ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    168 เปลี่ยนหัวใจนายให้หันมารักฉัน

    ลำดับตอนที่ #4 : SF SHINee (MinHo X OneW)

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 54


    Sf shinee

     

    ผมชื่อ ลี  จินกิ ครับ ผมเป็นคนธรรมดาๆ คนนึ่ง แต่คนรอบข้างกลับไม่คิดอย่างนั้น ผมเป็นคนอารมณ์ติสท์เลยทำให้ผมเป็นคนที่ไม่เคยแคร์ใคร  ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ไม่ชอบที่ๆคนพลุกพล่าน ไม่ชอบพูดชอบคุย  ไม่ชอบความวุ่นวาย  ไม่ชอบเสียงดังๆ ไม่ชอบความแออัดและอีกหลายๆอย่าง

     

    ผมไม่ใช่คนผิดปกตินะ แต่ผมเป็นพวกอารมณ์ติสท์มากไปหน่อยเท่านั้นแหละ

     

    9.38 น.

    วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องออกมาจากห้องแสนสุขของตัวเองเพื่อไปมหาลัย  เฮ้อ!!~เบื่อชะมัดเลย เมื่อไหร่ผมจะจบสักทีเนี้ย ก็อย่างที่บอกแหละครับ ผมไม่ชอบความวุ่นวาย

    ก็มหาลัยหน่ะคนเยอะจะตาย แถมเสียงยังดังอีกต่างหาก เฮ้อ!!~ยิ่งคิดยิ่งเครียด

     

    -*********************************************-

    ผม ชเว มินโฮ ครับ ผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึ่ง แต่ไม่รู้ทำไม ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชาย(หน้าหวาน)ถึงชอบมาจีบผมกันนัก  ผมเป็นคนอารมณ์ดีครับ  ยิ้มง่ายหัวเราะง่าย  ชอบที่ๆคนพลุกพล่าน  ความวุ่นวาย  ชอบเสียงดังจอแจ  ชอบพูดชอบคุย  และอีกมากมาย

     

    ผมไม่ได้บ้านะครับ  ผมก็แค่ชอบเฉยๆ เพราะเวลาที่ผมอยู่กับสิ่งพวกนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่า ชีวิตผมมันยังมีอะไรไว้ให้ทำอีกเยอะ

     

    9.38 น.

    วันนี่เป็นจันทร์ครับ  เป็นที่ผมรอคอยเลยก็ว่าได้ก็หยุดมาตั้ง 2 วันแล้วหนิ เหงาจะตาย  แต่ตอนนี้ผมคงสาธยายอะไรมากกว่านี้ไปไม่ได้อีกแล้ว  เพราะอะไรน่ะเหรอครับ  เพราะว่ามันสายแล้ว!!~ถ้าตามหลักตอนนี้ผมจะต้องนั่ง(หน้าหล่อ)อยู่ในมหาลัยได้แล้ว

    แต่ผมยังยืนหัวโด่ง คอยาวอยู่ในห้องนอนของผมอยู่เลย   เครียดโว้ย... ผมต้องโดนหักคะแนนความประพฤติอีกแล้วใช่มั้ย!!!!

     

    -*********************************************-

    ตอนนี้  ผมกำลังรวบรวมสมาธิเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่เขตมหาลัย  สถานที่ที่ผมไม่อยากมาเลยจริงๆและทันทีที่เท้าของผมสัมผัสพื้นที่ของมหาลัย  ผมก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวและทันใดนั้นเอง

    “อนยู!!!~~~ยู่ฮู” รู้แล้วใช่มั้ยครับว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยปลื้มกับที่แห่งนี้เท่าไหร่นัก

    “อนยู  แฮ่กๆๆ โหย เหนื่อยอะ ทำไมรีบเดินนักล่ะจะรีบไปไล่ควายที่ไหนฮะ”ร่างเล็กที่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผมพูดออกมาทั้งที่อาการเหนื่อยหอบยังไม่หายไป

    “ไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ”ผมตอบออกไปแค่นั้นก่อนที่จะรีบสาวเท้าไปที่ตึกคณะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “เออๆ รู้แล้วจ้าว่าอนยูน่ะมันพวกอารมณ์ติสท์”เพื่อนร่างเล็กเอ่ยออกมาโดยที่เจ้าตัวก็รีบสาวเท้าให้เดินทันผม

    “เออ นี่ อนยูชั้นมีอะไรจะขอร้องนายหน่อยน่ะ”ร่างเล็กที่เร่งฝีเท้าจนเดินทันผมเอ่ยขึ้น

    “อะไร”ผมถามออกไปแบบสั้นๆ

    “คือ  แบบว่า แบบว่า ช้านเนี่ยก็รู้จักกับอนยูมานานแล้วเหมือนกันนะแต่ช้านก็ยังไม่เคยขอความช่วยเหลือจากอนยูเลยสักครั้งและอีกอย่างนะช้านน่ะเกรงใจอนยู.........”ผมหยุดเดินอย่างกระทันหันก่อนจะหันหน้าไปหาคนที่กำลังพูดจาอ้อมโลกจนผมชักจะลำคลาน

    “ขอเนื้อไม่น้ำ”ผมพูดออกไปแบบเหนื่อยหน่าย รู้จักกันมาก็ออกจะนานยังไม่รู้อีกหรือไงว่าผมไม่ชอบคนพูดมากน่ะ

    “คือ คืนนี้ช่วยไปผับเป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิ”ทันทีที่รู้ความประสงค์ของเพื่อนตัวเล็ก ผมก็ได้คำตอบทันที

    “ไม่”คำสั้นๆเข้าใจง่ายๆถูกส่งกลับไปหาคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว

    “โถ่ อนยูอ่า~ไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยน้าาาาาาา~”คนตัวเล็กพยายามที่จะอ้อน แต่ขอโทษที ผมบอกแล้วว่าผมมันเป็นพวกไม่แคร์โลก เฉพาะนั้นอย่ามาอ้อนให้ยาก

    “ไม่”เป็นอีกครั้งที่เพื่อนตัวเล็กได้รับคำตอบเดิมจากผม

     

    -*********************************************-

    ตอนนี้ผมกำลังยืนทำใจอยู่หน้ามหาลัยครับ...... ทำใจเรื่องน่ะหรอครับ......ผมว่าอย่ารู้เลยดีกว่าผมไม่ค่อยอย่างจะเอ่ยถึงสักเท่าไหร่

    .........

    ตอนนี้ผมกำลังทำตัวให้กลมกลืนกับตึกของอาคารเรียนอยู่ครับ  .....ด้วยการตะเกียดตะกายไปตามผนังตึก  ก่อนจะม้วนหน้าสามตะหลบเพื่อเข้าซอกตึกและสอดส่ายสายตาหาช่องทางที่จะพาผมไปถึงห้องเรียนอย่างปลอดภัย.....  ผมเริ่มเกาะก่ายไต่ฝาผนังอีกครั้งเพื่อหลบเข้าช่องทางที่ผมต้องการ  ผมหยุดพักอยู่ตรงมุมตึกเพื่อหายใจและจิบกาแฟสักครู่  ก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งผมก้มลงหมอบกับพื้นทางเดินและกระดืบ...กระดืบตัวไปกับทางเดินอย่างกลมกลืนและรวดเร็ว....  แล้วอีกเพียงไม่อีกอึดใจผมก็จะถึงที่หมายอย่างปลอดภัย  ถ้าไม่มีคนมายืนขว้างคนผมเอาไว้ซะก่อน

    “ชเว  มินโฮ....นี่!เธอกำลังทำอะไร.... เธอกำลังจะแอบดูใต้กระโปรงของอาจารย์ใช่มั้ย!!... ตามฉันไปห้องปกครองเดี๋ยวนี้!

