ตอนที่ 11 : My Brother พี่ครับเป็นเมียผมเถอะ 9 : ดื้อ [ 100% ]
-09-
“ ปล่อย! ปล่อยนะ! ” เสียงเอะอะโวยวายดังก้องไปทั่วบ้าน เป็นเสียงของเจ้าตัวสูงที่พึ่งถูกลากมากจากร้านเลโก้ บัดนี้เขาได้สติจึงรีบแหกปากส่งเสียงดังพร้อมพละกำลังเท่าที่มีดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของลูกน้อง
“ อย่าส่งเสียงดังอย่างนั้นสิ่! เจ้าจุนฮง! ” เสียงแข็งกร้าวตะคอกใส่ทำให้เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาสบตา ผู้เป็นพ่อที่ยืนกอดอกทำหน้าตาบึ้งตึงไม่พอใจที่ลูกชายทำตัวอย่างนี้
“ เอาผมมาทำไม ผมไม่ใช่ลูกของคุณ! ” ดวงตาที่แข็งกร้าวส่งมอบให้ผู้เป็นพ่อ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะกัดฟันตัวเองแล้วตะคอกกลับทันที
“ แกเล่นหายหัวไปอย่างนี้ แล้วใครจะสืบทอดกิจการของฉันล่ะ! ไอ้ลูกเส็งเคร็ง! ” คำพูดของตาแก่จองหองที่เขาไม่ได้นับเป็นพ่อทำให้อารมณ์ของเขาพลุ้งพล่าน ตอนนี้จงออบฮยองจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เพราะตาแก่งี่เง่านี่จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
“ เอะอะอะไรกันครับ? ” เสียงนุ่มอ่อนโยนดังลอดมาจากข้างหลัง จุนฮงรีบหันหน้าไปมองตาเสียงกลับพบคนที่เขาคุ้นเคย
“ คิม ฮิมชาน ” เพื่อนเล่นยามเด็กที่ไม่ได้พบกันมานาน ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ? เพราะอะไรนะหรอ? เพราะว่าเขาเกลียดคิมฮิมชานยังไงล่ะ!
“ สวัสดีน้องชายสุดที่รัก... ” ขายาวก้าวเดินตรงมาหาคนตัวสูงก่อนที่จะแสยะยิ้มออก ฮิมชานโผเข้ากอดจุนฮงทันที มือหนาลูบหัวที่นุ่มนิ่มอย่างรักใคร่ จุนฮงรีบผลักฮิมชานออกไปก่อนที่จะขากเอาน้ำลายที่มีอยู่ถุยใส่ใบหน้าสวยทันที
“ ออกไปนะ ห้ามแตะต้อง! ขยะแขยง! ” ไม่ทันไรที่จุนฮงจะหันหน้าหนีก็เจอฝ่ามือหน้าฟาดเข้าที่แก้มขวาอย่างจัง เป็นฝ่ามือที่คุ้นเคยฝ่ามือของผู้เป็นพ่อ
เพียะ!
“ ไอ่ลูกไม่รักดี! ไอ้เด็กเลว พี่เขาอุตส่าห์มาตามหาทำไมทำตัวอย่างนี้!! ” พ่อก่นด่าใส่ลูกชายที่เสียมารยาท แต่ฮิมชานกลับไม่เดือดร้อนอะไรเลยแม้แต่น้อย เขากลับยกมือขึ้นมาปาดคราบน้ำลายตรงแก้มออกก่อนที่จะหัวเราะ
“ ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอา ผมดีใจซะอีกที่จุนฮงยังไม่ลืมผมจึงต้องทักทายอย่างสนิทสนมเช่นนี้ ” เขาพูดไปยิ้มไปด้วย ผู้เป็นพ่อได้แต่ละมือลงก่อนที่จะหันมาสั่งสอน
“ พี่เขาอุตส่าห์ให้อภัย ทำไมแกทำตัวแบบนี้! แกไม่น่ามาเป็นลูกของฉันเลย! ”
“ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเกิดมาเป็นลูกของพ่อเหมือนกัน! ” ทั้งสองพ่อลูกต่างไม่มีใครยอมใคร ผู้เป็นพ่อเม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ความรู้สึกโมโหมันอัดอั้นในจิตใจอยากจะระบายออกมาใส่คนตรงหน้า แต่ถ้าทำเช่นนั้นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนในตระกูล ชเว ก็คงต้องดับไปอีกหนึ่ง...
เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบเน้นที่จะจ้องตาใช้สงครามประสาทคนที่เป็นบุคคลที่ได้ก็ได้หัวเราะขึ้นมาทำลายความเงียบงันและบรรยากาศมาคุนั้นทิ้งลง
“ ฮ่าๆ พ่อลูกสองคนนี้เหมือนกันจริงนะครับ ”
“ อย่าเสือก! ” จุนฮงตะคอกใส่ทำเอาฮิมชานหน้าเหวอไปตามๆ กันแต่ก็ไม่วายฉีกรอยยิ้มมาให้
“ ไม่เอาน่า เมื่อก่อนนายไม่ใช่คนต่อต้านอะไรนี่นา ” ฮิมชานเดินตรงเข้ามาหาคนตัวสูงก่อนที่จะเอื้อมมือเรียวสวยไปจับตรงใบหน้าของเด็กน้อยอ่อนเยาว์แต่ก็โดนปัดป้องมือมาเสียก่อนนี่
“ อย่าของมือสกปรกมาจับ! ” จุนฮงมองด้วยใบหน้าที่จงเกลียดจงชัง เขาไม่ชอบคนแบบนี้... ไม่ชอบฮิมชานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ แต่เราต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนานเลยนี่นาจุนฮงอ่า ” คิมฮิมชานทำหน้าบึ้งแก้มอมลมใส่ แต่กลับตรงข้ามกับคนตัวสูงที่อารมณ์เริ่มหงุดหงิด ตอนนี้อยากจะพบจงออบฮยองเสียจะขาดใจ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้..
“ ผมไม่อยากอยู่กับพี่หรอก! ผมจะไปอยู่กับคนอื่น! ”
“ แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! แกจะต้องไปเรียน! ” ผู้เป็นพ่อที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นานเริ่มจะหงุดหงิด เขาไม่ชอบที่ลูกชายเป็นอย่างนี้ ดื้อ ต่อต้าน หัวแข็ง! เหมือนเขาไม่มีผิด
“ นี่จะกักบริเวณผมหรอ! ”
“ แก จะ ต้อง ไป เรียน! ” ผู้เป็นพ่อเน้นคำให้หนักเน้นอยากให้ลูกเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการ ตอนนี้เป็นเป็นผู้ถือไพ่ทั้งหมดไม่ใช่จุนฮง! เขาคือผู้คุมเกม
“ ไม่! ” จุนฮงตะคอกอย่างรุนแรง เขาเตรียมตัวที่จะเดินหนีแต่ก็ต้องชะงักกับประโยคของพ่อ
“ ถ้าแกไม่คนที่แกอยู่ด้วยจะต้องตาย... ”
“ ...... ”
“ คอนโดถนน LE ห้อง 302 เจ้าของห้องคงไม่ต้องบอกแกก็รู้ว่าเป็นใคร ”
“ นี่! ”
“ ฉันบอกแกแล้ว ถ้าอยากจะดื้อดึงดีนักฉันไม่รับประกันในตอนต่อไปของแก ” ผู้เป็นพ่อได้เดินจากไปทิ้งให้จุนฮงที่ยืนอึ้งกับคำพูดของตาแก่ ถ้าเขาไป จงออบต้องตายอย่างงั้นหรอ? อะไรกัน...มันไม่ยุติธรรมเลย!
