ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิค Y วง 1D]One Direction Translate Fic

    ลำดับตอนที่ #15 : [Ziall]Always in our hearts

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 55


     [One Direction fanfic][Ziall]Always in our hearts

    One Direction Fanfiction by theonewiththose1d1shots.tumblr.com 

    Translate by KhawnLoL~* 

    Pairing :Zayn Malik x Niall Horan 

    Rating : PG


    ________________________





    ไนออลทรุดกายลงบนโซฟาสีเบจอย่างอ่อนล้า รอคอยเพื่อนๆทั้งสี่อย่างอดทนและสงบนิ่ง ซึ่งขัดกับสุขภาพของเจ้าตัว    เขารู้สึกไม่สบายมาสองสามวันแล้ว  แต่ก็ยังฝืนทนแฮงค์เอาท์ที่บาร์จนโต้รุ่ง 
    เปลือกตาสีน้ำนมปิดลงอย่างอ่อนล้า ก่อนจะปรือขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู




    "ไนออล นี่พวกเราเอง เปิดเร็วๆหน่อยสิ ข้างนอกมันหนาวนะ"








    คนผมบลอนด์ยันกาย   พยายามละเลยอาการปวดตุบๆที่ศีรษะ เหงื่อผุดซึมตามไรผมทุกครั้งยามขยับกาย
    ไนออลก้าวเท้าไปยังประตูเร็วๆ   ไม่อยากปล่อยให้เซน   เลียม   ลู   และแฮรี่ยืนเล่นหิมะนานๆ เพราะเกรงว่า
    ไข้จะรับประทานก่อนที่จะออกซิงเกิลใหม่





    ไข้หวัด จริงสิ มันไม่มีอะไรมากหรอก 

    ฉันคงเป็นหวัดมั้ง แค่ไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น....







    "โทษนะเพื่อน ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆน่ะ"


    "ไม่เป็นไรๆ พวกเราสบายดี เอ๋? ไนออล?"
    เลียมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์
    ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประโยคคำถามเมื่อเห็นคนตรงหน้าซวนเซไปมา




    อา... เพดานมัน





    ร่างเล็กกระพริบตาถี่ๆ   ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวและบิดเบี้ยว   ความปวดร้าวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
    ผนังทั้งสี่ด้านค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้ขึ้นราวกับกำลังบีบตัว




    "อืม ฉันแค่... จะกินน้ำ"



    ไนออลเอ่ยตอบแผ่วเบา   จนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
    พยายามมุ่งหน้าไปยังห้องครัวด้วยท่าเดินขโยกเขยก   แต่เรี่ยวแรงกลับหนีหายไปซะดื้อๆ
    ห้องเริ่มพร่าเลือนขึ้นทุกขณะ   ร่างบางทรุดลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง   ยามที่สติกำลังจะหลุดลอย ภาพสุดท้ายที่ปรากฏในห้วงสายตาคือ   เซนที่รีบถลาเข้ารองศีรษะเขา   พร้อมตะโกนเรียกชื่อไนออลอย่างบ้าคลั่ง





    ผ่านไปไม่ถึงสองนาที รถพยาบาลก็มาถึง
    เสียงไซเรนดังหวีดหวิวผ่านอากาศยามค่ำคืนแห่งมหานครลอนดอน...




    ________________________






    สมาชิกวง One Direction ทั้งสี่ พร้อมครอบครัวและ ฌอน เพื่อนสนิทของไนออลยืนกระสับกระส่ายอยู่บริเวณห้องรับรองของโรงพยาบาล    เลียมตัดสินใจลุกไปยังตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ เพื่อซื้อกาแฟให้ตนเอง และแม่ของไนออล      ส่วนแฮรี่กับลูอิสก็กำลังสนทนาเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกับพ่อของคนตัวเล็ก และเกร็ก ผู้เป็นพี่ชาย ในขณะที่เซนทำได้เพียงนั่งเงียบๆข้างฌอน






    "นี่มันบ้าชัดๆ!! ฉันไม่รู้เลยว่าควรทำยังไง...  ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น"
    ชายหนุ่มผิวเข้มเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้ม


    "ไนออล..   เขาโคม่า มา 3 วันแล้ว   สิ่งเดียวที่เราทำได้คือภาวนา"
    ฌอนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกัน ทุกคนกังวลกันทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าเซนจะเครียดหนักที่สุด





    "ถ้าฉันได้บอกเขา ว่าฉันคิดยังไง มันก็คงจะดีกว่านี้"   เซนเผลอหลุดปากออกมาเสียงดัง
    ทั้งๆที่เขาแค่คิดกับตัวเองแท้ๆ


    "แล้วนายรู้สึกยังไงล่ะ?"   ชายหนุ่มอีกคนจากไอร์แลนด์พูดขึ้นเร็วๆ พร้อมกับจ้องหน้าคู่สนทนา



    "อะไรนะ?"




    "ความรู้สึกของนายไง"
    ฌอนย้ำคำถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม





    "ฉันรักเขา รักไนออล   ฉันอยากให้เขารู้ เพราะถ้าฉันไม่ได้บอก... ฉันคงจะเสียใจไปตลอดชีวิต"


    ฌอนถึงกับยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ มันเป็นรอยยิ้มแรกในรอบหลายวันมานี้ 
    "งั้นฉันก็คิดถูก"

    "นายคิดถูกเรื่องอะไร?"





