ว เนื่องจากพรรักษ์ได้แย่งความโด่งดังในฐานะนางเอกอันดับหนึ่งของค่ายที่เธอเคยเป็นมาก่อน และทำให้เธอต้องตกอันดับกลายเป็นนางรองบ้างตัวร้ายบ้างไปโดยปริยาย
โดยเฉพาะละครเรื่องนี้ซึ่งสุขสมรฝันหวานเหลือเกินว่าตนน่าจะได้กลับมาเป็นนางเอกอีกครั้งแท้ๆ จนเที่ยวออกข่าวให้ใครๆ รู้กันไปทั่ว แต่ว่า...ทำไปทำมาทางผู้ใหญ่ของสถานีกลับยกบทนี้ให้พรรักษ์แสดงแทนแถมยังยัดเยียดบทนางอิจฉาให้เธออีกด้วย จะปฏิเสธหรือก็เกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่ จึงจำต้องทนกล้ำกลืนฝืนใจรับเล่นและตั้งใจว่าพอสบโอกาสเหมาะๆ ค่อยหาทางแก้แค้นให้สาสมใจเสียทีหนึ่ง อย่างในวันนี้เมื่อมีบทนางอิจฉาได้ตบนางเอก เธอจึงได้ทีฉลองศรัทธาผู้กำกับชนิดไม่มีการไว้ไมตรีเป็นการแก้เผ็ดเสียเลย
‘นี่แน่ะ อยากดังข้ามหน้าข้ามตากันนักเรอะ อย่างนี้ต้องตบให้หน้าหงายเลย ฮึม’ หญิงสาวบอกกับตัวเองด้วยความอาฆาตแค้น
‘เผียะ’ เสียงฝ่ามือของสุขสมรกระทบกับแก้มของพรรักษ์เข้าอย่างจัง ทำเอานางเอกผู้แสนดีในจอคนนี้เซถลาลงไปกองกับพื้น กุมหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ต้องกล้ำกลืนเอาไว้เพราะยังอยู่ในบท แต่ผู้กำกับคนเก่งก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
“คัต” ผู้กำกับตะโกนสั่งให้ทีมงานหยุดถ่าย หันมาค้อนนางเอกที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความหมั่นไส้ “ไม่ไหวๆ นี่แม่คุณ ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเวลาล้มให้มันสมจริงหน่อย ไม่ใช่ค่อยๆ รูดลงไปกองอย่างกะหนังสโลว์โมชั่นแบบนี้ กลัวเจ็บหรือไง เอาใหม่”
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้วพี่ นี่มันห้าเทคแล้วนะคะพี่ยังไม่พอใจอีกหรือคะ” พรรักษ์ร้องตะโกนด้วยความไม่พอใจพร้อมกับชี้ให้ทุกคนมองดูแก้มซ้ายของตนที่มีรอยผืนแดงช้ำๆ ไป
หมดด้วยฤทธิ์เพลงฝ่ามือของคู่อริก่อนจะชี้หน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยอารมณ์โกรธ “อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ นี่หว่า เดี๋ยว ”
“ขอโทษ ฉันไม่ได้แกล้ง มันพลั้งมือไปหน่อย” สุขสมรกล่าวขอโทษ แต่ใบหน้านั้นมีแววยิ้มเยาะอย่างสาแก่ใจกับสภาพของคู่อาฆาต
พรรักษ์เกือบจะอาละวาดอยู่แล้ว แต่พอดีผู้กำกับเห็นท่าไม่ดีก็เลยตัดบทด้วยการสั่งให้ทีมงานเตรียมพร้อมสำหรับถ่ายเทคใหม่ พร้อมกับหันไปเตือนสุขสมรให้เพลาๆ มือลงบ้าง เรื่องจึงสงบลงชั่วคราวโดยที่พรรักษ์ได้ทำหน้างอกลับไปประจำที่เพื่อแสดงบทถูกฝ่ายตรงข้ามตบอีกครั้งแต่โดยดี
