ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ถ้าใจสู้ เธอจะอยู่ได้นาน [the weather expectation]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 เงื่อนงำ [Clue]

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 56


                   ผู้ชายใส่ฮูดสีดำ คลุมใบหน้าด้วยโม่ง ยืนอยู่ในร้านขายเพชร  ในมือข้างขวาเขาถือมีดอยู่เล่มหนึ่ง  เขาใช้มีดเล่มนั้นควักลูกตาของเขา  เลือดไหลเต็มทางเดินในร้าน เจ้าของร้านขายเพชกรีดร้องจนเป็นลม  ชายคนนั้นค่อยๆก้าวขาออกมาจากร้านจนถึงหน้าร้าน  ในตอนนั้นเอง ฉันเห็นเขาหยิบเพชรที่เพิ่งขโมยมา  จับยัดใส่ตาข้างที่เอาลูกตาออกมา  เมื่อใส่เสร็จตาของเขากลายเป็นตาเพชร แล้วจับจ้องสายตานั้นมาที่ฉัน  แล้วแสยะยิ้มให้ฉัน                                                                
                    ภาพนั้นกลับมาในหัวของฉัน  ผู้หญิงผมสั้นสีดำ  ท่ามกลางทุ่งนาสีทอง  แมวดำตาเพชรวิ่งผ่านหน้าฉัน  แล้วสุดท้ายผู้ชายสวมฮู๊ดสีดำถือมีดมีเลือดอาบ กำลังหันมายิ้มให้ฉัน  ฉันทรุดตัวลงด้วยความเจ็บเช่นเดิม  ชายคนนั้นหัวเราะฉันด้วยน้ำเสียงของความสะใจ  แต่ไม่สามารถมีใครทำอะไรเขาได้ เขาดูน่ากลัวมาก ในสายตาคนละแวกนี้  ป้าเมลเดิลเธอเอาสตอเบอร์รี่ของเธอมาฝากขายที่ตลาด  เธอก็เห็นเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน สายตาของเธอที่มองชายคนนั้นดูอาฆาตแค้นอย่างมาก เธอเดินไปเรียกตำรวจเพื่อให้มาจับเขา ตำรวจเดินมาหาชายคนนั้น เพียงแค่มองตาเขา  เขาก็สามารถฆ่านายตำรวจพวกนั้นได้  สายตาของเขาเหมือนกับแมวตัวนั้นที่จ้องมองฉันเมื่อวานนี้  แมวของแคลนั่นเอง                
                                 
          
    ควาเธอร์ๆ เธอ….” เสียงจากน้องชายฉัน  ฉันไม่สนใจ  จึงรีบวิ่งไปที่บ้านของเขา แมวของเขาอยู่หน้าบ้าน ฉันจ้องตามัน พยายามสื่อสารอะไรบ้างอย่างกับมัน  แต่มันไม่ตอบสนองหรือว่าเรื่องที่ฉันเห็นจะเป็นความบังเอิญเพียงเท่านั้น  ทั้งๆที่ฉันพยายามจะสื่อสารกับมัน แต่ไม่ได้ผล ฉันหยุดคิดซะ แล้วไปทำงานต่อ                                       
                          เย็นวันนี้ ฉันนอนไม่หลับ รู้สึกเครียดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น 
    ควา..เธอนอนสิ ฉันเห็นพี่นอนบิดไปบิดมาจนฉันนอนไม่หลับแทนพี่แล้วนะ !” คิวเธอร์พูด  พยายามนอนเถอะ พี่แค่คิดเรื่องนึงอยู่ หลับไปซะๆ ไม่ต้องสนใจหรอกฉันบอก  โอเคๆ ก็ได้  คิวเธอร์ตอบฉัน               ฉันนอนคิดเรื่องนี้อยู่สักพัก แล้วฉันคิดว่ามีคนนึงที่จะช่วยฉันได้ นั่นคือป้าเมลเดิล

                    เช้าวันรุ่งขึ้น  ฉันไม่ได้นอนเลยสักนิด  ฉันรีบออกไปแต่เช้าและทิ้งโน้ตไว้ให้คิวเธอร์วันนี้พี่ลางานตอนเช้านะ จะเข้าไปทำงานตอนเที่ยง  ตั้งใจทำงานด้วยละ ควาเธอร์ฉันเดินทางไปยังบ้านของป้าเมลเดิล อากาศหนาวเย็น ฉันเดินไปทางคันนา วันนี้อากาศยังคงแปลกซ้ายมือเย็น ขวามืออุ่น พอถึงถนนใหญ่ฉันนั่งรถโดยสารไปที่ไร่ข้างๆผืนนาของฉัน นั่นคือบ้านของป้าเมลเดิล  วันนี้เธออยู่บ้าน ฉันจึงไปถามเรื่องชายคนเมื่อวาน  ป้าเมลเดิลว่า ชายคนเมื่อวานเป็นศัตรูเก่าของหล่อน  เขาเป็นคนที่ฆ่าลูกสาวหล่อนไป ด้วยวิธีที่เขาทำกับตัวเองเมื่อวาน คือใช้มีดควักลูกตาของลูกสาวหล่อนออกแล้วใช้เพชรปลอมใส่เข้าไปในตาของเธอ  เขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไรคะ ?ฉันถามหล่อน หล่อนบอกว่าเขาจงใจฆ่าด้วยสาเหตุที่หล่อนก็บอกไม่ได้เช่นเดียวกัน  มันเป็นความลับ ถ้าหล่อนหลุดปากไป ชายคนนั้นจะกลับมากระทำอย่างนี้กับหล่อนแล้วทำไมป้าถึงจะเรียกตำรวจมาจับตัวเขาละคะ ?”  “ตอนนั้นป้าไม่รู้ว่าป้าคิดอะไรอยู่  น้ำตาของหล่อนค่อยๆไหลออกมา  “ป้าใจเย็นค่ะๆ หนูไม่ถามแล้วค่ะ”  ฉันบอกและค่อยๆหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดหน้าให้หล่อน                                                                