    "ก็ไนออลน่ะสิ   ชอบโทรมาหาฉัน   แล้วก็เล่าให้ฟังว่าชอบนายมากขนาดไหน เขากลัวมากเลยนะ   กลัวว่าถ้านายรู้ถึงความรู้สึกจริงๆ   แล้วจะเกลียด   และเลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย    แต่จากที่ฟังมาจากไนออล เซน, นายอาจไม่รู้ตัว แต่พฤติกรรมนายมันฟ้องอย่างชัดเจนว่านายชอบเขา"





    ชายหนุ่มลูกครึ่งรวบรวมความคิดที่กระจัดกระจาย น้ำเสียงที่เปล่งออกมาติดจะแหลมสูงกว่าเดิมนิดหน่อย

    "เดี๋ยวๆ หมายความว่าเขาก็ชอบฉันเหมือนกันเหรอ"




    "มากเลยล่ะ ขอบอก แล้วก็นะ..."   ฌอนลุกขึ้นยืนเต็มตัว ขณะต่อประโยคให้จบ "ฉันคิดว่าเขาคงจะฟื้นในเร็วๆนี้แหละ จนตอนนั้นนายก็อย่าปอดล่ะเพื่อน" 




    เซนยิ้มออกมาหลังได้ยินคำตอบว่าไนออลก็รู้สึกแบบเดียวกับเขา   ก่อนที่ความโศกเศร้าจะครอบคลุมจิตใจเมื่อตระหนักได้ถึงสถานะของตนเอง





    _________________________





    ผ่านไป 3 วันแล้ว   ตั้งแต่ไนออลเข้ารับการรักษาตัว
    เสียงนาฬิกาเดินเนิบช้า   ดังสะท้อนไปทั่วห้องรับรอง   แต่ละครั้งทิ้งช่วงอยู่นานกว่าครั้งต่อไปจะดังขึ้น


    บานประตูถูกผลักออกด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง
    ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนในชุดเสื้อกาวน์สีขาว   และรองเท้าหนังสีดำ ที่ขัดจนเงาวับ
    แววตาของเขาอ่อนล้าจากการอดหลับอดนอน 



    "ขอโทษนะครับ พวกคุณคือผู้ปกครอง   และเพื่อนของ เอ่อ..."
    แว่นกรอบดำเลื่อนลงตามสันจมูกโด่งเล็กน้อย เมื่อเขาก้มศีรษะลงมองเอกสารในมือ   "ไนออล ฮอแรน?"




    "ใช่ค่ะ" มัวร่าก้าวไปด้านหน้า  "ฉันเป็นแม่ของเขา นี่พ่อ แล้วก็คุณยายค่ะ" เธอผายมือไปทางฌอน และชายหนุ่มทั้งสี่ ก่อนเอ่ยต่อ "และเพื่อนสนิทของเขาค่ะ"





    "ครับ ผม ดร.มาร์สัน แพทย์เจ้าของไข้ของไนออลครับ ตอนนี้คนไข้ได้สติแล้ว"




    ความโล่งใจแผ่ขยายไปทั่วห้อง มัวร่าอดจะน้ำตารื้นอย่างช่วยไม่ได้ เธอเคยเสียพี่ชายของไนออลไปแล้ว
    ถ้าคราวนี้คนตัวเล็กไปอีกคนล่ะก็ หัวใจของผู้เป็นแม่คงแหลกสลาย







    "แต่ว่าเขามีอาการแทรกซ้อนบางอย่าง  ซึ่งผมได้บอกคนไข้เรียบร้อยแล้ว และเขาต้องการจะบอกพวกคุณ เป็นการส่วนตัว ผมอนุญาติให้พวกคุณเข้าพบเขาได้ในเวลาจำกัด เพราะเหตุผลทางการแพทย์นะครับ ต้องขอโทษด้วย"






    "อืม ผมคิดว่าป้ามัวร่า ลุงบ๊อบ คุณยาย แล้วก็พี่เกร็ก ควรจะเข้าไปก่อนนะครับ แล้วตามด้วยแฮรี่ เลียม ลูอิส และผม ส่วนเซน ผมคิดว่าเขาควรคุยกับไนออลแค่สองคนนะ"




    ฌอนหันไปยิ้มบางๆให้เซน 
    ทุกคนในห้องพยักหน้า และครอบครัวของไนออลเริ่มเดินตามดร.มาร์สันไปยังห้องของร่างบาง


    บรรยากาศทั่วห้องเงียบสงัด  เลียมกอดคอเพื่อนร่วมวงแน่น   เอ่ยถ้อยคำปลอบใจด้วยเสียงที่แปร่งไปจากปกติ
    ยามนี้ทุกคนต่างขวัญเสียกันทั้งนั้น   ในฐานะที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในวง เขาจะร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาด






    พี่ชาย   และน้องชายทั้งสามกำลังต้องการที่พึ่งพิง...







    และแล้วประตูก็เปิดออก
    มัวร่า   บ๊อบบี้   คุณยาย   และเกร็ก มีสภาพไม่ต่างกัน 



    ใบหน้าของทั้งสี่เปรอะไปด้วยน้ำตา...