    และผมก็ต้องเจอกับสิ่งที่ผมไม่อยากเจออีกจนได้

     

    -*********************************************-

     “ไงวะไอ้โฮ....  มีเรียนตอนสิบโมงครึ่งหรอวะ”เสียงเพื่อนปากห-ม-าของผมเอ่ยทักตั้งแต่ฝ่าเท้าผมยังไม่แตะพื้นห้องด้วยซ้ำ

    “หุบปากไปเลยมึง  คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”

     “เออ เออ มึงน่ะมันเป็นพวกอารมณ์ดีเฉพาะกับผู้หญิง(ผู้ชาย)สวยๆเท่านั้น กูลืมไป”

    “รู้แล้วก็ดี เพราะฉะนั้นอย่ามากวนตีน”ผมตอบออกมาแบบกวนๆ แต่ผมเป็นก็แบบที่เพื่อนผมพูดจริงๆนั้นแหละ ผมจะอารมณ์ดีเฉพาะกับผู้หญิง ไม่ก็ผู้ชายหน้าหวานๆเท่านั้น

    “ไอ้โฮ วันนี้มึงว่างปะ”ไอ้เพื่อนตัวดีเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่ผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว

    “ไม่ว่าง” “โหย ไรวะ มึงอะ”ผมรู้ครับว่าเพื่อนผมมันรู้ว่าผมกวนตีนมัน แต่ช่วยไม่ได้ก็มันอยากมากวนก่อนทำไม

    “กูว่าจะพามึงไปเลี้ยงซะหน่อย โอเค โอเค ไม่ว่างก็ไม่ว่าง งั้นกูไปคนเดียวก็ได้”แม่ง!! ผิดคาด ผมคิดว่ามันจะง้อผมซะอีก แ-ม่-งเอย สรุปคือ...ต้องง้อมัน??

    “เออ กูว่างก็ได้ แต่มึงต้องเลี้ยงกูน่ะโว้ย”ผมรีบพูดดักทางมันทันที ก็ผมไม่อยากเสียเงินกับเรื่องไร้สาระหนิ

    “ก็แค่เนี้ยแหละ เล่นตัวอยู่ได้”

     

    -*********************************************-

    21.45 น.

    “อนยูแต่งตัวแบบนี้แล้วน่ารักจริงๆนะ ทำไมไม่แต่งตัวแบบนี้บ่อยๆล่ะ ชั้นว่ามันน่ารักมากๆเลย เผลอๆนะ น่ารักกว่าผู้หญิงซะอีก”เพื่อนตัวเล็กพูดพร่ำซ้ำไปซ้ำมาเป็นรอบที่รัอยแล้วมั้งเกี่ยวเรื่องการแต่งตัวของผม มันจะอะไรกันนักกันหนา ผมก็แค่ใส่เสื้อคอกว้าง ขอเน้นว่ากว้าง(มากกกก)สีขวา และก็กางเกงขาสั้น(สั้นแบบเสื้อที่ใส่อยู่ลงมาปิดได้มิด)สีดำ แค่เนี้ยไม่รู้จะพูดอะไรนักหนา

    “นี่!!อนยู รู้หรือเปล่าว่ามีแต่คนมองอนยูทั้งนั้นเลย หันไปดูสิ”เพื่อนตัวเล็กยังคงพูดจ่อไม่หยุด

    จนตอนนี้! ผมเริ่มที่จะ.......  ทนฟังไม่ไหว

    “เมื่อไหร่”ผมถามออกไปแบบสั้นๆ

    “เมื่อไหร่อะไรหรอ อ่อ เมื่อไหร่คนที่ชั้นนัดจะมาน่ะหรอ ก็คงจะอีกประมาณ 15 นาทีน่ะ เรามาก่อน....”

    “เมื่อไหร่จะหุบปาก”ผมพูดแทรกออกไปแบบตรงๆ

    “อนยูอะ ใจร้าย พูดกับเราแบบนี้เลยหรอ งอนอนยูแล้ว”คนตัวเล็กพูดพร้อมกับพองลมในปากจนแก้มป่องสำหรับคนอื่นคงจะมองว่าน่ารักแต่มันไม่ใช่กับคนอย่างผมแน่นอน ก็บอกแล้วไงครับผมมันพวกไม่สนโลก ไม่แคร์ใคร แถมเพื่อนตัวเล็กยังพาผมมาในที่ที่ผมไม่ปลื้มอีกด้วย รู้ก็รู้ว่าผมไม่ชอบที่เสียงดังน่าลำคลานแถมยังมีแต่กลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่อีก ไม่รู้ว่าคนที่ชอบที่แบบนี้เค้าคิดอะไรกัน แต่คนที่กำลังงอนผมอยู่ก็ขยั้นขยอให้ผมมาเป็นเพื่อนจนได้ แต่ในเมื่อตอนนี้คนที่ขอให้ผมมาเป็นเพื่อนกำลังงอนผมอยู่ ถ้าเป็นคุณก็คงต้องง้อใช่มั้ย แต่นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำ งอนเหรอ งอนก็ดี ผมจะได้กลับบ้านได้สักที เบื่อเสียงน่าลำคลานพวกนี้จะตายอยู่แล้ว

    “งั้นชั้นกลับก่อนนะ ถ้าหายงอนแล้วก็ไปหาที่คณะก็แล้วกัน”พอพูดจบผมก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกจากร้านทันที ถ้าไม่มีมือมาจับที่แขนผมไว้ก่อน

    “หายแล้ว หายแล้ว เราหายงอนอนยูแล้ว อย่าพึ่งกลับเลยนะ”ร่างเล็กรีบพูดรัวออกมาอย่างเร็ว

    “อนยูอ่า เราสัญญาก็ได้นะว่าจะไม่พูดแล้ว ไม่พูด ไม่พูด”คนตัวเล็กเอ่ยขึ้น พร้อมกับใช้มือปิดปากทันทีที่พูดจบประโยค และผมก็ต้องแพ้ทางเพื่อนตัวเล็กของผมอีกครั้ง ถึงผมจะไม่แคร์โลก ไม่แคร์ใครแต่ก็ใช่ว่าผมจะแคร์ไม่เป็นหนิ

     

    -*********************************************-

    22.00 น.

    “รอพี่นานหรือเปล่าครับ”ในขณะที่ผมกับคนตัวเล็กนั่งกันอยู่แบบเงียบๆก็มีใครก็ไม่รู้เดินเข้ามาทักคนที่นั่งเอามือปิดปากอยู่ คือ ตั้งแต่ที่สัญญากับผมไปเมื่อกี้ เพื่อนตัวเล็กของผมก็เอาแต่นั่งเอามือปิดปากไม่ยอมปล่อย

    “ทำไมถึงต้องเอามือปิดปากแบบนั้นล่ะครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”คนมาใหม่เอ่ยถามอย่างสงสัย แต่แทนที่คนตัวเล็กจะตอบอีกฝ่ายไป กลับหันมามองหน้าผมพร้อมกับส่งสายตาที่เป็นเชิงคำถามประมาณว่าเอามือออกจากปากได้หรือยัง

    “อืม”ผมเอ่ยในลำคอสั้นๆพร้อมกับพยักหน้าให้

    “ไม่นานหรอกฮะ ผมก็พึ่งมาถึงเมื่อไม่นานนี่เอง”

    “นี่!ดอกไม้ สำหรับคนสวยๆอย่างคีย์ครับ”คนมาใหม่ยื่นกุหลาบช่อใหญ่ให้กับเพื่อนตัวเล็กของผม อ่อ ผมลืมแนะนำชื่อเพื่อนผมไป เพื่อนผมชื่อคีย์ครับ คิม คิบอม ขาวๆ หมวยๆ ปากสีแดงๆ ตัวเล็กๆ มันคือลักษณะของคีย์เขาน่ะครับ

    “ว้าว!!! สวยจังเลย ขอบคุณนะฮะ พี่จงฮยอน”เพื่อนของผมดูจะตื่นเต้นกับการได้ดอกไม้จากคนนี้ซะเหลือเกิน สงสัยคนที่หน้าเหมือนเป็ดปักกิ่งนี่ คงจะสำคัญกับคีย์มากๆแน่เลย

    “อืม ผมลืมแนะนำไป นี่! อนยูฮะ เป็นเพื่อนที่คีย์สนิทที่สุดในมหาลัย”คีย์แนะนำผมให้อย่างเสร็จพันโดยที่ผมไม่ต้องพูดเองสักคำ

    “สวัสดีครับ ผมชื่อจงฮยอนเป็นแฟนกับคีย์ครับ”ฝ่ายนั้นพูดกลับมาพร้อมกับก้มหัวเป็นเชิงทักทาย ผมก็ก้มหัวกลับให้เล็กน้อยเช่นกัน

    “พี่จงอะ พูดอะไรไม่รู้คีย์อายนะ”ร่างเล็กของคีย์พูดขึ้นพร้อมก้มหน้าแบบอายๆ

    “พี่ก็พูดความจริงไงครับ” “พี่จงอ่า อย่าแกล้งสิ คีย์อายอนยูนะ”คีย์พูดพร้อมม้วนไปม้วนมา สงสัยจะอายจริงๆ

     

