ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจน้องนาง

    ลำดับตอนที่ #2 : น้องนาง2/2

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 66


    ภาพที่สมภพเห็นตรงหน้าตอนนี้ ต้องเรียกว่านางฟ้าตัวน้อยๆ ด้วยรูปหน้าเรียว จมูกโด่งเล็กเป็นสัน ดวงตาเรียวเล็กแลดูใสกระจ่าง มีแววระยิบระยับอยู่ในนั้น สวยเหมือนตาลูกกวาง ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ เป็นภาพที่เขาชินตา แต่สิ่งที่สะดุดใจเขาคือ รอยยิ้ม เพราะมันทำให้คนมองต้องยิ้มตามและอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดึงตัวน้องสาวมากอด "วันนี้น้องของพี่น่ารักมากเลยครับ" สมภพเอ่ยชม

    "คุณพี่ของน้องก็หล่อค่ะ" ขนิษฐาไม่ยอมแพ้ ตอบโต้กลับไปเช่นกัน

    "ปากหวานจริงนะเราน่ะ" สมภพเอ่ย อย่างยอมจำนน

    "ก็น้องคุณพี่ ก็ต้องเหมือนคุณพี่สิคะ" สมภพอดไม่ได้จึงเอานิ้วจิ้มหน้าผากนูนสวย เพราะความช่างพูดของเธอ

    "เอ้า ชมกันไปมาอยู่นั่นแหละ ไปได้แล้วคุณหญิงเธอจะรอ" เมื่อได้รับประกาศิตจากมารดา สองพี่น้องจึงรีบเดินไปโดยเร็วทั้งยังแอบหัวเราะกันเบาๆ

    ศศิธร สมภพ และขนิษฐาพากันมาที่ห้างในตัวเมือง ส่วนคุณหญิงเกสร กับคุณหญิงพิมพ์ศรีขอตัวไปเดินอีกแห่ง จึงมีแต่หนุ่มๆ สาวๆ ที่เดินดูของด้วยกัน ด้านขนิษฐานั้นเมื่อเธอมาถึง ก็หันมองสิ่งรอบข้างอย่างกระตือรือร้น ทุกสิ่งล้วนตื่นตาตื่นใจ หญิงสาวเดี๋ยวก็หันซ้าย หันขวา มองโน่นนี่ตลอดเวลา

    "คุณพี่ ทำไมที่นี่มีคนเต็มไปหมดเลย" เมื่อเจอคำถามนี้เข้า สมภพก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน "พี่จะตอบยังไงดีล่ะ เอ่อ..มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ เรานะสิเพิ่งเคยเห็น" สมภพเอ่ยตอบอย่างเอ็นดู จนใจจะหาคำตอบที่หญิงสาวสงสัย

    "จริงด้วย น้องลืมไป" ขนิษฐายิ้มแหย่ให้สมภพ และทันได้เห็นสายตาคำถามของศศิธรที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่ชาย "คือ..น้องไม่เคยมาเที่ยวที่แบบนี้ค่ะ พอเห็นอะไรๆ มันก็ตื่นเต้นไปหมด" ขนิษฐาตอบคำถามที่ส่งผ่านสายตาของศศิธร

    "โธ่ คุณน้อง ถ้าอยากจะมาเที่ยวอีก ทีหลังมากับพี่ก็ได้ค่ะ พี่จะได้มีเพื่อนด้วย เพราะตั้งแต่กลับจากฝรั่งเศสเพื่อนเก่าๆ ก็หายหน้าหายตากันไปหมด ถ้าได้คุณน้องมาเป็นเพื่อนก็คงดี คุณน้องคงไม่รังเกียจพี่นะคะ " ศศิธรหันมาพูดกับขนิษฐาอย่างเอ็นดู

    "จะรังเกียจได้ยังไงกันครับ น้องจะดีใจเสียอีก จริงไหมยัยน้อง" สมภพเป็นฝ่ายตอบแทนขนิษฐาที่มัวแต่อึ้งอยู่ "จริงค่ะ ยังไงก็ขอบคุณคุณศศินะคะ" ขนิษฐาส่งยิ้มให้ศศิธร ตอบแทนความใจดีของเธอ

     

    หลังจากเดินดูของในห้างแล้ว ทั้งหมดก็ลงความเห็นว่าควรไปรับประทานอาหารร่วมกันก่อนกลับ สมภพนัดแนะมารดาและคุณหญิงพิมพ์ศรีให้มาสมทบหลังจากเลือกร้านอาหารที่ต้องการได้แล้ว เป็นร้านข้างๆ ห้าง ร้านเล็กๆ แต่จำนวนคนนั้นไม่เล็กตาม บ่งบอกถึงรสชาติเป็นเลิศ จากจำนวนคนที่นั่งอยู่ภายในร้าน
    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ขนิษฐาจึงรีบเข้าไปจะช่วยถือของในมือมารดา แต่แล้วด้วยความที่ขณะนั้นมีลูกค้ามากพอสมควร ขนิษฐาเลยโดนลูกค้าคนหนึ่งของร้าน กระแทกจนหกล้ม