    พวกเขาปฏิเสธที่จะอยู่ต่อ และขอตัวไปสูดอากาศข้างนอกแทน

    เลียมหันหน้าหนีเพื่อนๆ   สูดหายใจให้ลึกที่สุด   เอื้อมมือตบลงบนบ่าของหนุ่มลูกครึ่ง และบีบแรงๆ
    พี่ใหญ่ของวงยิ้มบางๆให้เซน  ก่อนจะเดินตามเลียมและดร.มาร์สันไป





    ชายหนุ่มผิวเข้มเดินวนไปมารอบโซฟา ขยับถูฝ่ามือด้วยความกังวล
    แล้วจู่ๆประตูก็ถูกเปิดผลัวะอย่างรุนแรง




    ม่จริง!! มันไม่แฟร์เลย! มันต้องไม่เป็นอย่างนี้!! "


    ลูอิสตะโกนพร้อมกับกรีดร้องเสียงดังอย่างลืมรักษาภาพลักษณ์   น้ำตาใสๆหลั่งรินราวกับเขื่อนแตก 
    เขาสะอื้นอึกใหญ่ก่อนจะวิ่งไปทางห้องน้ำ  


    แฮรี่และเลียมสบตากันอย่างเศร้าๆ   ไม่ทันที่เซนจะถามอะไร   ทั้งคู่ก็สั่นศีรษะให้เขาเป็นการดักทาง
    ชายวัยกลางคนในชุดกาวน์มองหน้าชายหนุ่ม   และเดินนำเขาไปยังห้องพักของไนออลอย่งเงียบงัน







    วินาทีที่เขาหันหลัง
    เสียงร่ำไห้ของเลียมและแฮรี่ก็ดังขึ้นเบาๆ





    _____________________






    เซนเคลื่อนกายเข้าไปในห้องสีขาว   เห็นร่างเล็กๆที่คุ้นเคยกำลังพยายามยันกายขึ้นนั่ง
    จากสภาพทั่วไปที่ดูนั้น เซนคิดว่าไนออลคงไม่เป็นอะไรมานัก   แต่จากอาการของทุกคนนั้น...
    เขาไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่





    เส้นผมสีบลอนด์ของคนตรงหน้ายังดูนุ่มนิ่มเหมือนเดิม   เพียงแต่สีเข้มขึ้นนิดหน่อย
    รอยยิ้มเล็กๆยังคงประดับบนมุมปากก็ตามปกติ
    ดร.มาร์สัน   พยักหน้าให้เขา ก่อนจะหลบฉากออกไป





    คนตัวสูงโอบกอดไนออล   ใบหน้าหวนซุกลงบนไหล่กว้างๆของเขา
    เซนสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากชายหนุ่มร่างเล็ก ก่อนจะพึมพำชิดใบหูนิ่ม



    "ฉันดีใจที่นายฟื้นนะ"




    ไนออลยิ้มกว้างขึ้น   แต่เจ้าตัวรู้ดีว่ามันเป็นยิ้มที่หม่นหมอง และชวนให้เกิดความรู้สึกอยากร้องไห้เป็นที่สุด
    "อย่าเพิ่งดีใจเลย เซน"






    "เกิดอะไรขึ้น หืม? แต่ว่าก่อนที่นายจะบอกฉัน ฉันก็มีเรื่องบางอย่างจะบอกนายเหมือนกัน"



    "นาย... แน่ใจนะว่าอยากพูดก่อน?"


    ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา   ไล้ปลายนิ้วไปตามตะเข็บของชุดผู้ป่วย ที่ตนเองสวมใส่ เซนไม่รู้ว่าเขา
    วิตกจริตไปเองหรือเปล่า   แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่าไนออลดูซูบลง



    "แน่นอน" ไนออลพยักหน้าเบาๆหลังได้รับคำตอบ ก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวดที่รุมเร้า
    เซนทิ้งกายลงบนเตียงข้างๆคนตัวเล็ก กุมมือขาวเนียนไว้แน่น






    "ไนออล ฮอแรน, ฉันรักนาย"



    เขาเงยขึ้นสบตา หวังว่าจะพบรอยยิ้มกว้าง แต่เขากลับได้รับดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆแทน
    "โธ่เซน ฉันน่าจะเป็นฝ่ายบอกนายก่อน"




    "ให้ตายสิ นายไม่ได้รักฉัน แบบที่ฉันรักนาย ฉันมันโง่จริงๆเลย!"



    ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นปกปิดใบหน้า นี่เขาเพิ่งทำลายมิตรภาพระหว่างตนเองกับไนออลไปด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว คิดได้ดังนั้นน้ำตาก็พาลจะไหล 




    "มองหน้าฉันเซน มองฉัน "




    ร่างบางแตะฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนใบหน้าคมสันที่ให้ความรู้สึกสากๆ เพราะเริ่มมีเคราเล็กน้อย

    "ขยับเข้ามาใกล้อีก แล้วลืมตาด้วย"




    เซนขยับใบหน้าเข้าใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย คนผมบลอนด์กดริมฝีปากลงไปแผ่วเบา น้ำตาไหลรินจากดวงตาคู่สวยที่ปิดลงอย่างรวดร้าว    ก่อนผละออกไปช้าๆ




    "ฉันรักนาย รักมาก แต่ฉันอยู่ข้างๆนายไม่ได้ อีกต่อไป  "


    "นาย... หมายความว่ายังไง?"




