ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจน้องนาง

    ลำดับตอนที่ #1 : น้องนาง 1/2

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 66


    บทที่1 น้องนาง

    "คุณน้อง!" ขนิษฐาหรือคุณน้องหันไปตามเสียงเรียกที่ได้ยิน พร้อมส่งยิ้มแหย่ๆ ให้ ศรีจันทร์ แม่บ้านคนเก่าคนแก่แห่งบ้านวงศ์บดินทร์ "ว่าไงคะป้าศรี" หญิงสาวสนทนาตอบ สายตาหลุกหลิก

    "ไม่ว่าไงหรอกค่ะ คุณน้องไปเก็บแมวที่ไหนมาคะ ตัวสกปรกมอมแมม แล้วยังจะเอามาเล่นบนห้องอีก นี่ถ้าคุณผู้หญิงทราบ ต้องโดนเอ็ดแน่ๆ เลยค่ะ" หญิงชราเอ่ยเสียงดุ ก้มมองลูกแมวตัวเล็กสีเปรอะ ที่อยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาว

    "โธ่ ป้าศรี ก็มันหลงทางมา ตัวก็ผ๊อมผอม คงอดข้าวมาหลายวันแล้วสิเนอะ เจ้าแมว..." ประโยคหลังหันไปพูดกับลูกแมว มือบางลูบหัวมันเบาๆ ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นน้อยๆ เมื่อสบสายตากลมดิกที่จ้องมองเธอ น่าเอ็นดูจัง

    "ดูสิคะป้าศรี ตามันเศร้าน่าสงสารออก " น่าสงสารแต่ก็น่ารักมากด้วย หญิงสาวคิด

    "ไอ้สงสารมันก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่เอาจะเอาขึ้นมาเล่นบนนี้ได้ที่ไหนกัน" ศรีจันทร์เอ็ดคุณหนูของเธอเบาๆ "ก็น้องกลัวคุณแม่เห็นแล้วไม่ยอมให้น้องเลี้ยงมัน มันก็เหมือนน้องไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ต้องการความรัก ต้องการคนดูแล" เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ศรีจันทร์ถึงกับเอามือทาบอก ตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมา

    "พูดอะไรอย่างนั้นคะ คุณน้องมีคุณหญิงแม่ คุณพ่อ แล้วไหนจะคุณภพอีกล่ะ ทุกคนเป็นครอบครัวของคุณน้องนะคะ ไม่เอา เลิกพูดแบบนี้เสียที ถ้าคุณเธอได้ยินเข้าเธอจะเสียใจ" ศรีจันทร์เอ็ดขนิษฐา สีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา

    "ใช่ เสียใจมาก" สมภพ วงษ์บดินทร์ ลูกชายคนเดียวของบ้านยืนขวางอยู่ที่ประตูห้อง สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทางน่าเกรงขาม ชายหนุ่มกล่าวโดยใช้สายตาจับจ้องไปที่ขนิษฐาไม่วางตา

    "คุณพี่" ขนิษฐาอุทานเรียกชายหนุ่ม เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคนได้ยินสิ่งที่เธอเผลอเอ่ยความในใจออกมา

    "ทำไมถึงพูดแบบนั้น หรือน้องคิดว่า พ่อ แม่และพี่เป็นคนอื่น" สมภพเอ่ยประโยคนั้นออกมา ขายาวก้าวเดินตรงไปยังขนิษฐา ที่ทำท่าทางกระวนกระวายอยู่ตรงหน้า

    “ไหนบอกพี่สิ ว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น” สมภพเอ่ยถาม ต้องการฟังเหตุผลของหญิงสาว

    "คุณพี่คะ...คือ..." ขนิษฐาพูดอะไรไม่ออก เมื่อสบกับสายตาคาดคั้นของพี่ชาย ได้แต่อ้ำอึ้ง ป้าศรีซึ่งเป็นพยานในสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ จึงรีบอุ้มลูกแมว แล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้พี่น้องได้พูดคุยกันตามลำพัง