ที่จริงพรรักษ์ไม่ใช่คนน่ารักน่าสงสารอะไรอย่างที่ใครๆ เห็นอยู่ในจอเลยแม้แต่น้อย ในฐานะที่เธอเป็นลูกคนเดียวของ ดร.เจริญศักดิ์ ผู้เป็นคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กับคุณหญิงเพลินผู้ร่ำรวยและมีหน้าตาอยู่ในแวดวงไฮโซมาหลายปีดีดัก ทำให้เธอคุ้นเคยกับการดูแลตามอกตามใจมาตั้งแต่เล็กจนโตจนกลายเป็นคนไม่ค่อยอดทนกับสิ่งใดๆ มากนัก เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมาเธอจึงมักเผลอตัวงอแงอาละวาดใส่คนอื่นๆ เป็นประจำ อาศัยที่ว่าเธอเป็นคนหน้าตาดีและมีฝีมือในการแสดงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหน้าตาของเธอ ทุกคนที่ได้ร่วมงานกับเธอเลยได้แต่พยายามทำใจลืมนิสัยในด้านลบของเธอไปเสียบ้างเพื่อให้สามารถทำงานด้วยกันโดยราบรื่น
สำหรับความขัดแย้งของคนทั้งสองนั้น พรรักษ์เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสุขสมรจึงได้อิจฉาริษยาโกรธแค้นตนเป็นนักหนา เพราะที่จริงแล้วตัวเธอเองไม่ได้มีเรื่องกระทบกระทั้งในทางส่วนตัวกับสุขสมรซักนิด เพียงแต่ว่าเธอเข้ามาในวงการทีหลังแต่โด่งดังเกินหน้าเกินตาไปหน่อยเท่านั้นเอง ทั้งที่เรื่องพรรค์นี้มันเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ดาราใหม่จะประสบความสำเร็จเหนือรุ่นพี่ๆ ได้ หากว่ามีความสามารถและมีโอกาสให้แสดงฝีมือ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรต้องขุ่นเคืองกันเลย
แต่ถึงต้องเจอกับปัญหาต่างๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อนจะเข้าสู่วงการบันเทิงก็ตาม แต่พรรักษ์ก็ยังไม่ท้อแท้เบื่อหน่ายจนเลิกอาชีพนี้แต่อย่างใด สำหรับเธอแล้วอาชีพการแสดงเป็นงานที่ตัวเองรักและปรารถนาจะทำมากที่สุดในตอนนี้ เพราะนอกจากจะเป็นอาชีพที่มีรายได้ดีแล้ว เธอยังมีความสุขที่ได้ยืนต่อหน้ากล้องเป็นที่สนใจของใครๆ รวมทั้งการทำงานในวงการบันเทิงยังช่วยให้ตนมีโอกาสได้เข้าสู่โลก ใหม่ๆ ที่ตนไม่เคยคิดฝันว่าได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต ได้รู้จักผู้คนจำนวนมากมายที่ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน
ซึ่งในจำนวนก็รวมถึง...กฤต หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกันด้วยคนหนึ่ง
เธอรู้จักกฤตครั้งแรกเมื่อตอนได้รับเชิญไปปรากฏตัวในงานแห่งหนึ่งที่โรงแรมแกรนด์เมอรี่ที่เขาทำงานอยู่ ในเวลานั้นเขาเป็นเพียงแค่พนักงานโรงแรมคนหนึ่งที่มีงานอดิเรกเป็นนายแบบแต่ยังไม่มีชื่อเสียงเท่าใดนัก อาศัยที่ว่าเขาเป็นคนหน้าตาสุดหล่อ ปากหวานและประจบประแจงเอาใจเก่งนั่นเอง ทำให้เขามีโอกาสเข้ามาใกล้ชิดกับดาราดังอย่างพรรักษ์จนได้ และการที่พรรักษ์เข้ามาในชีวิตเขา หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่า เขาเข้ามาในชีวิตของพรรักษ์ ทำให้กฤตคนนี้เริ่มกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วไป จนกระทั่งสามารถไต่อันดับขึ้นมาเป็นนายแบบคนดังได้ในเวลาไม่นานนัก และหลายๆ คนในวงการต่างก็จับตามองอยู่ว่า คู่รักที่ดูหวานแหววคู่นี้จะไปด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
“ตายแล้ว เป็นอะไรบ้างละครับรัก” กฤตที่มารอรับหลังจากพรรักษ์ถ่ายละครเสร็จแล้วร้องถามหญิงสาวอย่างเป็นห่วงเป็นใยเมื่อเห็นรอยช้ำที่แก้มเธอ