    ชายคนนั้นอาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเห็นในฝันก็เป็นได้  มีความจริงบางอย่างอาจจะเปิดเผย  แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันควรเตรียมใจรอวันที่มันมาถึง
    ถ้าใจสู้ เธอจะอยู่ได้นานคำนี้น่าจะเป็นคำเตือนบางอย่างจากหญิงคนนั้น แล้วถ้าไม่ใช่คำเตือนก็อาจจะเป็นคำสาปที่เธอได้สาปไว้ผ่านผืนนาของฉันก็เป็นได้  ตอนนี้ฉันคงยังไม่ปักใจเชื่อ ต่อเมื่อฉันจะเห็นบางสิ่งบางอย่างที่มากกว่านี้                                                                                                                                                             


    ฉันเดินออกจากบ้านของป้าเมลเดิลไปยังถนน  ขณะที่ฉันรอรถโดยสารอยู่นั้น  รถคันนั้น คันคุ้นๆก็ขับมาแล้วมาจอดตรงหน้าฉัน  
    อ่าว ควาเธอร์ เธออยู่นี่นี่เอง น้องชายของเธอบอกกับฉันว่าเธอออกจากบ้านแต่เช้า แต่ไม่รู้ว่าเธออยู่ไหนเแคลบอก  ฉันแค่มาทำธุระแถวนี้ค่ะ งั้นฉันขอติดรถไปทำงานด้วยนะคะฉันบอก ได้สิ  ขึ้นมาเลยแต่ฉันต้องไปทำธุระแถวนี้ก่อนนะแคลตอบ  ขณะที่นั่งรถไปเรื่อยๆ  สองข้างทางก็มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป  ข้างซ้ายปกติจะเป็นทุ่งนา แต่แค่ไม่กี่วัน  ก็กลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่ เพราะส่วนใหญ่ในหน้าหนาว ชาวนาก็จะเก็บเกี่ยวกันหมดแล้ว  ส่วนข้างขวาจากที่เคยเป็นโรงงานอุตสาหกรรม  ตอนนี้ก็กลายเป็นเศษเหล็กธรรมดาที่อยู่ข้างทาง  สิ่งที่ฉันรู้ตอนนี้คือ  ผืนนาของฉันเป็นศูนย์กลางของสภาพอากาศบนโลกนี้  มันจะแปรปรวนไม่เหมือนกันในแต่ละกัน  อากาศที่หนาวจัดจึงทำให้นาเป็นลานน้ำแข็ง  และพายุที่หนักเกินไป ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมกลายเป็นเศษเหล็กอยู่ข้างทาง และคงไม่สามรถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้  คนที่ลงทุนทำโรงงานอุตสาหกรรมเสียรายได้หลายร้อยล้านเพราฉะนั้น ประเทศกีนูบิส  ส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรรม มากกว่าอุตสาหกรรม แต่ความหายนะส่วนใหญ่ก็มาลงที่ประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นพายุ  สึนามิ  ไฟไหม้ทุ่งนาของเราโดยไม่มีสาเหตุ  สิ่งพวกนี้เกิดในประเทศของเราทั้งหมด                                                                         
                               แคลจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นคลังเก็บของขายที่ร้านของเขา เมื่อสินค้าหมด เขาก็มาเอาสินค้าจากคลังนี้  ฉันเดินเข้าไปกับแคลสังเกตว่าบ้านหลังนี้ไม่ธรรมดา ฉันลองเดินไปหลังบ้าน ข้างหลังบ้านเป็นป่าทึบ หันไปทางขวาและทางซ้ายฉันเจออุโมงค์ เหมือนข้างในจะสามารถทะลุออกไปได้  มีอยู่สองอุโมงค์ ฉันไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี โบราณว่า ขวาร้าย ซ้ายดี ฉะนั้นแล้วฉันจึงเดินไปทางซ้าย
    ….                                                                                                           

                    มันเหมือนดังความฝัน  อุโมงค์ในฝันของฉัน  มีแสงสว่างจุดหนึ่งอยู่ด้านหน้า ฉันเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความเงียบ และเสียงบูทของฉันที่ดังเป็นเสียงเท้าเสียงของหญิงคนนั้นดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาและเริ่มหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ ควาเธอร์ควาเธอร์ควาเธอร์”                                                                                                                                                                                       “ควาเธอร์! ” เสียงแคลตะโกนเรียกฉันจากข้างนอก  ฉันจึงกลับมามีสติอีกครั้ง                              
                             
         
    คะ?ฉันหันไปตอบเขา                                                                                                      
         
    เธอเข้าไปทำอะไรในนั้นน่ะ ออกมา”  เขาบอกฉัน                                                                                           


    ฉันจึงค่อยๆ เดินหันหลังกลับไปแต่ฉันอดไม่ได้ระหว่างเดิน  ฉันก็หันหน้ากลับมามองแสงนั่น  ที่ที่ฉันจะไปคือที่ไหนกันแน่?  คราวนี้ฉันไม่ได้เข้าไป คราวหน้าฉันต้องรู้ให้ได้  เมื่อฉันเดินมาถึงหน้าถ้ำแคลบอกว่ากลับร้านได้แล้ว  เราจึงขึ้นรถและเดินทางกลับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×