    -*********************************************-

     “ไอ้จง แ-ม่-ง!!ทิ้งกู เชี่ย!เอย กูเกือบโดนพวกผู้หญิงพวกนั้นรุมข่มขืน.... แล้วนี่แม่ง!!หายหัวไปไหนวะ”ผมเดินตามไอ้จงเข้ามาในผับหลังหลุดออกจากวงล้อมของบรรดากิ๊กเก่าที่ดันมารวมตัวกันรอผมอยู่หน้าผับ พูดแล้วมันน่าโมโหก็ไอ้จงมันดันเอาตัวรอดไปคนเดียว ทิ้งให้ผมต้องรับมือกับพวกนั้นแทบตาย ผมเดินตรงเข้าไปที่ประจำของผมกับไอ้จงเพราะผมคิดว่ามันจะอยู่ตรงนั้นและก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ไอ้จงมันอยู่กับใคร?? ผมไม่เห็นจะคุ้นหน้าเลย แต่หน้าตาน่ารักเพราะฉะนั้นให้อภัย

    “ไง!!ไอ้จง ทิ้งเพื่อนเลยนะมึง”ผมเอ่ยขัดจังหวะมันด้วยความหมั่นไส้ ก็มันกำลังนั่งสวีทกับแฟนมันซะไม่รู้เลยว่าผมมาถึงแล้ว

    “อ้าว!!เสร็จธุระแล้วหรอวะ และก็ช่วยพูดให้มันดีๆหน่อยใครทิ้งอะไร คนอย่างคิมจงน่ะไม่เคยทิ้งเพื่อน”

    “เหรออออออ และไอ้ที่หนีเข้ามาก่อนเนี้ยเรียกว่าอะไรไม่ทราบ”ผมถามมันออกไปแบบประชดประชัน ก็มันจริงหนิครับ ไม่เคยทิ้งเพื่อนแต่มันวิ่งตั้งแต่เห็นกิ๊กเก่าคนแรกของผมแล้วและพวกคุณคิดดูนะว่ากิ๊กเก่าที่ผมเคยคบมารวมกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ผมจะต้องเจอกับอะไรมา

    “ก็กูรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของมึง มึงคงไม่ชอบหรอกถ้ากูเข้าไปก้าวก่าย”ดูมัน พูดซะ ตัวเองดูดีขึ้นมาเลย

    “เออ มึงน่ะมันพ่อคนดี”ผมรู้ตัวว่าเถียงยังไงก็ไม่มีทางชนะไอ้จงมันหรอก เพราะฉะนั้นจบเถอะเรื่องนี้

    “สวัสดีฮะ พี่มินโฮ”คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆไอ้จงเอ่ยทักผมอย่างเป็นกันเอง

    “สวัสดีครับ น้องคีย์ สวยขึ้นเยอะนะเรา สนใจมาเป็นแฟนกับพี่หรือเปล่าครับ”ผมพูดออกมาแบบขำๆ แต่ดูท่าแล้วไอ้จงมันจะไม่ขำด้วย

    “ทะลึ่งและไอ้โฮ นี่!!แฟนกูโว้ย ห้าม!!แตะต้อง กูหวง!!”ไอ้จงพูดพร้อมกับโอบรอบเอวของคีย์ให้เข้าหาตัวมันมากขึ้น

    “เออ แหย่นิด แหย่หน่อยไม่ได้เลยนะ”ผมก็แค่แกล้งไอ้จงมันเท่านั้นแหละครับ ผมรู้ว่าไอ้จงน่ะ รักจริงหวังแต่งกับน้องคีย์ รักขนาดที่เลิกนิสัยเพลย์บอยแบบเด็ดขาด ผมก็ไม่รู้ว่าคีย์มีของดีอะไรถึงทำให้ไอ้จงสิ้นลายได้แบบนี้

    “พี่ 2คน จะดื่มอะไรกันดีครับ”น้องคีย์ถามขึ้นเพราะดูแล้วว่าโต๊ะเรายังไม่ได้สั่งอะไรเลย

    “พี่ขอน้ำเปล่าและกัน”โหย เอาใจแม้กระทั่งของกิน ก็คนบ้าที่ไหนมาผับและสั่งน้ำเปล่าล่ะครับ

    “และพี่มินโฮล่ะครับ”คีย์หันมาถามผมบาง

    “พี่ขอ.. โอ้ย!!”ยังไม่ทันที่ผมจะได้สั่ง เพื่อนตัวดีมันก็เหยียบเท้าผม(อย่างแรง)เป็นการส่งซิก โอเค ครับ ผมเข้าใจสิ่งที่มันต้องการแต่ส่งซิกกันแรงแบบนี้มันจะต้องแก้เผ็ดกันหน่อย

    “พี่มินโฮเป็นอะไรหรอฮะ”คีย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง แหม~~มันน่าให้รางวัลเป็นจูบสักทีสองทีซะจริงๆ(ทะลึ่งและไอ้โฮèจงฮยอน)

    “พี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับแต่พี่กำลังคิดว่าแฟนของคีย์น่ะอยากจะกินนมสดมากกว่าน้ำเปล่านะ”ผมพูดพลางส่งสายตาไปทางไอ้จง ดูท่าไอ้เพื่อนตัวดีของผมมันจะรู้ว่าผมกำลังพูดถึงอะไร

    “นมสดหรอฮะ ในนี้เขามีด้วยเหรอ”น้องคีย์หันหน้าไปถามไอ้จงด้วยความสงสัย

    “ในนี้ไม่มีหรอกครับคีย์ แต่ถ้าคีย์ไปที่ห้องของไอ้จงล่ะก็ไม่แน่นะ จริงมั้ยครับ คุณเพื่อนรัก”ตอนนี้หน้าของไอ้จงเหมือนกับอยากจะลุกขึ้นมาบีบคอผมให้ได้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะคีย์เอาแต่มองหน้าไอ้จงแถมยังหนักยิ่งกว่าเมื่อกี้เสียอีก หลังจากฟังผมพูดจบอะนะ

    “ห้องพี่จงมีนมสดด้วยหรอฮะ”คีย์ก็ยังคงถามเพื่อหาคำตอบจากไอ้จงอยู่อย่างนั้น

    “ห้องไอ้จงไม่มีหรอกครับ แต่ถ้าน้องคีย์ไปห้องมัน รับรองครับว่าต้องมีแน่ๆ นมสดๆจากเต้า(คีย์)ด้วย” “ว้าว!!หรอฮะ งั้นคืนนี้คีย์จะไปห้องพี่จง คีย์จะได้กินนมสดจากเต้าต้องอร่อยแน่ๆเลยใช่มั้ยฮะพี่จง ถ้างั้นคีย์ขอไปห้องพี่จงนะครับ นะ นะ นะ พี่จงน้าาาาาา”

    “เอ่อ.......”

     “ตกลงนะครับ วันนี้คีย์ไปห้องพี่จงนะ” “ฟอด” “พี่จงน่ารักที่สุดในโลกเลย”คีย์ชิงตอบคำถามที่ตัวเองเป็นคนตั้งให้กับคนรักแถมยังตบท้ายด้วยรางวัลเป็นการหอมแก้มไอ้จงซะฟอดใหญ่ ก่อนจะหันมาพูดกับผม

     “พี่มินโฮจะดื่มอะไรดีฮะ”

    “พี่ขอโค้กก็ได้ครับ”และผมก็ต้องกินในสิ่งที่ผมไม่อยากกิน

     

    -*********************************************-

     “อนยูอ่า~ อนยูจะดื่มอะไรดี”คีย์เดินมาผมและเอ่ยถามขึ้น

    “ไม่”เป็นคำพูดสั้นๆง่ายๆที่ผมตอบเพื่อนร่างเล็กของผมไป

    “ไม่เอาอะไรเลยหรอ น้ำส้มมั้ยเดี๋ยวคีย์สั่งมาให้”ผมรู้ครับว่าคีย์เป็นห่วงผมเพราะผมยังไม่ได้กินอะไรเลย แต่อย่างที่รู้ ผมไม่ชอบคนเซ้าซี้ ก็เลยมองคีย์ด้วยสายตาลำคลานๆ
    “ไม่เอาก็ไม่เอา แต่ถ้าอยากดื่มอะไรก็บอกคีย์นะ งั้นเดี๋ยวคีย์ไปสั่งเครื่องดื่มให้พี่จงกับพี่มินโฮก่อนและอนยูอยากไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่าเพราะคีย์ว่าจะไปเข้าห้องน้ำด้วย”