“ก็เจ็บนะซิ ถามได้” เธอกระชากเสียงก่อนจะนินทาคู่แค้นให้ชายหนุ่มฟังเป็นการระบายอารมณ์ “จะมีใครซะอีกนอกจากยายหมอนบ้านะซิ มีอย่างที่ไหนเล่นเอาเรื่องส่วนตัวมาระบายเวลางาน ดูซิ แทนที่จะตบกันยั้งๆ นังบ้านี่เล่นตบกันจริงๆ ไม่เกรงใจคนที่ถูกตบบ้างเลย ไม่ใช่หนังหนาหน้าด้านเหมือนคุณเธอหรอก นายผู้กำกับคนใหม่นี่ก็อีกคน ไม่รู้อะไรนักหนา รักล้มยังไงก็ไม่ถูกใจแกซะที ไม่รู้สมคบกันแกล้งรักหรือไง”
“โธ่ ใจเย็นเถอะรัก ก็คุณเป็นนางเอกนี่นาก็ต้องอดทนกับพวกนางอิจฉาหน่อย” กฤตหรือที่มีชื่อเป็นฝรั่งมังค่าว่าคริสพยายามปลอบใจเอาใจเธออย่างอ่อนหวาน “เอาน่า ไว้เดี๋ยวเวลาละครออกฉายเมื่อไหร่คนดูเขาก็แก้แค้นยายหมอนแทนคุณเองหรอกน่า พวกนางอิจฉาตัวร้ายๆ บางทีเดินตลาดถูกฃแม่ค้าไล่ด่าไล่ตบเอาดื้อๆ อย่างนี้ก็มี”
“กว่าคนดูจะสงสาร รักก็อ่วมเสียก่อนนะซิ” เธอยังอารมณ์ขุ่นมัว
“งั้นผมจูบแก้มให้หายช้ำเอาไหม” กฤตได้ทีเสนอความคิดเข้าข้างตัวเองแบบหน้าด้านๆ เพราะแม้ว่าภายนอกจะดูหวานแหววแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วอย่าว่าแต่จูบเลย แม้แต่การแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาวเขายังแทบไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ เพราะคุณเธอเป็นคนหวงตัวไม่ค่อยยอมให้ใครแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด ทั้งๆ ที่หน้าตาท่าทางดูเป็นสาวหัวทันสมัยเปี๊ยบก็เถอะ แต่ด้วยความที่เธอถูกอบรมในเรื่องนี้อย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้กลายเป็นคนรักตัวสงวนตัวหัวโบราณไปโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ในเวลาถ่ายละครซึ่งบางครั้งจะต้องมีฉากจูบด้วยนั้นเธอยังขอผู้กำกับและฝ่ายชายให้จูบแบบหลอกๆ แล้วใช้มุมกล้องเข้าช่วยเพื่อให้ดูสมจริงขึ้นเลย
“บ้า ใครจะให้นายทำอย่างนั้น คนเขามองกันตั้งเยอะแยะ ไม่อายเขาหรือไง” เธอโวยวายลั่น เพราะที่จริงเธอไม่ได้ถึงกับหลงรักชายหนุ่มคนนี้หรอก เพียงแต่เห็นว่าหมอนี่หน้าตาหล่อสุดๆ แถมปากหวานเอาใจตนแบบถวายหัวขนาดนี้เธอจึงรู้สึกชอบใจและมีความรู้สึกดีๆ ให้อยู่บ้างตามประสาหญิงสาวที่ถูกหนุ่มหล่อมารุมล้อมเอาอกเอาใจจนชินแล้วมากกว่า ไม่ได้คิดจริงจังกับเขาแต่อย่างใด
กฤตได้แต่ยิ้มแหยๆ เป็นเชิงยอมแพ้แต่โดยดี ก็ใครเล่าจะกล้าเถียงกับดาราดังอย่างพรรักษ์ได้ละ เกิดเธอไม่สบอารมณ์บอกเลิกศาลากับเขาขึ้นมาดื้อๆ ความฝันเขาพยายามตะเกียกตะกายให้ถึงจนขนาดลงทุนยอมเลิกกับแฟนเก่าที่ยอมตามใจเขาทุกท่าเพื่อมานั่งทนเอาอกเอาใจแม่สาวน้อยที่เอาแต่ใจตัวเองขนาดหนักอย่าง
พรรักษ์คนนี้ก็แป้กเท่านั้นเอง แล้วเรื่องอะไรที่ตนจะยอมให้แผนของตนล้มเหลวเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้ทำไม สู้อดเปรี้ยวไว้กินหวานรอจนเธอตายใจตกร่องปล่องชิ้นกับตนเสียก่อนเถอะ ทีนี่แหละจะเป็นทีของตนเอาคืนบ้างละ
