คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 5 ปากแข็งแต่ใจอ่อน (01)
ตอนที่
5 ปากแข็งแต่ใจอ่อน
ยี่สิบนาทีต่อมารถคันหรูก็เลี้ยวเข้าไปในโรงแรมมีชื่อแห่งหนึ่งที่พวกนักธุรกิจมักนัดพบกันเพื่อเจรจางาน
“ลุกออกมา” อดิศรสั่งแก่ลูกสาว
หลังรถจอดสนิทแล้วอัคริมายังนั่งนิ่ง
เจ้าของร่างอรชรกุมมือเข้าหากันแน่น
หัวใจและสมองกำลังพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอ ร่างกายอ่อนระโหยโรยแรง
กระนั้นก็ต้องฝืนเข้มแข็งเพื่อให้พ้นสถานการณ์ตรงหน้านี้ไปให้ได้ก่อน
“หยีขอเช็ดน้ำตาสักครู่ค่ะ”
หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตา
แล้วรวบรวมกำลังขยับตัวลุกขึ้น ใบหน้าประดับยิ้มโดยที่บิดาไม่ต้องสั่ง
เท้าก้าวเดินตามไป
อดิศรพาบุตรสาวตรงไปยังชั้นยี่สิบที่มีร้านอาหารชื่อดังเปิดบริการและเอ่ยกับบริกรเมื่อไปถึง
จากนั้นก็ถูกพาไปยังห้องรับรองที่จองไว้
“สวัสดีครับคุณปี นี่ลูกหยี ลูกสาวของผมครับ”
“สวัสดีครับคุณหยี ผมปีติพล เรียกผมสั้นๆ
ว่าปีนะครับ”
อดิศรส่งยิ้มไปทักทายปีติพลที่มารออยู่ก่อนแล้ว
ส่วนอัคริมาพนมมือขึ้นไหว้ รอยยิ้มฝืนๆ ถูกส่งไปให้
หลังเห็นบิดาชำเลืองสายตามาสั่งการ
เมื่อหญิงสาวทิ้งตัวลงนั่ง
บทสนทนาของชายทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องธุรกิจโรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ของปีติพลที่กำลังจะขยายฐานผลิตเพิ่ม
และเกี่ยวกับโครงการบ้านจัดสรรของบิดาที่กำลังหาคนมาช่วยลงทุน
“อาหารที่นี่อร่อยมากเลยนะครับคุณหยี”
“ค่ะ”
“ลองชิมดูสิครับว่าอร่อยไหม”
ปีติพลทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเมื่อเขาเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมแห่งนี้
ด้านอดิศรระบายยิ้มกว้างซ่อนด้วยเล่ห์กล
อัคริมาปรายตามองอาหารไทยฟิวชัน
สีสันและหน้าตาน่ากิน แต่เธอไม่อยากยกมือขึ้นตักเลย
เพราะรู้สึกสะอิดสะเอียนในบรรยากาศที่ต้องทนอยู่
“ตักปลาให้คุณปีบ้างสิยัยหยี”
อดิศรส่งสายตาไปสั่งการซ้ำ หลังถ้อยคำของเขาไม่ได้ทำให้ลูกสาวทำตาม
“ค่ะคุณพ่อ”
อัคริมาฝืนใจยื่นมือไปตักปลาให้กับปีติพลและทนกับความอึดอัดไปอีกสักพักใหญ่
“หยีขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะคุณพ่อ”
หญิงสาวขอปลีกตัวออกจากสถานการณ์กล้ำกลืนเมื่อเริ่มทนไม่ไหว
อยากจะยกมือปิดหน้าแล้วร้องไห้ พลางฝืนส่งยิ้มให้กับปีติพล
พอพ้นห้องรับรองมาอัคริมาก็รีบตรงไปยังห้องน้ำ
โดยเห็นว่าบิดาให้เลขาฯ ของท่านเดินตามหลังมา
หญิงสาวทรุดตัวนั่งบนชักโครก
มือยกขึ้นป้องปากแล้วปล่อยเสียงร้องไห้ ดวงตาคู่งามท่วมล้นด้วยน้ำใสๆ
ที่ออกมาจากความปวดร้าว
“ฮื่อ...”
ใครๆ มักเรียกเขาว่า เสี่ยปืนใจหมา
ถ้าเป็นหมาแล้วได้ครอบครองเธอ เขายอม
https://writer.dek-d.com/kiaoklao_kiao/writer/view.php?id=2202775
--------------------------------------------------------
สำหรับเขา เธอคือ ‘ดอกเบี้ย’
แต่สำหรับเธอ เขาคือ ‘คนในหัวใจ’
“มาเก็บดอก”
“ไว้ตอนเย็นไม่ได้หรือคะ”
“เผอิญมีนัด”
ชายคนนั้นตอบกลับเสียงเข้ม สายตาคู่ทรงอำนาจนิ่งมองเจ้าของร่างอรชร ชั่วครู่หัวคิ้วก็เลิกขึ้นนิดๆ ปากหยักลึกปล่อยหนึ่งคำถามไปกระทบใจดวงเล็ก
“แล้วจะใส่ไอ้ชุดนั่นอีกนานไหม...”
สาวเจ้าหลุบตามองชุดที่ตนเองสวมอยู่ ปากกัดเม้มแน่น คิดว่าเขาคงรู้เรื่องสำคัญแล้ว ไม่ถึงนาทีเสียงแข็งห้วนก็ดังขึ้นอีก
“เงินผู้บริหารมันไม่พอจะซื้อชุดคลุมท้องหรือไงกันฮะ...”
--------------------------------------------------------
“เธอไม่มีสิทธิ์พาลูกของฉันไปในที่ที่อาจจะมีอันตรายแบบนั้น รีบบอกที่อยู่มา”
“จะมาทำไมคะ”
“จะไปเฝ้า”
น้ำเสียงของชายหนุ่มเข้มจัดและคล้ายกับจะสื่อว่าไม่ไว้ใจในตัวแม่ของลูก นั่นทำให้คนฟังมีอาการเสียดลึกในอก สุดท้ายแล้วเขาก็เหมือนคนอื่นๆ หัวใจสั่นระรัว ความเสียใจ ความน้อยใจพลุ่งพล่านในอกอย่างยากจะหักห้าม แล้วตอบกลับไปอย่างปวดร้าว ผสมไปด้วยกระแสโทสะนิดๆ
“ถ้าไม่ไว้ใจหยีขนาดนี้ ทีหลังก็อย่าเอาลูกของคุณมาใส่ในท้องของหยี” ถ้าคิดว่าเธอเป็นตัวอันตรายนัก ไยเอาสายเลือดของเขามาไว้ในท้องของเธอกันเล่า
“ลูกหยี” คนฟังถึงกับเค้นเสียงในลำคอ กรอบหน้าขึงขังขึ้นเป็นสิบเท่า ไม่ยักรู้ว่าฝีปากของอัคริมาก็ใช่ย่อย กลิ่นอายความกรุ่นโกรธลอยฟุ้ง
“แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ แกก็ลูกของหยีเหมือนกัน ถ้าลูกเป็นอะไรไปหยีจะไปกับลูก” หากเจ้าตัวเล็กเป็นอะไรไป เธอก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน เนื้อตัวเริ่มสั่นเทิ้มจนอยากจะร้องไห้ แล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมาขังคลอหน่วย ความอ่อนแอถาโถมรุนแรง
“อัคริมา”
--------------------------------------------------------
ความคิดเห็น