    “ไม่”ผมตอบคีย์ไปแบบเดิม

    “งั้นเดี๋ยวคีย์มานะ”พอคีย์พูดจบก็เดินออกไปทันที

     

    -*********************************************-

     “ไอ้จง ไอ้จง ไอ้จง ไอ้เชี่ยจ๊ง!!!!!!!”ผมรู้ครับว่าเรียกแบบปกติมันคงไม่ได้ยินหรอกก็หน้ามันยังคงเพ้อฝันอยู่กับลอยจุ๊บของน้องคีย์อยู่เลย

    “อะไรของมึงวะ จะแหกปากหาเชี่ยไร”

    “ก็กูเรียกแล้วมึงไม่ได้ยินเองหนิหว่า”ผมบอกมันออกไปเท่านั้นล่ะไอ้จงถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที สงสัยมันคงกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ

    “เออ เออ เออ มึงมีอะไรก็ว่ามา”เพื่อนตัวดีของผมเอ่ยแบบปัดๆ

    “ใครวะ”ผมถามออกไปแบบสั้นๆพร้อมกับพยักเพยิกไปทางคนน่ารัก(ของผม)

    “อ๋อ อนยูน่ะ เพื่อนของคีย์”ไอ้จงหันไปมองก่อนจะหันกลับมาตอบผมแบบไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่นัก

    “น่ารักวะ”ผมพูดขึ้นมาแบบลอยๆ

    “พอเลยมึง แค่ไอ้ที่หน้าร้านเนี้ยยังไม่พออีกหรือไงวะ”ไอ้จงรีบพูดดักคอผมขึ้นมาทันที ก็งี้แหละครับ ผมกับไอ้จงไม่ต้องพูดอะไรมากก็เข้าใจกันแล้ว

    “โห่ย ไรวะ มึงก็ นิดๆหน่อยๆไม่ได้หรอวะ ของดีๆก็ต้องควรคู่กับคนอย่างชเว มินโฮสิวะ”

    “คนนี้ กูว่าอย่าดีกว่าวะ”ไอ้จงพูดซะผมกลัวเลยนะเนี่ย

    “ไมวะ เป็นโรคหรอ”ผมถามออกไปอย่างเสียดาย ยิ่งน่ารักๆ อยู่ด้วย

    “ไม่ใช่โว้ย แต่อย่าเลย เชื่อกูเถอะ”แ-ม่-ง!!พูดซะตกอกตกใจ ไม่ได้เป็นโรคแถมยังน่ารักอีกตะหากมีหรือที่ ชเว มินโฮ คนนี้จะปล่อยให้หลุดมือ

    “กูจะจีบ”ผมบอกไอ้จงออกไป “เพราะฉะนั้น มึงต้องช่วยกู”เป็นคำขอร้องแกมบังคับโดยที่ไอ้จงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

    “กูบอกมึงแล้วนะว่าอย่า”ไอ้จงพูดย้ำอีกครั้งหลังที่ผมตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

    “อืม กูรู้แล้วแต่กูจะจีบใครจะทำไม”

    “เออ ขอให้พระคุ้มครอง”

    “กูจะไปจีบคนนะ ไม่ได้ไปรบ”ผมย้อนไอ้จงกลับไปกับคำอวยพรของมัน

     

    -*********************************************-

     “สวัสดีครับ น้องเป็นเพื่อนกับน้องคีย์หรอครับ พี่ชื่อ มินโฮนะครับ ไม่ทราบว่าน้อง ชื่ออะไรเอ่ย”

    “..............”ผมเริ่มจีบคนน่ารักด้วยวิธีพื้นฐานสามัญทั่วไป แต่คำตอบที่ได้คือเงียบ

    “นั่งคนเดียวไม่เหงาหรอครับ พี่ขอนั่งเป็นเพื่อนนะ”

    “..............”

    “มีคนเคยบอกหรือเปล่าว่าเราน่ะน่ารักมากเลย”

    “..............”

    “บ้านอยู่แถวไหนหรอครับแล้วอยู่คนเดียวหรือเปล่า”

    “..............”

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นซิครับมันไม่น่ารักเลยนะ”

    “...............”

    ทุกสิ่งที่ผมพูดไปถูกสะท้อนกลับมาหมด ผมไม่ได้คำตอบจากคนน่ารักคนนี้สักอย่าง ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วล่ะครับว่าทำไมไอ้จงมันถึงไม่อยากให้ผมยุ่งด้วย แต่คนอย่างผมอยากได้อะไรก็ต้องได้และในขณะที่ผมกำลังหาเรื่องชวนคนน่ารักคุยอยู่นั้น คีย์ก็เดินกลับมากับไอ้จงพอดี ผมล่ะเซ็ง เดี๋ยวนี้ไอ้จงมันมีปัญญายื้อผู้หญิง??ได้นานแค่นี้เองหรอวะ ก็ผมสั่งให้มันไปคอยกันคีย์ไว้ แต่นี่ผ่านไปยังไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ ดันกลับมาได้ แถมมาพร้อมกันอีกด้วย ผมรู้อนาคตของไอ้จงแล้วล่ะ มันต้องกลัวเมียชัวร์!!!~

     

    -*********************************************-

     “เมื่อไหร่กลับ”ผมเอ่ยถามคีย์ออกด้วยความลำคลานนิดๆ

    “อนยูเบื่อเหรอ”คีย์ถามผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิดแต่ผมไม่สนหรอก รู้ทั้งรู้อยู่ว่าผมไม่ชอบที่แบบนี้ยังจะมีหน้ามาถามอีก

    “ใช่ เบื่อ ลำคลานและรังเกียจ”ผมพูดออกไปตามความรู้สึกจริงๆของตัวเองเพราะผมเบื่อที่แห่งนี้ ลำคลานเสียงดังๆและรังเกียจไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆผมด้วย

    “ตกลงเมื่อไหร่กลับ”ผมหันไปถามคีย์อีกครั้ง

    “คือ เราขอโทษนะอนยู วันนี้เราจะไปห้องพี่จงน่ะ คงไม่ได้กลับทางเดียวกับอนยู ขอโทษนะ อย่าโกรธเรานะ เราขอโทษจริงๆนะ อนยูเข้าใจ....”

    “งั้นชั้นกลับน่ะ”ผมพูดขัดประโยคของคีย์ก่อนที่มันจะยาวไปมากกว่านี้ พร้อมกลับลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะกลับบ้าน

    “อนยู ให้เราไปส่งมั้ย กลับคนเดียวมัน....”

    “ไม่”เป็นอีกครั้งที่ผมพูดขัดประโยคของเพื่อนตัวเล็ก ก็อย่างที่รู้แหละครับว่าผมขี้เกียจฟัง

    “เอาอย่างนี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่อาสาไปส่งเพื่อนน้องคีย์ที่บ้านเอง น้องคีย์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแบบนี้ดีมั้ย”และอยู่ดีๆไอ้ตัวน่าลำคลานและรังเกียจก็เสนอความคิดขึ้นมา ซึ่งดูท่าแล้วว่าคีย์ต้องตกลงชัวร์

     “ก็ดีนะอนยู ให้พี่โฮไปส่งเถอะนะ ชั้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”แล้วก็เป็นแบบที่ผมคิดไว้ คีย์ต้องให้ไอ้บ้านี่ไปส่งผมชัวร์

    “ถ้าอนยูไม่ยอมงั้นคีย์จะไปส่งอนยูเองนะ”

    “ไม่”

    “ถ้างั้นก็ให้พี่โฮไปส่ง”และก็อีกครั้งที่ผมต้องแพ้ทางเพื่อนตัวเล็กของผม

    “อืม”ผมได้แต่พยักหน้ารับไปแบบหมดทางเลือก

     

    -*********************************************-

     “งั้นเราสองคนไปกันเถอะครับ”ผมผายมือเป็นเชิงให้คนน่ารักเดินนำออกไป

    “ไป”แต่คนน่ารักกลับหันมาพูดกับผมและหยุดอยู่แค่นั้น

    “ก็พี่ให้น้องเดินไปก่อนไงครับ พี่จะได้เดินตาม”ผมพูดกับคนน่ารักเพราะผมคิดว่าเขาไม่เข้าใจว่าผมจะทำอะไร

    “ไป-ตาย-ซะ”คนน่ารักพูดเพียงเท่านั้นก็หันหลังเดินออกไปทันที ทิ้งให้ผมยืนหน้าเหวอกับคำพูดของเขาอยู่คนเดียว

