ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ct_1 ฉันควรจะทำอะไรบางอย่าง
ฉันควรจะทำอะไรบางอย่าง!!!
หญิงสาวใบหน้าจืดชืดที่แอบซ่อนเล้นความงดงามเอาไว้ในความจืดจางของใบหน้าแบบไร้เครื่องสำอางพึมพำกับตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอจ้องมองป้ายสีขาวขนาดเท่ากระดาษเอสี่ที่ติดอยู่บนประตูรั้วบ้านของเธออย่างใจหายและหดหู่ บ้านราคา 150 ล้านตามการประเมินถูกประกาศหลาว่าเป็นทรัพสินย์ของธนาคารและต้องการขาย
“พลอย แกไปอยู่บ้านฉันก่อนก็ได้นะ” หญิงร่างอวบอั๋นแตะบ่าสาวร่างบางเล็กก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความเห็นใจ น้ำน้อย ๆ ซึมออกจากดวงตากลมโตของอดีตเจ้าของบ้านอย่างไม่ลดละ พลอยชมพูพยายามเอามือซับน้ำตาตัวเองออก แต่เธอก็ไม่สามารถเช็ดมันออกไปได้หมดเสียที บ่อน้อย ๆ ในดวงตาเธอรั่วจนไม่อาจต้านทานไหว
“ไม่ ฉันจะอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป” พลอยชมพูพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแต่ก็ปนไปด้วยความตั้งใจสูง
“แก ธนาคารเอาป้ายมาติดขนาดนี้แล้ว ฉันว่าแกปล่อยมันไปเถอะ ไว้มีเงินแล้วค่อยซื้อใหม่ก็ได้ และขืนแกยังเข้าไปอยู่ในบ้านอีก ฉันว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขึ้นมานะ ดีไม่ดีแกก็อาจจะถูกฟ้องก็ได้ พลอยแกเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันเป็นห่วงแก แกไปอยู่ที่บ้านฉันก่อนก็ได้ แม่ฉันคงไม่ว่าอะไร เผลอๆ จะดีใจด้วยซ้ำที่แกเข้าไปอยู่ด้วย”
“ฉันปล่อยบ้านหลังนี้ไปไม่ได้หรอกฉัตร แกก็รู้ว่าบ้านหลังนี้มันมีที่มายังไง ไม่มีบ้านหลังไหนมีความหมายเท่าบ้านหลังนี้ของฉันอีกแล้ว ฉันจะไปคุยกับธนาคาร” ว่าแล้วพลอยชมพูก็ทำท่าจะไปคุยกับธนาคารทันที
“เดี๋ยว” ฉัตรชนกร้องห้าม
“แกจะไปคุยอะไรกับเขา”
“ไปบอกเขาว่า ฉันจะหาเงินมาไถ่ถอนบ้านคืนจนได้ ไม่ต้องมาประกาศขายแบบนี้หรอก ยังไงซะบ้านหลังนี้ก็จะตกเป็นของคนอื่นไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้”
“แกพูดแบบนี้กับเขามากี่ครั้งแล้ว ยังไงก็ไม่ได้หรอก เงินตั้งหลายล้านแกจะไปหามาจากที่ไหนพลอย แกก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆคนนึงที่พึ่งเรียนจบด้วยซ้ำ เขาไม่เชื่อแกหรอกพลอย หยุดเถอะ อย่าไปเลย” ฉัตรชนกเอาตัวเข้าขว้างทางเพื่อนไว้
“อย่ามาขว้าง ฉัตรแกรู้ไหมว่าฉันปล่อยให้บ้านหลังนี้หลุดมือฉันไปไม่ได้” พลอยชมพูดตะโกนใส่เพื่อนด้วยความโมโห
“ฉันรู้ ฉันรู้ว่ามันคือมรดกชิ้นสุดท้ายของครอบครัวแก แต่....”
“ถ้าเราจะสู้ มันจะไม่วันแพ้ ฉัตร! ฉันจะสู้ สู้เพื่อทุกคนในครอบครัวของฉัน ถอยไป” พลอยชมพูเอามือดึงตัวเพื่อนออกจากทางที่เธอกำลังมุ่งหน้าไป
“ผู้จัดการทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“เราให้โอกาสคุณมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาที่กฎจะต้องเป็นกฎ กติกาจะต้องว่าไปตามกติกา สัญญาเขียนไว้ว่ายังไงก็จะต้องเป็นไปตามนั้น บ้านหลังนี้ครบกำหนดชำระค่างวดมาหลายเดือนแล้ว แต่ผู้กู้ก็ไม่ทำการจ่ายค่างวดใด ๆ ทั้งสิ้นมานานเกินกว่าที่ธนาคารจะปล่อยไว้ได้ มันก็ถูกต้องแล้วที่บ้านหลังนี้จะถูกขายทอดตลาดตามราคาประเมิน”
“แต่เราคุยกันไว้แล้วว่า.....”