เมื่อคิดเช่นนี้เขาจึงตัดบทไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนเป็นพูดคุยชวนเธอไปหาอะไรกินแทน
-----------------------------------
วันนี้ขอส่งนิยายเรื่อง...เอ่อ จะว่าใหม่ก็ไม่เชิง เพราะเขียนเป็นเรื่องแรกตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว มาให้อ่านกัน หวังว่าคงจะได้รับความสนใจนะครับ ประเดิมตอนแรกฤกษ์ดี วันที่ 9 เดือน 9 ปี 49 ซะเลย อิ อิ จากนั้นจะลงต่อทุกๆ วันเสาร์ครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติชมจากทุกๆ ท่าน
ความโกลาหลย่อยๆ ได้เกิดขึ้นภายในห้องรับแขกสุดหรูของคฤหาสน์หลังหนึ่งย่านชานกรุงเทพเมื่อกองถ่ายของละครเรื่อง ‘จะขาดเธอได้อย่างไร’ มาขอใช้เป็นฉากถ่ายทำท่ามกลางความสนใจของนักข่าวสายบันเทิงที่เฝ้าติดตามการถ่ายทำอย่างเนืองแน่น ก็ใครจะพลาดเล่าในเมื่อฉากนี้เป็นการประชันบทบาทกันระหว่างสองดาราดังแห่งยุค คนแรกก็คือพรรักษ์ ดาราสาวเจ้าบทบาทซึ่งมารับบทที่เธอแสนถนัดแม้ว่ามันจะต่างกับชีวิตของตนเองราวฟ้ากับดินเลยก็ตาม นั่นก็คือเป็นเด็กข้างถนนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาจนในที่สุดก็ได้ดิบได้ดีเป็นภรรยาของพระเอกสุดหล่อพ่อรวย ท่ามกลางความไม่พอใจของบรรดาญาติๆ ของเขาโดยเฉพาะลูกพี่ลูกน้องของพระเอก ซึ่งรับบทโดยสุขสมร ดาราเจ้าบทบาทอีกคนที่เคยเป็นนางเอกยอดนิยมมาก่อน แต่ระยะหลังๆ เธอมักถูกจับมารับบทร้ายๆ เป็นประจำ แล้วก็เล่นได้ดีเสียด้วยจนคนเกลียดกันทั่วบ้านทั่วเมือง
“แอกชั่น” เสียงผู้กำกับสั่งการให้ทุกคนในกองถ่ายเริ่มถ่ายทำได้
สุขสมรเริ่มบทบาทถนัดของเธอด้วยการพูดจาถากถางนางเอกด้วยวาจาระคายหู ก่อนที่จะร้องกรี๊ดพร้อมกับแสดงอาการโกรธแค้นอิจฉาริษยาเมื่อนางเอกใช้วาจาอันแหลมคมเชือดเชือนกลับมาทันควัน สีหน้าท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนางเอกฉายออกจากแววตาของสุขสมรดูสมจริงสมจังไม่มีที่ติ ทั้งนี้เพราะนอกจอนั้นเธอกับพรรักษ์ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดตั้งแต่ฝ่ายหลังเข้าวงการบันเทิงแล้ว เนื่องจากพรรักษ์ได้แย่งความโด่งดังในฐานะนางเอกอันดับหนึ่งของค่ายที่เธอเคยเป็นมาก่อน และทำให้เธอต้องตกอันดับกลายเป็นนางรองบ้างตัวร้ายบ้างไปโดยปริยาย
โดยเฉพาะละครเรื่องนี้ซึ่งสุขสมรฝันหวานเหลือเกินว่าตนน่าจะได้กลับมาเป็นนางเอกอีกครั้งแท้ๆ จนเที่ยวออกข่าวให้ใครๆ รู้กันไปทั่ว แต่ว่า...ทำไปทำมาทางผู้ใหญ่ของสถานีกลับยกบทนี้ให้พรรักษ์แสดงแทนแถมยังยัดเยียดบทนางอิจฉาให้เธออีกด้วย จะปฏิเสธหรือก็เกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่ จึงจำต้องทนกล้ำกลืนฝืนใจรับเล่นและตั้งใจว่าพอสบโอกาสเหมาะๆ ค่อยหาทางแก้แค้นให้สาสมใจเสียทีหนึ่ง อย่างในวันนี้เมื่อมีบทนางอิจฉาได้ตบนางเอก เธอจึงได้ทีฉลองศรัทธาผู้กำกับชนิดไม่มีการไว้ไมตรีเป็นการแก้เผ็ดเสียเลย