    “ไงล่ะ ไอ้โฮกูเตือนมึงแล้วนะ”ไอ้จงพูดขึ้นทันทีที่ได้ยินคนน่ารักพูดจบ

    “เออ กูรู้แล้ว แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันวะ กินยากดี กูชอบ”

     

    -*********************************************-

     “เอ่อ น้องอนยูครับ เราจะกลับบ้านกันยังไงหรอครับ”

    “เดิน”

    “แต่พี่มีรถนะ พี่ขับรถไปส่งดีกว่ามั้ยครับ”

    “ไม่”

    “แต่เดินมันเหนื่อยนะครับ”

    “เหนื่อยก็กลับไป”ตั้งแต่เดินออกมาจากผับไอ้ตัวน่าลำคลานนี่ก็ถามนู้นถามนี่ไม่หยุด  น่าเบื่อชะมัด

    “ไม่ไปได้ไงล่ะครับ  ถ้าน้องอนยูไปเจอพวกคนไม่ดีจะทำยังไงล่ะ ... พี่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด....”ไม่รู้ว่ามันจะพร่ำอะไรนักหนา  มันไม่รู้ใช่มั้ยว่าผมไม่อยากได้ยินเสียงมัน

    “หุบปาก....ได้มั้ย”และผมก็ต้องเอ่ยขัดไอ้บ้านี่อย่างสุดเซ็ง  ไม่รู้ว่าอะไรเจาะปากให้พูด น่าลำคลาน

    “ทำไมพูดกับพี่แบบนี้ล่ะครับ.... มันไม่ดีเลยนะ  พี่เป็นพี่ของน้องอนยูนะครับ...พูดไม่เพราะแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่มีใครอยากเป็นแฟนด้วยหรอก”

    “เรื่องของฉัน!”ผมหันไปตอบไอ้ตัวน่าลำคลานที่เดินตามข้างหลังแบบเหนื่อยจิต  พูดอะไรนักหนาวะ  หนวกหูโว้ย!!

    “น้องอนยู ... เดินช้าๆหน่อยสิครับ  พี่เดินตามไม่ทันแล้วนะ”เสียงไอ้บ้าที่เดินอยู่ข้างหลังเอ่ยออกมาอย่างหอบๆ  แต่ผมไม่สนใจหรอกเดินไม่ทันก็กลับไปสิ  ผมจะได้ไม่ต้องมาทนฟังเสียงโหยหวนของไอ้นี่สักที

     

    -*********************************************-

    หลังจากที่ผมได้เป็นคนมาส่งน้องอนยูคนสวยจนถึงบ้านแบบนี้ก็ถือว่าเข้าทางผมไปในระดับนึ่งและล่ะแต่ไม่ว่าจะทำยังไงคนสวยของผมก็ไม่มีทีท่าจะสนใจผมขึ้นมาเลยแถมยังดูลำคลานมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ  แต่ยังไงซะคืนนี้ผมจะต้องได้นอนกกกอดน้องอนยูตัว(น่าจะ)นิ่มให้ได้  มินโฮ  สู้โว้ย!!!

    “น้องอนยู ... เดินช้าๆหน่อยสิครับ  พี่เดินตามไม่ทันแล้วนะ”ผมเริ่มก้าวสู่สเต็ปแรกด้วยการฟอร์มว่าเดินไม่ทันทั้งที่ความจริงแล้วผมก้าวแค่ก้าวสองก้าวก็แซงหน้าคนตัวนิ่มได้แล้ว  แต่ผลปรากฏว่า...... มันไม่สำเร็จและยิ่งไปกว่านั้นก็คือ น้องอนยูกลับรีบเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิมซะอีก  ....อย่าว่างั้นงี้นะ.... ถ้าผมจะตายเนี้ย เขาจะสนใจผมมั้ย???.... ในเมื่อการเรียกร้องความสนใจขั้นแรกไม่ประสบณ์ผล  เราก็ต้องใช้ขั้นที่สอง

    “อะ...โอ๊ย!!! นะ..น้องอนยูครับ....  ช่วยพี่ด้วย  พี่รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ... โอ๊ย!!”ขั้นสองก็คือการเรียกร้องความสนใจด้วยการแกล้งป่วยแบบฟ้าแลบ แป๊บๆ โดยที่ไม่มีสาเหตุ

    “โอ้ย!!!น้องอนยูครับ.... โอ้ย!..พี่จะไม่ไหวแล้ว... แฮ่ก..ก..ก..ก  น้องอนยู๊!!!! พี่จะตายแล้ว  อ๊อกๆๆ หาย...หายใจไม่...ออก....  นะ  น้องอนยู๊!!!”อะไรวะ  ขนาดกูเป็นแบบนี้ยังไม่แม้แต่จะชายตาหันมามอง.... ขนาดตายังไม่ชายมาแล้วกูจะได้ฟันปีไหนวะเนี้ย??

    ในเมื่อขั้นสองก็ยังไม่สำเร็จเราก็ต้องใช้ขั้นต่อไป  นั่นก็คือเรียกร้องความสนใจให้มากกว่าเดิม

    “นะ...น้องอนยู  แฮ่กกก  พี่หายใจไม่ออก..... เฮือก!! ชะ..ช่วยด้วย... น้องอนยู๊!! พี่...พี่มีโรคประจำตัว.... ฮึกๆๆๆ  พี่....เป็นโรค....ฮึกๆๆๆๆ หอบ.....(หื่น)... แฮ่ก...ก..กก”

     

    -*********************************************-

    ผมเดินออกห่างจากไอ้บ้านั่นมาเรื่อยๆเพราะผมอยากจะไปให้พ้นๆจากไอ้ประสาทกลับนี่สักที  คนบ้าอะไรวะ ขายาวอย่างกับสะพานแขวงแต่เ-สื-อ-กเดินตามคนขา(สั้น)ปกติไม่ทัน  แต่เดินออกมาได้ไม่ไกลเท่าไหร่นักก็ได้ยินโหยหวนที่ต้องการขอส่วนบุญ

    “อะ...โอ้ย!!! นะ..น้องอนยูครับ....  ช่วยพี่ด้วย  พี่รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ... โอ้ย!!”ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไรของมันตอนแรกก็ดีๆอยู่หรอก  แต่อยู่ๆเสือกร้องออกมาอย่างกับใครเขาเอาข้าวสารเสกเขี้ยงใส่อย่างนั้นแหละ  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะเจ็บแบบไม่มีสาเหตุต่อให้ผมเข้าไปดูก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีแต่ผมก็เดินให้ช้าลงเพราะเพื่อมันตายผมจะได้บอกคีย์ได้ถูกและพอผมเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวไอ้บ้านั่นก็แหกปากขึ้นมาดังยิ่งกว่าเก่าซะอีก

    “โอ้ย!!!น้องอนยูครับ.... โอ้ย!..พี่จะไม่ไหวแล้ว... แฮ่ก..ก..ก..ก  น้องอนยู๊!!!! พี่จะตายแล้ว  อ๊อกๆๆ หาย...หายใจไม่...ออก....  นะ  น้องอนยู๊!!!”ก็ไหนมันบอกว่าจะตายแล้วไงแต่ทำไมเสียงมันถึงดังขึ้นๆวะ  ผมเดินให้ช้ากว่าเดิมอีกเล็กน้อยเพราะว่าผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงไอ้บ้าซะแล้วนะสิ  ก็มันร้องยิ่งกว่าหมาโดนน้ำร้อนซะอีก

    “นะ...น้องอนยู  แฮ่กกก  พี่หายใจไม่ออก..... เฮือก!! ชะ..ช่วยด้วย... น้องอนยู๊!! พี่...พี่มีโรคประจำตัว.... ฮึกๆๆๆ  พี่....เป็นโรค....ฮึกๆๆๆๆ หอบ...... แฮ่ก...ก..กก” นี่... ไอ้ตัวลำคลานมันเป็นโรคหอบหรอวะ  โอ๊ย!ซวย  ผมจะพามันมาตายอยู่ที่ซอกบ้านผมมั้ยเนี่ย

     

    -*********************************************-

    เยส!!และแล้วการเรียกร้องความสนใจของผมก็สัมฤทธิ์ผลก็น้องอนยูเดินกลับมาหาผมแล้วหนิ

    “น้อง..อะ..อนยู...พี่จะไม่ไว้แล้ว...แฮ่กๆๆ ..ขอพี่ไปพักที่บ้านน้อง... ก่อนได้มั้ย....”ผมพูดพร้อมกับตะเกียดตะกายไปกับพื้นถนนอย่างสมจริงสมจัง(ทำไมกูต้องลงทุนขนาดด้วยวะ)