“ว่าถ้าคุณจ่ายค่างวดครบตามกำหนด สัญญาก็เป็นสัญญา บ้านก็จะตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณแต่ถ้าคุณไม่จ่ายค่างวดตามสัญญาบ้านหลังนี้ก็ต้องถูกธนาคารยึดไปตามระเบียบ พลอยชมพูคุณเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าเงินจำนวน 150 ล้านไม่ได้หามาง่าย ๆ 150ล้านถ้าอยู่ในความฝันมันก็เกิดขึ้นได้เพียงแค่หลับตา แต่ถ้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง ต่อให้คุณกระพริบตาสักล้านครั้ง 150 ล้านก็ไม่มีวันลอยมากองอยู่ตรงหน้าอย่างง่ายดายหรอกนะ”
“ฉันจะเอาบ้านฉันคืน” หญิงสาวกัดฟันกรอด ๆ รู้อยู่แก่ใจตัวเองดีว่าตัวเองหมดทางที่จะสู้ต่อ หมดอาวุธในมือที่จะดิ้นรนต่อไป เลือดเดือนพล่านขึ้นหน้า อยากจะยอมแพ้ต่อโชคชะตาแต่ว่าหญิงสาวก็ทำไม่ได้ พลอยชมพูได้แต่ดื้อดันที่จะเอาตามใจตัวเองให้ได้เหมือนเด็ก ๆ และนั่นมันยิ่งทำให้ผู้จัดการธนาคารมองเธอเด็กลง
“ก็เอาเงิน 150 ล้านมากองไว้ตรงหน้าผมสิ”
“ฉันจะเอาบ้านฉันคืน” แววตาหญิงสาวเริ่มเครียดแค้นชายอยู่ตรงหน้ามาขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเธอแสดงออกราวกับคนบ้าที่ไม่เข้าใจคำพูดใดๆของใครทั้งสิ้น ความต้องการของเธอมันมากกว่าความสามารถที่เธอมีอยู่ในตอนนี้จนทำให้พลอยชมพูดเครียดและแสดงออกราวกับคนเสียสติ
“ฉันจะเอาบ้านฉันคืน”
“พลอย คุณคงพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ รปภ.มาเอาตัวผู้หญฺงสองคนนี้ออกไป” ผู้จัดการธนาคารพูดเสียงเข้ม
“ฉันจะเอาบ้านฉันคืน” แต่ไม่ทันที่รปภ.จะเข้ามาถึงตัวพลอยชมพู เธอก็โผเข้ากระชากคอเสื้อผู้จัดการธนาคารอย่างเสียมารยาท
วายยยยยยย
เสียงร้องวี๊ดวายดังขึ้นจากความตระหนกตกใจของคนที่อยู่ในบริเวณนั้น
“ฉันจะเอาบ้านฉันคืน”
“พลอยแกปล่อยเหอะ ปล่อยมือนะ” ฉัตรชนกที่ยืนอยู่ข้างพลอยชมพูเสมอรู้สึกกลัวจนตัวสั่น แต่ก็พยายามที่จะดึงมือเพื่อนออกและพาตัวเธอออกมาจากที่นั่น แต่ไม่เป็นผล รปภ.ที่วิ่งเข้ามาช่วยกันดึงมือและกระชากร่างบางของพลอยชมพูออกและโยนเธอออกจากธนาคารอย่างไม่ปราณี
น้ำตาพลอยชมพูไหลพลาก เสียงโฮร้องแสดงความเสียใจดังออกมาจากลำคอเธอพร้อมกับสายน้ำตาที่ไหลเป็นทางอย่างไม่ขาดช่วง
“ฉันบอกแกแล้วว่าอย่ามา ๆ” ฉัตรชนกที่ตามออกมาพยายามช่วยปัดเศษดินออกจากร่างกายเพื่อนอย่างน่าสงสาร ภาพเบื้องหน้าในแววตาของผู้คนช่างน่าเวทนานัก หญิงสาวปาดน้ำตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ปล่อย ฉันจะเข้าไปคุยกับผู้จัดการให้รู้เรื่อง ปล่อย” พอลยชมพูดูเหมือนสติแตกที่เธอไม่สามารถรักษาบ้านหลังโตที่พ่อของเธอได้สร้างมันมากับมือ และบ้านหลังนั้นยังเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อเธอทิ้งไว้ให้ก่อนจะทิ้งครอบครัวไปอีกด้วย
“พลอย พลอย พลอย แกฟังฉัน ฟังฉันนะว่ามันไม่มีประโยชน์ที่แกจะวิ่งเข้าไปในธนาคารนั้นอีก ไม่มีประโยชน์ที่แกวิ่งไปขอร้องอ้อนวอน หรืออาลวาดเพื่อให้ได้บ้านกลับคืนมา มันไม่มีวันที่แกจะได้บ้านรักของแกกลับมาโดยที่แกไม่มีอะไรไปแลกกับเขา หรือไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเชื่อถือแกได้ ถ้าแกอยากได้บ้านกลับคืนมา แกต้องสู้ สู้หาเงินมาไถ่ถอนมันคืนมาก่อนที่คนอื่นจะมาซื้อต่างหาก นี่เป็นทางเดียวที่แกจะได้บ้านคืน”