ฝ่ามือบีบเข้าหากันแน่น เขากัดริมฝีปากตัวเองตัวอารมณ์ที่ร้อนรุ่ม จนได้กลิ่นคาวเลือดจากริมฝีปากบางนั่น เรื่องอะไรที่ที่จุนฮงจะยอมแพ้กับอีแค่คำขู่หลอกเด็ก
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่แสนทรมานของจุนฮง อขาไม่ได้เจอหน้าจงออบฮยองเลย ขอแค่ได้รับรู้ข่าวสารว่าคนตัวเล็กเป็นอย่างไรบ้าง คนเป็นพ่อไม่น่าทำแบบนี้! ชอบทำให้เกลียดพอๆ กับพี่ฮิมชาน
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่จะติดกระดุมเครื่องแบบนักเรียนสีดำสนิทตั้งแต่เสื้อจนถึงกางเกงเว้นแต่ขอบเสื้อที่เป็นสีขาวให้เรียบร้อยพร้อมที่จะไปโรงเรียน เขาขาดไปเกือบสี่เดือนแต่ไม่รู้ทำไมทางโรงเรียนถึงไม่ไล่เขาออก ก็เพราะว่าตระกูลของเขาคอยสนับสนุนโรงเรียนอยู่ไงล่ะ
ขายาวก้าวลงบันไดเป็นขั้นๆ ที่ถูกปูด้วยพรมสีแดงฉาด มือเรียววางทาบกับราวบันไดสีทองลากลงมาจนสุด เขาเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องอาหารของบ้าน ก่อนที่จะพบชายร่างแก่นั่งจิบกาแฟนอ่านหนังสือพิมพ์ที่หัวโต๊ะและถัดมาก็เป็นคนผิวขาวนั่งกินขนมปังทาเนย เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วระบายยิ้มอ่อนๆ ส่งให้ เป็นรอยยิ้มที่สร้างความรำคานให้แก่จุนฮงเป็นอย่างดี
เขาเลือกนั่งลงข้างๆ ตาแก่ที่เขาไม่ค่อยอยากจะยอมรับในเหตุผลที่พาตัวของเขากลับมาที่บ้านหลังนี้ ก่อนที่แม่บ้านจะยกนมและอาหารเช้าสไตล์อเมริกันแบล็คฟัสมาให้ มือข้างขวาจับมีดหั่นขึ้นมาก่อนที่จะวางลงบนขนมปังแล้วใช้มืออีกข้างจับช้อนส้อมมาแทง ใบมีดได้เสียดสีกับชิ้นขนมปังจนแยกออกจากกันได้ง่ายดายก่อนที่จะจิ้มแล้วเอาเข้าปาก ลิ้นแตะสัมผัสกับขนมปังเกรียม ค่อยๆ ใช้ฟันขดเคี้ยวอย่างเชื่องช้าและใจเย็น
ทำไมนะ...ทำไมไม่อร่อยเหมือนของจงออบฮยองเลยล่ะ ทั้งๆ ที่ก็เป็นขนมปังธรรมดาอย่างเดียวกันแท้ๆ
“ วันนี้แกก็ไปโรงเรียนซะนะ ฮิมชานจะไปส่งเข้าใจไหม? ”ผู้เป็นพ่อที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยปากพูดกับลูกชายในเช้าของวันนี้
“ ...... ” ไม่มีเสียงใดใดตอบรับหรือเล็ดลอดออกจากปากของคนตัวสูง เขาวางช้อนลงก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำยกขึ้นดื่มแล้ววางไว้ที่เดิม
“ ไม่มีปากรึไง! ”
“ ใจเย็นๆ ครับ ค่อยๆ พูดกันก็ได้ ” ก่อนที่เจ้าของบ้านจะอาละวาดใส่ลูกชาย หลานคนดีของเขาก็ได้พูดขึ้นห้ามพร้อมกับรอยยิ้มส่งมอบให้ทำให้ผู้ฟังได้ใจเย็นลงบ้าง
“ อิ่มแล้วครับ ” คำพูดอันแสนเรียบเฉยแต่ก็สามารถสร้างความโมโหให้แก่ชายแก่ได้เป็นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่คำพูดไม่ได้มีความหมายอะไรแฝงแต่อย่างใดถ้าหากไม่ใช่เสียงเรียบเย็นชาไม่สนใจโลกอย่างเช่นจุนฮงก็คงไม่ได้เคืองอะไรมากนัก
“ แกมัน...สร้างความรำคาน ” นิ้วอ้วนชี้ไปที่ลูกชายของตัวเอง ตอนนี้คนร่างสูงได้ทอดมองสายตาไปทางอื่นไม่ได้แม้แต่จะสนใจคำพูดของพ่อเลย ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกไปหยิบหนังสือแล้วเดินออกจากบ้านไปรอที่รถ ทิ้งให้ชายแก่ที่นั่งอ้าปากค้างกำหมัดแน่นทุบเข้ากับโต๊ะอาหารอย่างแรง
ปึก!