‘นี่แน่ะ อยากดังข้ามหน้าข้ามตากันนักเรอะ อย่างนี้ต้องตบให้หน้าหงายเลย ฮึม’ หญิงสาวบอกกับตัวเองด้วยความอาฆาตแค้น
‘เผียะ’ เสียงฝ่ามือของสุขสมรกระทบกับแก้มของพรรักษ์เข้าอย่างจัง ทำเอานางเอกผู้แสนดีในจอคนนี้เซถลาลงไปกองกับพื้น กุมหน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ต้องกล้ำกลืนเอาไว้เพราะยังอยู่ในบท แต่ผู้กำกับคนเก่งก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
“คัต” ผู้กำกับตะโกนสั่งให้ทีมงานหยุดถ่าย หันมาค้อนนางเอกที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความหมั่นไส้ “ไม่ไหวๆ นี่แม่คุณ ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเวลาล้มให้มันสมจริงหน่อย ไม่ใช่ค่อยๆ รูดลงไปกองอย่างกะหนังสโลว์โมชั่นแบบนี้ กลัวเจ็บหรือไง เอาใหม่”
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้วพี่ นี่มันห้าเทคแล้วนะคะพี่ยังไม่พอใจอีกหรือคะ” พรรักษ์ร้องตะโกนด้วยความไม่พอใจพร้อมกับชี้ให้ทุกคนมองดูแก้มซ้ายของตนที่มีรอยผืนแดงช้ำๆ ไป
หมดด้วยฤทธิ์เพลงฝ่ามือของคู่อริก่อนจะชี้หน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยอารมณ์โกรธ “อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ นี่หว่า เดี๋ยว ”
“ขอโทษ ฉันไม่ได้แกล้ง มันพลั้งมือไปหน่อย” สุขสมรกล่าวขอโทษ แต่ใบหน้านั้นมีแววยิ้มเยาะอย่างสาแก่ใจกับสภาพของคู่อาฆาต
พรรักษ์เกือบจะอาละวาดอยู่แล้ว แต่พอดีผู้กำกับเห็นท่าไม่ดีก็เลยตัดบทด้วยการสั่งให้ทีมงานเตรียมพร้อมสำหรับถ่ายเทคใหม่ พร้อมกับหันไปเตือนสุขสมรให้เพลาๆ มือลงบ้าง เรื่องจึงสงบลงชั่วคราวโดยที่พรรักษ์ได้ทำหน้างอกลับไปประจำที่เพื่อแสดงบทถูกฝ่ายตรงข้ามตบอีกครั้งแต่โดยดี
ที่จริงพรรักษ์ไม่ใช่คนน่ารักน่าสงสารอะไรอย่างที่ใครๆ เห็นอยู่ในจอเลยแม้แต่น้อย ในฐานะที่เธอเป็นลูกคนเดียวของ ดร.เจริญศักดิ์ ผู้เป็นคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กับคุณหญิงเพลินผู้ร่ำรวยและมีหน้าตาอยู่ในแวดวงไฮโซมาหลายปีดีดัก ทำให้เธอคุ้นเคยกับการดูแลตามอกตามใจมาตั้งแต่เล็กจนโตจนกลายเป็นคนไม่ค่อยอดทนกับสิ่งใดๆ มากนัก เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมาเธอจึงมักเผลอตัวงอแงอาละวาดใส่คนอื่นๆ เป็นประจำ อาศัยที่ว่าเธอเป็นคนหน้าตาดีและมีฝีมือในการแสดงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหน้าตาของเธอ ทุกคนที่ได้ร่วมงานกับเธอเลยได้แต่พยายามทำใจลืมนิสัยในด้านลบของเธอไปเสียบ้างเพื่อให้สามารถทำงานด้วยกันโดยราบรื่น
