คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : STEP 2
STEP 2
COLOR
“นี่มินโฮ.. คนเราน่ะ จะรักกันไปได้ถึงเมื่อไหร่หรอ?”
แปดโมงสี่สิบห้า..
คีย์ยิ้มอย่างเบิกบานสำราญใจเมื่อมาถึงที่หมายก่อนเวลา เหลือเวลาอีกตั้งสิบห้านาที ไม่รู้ป่านนี้นายยิ้มยากจะตื่นหรือยัง คีย์มองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อลิฟต์ที่กดมาถึงแล้ว ประตูเปิดออกพร้อมกับมีคนเดินเข้าไปประมาณสามสี่คนทยอยเดินเข้ามา มือบางกระชับกระเป๋าสะพายข้างที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี
“..............................”
ภาพแผ่นหลังที่คุ้นตาที่โผล่ออกมจากลิฟต์ตัวข้างๆที่เพิ่งวิ่งลงมาทำให้คีย์ต้องขมวดคิ้ว
“ดะ..เดี๋ยวครับ”
คีย์รีบกดปุ่มเปิดประตูที่กำลังจะปิดลงแล้วแทรกตัวออกไปอย่างพอดิบพอดี
“นี่!”
คนตัวเล็กหอบแฮ่ก คนอะไรเดินเร็วเป็นบ้า ดวงตาสีน้ำตาลใสมองคนตัวสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีซีดๆและหมวกแก๊ปสีดำเข้าชุดอย่างขุ่นเคือง
มือเล็กที่คว้าแขนรั้งตัวอีกคนเอาไว้ตอนนี้กำลังเปลี่ยนเป็นเท้ามันเอาไว้เพื่อให้ตัวเองได้พักหายใจ ดวงตาสวยช้อนมองใบหน้าของอีกฝ่าย
“ชั้นบอกว่าจะมาหานายตอนเก้าโมงไม่ใช่หรือไงฮะ!!??”
มินโฮถอนใจพลางมองไปทางอื่นด้วยทีท่าเบื่อหน่ายและนั่นก็ยิ่งทำให้คีย์โมโหโทโสหนักกว่าเดิม
“นายไม่ใช่หรอที่ผิด มาทำท่าอย่างนี้ใส่คนอื่นได้ยังไงล่ะ!?”
“ปล่อย”
ดวงตาคมมองมานิ่งสนิทจนคีย์นึกหวาดหวั่นอยู่ในใจแต่ก็หายใจลึกๆเรียกความกล้าหาญ
จะต้องไปกลัวอะไรฮะคีย์ หมอนี่ก็แค่คนอวดดีคนนึงเท่านั้นแล่ะ!
“ไม่ปล่อย ชั้นจะไปกับนาย”
“แต่ชั้นไม่อยากไปกับนาย”
เสียงทุ้มตอบออกมาฟังชัดเจน คีย์ทำหน้ามุ่ยตุ้ย
“ชั้นไปทำอะไรให้นายไม่ชอบใจหรือไงถึงต้องกันท่ากันแบบนี้”
“เปล่า”
“แล้วทำไมนายถึงต้อง..”
“แต่ชั้นไม่ชอบหน้านาย”
คำพูดที่สวนออกมาทำให้คีย์ถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ ร่างบางอ้าปากตะกุกตะกักก่อนจะรีบวิ่งตามมินโฮที่ถือโอกาสนี้ในการเดินหนี
“ชั้นไปหน้าเหมือนศัตรูนายรึไง!??”
“นี่!”
ภาพที่สะท้อนมาสู่สายตาตอนนี้คือภาพของคนตัวเล็กๆสะพายกระเป๋าใบโตกำลังวิ่งวนอ้อมไปอ้อมมาข้างๆผู้ชายตัวสูงที่ซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้หมวกแก๊ปสีดำ ผมสีทองยุ่งไปตามแรงลม..
ราวกับแสงอาทิตย์สีทองอ่อนละมุนยามเช้าที่ทำให้เผลอยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว
“นี่..”
มินโฮเหลือบมองคนที่เอามือกระตุกชายแขนเสื้อเขายิกๆ คีย์ที่กำลังมองซ้ายมองขวามองสองข้างทางผ่านกระจกรถไฟ
“เรากำลังจะไปไหนกันหรอ?”
“...................................”