    นัยน์ตาสีฟ้าหลุบต่ำ ความรู้สึกหนักอึ้งในอกกดทับจนลมหายใจแทบขาดห้วง

    "นี่คือเหตุผลที่ทุกคนร้องไห้ เหตุผลว่าทำไมลูอิสถึงโมโหหนัก... ฉันกำลังจะตาย เซน ฉันจะตาย"





    ถ้อยคำเหล่านั้นฉีกกระชากความคิดในหัวของเขาทั้งหมด จากอาการเหม่อที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันของเซน ทำให้ไนออลรู้ว่าร่างสูงยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเพิ่งได้ยินอะไร

    ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะขยับนิ้ว   ชายหนุ่มอีกคนก็ผลุนผลันไปทางห้องน้ำ   ก่อนโก่งคออาเจียนลงในอ่างล้างหน้าเสียยกใหญ่    นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเอ่อไปด้วยน้ำตาไม่ต่างจากคนบนเตียง ลำคอแสบร้อนราวกับดื่มน้ำกรดลงไปอึกโตๆ






    เซนเปิดน้ำไล่สิ่งที่เพิ่งจะขย้อนออกมา ก่อนจะรองน้ำขึ้นลูบหน้า และบ้วนปากลวกๆ  ความเย็นของน้ำช่วยเรียกสติให้กลับมาได้เป็นอย่างดี  เมื่อเบนสายตามายังเตียงสีขาวก็พบว่าไนออลยื่นขวดน้ำที่อยู่ในมือมาทางเขา 




    ชายหนุ่มพาร่างของตนเองกลับมาใกล้คนตัวเล็ก   มือหนาลากเก้าอี้มาไว้ข้างเตียง  และทรุดกายลงอย่างอ่อนล้า
    เขามองหน้าไนออลด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย   ทั้งเสียใจ, โกรธแค้นโชคชะตา และที่สำคัญ เขาโกรธตัวเอง 
    เซนเอื้อมไปรับขวดน้ำ   ก่อนดื่มอย่างกระหาย   หยดน้ำที่ไหลผ่านลำคอช่วยชะล้างรสฝาดเฝื่อนจนหมด



    เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าสงบสติได้แล้ว   ไนออลก็เริ่มบทสนทนา
    "ฉันมีเนื้องอกในสมอง   มันอยู่ตรงบริเวณสมองส่วนหน้า ที่   Frontal lobe   ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมกาเคลื่อนไหว
    เซน นายรู้มั้ย... ตอนนี้ฉันขยับขาไม่ได้ด้วยซ้ำ... "





    หนุ่มลูกครึ่งละสายตาจากวงหน้าหวานไปยังท่อนขาแทน
    เพราะเขามัวแต่ตกใจกับความจริงที่เพิ่งรู้จึงไม่ทันสังเกตเลยว่าไนออลไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในห้องพัก 





    "ภายในสัปดาห์นี้   ฉันจะขยับตัวไม่ได้เลย   และพอถึงสัปดาห์ที่สอง ฉัน..."

    แม้คนตัวเล็กไม่ได้ต่อให้จบประโยค   แต่เซนก็รู้ดีว่าข้อความที่สมบูรณ์คืออะไร
    เขาอยากจะกรีดร้องให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้  ร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด อยากจะพังประตูออกไป
    แล้วกระชากคอแพทย์ทุกคนให้รักษาไนออล  และหากพระเจ้ามีจริง   เขาก็พร้อมจะคุกเข่าอ้อนวอนไม่ลุกไปไหน
    จนกว่าคนตัวเล็กของเขาจะหายเป็นปกติ...






    แต่สุดท้ายแล้วเขาทำได้เพียงยิ้มเศร้าๆ 

    เขาต้องเข้มแข็งเพื่อไนออล 






    "อืม ไม่เป็นไรหรอก   เรายังมีเวลาตั้ง 2 สัปดาห์   จนกว่าจะถึงตอนนั้น... ฉันจะอยู่ข้างๆนาย"



    คนผมบลอนด์พยักหน้าอย่างหม่นหมอง   ก้มหน้าลงกัดริมฝีปากล่างที่่สั่นระริก
    เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว   เขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นเข้มแข็งได้อีกต่อไป หัวใจดวงนี้ บอบช้ำเหลือเกิน...

    ร่างสูงก้มลงโอบกอดคนตรงหน้า   พลันไนออลก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
    น้ำตาไหลซึมลงบนเสื้อยืดเป็นวงกว้าง 






    " ฉันกลัว "





    เซนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาทำใจไม่ได้ เขาไม่สามารถทำใจบอกไนออลไม่ได้ว่าทุกอย่างจะโอเค
    เพราะมันไม่ใช่เลย     มันไม่โอเคเลยแม้แต่น้อยที่เขาจะต้องเฝ้ามองคนรักจากไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ...





    ____________________________







    สามวันแรกช่างผ่านไปอย่างยากเย็น
    ลูอิสยังคงหายหน้าไปเหมือนเดิม   ซึ่งไนออลก็บอกว่าเขาเข้าใจดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆในใจนั้นแอบเศร้า



    เพื่อนๆที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน   ค่อยๆทยอยมาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย
    มาเยี่ยมทักทาย   เพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย...




    ไนออลยังคงพยายามทำตัวเข้มแข็ง  ในขณะที่คนอื่นๆพากันร้องไห้คร่ำควรญ 
    เขาไม่ร้องไห้  มีเพียงรอยยิ้มประดับบนใบหน้า 

    "ทุกอย่างจะโอเค   อย่าร้องไห้สิ ฉันดีใจนะที่ชีวิตนี้ได้เป็นเพื่อนกับนาย"

    แม้ร่างบางจะเอ่ยประโยคนี้กับเพื่อนร่วมรุ่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเคย   แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าสภาพจิตใจในตอนนี้ของคนป่วยนั้นช่างอ่อนแอ พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ   ราวกับแก้วเนื้อบาง ที่มีรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านเลย









    วันที่สี่นั้นช่างทำร้ายจิตใจของทุกฝ่าย
    ความรู้สึกบริเวณแขนซ้าย หายไป.... 