สำหรับความขัดแย้งของคนทั้งสองนั้น พรรักษ์เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสุขสมรจึงได้อิจฉาริษยาโกรธแค้นตนเป็นนักหนา เพราะที่จริงแล้วตัวเธอเองไม่ได้มีเรื่องกระทบกระทั้งในทางส่วนตัวกับสุขสมรซักนิด เพียงแต่ว่าเธอเข้ามาในวงการทีหลังแต่โด่งดังเกินหน้าเกินตาไปหน่อยเท่านั้นเอง ทั้งที่เรื่องพรรค์นี้มันเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ดาราใหม่จะประสบความสำเร็จเหนือรุ่นพี่ๆ ได้ หากว่ามีความสามารถและมีโอกาสให้แสดงฝีมือ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรต้องขุ่นเคืองกันเลย
แต่ถึงต้องเจอกับปัญหาต่างๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อนจะเข้าสู่วงการบันเทิงก็ตาม แต่พรรักษ์ก็ยังไม่ท้อแท้เบื่อหน่ายจนเลิกอาชีพนี้แต่อย่างใด สำหรับเธอแล้วอาชีพการแสดงเป็นงานที่ตัวเองรักและปรารถนาจะทำมากที่สุดในตอนนี้ เพราะนอกจากจะเป็นอาชีพที่มีรายได้ดีแล้ว เธอยังมีความสุขที่ได้ยืนต่อหน้ากล้องเป็นที่สนใจของใครๆ รวมทั้งการทำงานในวงการบันเทิงยังช่วยให้ตนมีโอกาสได้เข้าสู่โลก ใหม่ๆ ที่ตนไม่เคยคิดฝันว่าได้สัมผัสมาก่อนในชีวิต ได้รู้จักผู้คนจำนวนมากมายที่ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน
ซึ่งในจำนวนก็รวมถึง...กฤต หนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกันด้วยคนหนึ่ง
เธอรู้จักกฤตครั้งแรกเมื่อตอนได้รับเชิญไปปรากฏตัวในงานแห่งหนึ่งที่โรงแรมแกรนด์เมอรี่ที่เขาทำงานอยู่ ในเวลานั้นเขาเป็นเพียงแค่พนักงานโรงแรมคนหนึ่งที่มีงานอดิเรกเป็นนายแบบแต่ยังไม่มีชื่อเสียงเท่าใดนัก อาศัยที่ว่าเขาเป็นคนหน้าตาสุดหล่อ ปากหวานและประจบประแจงเอาใจเก่งนั่นเอง ทำให้เขามีโอกาสเข้ามาใกล้ชิดกับดาราดังอย่างพรรักษ์จนได้ และการที่พรรักษ์เข้ามาในชีวิตเขา หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่า เขาเข้ามาในชีวิตของพรรักษ์ ทำให้กฤตคนนี้เริ่มกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วไป จนกระทั่งสามารถไต่อันดับขึ้นมาเป็นนายแบบคนดังได้ในเวลาไม่นานนัก และหลายๆ คนในวงการต่างก็จับตามองอยู่ว่า คู่รักที่ดูหวานแหววคู่นี้จะไปด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
“ตายแล้ว เป็นอะไรบ้างละครับรัก” กฤตที่มารอรับหลังจากพรรักษ์ถ่ายละครเสร็จแล้วร้องถามหญิงสาวอย่างเป็นห่วงเป็นใยเมื่อเห็นรอยช้ำที่แก้มเธอ
“ก็เจ็บนะซิ ถามได้” เธอกระชากเสียงก่อนจะนินทาคู่แค้นให้ชายหนุ่มฟังเป็นการระบายอารมณ์ “จะมีใครซะอีกนอกจากยายหมอนบ้านะซิ มีอย่างที่ไหนเล่นเอาเรื่องส่วนตัวมาระบายเวลางาน ดูซิ แทนที่จะตบกันยั้งๆ นังบ้านี่เล่นตบกันจริงๆ ไม่เกรงใจคนที่ถูกตบบ้างเลย ไม่ใช่หนังหนาหน้าด้านเหมือนคุณเธอหรอก นายผู้กำกับคนใหม่นี่ก็อีกคน ไม่รู้อะไรนักหนา รักล้มยังไงก็ไม่ถูกใจแกซะที ไม่รู้สมคบกันแกล้งรักหรือไง”
“โธ่ ใจเย็นเถอะรัก ก็คุณเป็นนางเอกนี่นาก็ต้องอดทนกับพวกนางอิจฉาหน่อย” กฤตหรือที่มีชื่อเป็นฝรั่งมังค่าว่าคริสพยายามปลอบใจเอาใจเธออย่างอ่อนหวาน “เอาน่า ไว้เดี๋ยวเวลาละครออกฉายเมื่อไหร่คนดูเขาก็แก้แค้นยายหมอนแทนคุณเองหรอกน่า พวกนางอิจฉาตัวร้ายๆ บางทีเดินตลาดถูกฃแม่ค้าไล่ด่าไล่ตบเอาดื้อๆ อย่างนี้ก็มี”