    "คือ ไม่ใช่นะคะ น้องไม่ได้คิดแบบนั้น น้องทั้งรักและเคารพทุกคน แล้วน้องก็ไม่เคยลืมที่คุณพ่อ กับคุณหญิงแม่รับน้องมาเลี้ยง และรักน้องเหมือนลูกคนหนึ่ง น้องเห็นเจ้าแมวมันหลงทางมา น้องก็เลยอดคิดเรื่องของตัวเองไม่ได้ เท่านั้นเอง จริงๆ นะคะ" ขนิษฐาพูดพร้อมชำเลืองมองดูสมภพ  "คุณพี่อย่าโกรธ อย่าเสียใจเลยนะคะ น้องขอโทษ" ขนิษฐาเข้าไปกอดแขนสมภพอย่างพยายามง้องอน

    "คราวหลัง น้องห้ามคิดแบบนี้อีกรู้ไหม ทุกคนที่นี่รักและเป็นห่วงน้องกันทุกคน อย่าลืมว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ" สมภพลูบผมน้องสาวด้วยความเอ็นดู เมื่อน้องน้อยของเขาพยายามอ้อนเสียขนาดนี้ มีหรือที่เขาจะโกรธเธอลง
    ใจอ่อนเหมือนเคยนั่นแหละ สมภพคิดอย่างปลง

    หลังจากสองพี่น้องพูดคุยปรับความเข้าใจกันดีแล้ว ทั้งสองก็ชวนกันไปดูลูกแมวที่หญิงสาวตัดสินจะเลี้ยง ตามหาอยู่สักพัก จึงเห็นป้าศรีจันทร์ จับอาบน้ำ ให้หาอาหารอยู่หลังบ้านแล้ว ทั้งสองหยอกล้อเล่นกับลูกแมวจนถึงเวลาอาหารค่ำ

     

    เมื่อเดินไปยังโต๊ะอาหารก็ได้ยินเสียงเรียกจากคุณหญิงเกสร มารดา พร้อมกับเห็นสมาชิกใหม่บนโต๊ะอาหารวันนี้

    "มากันแล้ว ตาภพ แม่น้อง นี่คุณหญิงพิมพ์ศรีเพื่อนแม่ แล้วนี่หนูศศิธรลูกสาว" มาถึงตรงนี้ ขนิษฐาก็เห็นว่า สมภพพี่ชายจ้องหญิงสาวผู้มาใหม่ตาค้าง "สวัสดีค่ะพี่ภพ คุณน้อง" ศศิธรยกมือไหว้สมภพตามมารยาท สีหน้าท่าทางสมกับเป็นผู้รากมากดี “สวัสดีจ้ะ” สมภพรับไหว้หญิงสาว มองหาที่นั่งของตน

    หลังจากแนะนำตัวและเอ่ยทำความรู้จักกันพอสมควรแล้ว คุณหญิงเกสรก็กุลีกุจอ จัดที่นั่งให้ลูกชายของเธอให้ได้นั่งใกล้กับแขกสาว เพราะมีแผนการบางอย่างในใจ ระหว่างทานอาหารก็คอยบอกลูกชายให้ตักโน่นแบ่งนี้ให้หญิงสาว จนคนที่นั่งรอบโต๊ะต่างรู้ว่าจุดประสงค์นั้น แม้แต่ขนิษฐาก็ยังรู้สึกได้ คุณหญิงแม่ของเธอต้องวางแผนจับคู่ให้คุณพี่แน่ๆ และก็ดูเหมือนว่าจะสำเร็จซะด้วยสิ

    ขนิษฐาแอบพิจารณาหญิงสาวตรงหน้า เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผิวของเธอขาวนวล อีกทั้งเรียบเนียน ใบหน้ารูปไข่ หน้าผากนูนสวย ขนตางอนยาว ดวงตาหวาน ซึ้ง ซึ่งถ้าใครได้มองสบ จะต้องตกหลุมรักเธออย่างแน่นอน ขนิษฐาหันไปมองพี่ชายแวบบึง พลันเก็บสายตา ก้มหน้ามองมือตนเองนิ่ง คิดในใจว่า คุณพี่ของเธอ ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว!

    หญิงสาวรู้สึกแปลกกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก รู้สึกอึดอัด ขวางหูขวางตาและหมั่นไส้ชายหนุ่ม ยิ้มอยู่ได้ แถมพูดนั่นนี่ไม่หยุดทีเดียว หนวกหูจัง หงุดหงิดชะมัด!