    " โอ๊ย " เสียงร้องของขนิษฐาเรียกความสนใจจากสมภพได้
    สมภพอุทานลั่น รีบเข้าไปหาและปลอบโยนหญิงสาวซึ่งมีสีหน้าตกใจ ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดซีดเซียว

    "คุณพี่ " ขนิษฐาเอ่ยเรียกพี่ชาย เจ้าของลำแขนที่กอดปลอบเธอ

    "ตายแล้วยายน้องเป็นยังบ้างลูก โธ่" คุณหญิงเกสรเห็นเข้าก็ตกใจเช่นกัน แทบเป็นลมข้างๆ มีคุณพิมพ์ศรีคอยประคองและยื่นยาดมให้

    "ตาภพรีบพยุงน้องขึ้นมาสิ" สมภพได้สติ จึงอุ้มขนิษฐาขึ้นแต่กลับก้าวขาไม่ออก เมื่อเห็นหยดเลือดที่ตกลงบนพื้น พลันส่งสายตาสำรวจร่างกายหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน

    ศศิธรซึ่งมองเหตุการณ์อยู่ถึงกับอุทาน "อุ๊ย เลือดค่ะ นี่คงโดนตะปูตำเข้าแน่ๆ คุณสมภพคะ ศศิว่ารีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ คุณสมภพ..!"

    สมภพยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จา เมื่อเห็นตำแหน่งต้นตอของสายธารเลือด รู้ตัวอีกทีก็ตอนได้รับสัมผัสเบาๆ บนต้นแขน ศศิธรเรียกให้เขารู้สึกตัว ศศิธรขมวดคิ้ว มองดูสมภพอย่างนึกเป็นห่วง ห่วงทั้งน้องสาวเขาและก็ท่าทีของเขา ชายหนุ่มคงจะเป็นห่วงน้องมากจนทำอะไรไม่ถูก ด้านคุณหญิงเกสรก็เป็นลมทันทีที่เห็นเลือด ศศิธรจึงรับปากจะดูแลให้ และบอกให้สมภพรีบพาขนิษฐาไปโรงพยาบาลก่อน

    เมื่อได้สติสมภพก็รีบวิ่งตรงไปยังรถยนต์ที่จอดไว้ไม่ไกลนัก เพื่อพาขนิษฐาไปถึงมือหมอให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้เขาสงสารน้องเหลือเกิน...ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะเจ็บแทนเธอด้วยซ้ำ "คุณพี่...น้องเจ็บ" ขนิษฐาบอกสมภพน้ำเสียงสั่นเครือ

    "คนดีของพี่ ทนอีกนิดนะครับ เดี๋ยวเดียวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้วนะ เดี๋ยวก็หายแล้ว" พูดพลางจูบปลอบน้องที่หน้าผากมน หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ขดตัวเข้าสู่อ้อมกอดสมภพอย่างสะลึมสะลือ

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทำเย็บแผลเรียบร้อยแล้ว หมอก็ให้กลับบ้านเพราะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก แต่สมภพต้องการให้น้องของเขานอนพักที่โรงพยาบาล เขายังไม่วางใจ นอนที่โรงพยาบาลสักคืนเขาคงหายห่วง

     

    ขณะที่ขนิษฐาหลับอยู่นั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว สมภพนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง ยามนี้เขาสงสารน้องน้อยจับใจ สีหน้าซีดเซียว ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดพอมาป่วยแบบนี้แล้ว ทำให้น้องของเขาดูอ่อนแอ...เขาไม่ชอบเห็นน้องเป็นแบบนี้เลย ให้ตายเถอะ!

    "คุณพี่" ขนิษฐารู้สึกตัวแล้วจึงเรียกสมภพที่นั่งอยู่ใกล้ๆ น้ำเสียงแหบแห้ง

    "ตื่นแล้วเหรอคนเก่ง ยังเจ็บแผลอยู่ไหม ให้พี่ตามหมอไหม" สมภพถามอาการคนป่วยระรัว คนป่วยจึงยิ้มน้อยๆ กับอาการเป็นห่วง ที่มากเกินไปนั้น

    "น้องไม่เป็นไรค่ะ แค่เพลียนิดหน่อย" พูดจบคนป่วยก็สังเกตใบหน้าของคนเฝ้าไข้ ใบหน้าดูคล้ำ บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า หญิงสาวจึงเหลือบมองนาฬิกาข้างฝา "คุณพี่ทานข้าวหรือยังคะ แล้วนี่เอาแต่เฝ้าน้องพักผ่อนบ้างหรือเปล่า หน้าคุณพี่ดูไม่สดชื่นเลย" ขนิษฐาสงสารพี่ชายจับใจ มือบางเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของคนที่นั่งมองอยู่

    "จะให้สดชื่นได้ยังไง ก็น้องของพี่นอนเจ็บอยู่แบบนี้" สมภพยกมือขึ้นประกบหลังมือ ที่ยึดครองแก้มของเขา

    "โธ่ เพราะน้องแท้ๆ" ขนิษฐารู้สึกผิดขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินประโยคนั้น "ไม่เอา อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่เป็นห่วงเรานะ"