    โลกทั้งใบพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี 






    "ฉันอยากตาย!!  ฮึก... ทำไมเรื่องบ้าๆแบบนี้ต้องเกิดกับฉัน!! ใครก็ได้ฆ่าฉันที ฮึก..   ได้โปรด   ใครก็ได้
    ช่วยให้ฉันตื่นจากฝันร้ายทีเถอะ..."






    คนตัวเล็กกรีดร้องดังที่สุดเท่าที่เรี่ยวแรงอันอ่อนแอจะเอื้ออำนวย  ยามพบว่าไม่สามารถขยับร่างกายได้อีกต่อไป
    มีเพียงเสียงเท่านั้นที่หลุดลอดออกมา 

    เซนทำได้เพียงแค่กอดปลอบเท่านั้น เขาไม่สามรถสรรหาคำพูดอะไรได้เลย
    เพราะยิ่งพูด ทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลง...








    "เซน... ฉันคงมอบ Horan hug ให้คนอื่นๆไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะ"






    __________________________






    เวลาล่วงไปจนถึงวันที่สิบ   ชื่อของลูอิสก็หลุดออกมาจากปากของไนออล
    เลียมและแฮรี่อาสาไปรับพี่ใหญ่(เฉพาะด้านอายุ)ของวง   คนตัวเล็กเดาว่าทั้งคู่คงฉุดกระชากลากถูลูอิสมาตามทางเดินแน่นอน เพราะเสียงเอี๊ยดอ๊าดของรองเท้า และเสียงโวยวายที่ดังขึ้น 





    ไนออล อดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมพยาบาลจึงปล่อยให้ทำแบบนี้
    พลันความคิดก็ต้องสะดุดลงเมื่อประตูถูกเปิดออก   พร้อมๆกับร่างของลูอิสที่โดนดัน(หรืออาจจะถีบ)แรงๆ
    เข้ามาในห้อง  และชายหนุ่มจากดอนแคสเตอร์ก็ร้องไห้ทันทีเมื่อเขาเห็นหน้าคนป่วย





    "ไนออล ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ"




    ลูอิสสะอื้นฮึกฮักพลางพยายามปาดน้ำตา   แต่ผลคือมันเลอะกว่าเดิม และนั่นทำให้ไนออลเผลอหลุดยิ้มบางๆ
    นี่เขาจะไม่ได้เห็นลูอิสอีกแล้วเหรอเนี่ย  เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย





    "ฉันรักนายนะ เจ้าอ้วนเตี้ย"

    "ฉันก็รักนาย, ลู"





    Always leave loved ones with loving words,
    it may be   THE LAST TIME   you see them.





     -  Anonymous  -



    จงพูดแต่สิ่งดีๆกับคนที่รักเสมอ
    เพราะมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้พบกับพวกเขา....





    คำคมซึ้งๆ ที่สมาชิกวง One Direction ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่ง
    มันจะเกิดกับตัวเอง





    ______________________________






    วันที่สิบเอ็ด และสิบสอง
    ไนออลเริ่มสูญเสียเสียง...  เสียงอันอันไพเราะที่คอยขับกล่อมจิตใจอันเหนื่อยล้าของทุกคน








    The most importent thing in communication
    is to hear what ISN'T BEING SAID.




      -  Peter Drucker  -





    สิ่งสำคัญที่สุดในการสื่อสาร... คือการเปิดใจฟังในสิ่งที่ไม่ได้พูด






    "  ฉันอยากให้ One Direction ยังคงอยู่ต่อไป อย่าได้ล้มเลิกเพียงเพราะไม่มีฉัน รู้มั้ย... ความจริงแล้วฉันไม่ได้จากไปไหนเลย ฉันอยู่ที่นี่ และจะคงอยู่ตลอดไป ตราบใดที่พวกนายยังไม่ลืมฉัน  และเซน.. ฉันรักนาย " 





    น้ำเสียงที่หลุดออกมานั้นติดจะกระท่อนกระแท่น ไม่เหลือเค้าของคนช่างจ้อเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วแม้แต่น้อย
    ไนออลส่งสายตาอ้อนวอนไปยังเซน   ส่งความคิดที่ติดค้างในใจทั้งหมดไปยังคนที่เขารักมากที่สุด

    เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงกระทุ้งสีข้างของเพื่อนๆ   และขยับกายเข้าใกล้ มือหนาเลื่อนเข้าเกาะกุมฝ่ามือขาว
    ที่ตอนนี้ซูบซีดจากเดิมมาก   ก่อนจะยกขึ้นทาบยังบริเวณหัวใจของตนเอง







    "นายจะอยู่ในใจฉันตลอดไป ไนออล"





    __________________________






    เวลาผ่านไปสิบสี่วันแล้ว ครบกำหนดสองสัปดาห์
    ไนออลไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว 



    แฮรี่, เลียม, ลูอิส, มัวร่า, เกร็ก, บ๊อบบี้, คุณยาย และเซน ยืนล้อมรอบเตียงสีขาวสะอาด
    คนตัวเล็กทำได้เพียงกลอกตาไปรอบๆห้อง ฝนขณะที่ทุกๆคนพยามยามจะไม่ร้องไห้








    ในเมื่อนี่คือครั้งสุดท้ายที่จะได้พบเจอ ก็จะขอจากลาด้วยรอยยิ้ม ....