    "อ่าวอิ่มแล้วเหรอแม่น้อง" บดินทร์ ประมุขแห่งบ้านวงศ์บดินทร์เอ่ยถามเมื่อเห็นขนิษฐาวางช้อน "ค่ะคุณพ่อ น้องทานไม่ค่อยลงค่ะ รู้สึกเพลียเหมือนจะไม่สบาย" พูดจบก็หันไปทางสมภพเพื่อดูปฏิกิริยาและก็ได้รับคำตอบเพียงบอกให้รีบไปกินยาแล้วเข้านอน พอพูดจบก็หันไปคุยกับสาวต่อ

    เฮอะ! ทำไมนะ ทุกครั้งที่รู้ว่าเราไม่สบาย (ทั้งจริง ทั้งแกล้ง) คุณพี่ก็จะรีบไปหายามาให้ทาน แล้วก็พาเราไปนอนด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันแปลกไป ขนิษฐาจึงเอ่ยขอโทษทุกคนบนโต๊ะ และขอตัวเดินขึ้นบ้านไป

    กลางดึกคืนนั้น ขณะที่ขนิษฐากำลังหลับใหล ปรากฏมือข้างหนึ่งยื่นลงแตะเข้าที่หน้าผากของหญิงสาว สีหน้าของคนแอบย่องเข้าห้องคลายลง เมื่อรับรู้อุณหภูมิของคนนอนหลับ และเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เจ้าของมือหนาก็เดินกลับออกไป

     

    เช้าวันต่อมาบนโต๊ะอาหาร

    "ตาภพ วันนี้แม่รบกวนหน่อยเถอะ ช่วยขับรถพาแม่ไปบ้านคุณหญิงพิมพ์ศรีที"

    "แล้วทำไมคุณแม่ไม่ให้ตาชอบขับไปล่ะครับ" สมภพถามด้วยความแปลกใจ วางผ้าเช็ดปากที่เพิ่งถูกใช้ลงบนโต๊ะ เอื้อมมือหยิบจับแก้วน้ำบางใส จิบน้ำเย็น พลางรับฟังสิ่งที่มารดาเอ่ยขอ

    "ก็แม่จะไปทำธุระ คงใช้เวลานาน ตาชอบนะเผื่อคุณพ่อเขาจะใช้งาน จะได้อยู่รับใช้ แล้ววันนี้เราก็ว่างไม่ใช่เหรอ ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยไม่ได้หรือยังไง" คุณหญิงเอ่ยอย่างงอนๆ สมภพยกยิ้ม เดินไปสวมกอดมารดายังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

    "โอ้..ได้สิครับ" สมภพเอ่ย กลัวว่ามารดาของตนจะน้อยใจ จึงได้รับรอยยิ้มพอใจจากมารดาเป็นการตอบแทน "แม่น้องก็ไปกับแม่ด้วยสิ " คุณหญิงเกสรหันไปบอกกับขนิษฐาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ "พอคุยธุระเสร็จ แม่ว่าจะชวนคุณหญิงเขาไปเดินห้างเห็นเขาว่าเพิ่งเปิดใหม่ แล้วหนูศศิเธอก็คงไปด้วย แม่ก็เลยอยากให้น้องไปทำความรู้จักกับพี่เขาเอาไว้...ว่าไง" เกสรมองหญิงสาวอย่างรอคอยคำตอบ

    ในความรู้สึกของขนิษฐาตอนนี้มันมีทั้งดีใจและแปลกใจระคนกันไป ดีใจเพราะปกติเธอไม่ค่อยได้ออกไปไหนบ่อยๆ ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ก็อยู่แต่กับโรงเรียน และบ้านวงศ์บดินทร์เท่านั้น พอมีโอกาสไปเปิดหูเปิดตา เธอก็เลยตื่นเต้น แต่ที่แปลกใจก็คือ ทำไมงานนี้คุณหญิงแม่ถึงชวนเธอไปล่ะ ทุกทีไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยนี่นา..จะว่าให้ไปทำความรู้จักกับคุณศศิ ก็ฟังดู..แปลกพิกล แต่ช่างเถอะถึงจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม ขอแค่ได้ไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกก็ดีแล้ว