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันหน้ากลับไปสนใจหนังสือในมือตัวเองต่อแล้ว ดวงตาเรียวสอดส่องมองนอกไปนอกหน้าต่างพลางนิ่วหน้า
เสียงรถไฟดังฉึกฉัก ภาพวิวทิวทัศน์บ่งบอกว่าตัวรถกำลังแล่นออกนอกเมือง
ที่ไหนกันนะ..
“ตลอดไป..”
“ตลอดไปมันมีรึเปล่านะมินโฮ..”
สวย..
คีย์เดินตามมินโฮมาอย่างเชื่องช้าก่อนจะหยุดลงเมื่อร่างสูงวางกระเป๋าลงบนพื้นหญ้า ร่างบางเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆก่อนจะมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ ทีที่ทั้งคีย์และมินโฮนั่งอยู่เป็นเนินเขาเตี้ยๆที่มองลงไปด้านล่างจะเป็นภาพกว้างเป็นดอกไม้นานาพันธุ์สุดลูกหูลูกตา
“ที่นี่..ที่ไหนหรอ?”
เสียงหวานกระซิบถามเสียงเบา อาจจะเป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้เงียบสงบจนไม่อยากแม้แต่จะให้เสียงลมหายใจไปทำลายบรรยากาศที่กำลังลอยละล่องอยู่รอบตัว
เสียงกุกกักของคนที่กำลังหยิบกล้องปละอุปกรณ์ออกมาทำให้คีย์ต้องถอนใจ
ถามทำไมเนี่ยคีย์..
“สวนดอกไม้ของชั้น”
แต่เสียงทุ้มที่ดังลอดออกมาจากปากของคนที่ก้มหน้าก้มตาปรับกล้องก็ทำให้คีย์ต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ
สวนดอกไม้.. ของมินโฮ..?
แต่คนที่เพิ่งตอบคำถามก็ไม่ได้หันมาสนใจคนที่กำลังทำหน้าประหลาดใจอยู่ข้างๆ ร่างสูงลุกขึ้นปัดฝุ่นที่กางเกงก่อนจะสะพายกล้องเดินลงไปจากเนินที่กำลังนั่งอยู่
“นี่..”
คำเรียกที่เริ่มได้ยินจนชินหูทำให้คนที่กำลังเล็งเลนส์กล้องไปเพื่อหาจุดโฟกัสต้องเบนสายตาตัวเองกลับมามอง คีย์กำลังยืนยิ้มเผล่พร้อมกับชูกล้องที่ห้อยคอเอาไว้อยู่
“มีแต่นายถ่าย ดอกไม้มันคงเบื่อแย่ งั้นชั้นขอถ่ายด้วยนะ”
“..........................”
“นะ..”
“จะถ่ายก็ถ่ายไป อย่าพูดมาก”
พูดจบมินโฮก็หันหน้าตาเรียบเฉยของตัวเองไปทางมุมอื่นไม่ยอมสนใจคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“คนเรา..จะรักตลอดไปได้หรอมินโฮ?”
“โห สีชมพูสวย..”
เสียงของคีย์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบและเสียงกดชัตเตอร์ คนตัวเล็กหยิบจับดอกไม้สีชมพูอ่อนขึ้นมาพินิจดูด้วยความสนใจ
“มินโฮชอบสีอะไรหรอ?”
คีย์หันไปถามด้วยสีหน้าท่าทางใคร่รู้
“ไม่มี”
มินโฮตอบกลับเสียงเรียบพร้อมกับกดถ่ายภาพใบไม้สีเขียวอ่อนตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจจะหันมามองหน้าคนถาม
“คนอะไรไม่มีสีที่ชอบ”
“งั้น.. เอาสีที่รู้สึกผูกพันด้วยที่สุดละกัน”
“...............................”
เสียงกดชัตเตอร์ดังต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีเสียงตอบคำถามหลุดออกมาจากปากมินโฮ คีย์ละมือจากดอกไม้ที่ตัวเองชอบก่อนจะหันไปมองอีกคน
“ไม่มี..หรอ?”
“.......................................”
มินโฮยังคงตั้งใจกับการกดถ่ายภาพตรงหน้าเสียเหลือเกินจนคีย์ที่จับกล้องอยู่ในมือต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากัน
..แชะ..
เสียงที่ไม่ได้มาจากกล้องของตัวเองทำให้มินโฮชะงักไปก่อนจะหันมามองคนที่ทำเป็นหันไปถ่ายต้นไม้ใบหญ้าพลางนิ่วหน้า
“มองอะไรหรอ?”
“........................”
“นี่..”