    เลียมยกกีตาร์ตัวเก่งของไนออลไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเริ่มบรรเลงเป็นทำนองที่สาวกจัสติน บีเบอร์อย่าง
    คนผมบลอนด์ต้องคุ้นชิน อย่างเพลง Never let you go  และเมื่อดนตรีจบลง
    เสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ของเซนก็ดังขึ้น  





    "นี่เป็นเพลงพิเศษ  ที่ฉันจะร้องให้นายแค่คนเดียว  ..."






    You’ve got that smile,
    That only heaven can make.
    I pray to god everyday,
    That you keep that smile.




    Yeah, you are my dream,
    There’s not a thing i won’t do.
    I’ll give my life up for you,
    Cos you are my dream.







    And baby, everything that i have is yours,
    You will never go cold or hungry.
    I'll be there when you’re insecure,
    Let you know that you’re always lovely.
    Niall  , cos you are the only thing that i got right now






    One day when the sky is falling,
    I'll be standing right next to you,
    Right next to you.
    Nothing will ever come between us,
    Cause i’ll be standing right next to you,
    Right next to you.







    We're made for one another
    Me and you
    And I have no fear
    I know we'll make it through... ..







    You’ve got that smile,
    That only heaven can make.
    I pray to god everyday,
    To keep you forever.....


    .
    .




    .




    "ฉันรักนายมาก และจะรักตลอดไป"


    เสียงของเซนหยุดลง ทุกอย่างเงียบงัน พร้อมๆกับเปลืกตาสีน้ำนมที่ปิดลงช้าๆ
    ทันใดนั้นเครื่องวัดชีพจรก็กรีดเสียงเตือนแหลมๆ เมื่อหัวใจของผู้ป่วยเริ่มหยุดทำงาน
    มัวร่ากดนิ้วลงบนปุ่มฉุกเฉินอย่างไม่รอช้า ด้วยใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา




    หน้าอกบางกระตุกขึ้น และลงอย่างรุนแรง เรียวปากสีซีดอ้ากว้าง หอบหายใจหนักๆ จนเกิดเสียงฟืดฟาด
    ดร.มาร์สันและพยาบาลดันประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว พยามยามยื้อชีวิตของไนออลอย่างสุดความสามารถ




    นัยน์ตาหวานหันมาสบกับเซน 
    ไนออลในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่แหลกละเอียด ความหวาดหวั่นฉายชัดบนวงหน้าเนียน
    ซึ่งทั้งหมดนั่นทำให้หัวใจของร่างสูงแทบจะหยุดเต้นตามคนตรงหน้า





    "อย่ากลัวเลย, ที่รัก ไปเถอะ นายจะได้ไปอยู่บนสวรรค์   ที่นั่นมี Nando's ให้กินไม่อั้นเลยนะ ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก"   เซนพยายามพูดติดตลก ทั้งๆที่ตอนนี้เขาอยากจะร้องไห้ 





    ชายหนุ่มกระชับมือที่ผอมแห้งจนน่าตกใจให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้   ก่อนจะจุมพิตหน้าผากมน   รับรู้กลิ่นอายของไนออลยามมีชีวิตให้ลึกสุดใจ   ตราตรึงจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของตนเอง




    "สักวันหนึ่ง เราจะได้อยู่ด้วยกัน, ฉันสัญญา "


    นิ้วก้อยทั้งสองเกี่ยวกระหวัด เหมือนที่เคยทำยามเอ่ยคำมั่น
    หากครานี้ ไนออลไม่ได้เกี่ยวตอบดังครั้งก่อน





    จังหวะของลมหายใจค่อยๆช้าลง หน้าอกสะท้อนขึ้นลงแผ่วเบา
    หากความหวาดกลัวที่ปรากฏในดวงตานั้นได้อันตรธานไปแล้ว





    วูบหนึ่งก่อนชีวิตของคนตรงหน้าจะดับสิ้น
    เซนรู้สึกราวกับคนผมบลอนด์ส่งยิ้มมาให้เป็นครั้งสุดท้าย




    รอยยิ้มที่งดงามที่สุด จากไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเครื่องวัดชีพจร




     
    ไนออล เจมส์ ฮอแเรน ได้จากไปแล้ว 





    ลูอิสตะโกนออกมาเสียงดัง   หันไปชกกำแพงจนเลือดอาบ  เสียงสะอื้นของเขาดังสะท้อนไปมา ราวกับต้องการตอกย้ำถึงความสูญเสียที่เพิ่งเกิดขึ้น   ชายหนุ่มพิงศีนษะลงบนกำแพง  ก่อนจะหันมาซบเลียมและแฮรี่




    เซนโน้มกายลงประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากอิ่มของร่างบนเตียง
    สัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวของความอบอุ่นที่หลงเหลือ แม้เพียงน้อยนิด





    ____________________________






    ชายหนุ่มจากแบรดฟอร์ดยอมเดินตากฝนเป็นระยะทางกว่า 4 ไมล์ โดยไม่ยอมขับรถ
    หวังอย่างยิ่งว่าเมื่อโดนอะไรเย็นๆแล้ว จิตใจจะสงบลง
    แต่ก็เป็นเพียงการทุ่มเท    ที่ไร้ผล...