    “ตกลงค่ะ คุณแม่” ขนิษฐาตอบรับ

    "ดีใจจนหน้าบานหมดแล้ว ยัยน้อง" สมภพแซวน้องสาว คงดีใจมากสินะที่ได้ไปเที่ยว เพราะตั้งแต่เขาจำความได้ ยัยน้องไม่เคยได้ไปไหนกับเขาหรอก บ้านกับโรงเรียนคือสถานที่ของน้องสาวเขา จนเขาไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมาถึงตอนนี้ก็ 3ปีเขาไปแล้ว ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม วันๆ ก็อยู่แต่ในครัว ทำขนมบ้างล่ะ ทำกับข้าวบ้างล่ะ แล้วก็คอยแต่จะถามว่า ‘คุณพี่วันนี้จะทานอะไรดีคะ’ ‘คุณพี่วันนี้น้องทำพายสับปะรด ลองชิมดูสิคะ’ หรือไม่ก็ มีอยู่วันหนึ่งตอนนั้นน้องสาวเดินเข้ามาบอกเขาว่า ‘คุณพี่ขา วันนี้น้องมีสูตรหน้าใสชะลอความแก่มาให้คุณพี่ด้วยล่ะค่ะ’ ผลก็คือโดนลูกมะเหงกไปหนึ่งดอก มาหาว่าเขาแก่ต้องโดนเสียบ้าง

    สมภพหัวเราะให้กับความทรงจำที่มีต่อน้องสาว "ก็น้องตื่นเต้นนี่ค่ะคุณพี่ งั้นเดี๋ยวน้องไปเตรียมตัวก่อนนะคะ" พูดจบก็ลุกจากที่นั่งจนคุณบดินทร์ต้องกล่าวห้าม "ทานข้าวให้หมดก่อน แม่เขาไม่รีบขนาดนั้นหรอก" เมื่อโดนบิดาเอ่ยเตือน หญิงสาวจึงก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจานจนหมดอย่างรวดเร็ว แล้วจึงเอ่ยขอตัวเพื่อไปเตรียมตัว

    "โตจนเป็นสาวแล้วยังทำตัวเหมือนเด็กๆ" คุณหญิงเกสรบ่นแต่มองตามด้วยความเอ็นดู "สาวที่ไหนกันครับคุณแม่ ยัยน้องยังเด็กอยู่เลยนะครับ" สมภพขัดมารดาเพราะยังไงเขาก็ยังไม่เห็นว่าขนิษฐาจะโตเป็นสาวเสียที

    "ทั้งขี้แย ขี้งอน ขี้กลัว โอ๊ยสารพัดจะขี้" พูดจบทั้งสมภพและคุณบดินทร์ก็หัวเราะพร้อมกัน แต่คุณหญิงเกสรกลับยิ้มไม่ออก "พูดอะไรแบบนั้นนะตาภพ"คุณหญิงเอ็ดสมภพ เหนื่อยใจกับคำพูดคำจาของลูกชาย แล้วก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

    "ภพ ยัยน้องโตเป็นสาวแล้ว ภพจะเข้าห้องน้องก็..." ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็ได้รับสัมผัสมือหนาของผู้เป็นสามี

    "ยัยน้องลงมาพอดี ไปๆๆ อย่าช้าเดี๋ยวคุณหญิงเขาจะรอนาน" บดินทร์ตัดบท เมื่อรู้ว่าภรรยาของตนจะพูดสิ่งใด

    "คุณพี่ น้องยังพูดไม่จบ" คุณหญิงเกสรกระซิบกับสามี "คุณจะชี้โพรงให้กระรอกหรือยังไง คุณก็เห็นว่าตาภพมันคิดกับยัยน้องแค่น้องสาว ถ้าคุณพูด เกิดมันคิดขึ้นมาจริงๆ จะว่าไง อยู่เฉยๆ เถอะน่า" เมื่อสามีของเธอกล่าวเช่นนั้น เกสรจึงพูดอะไรไม่ออก

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×