“ ไอ้เด็กเวร! ”
“ ใจเย็นครับคุณอา ยังมีเวลาอีกเยอะนะครับ ” หลานรักพยายามระงับอารมของชายแก่ตรงหน้าเพื่อไม่ให้ทุกอย่างที่กำลังเกือบจะเข้าที่ต้องพังไปเสียก่อน
“ ผมไปส่งจุนฮงแล้วก่อน ลานะครับคุณอา ” ฮิมชานโค้งเคารพให้ก่อนที่จะสาวเท้ายาวสิ่งออกจากบ้านตามคนตัวสูงออกไป
ร่างสูงที่สวมหูฟังเปิดเพลงหรอกใส่ใบหูตัวเองเหมือนสร้างโลกส่วนตัว ดวงตากลมมนที่ทอดมองอย่างไร้จุดหมายเริ่มกระพริบถี่อีกครั้งเมื่อมีฝ่ามือใหญ่พัดปัดลมเข้าใบหน้าของเขา
“ เหม่ออะไร? รีบไปโรงเรียนเดี๋ยวพี่ไปส่ง ” ใบหน้าที่เขาเบื่อและรังเกียจกลับโผล่ออกมาด้วยรอยยิ้มที่เขาไม่ชอบ จุนฮงเลี่ยงเดินออกไปแล้วเปิดประตูขึ้นรถเบนซ์คันงามรอให้คนขับอย่างฮิมชานรีบไปส่งที่จุดหมาย
ระหว่างเส้นทางที่การจราจรเริ่มจะติดขัดเนื่องจากช่วงนี้ผู้คนต่างรีบเร่งไปทำงานและนักเรียนนักศึกษาก็เตรียมตัวจะไปเข้าเรียนทำให้เริ่มวุ่นวายในเมืองใหญ่ สายตาเหม่อลอยของผู้โดยสารข้างตัว ทำให้บรรยากาศในรถกลับเงียบขรึม เงียบเสียจนสามารถได้ยินเสียงพ่นลมหายใจของอีกฝั่งอย่างง่ายดาย จนในที่สุดฮิมชานก็ต้องเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมา
“ จะตายรึไงแค่กลับบ้านมาน่ะ ” น้ำเสียงก่อกวนกับใบหน้าที่อมยิ้มมันก็ไม่สามารถทำลายความเงียบได้เลย ในเมื่อคนตัวสูงเลี่ยงที่จะตอบแล้วเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่นทันที
ล้อรถได้หยุดอยู่หน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ชายหญิงที่เดินเข้าไปล้วนเป็นนักเรียนทั้งสิ้น ชุดยูนิฟอร์มสีเขียวอมฟ้ากับสีขาวเด่นสะดุดตา โรงเรียนที่เขาไม่ได้มาเกือบนาน เวลาทั้งสิ้นต่างถูกคนตัวเล็กดูดกลืนไปเสียหมด จนลืมไปว่าเขาเคยเรียนอยู่ที่นี่ เคยใช้ชีวิตที่ไม่มีอะไรเลยที่นี่ เมื่อเท้าสัมผัสกับพื้นคอนกรีต เขาก็ได้พาตัวเองเดินเข้าไปในโรงเรียนโดยมีสายตามากมายจับจ้อง เขาหายไปนาน นานจนเป็นที่ตกใจของคนในโรงเรียน
“ แล้วตอนเย็นจะมารับนะจุนฮง ” ฮิมชานโบกมือลาให้กับแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปโดยไม่หันมามอง ร่างสูงเดินฝ่าสายตานับร้อยคู่จนมาถึงห้องเรียนของเขาได้สำเร็จ สายตากวาดมองข้างหลังห้องที่มีโต๊ะไม้โอ๊คอย่างดีของเขาตรงริมหน้าต่างขวามือสุด ขายาวก้าวเดินไปอย่างคิดถึง โต๊ะตัวนี่ไม่ได้นั่งมานานมันยังคงสะอาดอยู่เหมือนเดิม