    กุญแจส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง   ยามถูกโยนกระแทกผนัง ก่อนจะหล่นตุ้บลงบนพื้น
    เซนฝังใบหน้าลงในฝ่ามือ   กลั้นเสียงสะอื้นด้วยจิตใจอันบอบช้ำ
    แต่แล้วก็ต้องยอมแพ้




    น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มนานกว่าสองชั่วโมง   ก่อนจะหยุดลงเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆห้อง






    ทุกอย่างคอยย้ำเตือนในเขานึกถึงไนออล   ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายคู่กันเมื่อตอนไปเที่ยวสวนสัตว์   หรือภาพที่เขาเช็ดมุมปากที่เลอะซอสของเจ้าอ้วน   ซึ่งภาพนี้โดนแอบถ่ายโดยแฮรี่   ความทรงจำทั้งหมดทำให้เขาเผลอยิ้มกับตนเอง    เขาสัญญาแล้วนี่นา...   สัญญาว่าจะเข้มแข็ง และที่สำคัญ   คนตัวเล็กไม่ได้จากไปไหนเลย
    ไนออลยังอยู่ในหัวใจของเขาตลอดเวลา





    _________________________






    วันจัดพิธีศพนั้น   ท้องฟ้ามืดหม่นไม่ต่างจากอามณ์ของผู้เข้าร่วม

    งานถูกจัดขึ้น   ณ   Mullingar บ้านเกิดของไนออล
    งานนี้อนุญาติจะให้สื่มวลชน   และแฟนคลับเข้าร่วมเฉพาะพิธีเปิด เพื่อบอกลาเท่านั้น
    โดยพิธีฝังจะจัดขึ้นแบบส่วนตัว






    ผู้คนมากมายหลั่งไหลกันมาจนแน่นขนัด 
    จนต้องมีการแจกกระดาษที่บริเวณด้านหน้างาน เพื่อให้ผู้ที่มาเข้าร่วมเขียนความรู้สึกที่อยากบอกกับไนออลลงไป และแปะลงบนบอร์ดที่ถูกเตรียมอย่างกระทันหัน






    พิธีในช่วงเช้าผ่านพ้นไปด้วยดี แขกที่เหลืออยู่มีเพียงเพื่อน และคนในครอบครัวเท่านั้น
    ร่างไร้วิญญาณของไนออลหลับไหลอยู่ในหีบศพไม้มะฮอกกานีสีน้ำตาลเข้ม สัญลักษณ์ไม้เกงเขนสีขาวถูกสลักลงบนบริเวณกึ่งกลางของฝาหีบ






    เกร็กยื่นมือไปรับไมโครโฟนจากบาทหลวง และเริ่มต้นกล่าวถึงความทรงจำดีๆเกี่ยวกับน้องชาย
    ในขณะที่ฌอนเลือกความจำเกี่ยวกับสิ่งบ้าๆที่ทั้งคู่ทำตอนเมาไม่ได้สติ  และจบลงด้วยการที่เขาร้องไห้ทั้งๆที่เริ่มพูดได้เพียงหนึ่งนาที  




    เลียมเล่าถึงประสบการณ์ในอดีต ยามที่เขาแชร์ห้องกับไนออลที่ Boot Camp  
    สิ่งดีและร้ายมากมายที่พวกเขาได้ผ่านร่วมกันมา
    กว่าจะได้เป็นเพื่อนรักกันดังทุกวันนี้นั้น ยาวนานจนน่าใจหาย...





    แฮรี่ปาดน้ำตาลวกๆ นันย์ตาเขียวสดแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก 
    เขาสูดน้ำมูกอีกสองสามครั้ง ก่อนเริ่มต้นเล่าครั้งแรกที่ได้แฮงค์เอาท์กับไนออล ยามที่มีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมากเกินลิมิต พวกเขาก็ช่วยกันพังข้าวของ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อยามเช้ามาถึง พอลโวยวายจัดหนักเสียยกใหญ่




    แฮรี่จบการกล่าวถึงไนออลด้วยการปาดน้ำตาที่เอ่อล้นอีกหน   ก่อนส่งไมโครโฟนให้พี่ใหญ่ของวง
    วันนี้ลูอิสไม่ร้องไห้ มีเพียงดวงตาบวมๆ และร่องรอยของความอ่อนล้าบนใบหน้าเท่านั้น
    ชายหนุ่มเอ่ยถึงความรู้สึกทั้งหมดของเขาในช่วงสองสัปดาห์มานี้






    เขารู้สึกสมเพชตัวเองอย่างสุดหัวใจที่ไม่สามารถทำตัวเป็นที่พึ่งให้น้องๆได้   รังเกียจตัวเองที่ไม่สามารถปกป้อง และโอบกอดไนออลให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดในชีวิต   เขาทำได้เพียงวิ่งหนี  หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับการสูญเสียราวกับคนขี้ขลาดตาขาว








    ในที่สุดไมโครโฟนก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเซน
    สมองของชายหนุ่มผิวเข้มว่างเปล่า   เขาไม่ได้เตรียมบทพูดอะไรมาทั้งนั้น เพราะทุกอย่างที่เขาอยากจะพูด
    มันอยู่ในหัวใจตลอดเวลา....





    "  สวัสดีครับ   ผมเซน มาลิค  ผมเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของไนออล ครั้งแรกที่เราเจอกันที่  Boot Camp
    ผมจำได้ว่าเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก...  แต่อะไรบางอย่างในตัวเขาทำให้หัวใจของผมเต้นรัว  อาจเป็นดวงตาโตๆสีฟ้าใส ที่ชวนให้นึกถึงน้ำทะเลทุกครั้งที่มอง  หรือผมด่างๆ แบบมือใหม่ที่ไม่เคยหัดย้อมมาก่อน
    แต่อยากจะทำ  แต่หลังจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันมานานกว่าสองปี... ผมก็มั่นใจ  







    รอยยิ้มของเขา  






    รอยยิ้มบ๊องๆที่ทำให้หัวใจผมเต้นระรัว
    ไนออลยิ้มได้ตลอดเวลา ไม่เว้นกระทั่งหลังรถชน  ผมล่ะอดเหนื่อยใจไม่ได้ "





    เซนยิ้มน้อยๆเมื่อเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนั้นแวบผ่านขึ้นในความคิด
    ในตอนนั้นไนออลกอดเขาแน่น จนเซนแทบจะกระดิกตัวไม่ได้







    รู้สึกราวกับวันวาน...