    “อะ..เออ”คนตัวบางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบตกลง

    “พี่...ไม่มีแรงจะเดินแล้ว...  นะ..น้องอนยูช่วยประคองพี่หน่อยได้มั้ย”ผมพูดออกมาแบบที่คิดว่ามันน่าสงสารสุดๆและก็เป็นไปตามที่ผมต้องการเพราะว่าน้องอนยูต้องก้มลงมาช่วยประคองตัวผมให้ลุกขึ้นแต่ทันทีที่น้องอนยูแสนสวยก้มลงมาช่วยผม  ผมก็แทบจะเป็นโรคหัวใจแทรกซ้อนขึ้นมาทันทีก็เสื้อที่น้องอนยูใส่คอมันกว้าง~~~มากกกกกกกกกก จนผมเห็นทุกสัดส่วนแบบชัดเจนและใกล้ชิด  .....พูดได้คำเดียวว่า “เนื้อ!-นม!!-ไข่!!!”...... หุ่นน้องเขาช่างสะบึม...สะบัมเหลือหลายแล้วตลอดทางไปบ้านน้องอนยูผมก็แกล้งทำเป็นคอพับคออ่อน  ไม่มีแรงเพื่อที่จะไซร้คอขาวๆนุ่มๆและเพื่อที่จะหาโอกาสมอง “เนื้อ-นม-ไข่”แบบใกล้ชิดอีกครั้ง

     

    -*********************************************-

    ผมประคองไอ้ตัวน่าลำคลานที่เดินตัวพับตัวอ่อนมาตลอดทางเข้าไปนั่งโซฟาภายในบ้านอย่างทุลักทุเล  คนบ้าอะไรวะตัวหนักอย่างกับควาย!  แค่ประคองมันมาบ้านไม่ถึงสิบห้านาทีกระดุกกระเดี้ยวแทบหลุดออกจากกัน

    “น้องอนยูครับพี่เหนื่อยจังเลย....  น้องอนยูช่วยถอดเสื้อผ้า... เฮ้ย!!ปลดกระดุมเสื้อให้พี่หน่อยได้มั้ยครับพี่หายใจได้ค่อยสะดวกเลย”ไอ้นี้มันจะอะไรนักหนาวะ  ถ้ารู้ว่าพามันมาแล้วต้องมาทำนู้นทำนี้ให้  ปล่อยให้มันดิ้นกระแด่วๆอยู่อย่างนั้นก็ดี  แต่ก็อย่างว่าพามาแล้วก็ต้องทำตามที่มันบอกไม่งั้นเกิดมาตายในบ้านผมก็ซวยอะดิ

    “ยาอยู่ไหน”ผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ปลดกระดุมให้เสร็จแล้ว

    “ยา?? ยาอะไรเหรอครับ...  น้องอนยู”ไอ้ตัวน่าลำคลานถามผมกลับด้วยหน้าตาใสซื่อ

    “แก้หอบ”ผมพูดออกไปแบบสั้นๆ

    “อะ.... อ๋อๆ ...คืออออออ... มัน......มันอยู่ในรถน่ะ... ก็น้องอนยูไม่ให้พี่ขับรถมาส่งแล้วพี่จะเอาที่ไหนมาล่ะ”ผมผิดใช่มั้ย????

    “งั้นเอามือถือมา”

    “มือถือ....มือถือใคร  มือถือของน้องอนยูเหรอครับ”ไอ้บ้านี่มันถามผมกลับมาแบบที่เรียกได้ว่าไร้สมอง  ถ้าเป็นมือถือของผม  ผมจะถามมันหาซากปลาตินหรือไง??

    “มือถือของแก”ผมพูดพร้อมกับแบรมือไปตรงหน้าไอ้สมองกลับนี่

    “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะครับ แล้วจะเอามือถือพี่ไปทำไมหรอครับ”

    “โทรให้คนมารับแก”ผมตอบมันกลับไปแบบปลงๆ นี่!ผมคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่ช่วยคนแบบนี้

    “อะ....โอ้ย!!!  โอ้ย!! พี่...  พี่หายใจไม่ออกอีกแล้ว...  แฮ่กๆๆ ช่วยด้วย....  พี่ต้องอากาศ  นะ...น้องอนยู..  ผายปอด... ผายปอดพี่ที”อะไรของมันวะ  เดี๋ยวก็หายเดี๋ยวก็กำเริบและเมื่อกี้มันบอกว่าอะไรนี้  ให้ผมผายปอดหรอ  .... มันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า

    “น้องอนยู... พี่จะไม่ไหวแล้วช่วยพี่ด้วย....!”แล้วผมก็ต้องมันตามที่ไอ้บ้านี่มันต้องการ.....  ผมจับให้มันนอนหงายลงกับโซฟาก่อนจะบีบจมูกแหลมๆของมันเพื่อให้มันอ้าปากแล้วกำมือหลวมๆให้มีรูตรงกลางเพื่อที่จะได้ส่งอากาศไปให้ไอ้บ้านี่ได้

    “แค่ก ๆๆ ๆ...พอแล้วครับ  แค่กๆๆ  พะ...พี่อยากนอนพักแต่นอนตรงนี้มันไม่ค่อยถนัดเลย ....พี่ขอไปนอนที่ห้องของน้องอนยูได้มั้ยครับ”

     

    -*********************************************-

    ฟู่ว์~~~~กว่าจะได้ขึ้นมาบนห้องนอนเล่นเอาซะเกือบตาย....  ผมหลุดพิรุธให้น้องเห็นตั้งหลายรอบล่ะ  ทั้งเรื่องยา  ทั้งเรื่องมือถือ.... และไอ้เรื่องผายปอดอีกผายปอดประเทศไหนเขาเอากำปั้นมาวางกั้นระหว่างปากกับปากแล้วเป่าลมใส่กันวะ   ผมเริ่มอยากถอนคำพูดแล้วสิ  ไอ้ที่ว่ากินยาก...กูชอบน่ะ  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ากินง่ายๆมันอร่อยกว่าเยอะแต่มันมาถึงขั้นนี้แล้ว  คนอย่างชเวมินโฮไม่มีคำว่าถอยอยู่ในหัวแล้วล่ะ  ยังไงซะคืนนี้ผมก็ต้องนอนกอดน้องอนยูให้ได้

    แกร๊ก!

    ว้าว!!เลือดกำดาวจะพุ่ง  น้องอนยูSexsyโคตรเลยโว้ย  ขาขาวๆค่อยๆก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกผม  ก่อนที่น้องอนยูจะสะบัดผมไปมา เหมือนกับนางเอกตามโฆษณายาสระผมทั่วไป  ใบหน้าเต็มไปด้วยหยดน้ำที่เกาะพราวไปทั่ว บวกกับเสื้อผ้าที่น้องอนยูกำลังใส่อยู่แล้วบอกได้คำเดียวว่าไม่อยากเซด   น้องอนยูเดินผ่านเตียงที่ผมนอนอยู่ไปอย่างช้าๆ หุ่นน้องช่างน่าฟัดซะนี่กระไร  เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูด และน้องอนยูก็นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะเริ่มเช็ดผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำ  บอกตามตรงนะว่าผมรู้สึกเหมือนว่าผมกับน้องอนยูเป็นคู่รักที่พึ่งแต่งงานฉะมัด  ถ้าเป็นไปได้ผมอยากเข้าไปช่วยคนตัวนิ่มที่นั่งอยู่หน้ากระจกเช็ดผมนักก่อนที่จะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนอนตัวยาวออกอย่างช้าๆและก็ค่อยๆเลื่อนมือไปสัมผัสผิวขาวๆนิ่มๆนั้นให้สนุกมือแค่คิดก็มีความสุขแล้ว555+

    “555+”

    “หัวเราะอะไร”เฮ้ย!มาตั้งแต่เมื่อไหร่และเมื่อกี้ผมหัวเราะแค่ในความคิดไม่ใช่หรอ???