    "คุณพี่ควรห่วงตัวเองบ้าง น้องเห็นแล้วไม่สบายใจ ที่สำคัญ น้องเจ็บแค่นิดเดียวเอง ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงซะหน่อย" พูดจบขนิษฐาก็ถึงกับน้ำตาคลอ

    "ครับๆ ไม่เอาไม่ร้อง เดี๋ยวพี่จะกลับไปทานข้าว สองจานเลยเป็นไง .ไม่สิ.สักกะละมังเลยดีกว่า" สมภพแกล้งเอ่ยเอาใจหญิงสาว "บ้า คุณพี่อะ ท้องแตกกันพอดี" แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะให้กัน ภายในห้องอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความสุข

     

    หลังจากออกจากโรงพยาบาล ขนิษฐาก็โดนบังคับให้พักผ่อนอยู่แต่ในห้อง โดยมีคำขู่จากพี่ชาย ให้ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด
    "ถ้าน้องไม่เชื่อพี่ เราก็ไม่ต้องมาพูดกัน" ขนิษฐาถอนหายใจ ให้กับคำประกาศิตนั้น

    "ป้าศรี เมื่อไหร่คุณพี่จะยอมให้น้องออกไปข้างนอกเสียทีล่ะคะ" ขนิษฐาบ่นเบาๆ กับแม่บ้านคนสนิท

    "ก็คุณน้องยังไม่หายดีนี่คะ คุณพี่เธอก็เลยเป็นห่วง เธออยากให้คุณน้องได้พักผ่อนมากๆ เธอหวังดีนะคะ" ศรีจันทร์เอ่ยเข้าข้างเจ้าของกฎเหล็ก "แค่ถูกตะปูตำนิดเดียว เป็นห่วงยังกะน้องป่วยใกล้ตาย" ขนิษฐาเอ่ยประชด ริมฝีปากยื่นออกมาเล็กน้อย ยามขัดใจ

    "ถ้าแค่นั้นก็ดีสิคะ เนี่ย คุณน้องเล่นมีไข้ด้วย" ศรีจันทร์เอ่ยกับหญิงสาวอย่างใจเย็น

    "ก็น้องเบื่อ" ขนิษฐาเอ่ยออกมาอย่างแง่งอน นอนกลิ้งไปมาบนเตียง รู้สึกอึดอัด เมื่อต้องทนมองเพดานห้องสีขาวนี้มาหลายวัน กำลังจะคิดกบฏ วางแผนหาทางละเลยคำสั่ง ทว่าทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ตามมาด้วยเจ้าของคำสั่งที่ทำให้เธออึดอัดแทบบ้า

    "น้อง ดูสิ ใครมาเยี่ยม" ขนิษฐาสงสัย ชะเง้อมองคนที่เดินตามหลังคนพูด  ศศิธร

    หญิงสาวสวมชุดเดรส ลายดอกไม้เล็กๆ สีชมพู สวยงามตามเคย ในมือเธอมีดอกลิลลี่ช่อใหญ่มาด้วย ดูเหมือนนางฟ้าใจดีไม่มีผิด

    "เป็นไงบ้างคะคุณน้อง ดีขึ้นไหม วันนั้นพี่ตกใจแทบแย่เลยรู้ไหม" ศศิธรถามด้วยความห่วงใย

    "ดีขึ้นแล้วค่ะคุณศศิ" ขนิษฐาตอบคำถามเบาๆ "พี่เอาซุปสมุนไพรมาฝาก เดี๋ยวเขาคงจะยกขึ้นมาให้ ทานแล้วจะได้หายไวๆ นะคะ" ขนิษฐาเอ่ยขอบคุณ มือบางรับแจกันดอกไม้ที่ถูกส่งมาให้ มีศรีจันทร์รับต่อ หาที่จัดวางลงข้างเตียงนั้นเอง

    "ต้องขอบคุณคุณศศิอีกครั้งนะครับ ที่ใจดีกับยัยน้อง” สมภพพูดขณะมองใบหน้านวลของศศิธรนึกชื่นชมในความมีน้ำใจของเธอ

    "ขอบคุณอะไรกันคะ คุณน้องก็เหมือนน้องของศศินั่นแหละค่ะ" ศศิธรยิ้มเขินๆ ด้านสมภพก็มองกิริยาเขินอายของหญิงสาว เหมือนกับว่า ในโลกนี้มีพวกเขาอยู่แค่สองคน

    ขนิษฐาเห็นภาพกระซิบกระซาบระหว่างพี่ชายกับศศิธรโดยตลอด พลางคิดในใจ ‘จีบกันอยู่ได้ ไม่เกรงใจคนป่วยบ้างเลย แต่ดูๆ ไปแล้วสองคนนี้ก็เหมาะสมกันดีนะ คนหนึ่งก็หล่อราวกับเทพบุตร ส่วนอีกคนก็สวยราวนางฟ้า ทั้งวงศ์ตระกูล ฐานะก็สูงส่งพอกัน นี่ละหรือที่เขาเรียกว่า "กิ่งทองใบหยก"

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×