    ทุกอย่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

    ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาแขกในงานและเริ่มกล่าวต่อ

    "ไนออลเขาสนิทกับทุกคน  แต่ว่าระหว่างเขากับผม 








    ระหว่างเรา... ..





    มันมีสายใยบางอย่างที่เหนี่ยวรั้งเราทั้งคู่อยู่เสมอ  ใช่ครับ ผมรักไนออล สิ่งเดียวที่ผมเสียใจเกี่ยวกับไนออลคือการที่ผมได้บอกรักเขาช้าเกินไป  ผมรู้ดีว่าแม้พระเจ้ามีจริง ท่านก็ไม่อาจนำไนออลกลับมาได้  


    ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง  ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตา 


    ผมรู้ดีว่าในเวลานี้คนที่ผมรักได้อยู่ในสถานที่ ที่ดีกว่า สถานที่ซึ่งเขาไม่ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน  สักวันหนึ่งผมจะไปอยู่ที่นั่นกับเขา และเราจะได้อยู่  ด้วยกัน ดังที่เคย  จนกว่าจะถึงตอนนั้น เขาจะอยู่ในน้ำเสียงของผม
    ในความคิด  และในทุกๆการกระทำ



    ผมคิดว่าตอนนี้เขาอาจจะจ้องมองเราจากเบื้องบน  หรือโอบกอดเราด้วยวงแขนอันอบอุ่นอยู่ก็เป็นได้
    และสุดท้ายนี้  ผมขอให้ทุกคนจดจำไนออล ฮอแรนไว้ในจิตใจ







    ได้โปรด.... อย่าลืมเขาเลยนะครับ 





    ขอบคุณครับ"  



    เซนก้าวไปยังที่นั่งของตนเอง  
    สายตาที่มัวร่ามองมายังเขานั้นเปล่งประกายไปด้วยความปลาบปลื้ม
    เธออดคิดไม่ได้ว่าลูกชายช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้พบเซน




    หล่อนขยับริมฝีปากปากเอ่ยคำขอบคุณโดยไร้เสียง
    ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา





    ___________________






    หีบศพถูกวางลงยังก้นหลุมอย่างบรรจง
    ผู้คนกระซิบคำลาไปยังไนออล ฮอแรน ผู้เป็นที่รัก





    เซนไม่ได้บอกลา  เพราะรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็ว...  เขาจะต้องได้พบกับคนผมบลอนด์
    ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มบางๆ  และปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลอาบแก้ม
    คิดถึงวันที่เขาได้กอดบุคคลอันเป็นที่รักอีกครั้ง








    เซน มาลิค ยินดีที่จะหมดลมหายใจ  ภายในอ้อมกอดของไนออล  
    โดยมีเสียงหัวเราะอันคุ้นเคยขับกล่อม
    ราวกับเสียงดนตรี...






    ______________________






    #Translator Zone





    พัก NC มากินมาม่ากันเต๊อะ!!!




    เรื่องนี้เริ่มแปลวันที่ 4 เสร็จสมบูรณ์ทุกระเบียดนิ้ววันที่ 6 
    ตรวจคำผิดอีกที  และพร้อมลงวันที่  7





    ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 วัน =O=



    รู้สึกมั้ยว่าเรื่องนี้มันไม่ซึ้งเท่า Someone that I used to know ??
    เหมือนอารมณ์ของคนแปลมันไม่ถึง 
    ตอนแปลรู้สึกเฟลเบาๆกับความดวกของตัวเอง (เคยดีด้วยเหรอยะ?)





    ** ติชมได้นะคะ ** 


    บอกตรงๆว่าตอนแปล เราอดเปรียบเทียบความมาม่าของเรื่องนี้กับ Someone ไม่ได้
    ฝีมือเราตกจริงๆ TTOTT *กรีดร้อง*





    (คนอ่าน : ทำไมคราวนี้ทอล์กเยอะจังฟระ?)




    อีกนิด



    ของแสดงความยินดีกับ Niam Shipper!!!
     
    เรื่องต่อไปคือ Niam(Drabble) นะจ๊ะ




    ความจริงเรากะจะรีบแปล แล้วลงวันนี้เลย
    แต่คงไม่ทันแล้ว เพราะกำลังจะเดินทาง 555

    ยังก็จะพยายามแปลให้เร็วที่สุดนะจ๊ะ





    ชื่อเรื่อง Just Love (ผิดศีลธรรมเล็กน้อยตามสไตล์)
    เรามาอ่านอะไรหวานๆกันหน่อยเน๊อะ เรียกเลือดและมาม่า มาหลายเรื่องละ 





    โปรยเรื่องย่อ

    เลียมมีอาชีพเป็นครูในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็ฟังดูเหมือนกับเขาเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดาทั่วไป
    ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด(มั่วละ)  แต่ใครจะรู้ล่ะ  ว่าเขาเองก็มีความลับเล็กๆ(แอบเรท)กับนักเรียนหนุ่มหน้าใส ชาวไอริชอย่างไนออล ฮอแรน...





    ปล. โรงเรียนเราเปิดวันที่  16  พค.  TT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×