    “เปล่าๆๆ... พี่ปวดหัวน่ะ  ...น้องอนยูมียาแก้ปวดหัวมั้ย”น้องอนยูมองหน้าผมแบบจับผิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปแล้วกลับมาพร้อมกับกระปุกยาและน้ำหนึ่งแก้ว

    “เอ้า!”ร่างเล็กวางของที่ตัวเองถือมากระแทกกับโต๊ะข้างๆหัวเตียง  ผมรู้ครับว่าน้องเขาหมายถึงอะไรแต่ผมมันเป็นพวกสตอเบอรี่เรียกพี่เพราะฉะนั้นต้องออเซาะเข้าไว้

    “ช่วยพยุงพี่หน่อยสิ... พี่ไม่มีแรงเลย”น้องอนยูทำเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะช่วยพยุงผมเพื่อลุกขึ้นกินยาและเมื่อได้จังหวะผมก็แกล้งเอียงคอซบลงกับไหล่ของคนตัวนิ่มแต่ดูเหมือนน้องอนยูจะไม่เล่นด้วยเพราะน้องเอายายัดใส่ปากผมทันทีที่คอผมเริ่มเอียงก่อนจะตามด้วยน้ำที่กรอกใส่ปากผมแบบไม่ปรานีปราศัย  ผมอยากจะถามน้องเขาจริงๆว่าตกลงเขาอยากให้ผมหายไข้หรือหายไปจากโลกนี้กันแน่และพอน้องอนยูที่บรรจงกรอกน้ำเข้าปากผมจนหมดแก้วแล้วก็ลุกขึ้นแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเล่นซะผมแทบหัวทิ่มตกเตียงก็ผมกำลังซบไหล่น้องเขาอยู่หนิและน้องอนยูก็ก้าวขึ้นมาบนเตียงนอน  ผมจะไม่อะไรเลยถ้าท่าก้าวของน้องอนยูเขาไม่เอ็กซ์กระจายแบบนี้  ต้นขาขาวๆเนียนๆโผล่ออกมาออกเสื้อนอนยาวแต่ก็ไม่ได้ยาวมากจนสามารถที่จะปิดอะไรต่ออะไรของคนตรงผมได้มิดนัก   จะว่าอะไรมั้ยถ้าผมจะบอกว่า ให้พี่เห็นขนาดนี้แล้วทำไมไม่ถอดๆให้มันหมดๆไปเลยล่ะครับ เห็นแค่วับๆแว่มๆอย่างนี้มันทรมานรู้ม้ายยยยย~~~

    เอาไงต่อไปดีวะ  คิดสิ  คิดวะ.....ทำไงถึงจะได้กอดน้องอนยู

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “ฮึกๆๆๆ นะ....หนาว....หนาวจังเลย”เริ่มเข้าแผนการที่ผมพึ่งคิดได้สดๆร้อนๆนั่นคือแกล้งป่วยกระทันหัน(อีกรอบ)

    “นะ... น้องอนยู .. พะ  พี่หนาวจังเลยครับ”สำออยเข้าไว้ไอ้โฮ  อีกเดี๋ยวก็ได้ฟัดแล้ว

    “พี่หนาว”ผมแกล้งทำเป็นพูดเสียงสั่นเนื้อตัวสั่นซะยิ่งกว่าโดนไฟช๊อตซะอีกแต่น้องอนยูไม่สนใจผมเลยแถมยังเอาผ้าห่มขึ้นมาคุ้มหัวไว้ซะงั้น  คิดว่าผมจะยอมแพ้เหรอ  ....ไม่มีทางซะหรอก!!!

    “นะ... หนาว..พี่หนาวจังครับ”ผมแสดงละครพร้อมๆกับกระเถิบตัวเข้าไปเบียดกับแผ่นหลังบางทั้งที่ปากพร่ำว่าหนาวไม่หยุดและมันก็ได้ผล   น้องอนยูลุกขึ้นนั่งมองหน้าผมอย่างลำคลานก่อนที่จะม้วนผ้าห่มให้เป็นก้อนและปาใส่หน้าผมอย่างแรง

    “ผ้าห่ม!!!”พูดอย่างใส่อารมณ์ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง   คนอะไรวะ เห็นคน(หล่อ)จะตายอยู่ตรงหน้าแท้ๆยังจะใจร้ายด้วยอีก  เดี๋ยวได้มาเป็นศรีภรรยาเมื่อไหร่ล่ะก็จะตีให้ก้นลายเลยค่อยดู

    “หนาว...  นะ..หนาว  พี่หนาว”ผมยังคงเล่นละครต่อไปหลังจากห่มผ้าที่คนตัวนิ่มโยน(ใส่หน้า)มาให้  ผมทำเป็นหนาวสั่นประดุจดังอยู่กลางขั้วโลกเหนือและได้เพื่อนเป็นนกเพนกวิน(รู้สึกว่าอันหลังจะไม่เกี่ยว)

    “หนาว....  หนาว...”น้องอนยูลุกขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินไปปิดแอร์แล้วกลับมาล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม   โหย!~ไม่คิดจะแคร์กันเลยหรือเนี่ย  กูเป็นขนาดนี้แล้วนะ

    “น้องอนยู....ฮึก  หนาว... พี่หนาว....หนาว”เอาวะตื้อเท่านั้นที่ครองโลก  ผมทำหนาวจะเป็นจะตายอยู่ประมาณสิบนาทีในที่สุดความพยายามกับสัมฤทธิ์ผลเพราะตอนนี้น้องอนยูหันมาทางผมแล้วก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาบาง

    “จะเอาไรอีกวะ!!~”แม้ประโยคที่ออกมานั้นจะไม่ค่อยเลื่อนหูเท่าไหร่นักก็เถอะ

    “กะ...กอด.....พี่หน่อยได้มั้ย........พะ  พี่หนาว”ผมทำเป็นกอดตัวเองหลวมๆและสั่นอย่างสมจริงสมจังทั้งที่ความจริงแล้วร้อนจนเหงื่อไหลซกไปหมดแล้ว

    “กอด....แล้วจะหุบปาก”น้องอนยูเอ่ยออกมาอย่างต่อลอง

    “อืม”ผมพยักหน้าตอบเสียงเบาๆในลำคอและเมื่อได้ยินดังนั่นน้องอนยูก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ๆผมก่อนจะรั้งตัวของผมให้ซุกหน้าลงกับแผ่นอกนิ่มๆตอนนี้จมูกของผมกำลังติดอยู่กลับแผ่นอกบางที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากสบู่ลอยออกมาจนผมอดไม่ได้ที่จะกดจูบผ่านเสื้อนอนตัวบางไปยังแผ่นอกที่ผมได้ซุกไซร้อยู่

     

    -*********************************************-

    ที่ผมยอมกอดไอ้ตัวน่าลำคลานเนี้ยไม่ใช่เพราะว่าผมเกิดพิศวาสมันขึ้นมาหรอกนะแต่เพราะว่าพรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า  ผมยังไม่ได้นอนเลยนี้ก็ตีหนึ่งกว่าแล้วดังนั้นผมก็เลยตัดปัญหาโดยการหลับหูหลับตากอดๆมันไปผมจะได้นอนสักที   เฮ้อ~ไม่เข้าใจตัวเองเลย  ทำไมผมต้องยอมให้ไอ้บ้านี้นอนที่บ้านผมด้วย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “อืม..... อ๊ะ”ทำไมผมถึงรู้สึกวูบวาบแบบนี้นะ  ผมพยายามฝืนความง่วงเพื่อดูว่าร่างกายของผมกำลังเป็นอะไร

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ไอ้เวร!!!”ทันทีที่ผมฝืนเปลือกตาให้เปิดขึ้นได้  ความง่วงทั้งหมดที่ผมมีก็พากันอันตธานหายไปภายในพริบตา   ไอ้เปรตที่บอกว่ามันหนาวจะเป็นจะตายมันกำลังนั่งคร่อมตัวผมอยู่แถมมันยังเมามันกับการดูดๆเลียๆนมผมแบบไม่ได้เกรงใจผมเลย

    “ออกไปนะโว้ย!! ไอ้เลว”ผมเริ่มดิ้นสุดชีวิต  เกิดมาผมไม่เคยเสียท่าให้กับใครเลยสักครั้ง  ไอ้ชั่วนี่เป็นคนแรกเลยนะ  ถ้าผมหลุดออกไปได้เมื่อไหร่   ผมจะฆ่ามัน!!!!

    “จุ๊ๆๆๆ  พี่ชอบน้องอนยูจริงๆนะ  เพราะฉะนั้นเป็นเด็กดีแล้วก็ยอมเป็นของพี่นะ”ไอ้เวร  ฉันไม่ได้ง่ายแบบพวกที่แกชอบหิ้วไปต่อที่ไหนก็ได้หรอกนะโว้ย

    “ปล่อยกู!!