“ฉัตร..” พลอยชมพูมองหน้าเพื่อน ในเลนส์ตาเธอนั้นแสดงออกเห็นชัดว่าเธอคิดตามประโยคนั้น แต่ในหัวใจที่ลึกลงไปเธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาเงินจำนวนนั้นมาได้ในระยะเวลาที่ไม่มากนัก
พลอยชมพูเดินกลับไปบ้านหลังรักของเธอย่างคนหมดแรง หญิงสาวยืนเกาะประตูและทอดสายตาเข้าไปในบ้านหลังโตของตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อว่าครอบครัวของเธอจะมีวันที่ตกต่ำขนาดนี้
“แกได้ข่าวพ่อแกบ้างไหม” ฉัตรชนกถามเพื่อน
“ก็รู้จากแม่บ้าง”
“เป็นไงบ้าง”
“แม่บอกว่า พ่ออยู่ที่โรงโม่หิน แต่แม่ก็ไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าพ่อบอกแม่ แล้วแม่ไม่บอกฉัน หรือว่าพ่อไม่ได้บอกเรื่องที่อยู่กับแม่เลย ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรเลยนอกจากคำที่แม่พูด”
“แกติดต่อพ่อแกไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่ได้ พ่อไม่มีโทรศัพท์ ที่โทรหาแม่ได้ก็น่าจะใช้โทรศัพท์สาธารณะละมั้ง ฉันเดาเอานะ เพราะไม่อยากจะถามแม่มากด้วย ถามถึงพ่อที่ไร เสียงแม่สะอื้นทุกที”
“อืมม์ แล้วไงต่ออะ แม่แกว่าไงอีก”
“ก็บอกว่าตอนนี้พ่อลำบากมาก แต่ก็ต้องอดทน พ่ออยู่ที่นั่นโดยใช้ชื่อปลอม เพราะไม่อยากให้ใครรู้จักว่าเป็นพ่อ และก็ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกด้วยอยู่แต่ในไซด์งาน นาน ๆ ทีจะได้ออกมาซื้อของใช้ส่วนตัวบ้าง สงสัยคงออกมาซื้อของเนี่ยแหละเลยได้โทรมาหาแม่”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อจะต้องไปลำบากขนาดนี้” ฉัตรชนกมีเสียงเศร้าตามสีหน้าของเธอไปด้วย ส่วนพลอยชมพูดเล่าถึงความเป็นอยู่พ่อไปก็เช็ดน้ำตาตัวเองไป
“นั่นสิ ถ้าไม่เกิดเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ขึ้น พ่อคงไม่ต้องไปใช้ชีวิตแบบนั้น ไม่รู้จะทนได้อีกนานสักแค่ไหน ฉันกลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรไป ฉันกลัวว่าฉันจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อฉันอีก” พลอยชมพูเสียใจจนคำพูดโประโยคหลังของเธอถูกผสมกับเสียงสะอื้น ฉัตรชนกฟังไม่ได้ศัพท์นักแต่ก็พอจะแปลว่าหมายได้ เธอรีบสวมกอดเพื่อนและลูบหัวพอลยชมพูเบา ๆ ด้วยความสงสารทันที
“ไม่เป็นไรนะพลอย แกยังมีฉัน มีครอบครัวของฉันที่เข้าใจแก ฉันพร้อมที่จะช่วยแกนะ แกเป็นเพื่อนรักของฉัน”
“ขอบใจนะเพื่อน”
“งั้น ช่วงนี้แกก็ไปพักบ้านฉันก่อนนะ” พลยชมพูมองหน้าฉัตรชนกด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ แต่เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะต้องยืนหยัดสู้ต่อด้วยตัวของเธอเอง เธอไม่อยากให้ใครเห็นความตกต่ำของเธอไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้ใครมาเวทนา และยื่นมือมาช่วยด้วยความสงสาร เพราะมันจะทำให้เธอรู้สึกสมเพชตัวเองมากเกินไป
“ไม่ละ ขอบใจแกมากนะแกเป็นเพื่อนที่แสนดีของฉันจริง ๆ ฉัตรชนก” พลอยชมพูโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของสหายแสนดีอย่างฉัตรชนกสาวร่างอวบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะทำใจยอมรับกับการตัดสินใจของเพื่อนสาวและยกมือขึ้นมากอดรัดร่างเล็กตอบ
"ฉันจะอยู่ข้างๆ แกเสมอนะ แล้วแกจะทำยังไงต่อไป..."
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น