“กว่าคนดูจะสงสาร รักก็อ่วมเสียก่อนนะซิ” เธอยังอารมณ์ขุ่นมัว
“งั้นผมจูบแก้มให้หายช้ำเอาไหม” กฤตได้ทีเสนอความคิดเข้าข้างตัวเองแบบหน้าด้านๆ เพราะแม้ว่าภายนอกจะดูหวานแหววแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วอย่าว่าแต่จูบเลย แม้แต่การแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาวเขายังแทบไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ เพราะคุณเธอเป็นคนหวงตัวไม่ค่อยยอมให้ใครแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด ทั้งๆ ที่หน้าตาท่าทางดูเป็นสาวหัวทันสมัยเปี๊ยบก็เถอะ แต่ด้วยความที่เธอถูกอบรมในเรื่องนี้อย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็กๆ เลยทำให้กลายเป็นคนรักตัวสงวนตัวหัวโบราณไปโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ในเวลาถ่ายละครซึ่งบางครั้งจะต้องมีฉากจูบด้วยนั้นเธอยังขอผู้กำกับและฝ่ายชายให้จูบแบบหลอกๆ แล้วใช้มุมกล้องเข้าช่วยเพื่อให้ดูสมจริงขึ้นเลย
“บ้า ใครจะให้นายทำอย่างนั้น คนเขามองกันตั้งเยอะแยะ ไม่อายเขาหรือไง” เธอโวยวายลั่น เพราะที่จริงเธอไม่ได้ถึงกับหลงรักชายหนุ่มคนนี้หรอก เพียงแต่เห็นว่าหมอนี่หน้าตาหล่อสุดๆ แถมปากหวานเอาใจตนแบบถวายหัวขนาดนี้เธอจึงรู้สึกชอบใจและมีความรู้สึกดีๆ ให้อยู่บ้างตามประสาหญิงสาวที่ถูกหนุ่มหล่อมารุมล้อมเอาอกเอาใจจนชินแล้วมากกว่า ไม่ได้คิดจริงจังกับเขาแต่อย่างใด
กฤตได้แต่ยิ้มแหยๆ เป็นเชิงยอมแพ้แต่โดยดี ก็ใครเล่าจะกล้าเถียงกับดาราดังอย่างพรรักษ์ได้ละ เกิดเธอไม่สบอารมณ์บอกเลิกศาลากับเขาขึ้นมาดื้อๆ ความฝันเขาพยายามตะเกียกตะกายให้ถึงจนขนาดลงทุนยอมเลิกกับแฟนเก่าที่ยอมตามใจเขาทุกท่าเพื่อมานั่งทนเอาอกเอาใจแม่สาวน้อยที่เอาแต่ใจตัวเองขนาดหนักอย่าง
พรรักษ์คนนี้ก็แป้กเท่านั้นเอง แล้วเรื่องอะไรที่ตนจะยอมให้แผนของตนล้มเหลวเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้ทำไม สู้อดเปรี้ยวไว้กินหวานรอจนเธอตายใจตกร่องปล่องชิ้นกับตนเสียก่อนเถอะ ทีนี่แหละจะเป็นทีของตนเอาคืนบ้างละ
เมื่อคิดเช่นนี้เขาจึงตัดบทไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนเป็นพูดคุยชวนเธอไปหาอะไรกินแทน
-----------------------------------
วันนี้ขอส่งนิยายเรื่อง...เอ่อ จะว่าใหม่ก็ไม่เชิง เพราะเขียนเป็นเรื่องแรกตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว มาให้อ่านกัน หวังว่าคงจะได้รับความสนใจนะครับ ประเดิมตอนแรกฤกษ์ดี วันที่ 9 เดือน 9 ปี 49 ซะเลย อิ อิ จากนั้นจะลงต่อทุกๆ วันเสาร์ครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติชมจากทุกๆ ท่าน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น