    “ไม่เอาน่า  พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ  เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องอนยูแสนสวยมีความสุขทั้งคืนเลย”ผมหันหน้าหลบสัมผัสของไอ้ชั่วนี้แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการทางให้มันซะมากกว่าและตอนนี้ผมคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะว่าผมเริ่มรู้สึกดีกับสัมผัสพวกนี้

    “อ๊ะ.... อ๊ะ  อืม....”

    “พี่ว่าแล้วน้องอนยูจะต้องชอบ”ไอ้โรคจิตที่กำลังจะขืนใจผมพูดจบก็ก้มลงกดจูบลงบนปากผมก่อนจะเริ่มดูดดุนให้ริมฝีปากผมอ่าออก   มือที่เคยทุบตีคนตรงหน้าเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบลำคอเพื่อระบายความรู้สึกวูบวาบในตัวผมที่ตอนนี้มันมีมากขึ้นเรื่อยๆ

    “อ๊ะ... มินโฮ  มินโฮ...”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “มินโฮ....มินโฮ....มินโฮ”

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

     

    -*********************************************-

    วันต่อมา

     

    “ไงวะไอ้โฮ   ทำไม ทำหน้าอย่างงั้นวะ”เสียงไอ้เพื่อนเป็ดดังมาแต่ไกล   แม่งมีเรียนตอนสิบโมง  มันมาเที่ยง   เจริญเถอะ

    “มึงมีเรียนตอนกี่โมงไม่ทราบเหรอขอรับ”

    “ทราบครับ  แต่กูพึ่งไปส่งคีย์มา  มึงมีปัญหาไรมั้ย??”นี่ !! ตกลงเมื่อคืนนี้น้องคีย์ถูกไอ้จงเผด็จศึกไปแล้วหรอวะ  แม่ง!อิจฉาโว้ย

    “ไปกินข้าวกันดีกว่าวะ  วันนี้กูอารมณ์ดี กูเลี้ยงเอง”ผมค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆไม่ใช่เพราะผมไม่อยากไปหรือว่าอะไรหรอกนะแต่ว่าผมเดินไม่ค่อยสะดวกต่างหาก

    “เฮ้ย!นี่มึงกับน้องอนยูหนักกันขนาดนี้เลยหรอวะ แต่เมื่อตอนไปส่งคีย์น้องเขาก็ดูสบายดีนี่แล้วทำไมมึงถึง............”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    หลังจากที่ไอ้จงเห็นท่าทางการเดินของผมก็ถามนู้นถามนี่ไม่หยุดและเมื่อไอ้จงประคองผมมาถึงร้านอาหารน่ามหาลัยปุ๊บ  มันก็เริ่มสอดรู้สอดเห็นเรื่องระหว่างผมกับน้องอนยูทันที

    “ตกลงมึงกับน้องอนยู มันยังไงกันวะ”

     

    -*********************************************-

    ย้อนไปยังฉากเมื่อคืน

     

    “พี่ว่าแล้วน้องอนยูจะต้องชอบ”

    “อ๊ะ... มินโฮ  มินโฮ...”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “มินโฮ....มินโฮ....มินโฮ”

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

    “ฉันไม่ใช่พวกที่จะหลงคารมไอ้โรคจิตแบบแกง่ายๆนะโว้ย!!

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! นะ...น้อง..อนยะ...ยู  พี่...จะ เจ็บบบบบบ!!

    “เจ็บเหรอแต่แกจะได้เจ็บกว่านี้อีก”

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! น้อง  อน....ยู  พะ..พี่...ยะ  จะ....มี  ...ลูก อยู่นะ”

    “ถ้าแกอยากมีลูกและเ-สื-อ-กมายุ่งกับฉันทำไม  ฉันมีลูกให้แกไม่ได้หรอกโว้ย!!

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

    และผมก็ได้แค่นอนกอดน้องอนยูจริงๆไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าจูบบริเวณหน้าและแผ่นอกแต่น้องอนยูนี้สิ  นอกจะได้กอด ได้จูบผมแล้ว  น้องเขายังได้ทำความรู้จักกับน้องชายผมแบบใกล้ชิดซึ่งสามารถเรียกได้ว่า แหลกสลายคามือกันเลยทีเดียว

     

    -*********************************************-

    “555+ น้องเขาโ-ค-ต-รแน่เลยวะ  แกล้งเคลิ้มไปกับมึงก่อนจะจับหักคอทั้งพี่ทั้งน้อง คิดแล้วสยองแทน  กูเตือนมึงแล้วก็ไม่เชื่อ 555+”ทันทีที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้จงฟังจบ   มันก็หัวเราะซะแทบตกเก้าอี้  ดีนะที่น้องชายผมเจ็บอยู่ไม่อย่างนั้นผมจะกระโดดถีบขาคู่ให้ดู

    “เมื่อไหร่มึงจะหยุดหัวเราะ”ผมเอ่ยเสียงเข้ม

    “เออ เออ เออ กูไม่หัวเราะมึงแล้วก็ได้  ว่าแต่มึงจะเอายังไงต่อไปวะ  กูว่ามึงเปลี่ยนใจจากน้องอนยูเถอะ   เดี๋ยวมึงจะได้เป็นหมั่นโดยไม่ต้องพบแพทย์หรอก”

    “ไม่มีทาง  มาบีบน้องชายกูจนแทบไม่มีโอกาสได้หายใจต่อ  ชเว มินโฮ คนนี้ไม่ปล่อยง่ายๆหรอกโว้ย!! และไม่ว่ากูจะเป็นหมั่นหรือไม่เป็นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้วในเมื่อไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางท้องอยู่แล้วล่ะน่า”

    “นี้มึงกะไม่มีเมียใหม่เลยหรือไง”

    “ไม่”

    “ไอ้โฮ  ที่แท้มึงเป็นพวกซาดิสม์หรอวะ”ดูมันคิด

    “ไม่ใช่โว้ย!แต่กูกำลังจะหยุดแล้วต่างหาก   กูว่ามันถึงเวลาที่กูน่าจะเลิกเจ้าชู้ไปทั่วได้แล้ว         เหมือนมึงไงไอ้จง   มึงหยุดที่คีย์ส่วนกูก็จะหยุดที่น้องอนยู   ไม่เคยมีใครไม่ให้ความสนใจกูเท่ากับน้องเขาเลยนะเว้ย   กูชอบวะเขาไม่เสแสร้ง  ไม่มารยาทแบบคนอื่นๆที่กูเจอมา”

    “โหย~~ โคตรได้ใจอ่ะไอ้โฮ   มึงไปท่องมาจากนิยายเรื่องไหนเนี้ย”และไอ้เพื่อนปากปีจอก็วอนให้อวัยะเบื้องล่างมาเกยอยู่บริเวณหน้าของมันอีกระลอก

    “กวนตินขนาดนี้   อยากกินแทนข้าวมั้ย”

    “ล้อเล่นเฉยๆ  อยากเครียดดิวะ   ถ้าน้องอนยูได้ยินที่มึงพูดเมื่อกี้คงได้ใจเขามาบางแล้วล่ะ เอาเป็นว่ากูเอาใจช่วยก็แล้วกัน   ยังไงก็อย่าพึ่งท้อนะเว้ย!

    “เออ”

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ไม่ว่าผมจะถูกน้องอนยูด่า ว่า หรือทำรุนแรงกับผมแค่ไหนผมก็จะทน   ผมจะต้องได้น้องอนยูมาเป็นแฟนผมให้ได้   ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมแพ้   เอาใจช่วยผมด้วยจะครับ   ^[+++]^

     

    -*********************************************-

    เราจะลืมเรื่องของอีกคู่นึ่งในเรื่องไม่ได้นะครับ   คุณอยากรู้มั้ยว่าเขา 2คนทำอะไรกันบาง เดี๋ยวชเว มินโฮ จะไขความกระจ่างให้

    “ไอ้จง  มึงเล่าเรื่องของมึงกับคีย์ให้กูฟังบางดิ”ออกแนวหลอกถาม

    “บอกไม่ได้หรอกเว้ย   เรื่องส่วนตัว”

    “ไอ้จง  ทีกูยังบอกมึงหมดเลย”ออกแนวน้อยใจแกมประชด

    “เออ   บอกก็ได้...........เอาหูมา”

    “อู้มา  ข่อยสิฟัง”

    คีย์น่ะ..... โคตรหวานเลย

          จบข่าว

     

    END…………………………

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×