“ นายเช็ดให้ฉันทุกวันเลยสินะ ” ไม่นานเขาก็พ่นลมหายใจแล้วปริปากเอ่ย มือหนาลูบลงกับโต๊ะก่อนที่จะลากเก้าอี้ วางกระเป๋าแล้วนั่งลงอย่างช้าๆ แต่ก็ต้องตกใจกับน้ำเสียงใสที่คุ้นหู คนตัวเล็กที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนมีใบหน้ายิ้มแย้มแสดงถึงความดีใจ จึงได้วิ่งเข้ามาโอบกอดเขาอย่างคิดถึง
“ จุนฮง! จุนฮงจริงๆ ด้วย! ”
“ ใช่แล้ว ฉันกลับมาเรียนแล้วนะ ” รอยยิ้มพุดขึ้นบนใบหน้าสีจาง เขาตอบคนตัวเล็กที่คลายอ้อมกอดแล้วจึงทิ้งตัวลงนั่ง
“ รู้ไหม ฉันทำความสะอาดโต๊ะนาย รอนายกลับมาเลยนะ ” รอยยิ้มที่แสนน่ารักสดใสของร่างเล็กผิวขาวโทนชมพู มือนุ่มจับกุมมือของเขาไว้อย่างกระชับ
“ ฉันรู้ๆ ” จุนฮงได้แต่อมยิ้มก่อนที่จะยกมือขึ้นมาวางทาบไว้บนหัวคนตรงข้ามแล้วขยี้เบาๆ
“ นายหายไปจนฉันคิดว่านายจะไม่มาเรียนซะอีก ” คนตัวเล็กที่ปรับเปลี่ยนสีหน้าจากร่าเริงเป็นเสร้สงหมองทันที ที่นึกถึงยามที่คนตัวสูงไม่อยู่ในห้องเรียน
“ มาสิ ฉันไม่ลืมนายหรอก ” คำพูดของเขาสามารถปลอบใจคนตรงหน้าได้เพียงเล็กน้อย ใบหน้าเล็กได้ช้อนตามองเขาแล้วฉีกยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะกระชับมือที่กุมไว้ให้แน่นยิ่งขึ้น
“ ดีใจจังเลย วันนี้นายต้องเลี้ยงข้าวฉันนะ ”
“ แน่นอนสิ..โอ เซฮุน ”
ณ โรงพญาบาล ห้องพิเศษ 302
ร่างเล็กได้นอนซมอยู่กับเตียงผู้ป่วย มือเล็กถูกวางไว้ข้างๆ ลำตัวของตัวเองที่มีสายโยงระยางเต็มไปหมด ผ้าพันแผลถูกพันรอบๆ ลำตัว และขา ริมฝีปากถูกเครื่องช่วยหายใจที่ค่อยๆ ทำให้เขาหายใจสะดวกยิ่งขึ้น แต่อาการของเขายังไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
บัง ยงกุกที่ยืนมองดูน้องชายของตัวเองที่นอนหลับตาพริ้มอยู่กับเตียงของผู้ป่วย ตอนนี้จิตใจของเขาไม่สู้ดีนักที่ปล่อยให้คนที่เขารักต้องมาเป็นแบบนี้ มันไม่น่าให้อภัยตัวเองเลยด้วยซ้ำ
หลังที่เกิดเหตุการณ์จงออบก็ได้แต่นอนไม่ยอมฟื้นมาสองวันแล้ว แถมเจ้าตัวก่อปัญหาอย่างจุนฮงก็หายตัวไปอีก แต่ไม่เป็นไร คนอย่างบังยงกุกสืบอะไรได้สบายๆ อยู่แล้ว
แอ๊ด..
เสียงเปิดประตูห้องได้เรียกความสนใจให้หันไปมอง คุณหมอประจำตัวของจงออบได้เดินเข้ามาหาพร้อมกับเช็คตรวจดูอาการอย่างที่เคยทำในช่วงสองวันที่ผ่านมา ไม่มีเสียงสนทนาอะไรเลย..
ก็จรองอยู่หรอกที่ตัวเขาอาจจะโกรธเคืองคุณหอมอย่างยองแจไปบ้าง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาทำแบบนี้ เขาต้องเป็นห่วงจงออบคนที่กำลังจะรอดชีวิตหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน
แต่มันก็อดคิดไม่ได้...ทำไม? ถึงให้คนอื่นจับเนื้อต้องตัวทั้งๆ ที่เขายังไม่เคย
สายตาคมมองดูใบหน้าที่เคร่งเครียดของคุณหมอตัวเล็ก เม็ดเหงื่อผุดออกจากใบหน้าสวย ขนตาเป็นแพที่มองยังไงก็ดูสวย ไหน ริมฝีปากอมชมพูนั่น ทำไมถึงทำให้เขาใจเต้นได้ขนาดนี้นะ
“ เอ่อ..ยงกุก ” น้ำเสียงของคนตรงข้ามเรียกสติของเขากลับคืนมา ยงกุกที่มีท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ ก็ได้ตอบรับทันที
“ ครับ.. ”
“ อาการของจงออบดีขึ้นมาแล้วนะ ถ้าจงออบฟื้นเมื่อไหร่ก็บอกด้วยล่ะกัน ” รอยยิ้มจางๆ ผุดออกจากใบหน้าสวย ยงกุกผงกหัวแทนคำตอบ ก่อนที่คุณหมอจะเดินออกไป ทิ้งให้ตัวเขาอยู่ตามลำพัง มือหนากำหมัดแน่นก่อนที่จะทุบลงกับผนังห้องอย่างจังแล้วทรุดตัวลงกับพื้น
ทำไมถึงรู้สึกเสียดาย..ทั้งๆ ที่อยากจะคุยมากกว่านี้แท้ๆ งี่เง่า!
อีกด้านหนึ่งก็ไม่ต่างกัน.. คนตัวเล็กที่นั่งลงกับพื้นเอาแผ่นหลังพิงประตูห้องคนไข้ เขารู้ดีว่าตอนนี้เขาต้องไปเยี่ยมผู้ป่วยอีกหลายๆ คน แต่ทำไมถึงไม่อยากจากห้องนี้ไปเลยนะ อยากจะเห็นหน้าทุกวัน อยากจะพูดให้มากกว่านี้ แค่เจียดเวลามายืนมองคนร่างใหญ่นอนหลับตาพริ้มผ่านประตูห้อง ก็ดีใจแทบจะเป็นบ้า
แต่ตอนนี้เรื่องระหว่างเขามันก็แค่ความคิดของตัวเองเท่านั้น ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะของพวกเขาได้ ถ้าฝ่ายไหนไม่เริ่มก่อน
แล้วยังไงล่ะ? จะให้ยู ยองแจคนนี้ไปพูดบอกกับยงกุกว่า คนเมื่อวันนั้นก็แค่คนรู้จัก เขาไม่เคยคิดอะไรด้วยเลย เราก็แค่สนิทกันมากก็เท่านั้น ยงกุกคงจะเข้าใจใช่ไหม? เราจะมาพูดคุยกันเหมือนเดิมได้รึเปล่า?
มือเล็กขยำเสื้อกราวแน่น ก่อนที่จะเอาใบหน้าซบลงกับเข่าของตัวเอง แล้วพ่นลมกายใจออกมา..
“ ทำไมรู้สึกท้ออย่างนี้นะ ยู ยองแจ ทำไมนายไม่ทำอะไรให้ชัดเจน... ”
TBC'
เรากลับมาแล้วนะนาย ขอโทษที่ดองไว้เป็นเดือนเลยนะ หวังว่าคงจะไม่ลืมฟิคเรื่องนี้ ; - ;
ใครทีจะสอบมิดเทอมเหมือนไรท์บ้างเอ่ย? ขอให้ตั้งใจสอบกันนะ :)
ส่วนไรท์พอสอบเสร็จจะมาอัพตอนต่อไป สัญญาจากใจเลยนะ ;3
ขอให้รีดเดอร์ไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้เถอะนะ เป็นกำลังใจของเค้าต่อไปด้วย ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารจุนฮงกะออบจัง แร้วเฮียบังกะแจจะเข้าใจกันมั๊ยนะ!!!
ฮิมทำไมเป็นคนแบบนี้ ที่จุนฮงไม่ชอบเพราะแบบนี้สินะ หวังว่าจะไม่ได้คิดอะไรกับน้องนะจ๊ะ
เซฮุน..... เป็นเพื่อนจุนฮง และคงจะแอบชอบด้วยสินะ
สงสารจงออบจังเลยเป็นแบบนี้ได้งัยเนี้ย
แล้วเมื่อไหร่
เรารู้ว่านายจะไม่ทนนนนน
ปล่อยออบบี้ให้เป็นแบบนั้นไม่ได้นะเว่ยจุนฮงงงงง
ทำไมถึงทำกับจูด้ายยยยยยยยยยย T3T
นี่เลี้ยงลูกเพราะผลประโยชน์หรอ? ชิ!