“ถ่ายรูปให้หน่อย”
กล้องที่ไม่ใช่กล้องสำหรับทำงานแต่เป็นกล้องสีชมพูตัวเล็กๆถูกยื่นมาตรงหน้าของมินโฮ ร่างสูงก้มลงมองก่อนที่มันจะถูกยัดเข้ามาไว้ในมือของตัวเองอย่างถือวิสาสะ
แสงอาทิตย์เจิดจ้าทำให้คีย์ต้องดึงฮู้ดข้างหลังเสื้อแขนสั้นมาคลุมหัวเอาไว้ ร่างบางชูสองนิ้วเป็นท่าไม้ตายก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
ยิ้มที่เปล่งประกายเจิดจ้าแข่งกับแสงอาทิตย์..
ยิ้มที่ทำให้มินโฮเผลอยกกล้องขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เลนส์จับจ้องไปที่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ถือเอาว่าจุดนั้นเป็นจุดโฟกัส
ภาพของใครบางคนที่ซ้อนทับขึ้นมาจนแทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน
รอยยิ้มสดใสที่ทาบลงบนรอยยิ้มของอีกคน.. จนแทบสนิท
เหมือน..
เหมือน..
“เมื่อยแล้วนะ”
มินโฮกระพริบตาเมื่อเสียงของคีย์ดังขึ้น ร่างสูงรีบลดกล้องในมือลงทั้งๆที่ยังไม่ได้กดบันทึกก่อนจะก้าวฉับๆไปหาเจ้าของและยัดมันคืนใส่มือของอีกคนไป
“อะ..อ้าว บ่นแค่นี้ไม่ได้หรอเนี่ย??”
คีย์มองตามคนที่เดินขึ้นเนินไปตาปริบๆด้วยความงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจนตั้งรับไม่ทัน ร่างเล็กรีบเดินแกมวิ่งตามไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเก็บกล้อง
“นะ..นี่”
“..............................”
“นายโกรธอะไรชั้นหรอ?”
ยิ่งคีย์ถามก็ดูเหมือนมินโฮจะยิ่งเร่งความเร็วในการเก็บของเข้ากระเป๋ามากขึ้นเท่านั้น ร่างสูงยกสัมภาระขึ้นสะพายบนบ่าก่อนจะก้าวฉับๆของออกไปร้อนถึงคีย์ที่ยืนอ้าปากหวอต้องรีบเก็บกระเป๋าแล้ววิ่งตามไป
“ดะ...เดี๋ยว”
เสียงเรียกปนหอบดังขึ้นเมื่อขาเล็กๆสาวมาจนทัน
“เดี๋ยวก่อน”
มือเล็กคว้าแขนเสื้อของคนตัวสูงเอาไว้ก่อนจะรีบเอ่ยถาม
“นายเป็นอะไร?”
“......................................”
“........................................”
“นายกลับไปเถอะ”
“ทะ..ทำไมล่ะ??”
“ชั้นไม่อยากเห็นหน้านายอีก”
“.....................................”
“เข้าใจแล้วก็กลับไปซะ”
เสียงทุ้มเรียบสนิทเอ่ยเป็นประโยคสุดท้าย มินโฮหยิบหมวกแก๊ปสีดำขึ้นมาสวมก่อนจะดึงมาให้ต่ำลงมาปิดใบหน้าแล้วเดินออกไปทันทีที่พูดจบ
คีย์กระพริบตาปริบๆมองตามคนที่เดินห่างออกไปด้วยความรู้สึกที่พูดไม่ออก
ชั้น..
ไปทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือไง..
ไม่เข้าใจเลย..
เสียงฝีเท้าค่อยๆชะลอลงพร้อมๆกับเสียงถอนหายใจ มินโฮทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งสีขาวสะอาดตาแถวนั้นก่อนจะเอนหลังลงไปพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ
สายลมยามบ่ายพัดมาเบาๆปะทะเส้นผมสีดำสนิทให้ปลิวไหวน้อยๆ
ตั้งแต่ได้เห็นหน้าของคีย์ก็ดูเหมือนว่าหัวใจของเขามันจะปรวนแปรไปหมด ทั้งเสียงใสๆและดวงตาที่เปล่งประกายเวลาพูด..
มันทำให้เขาเกือบจะเผลอคิดทุกครั้ง..
“ดอกไม้สีฟ้าสวยจังมินโฮ..”
“ยอนฮวา..”
เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว.. คีย์นั่งหงอยอยู่บนม้านั่งใกล้ๆกับสวนดอกไม้ ร่างบางพ่นลมออกจากปากพลางก้มลงเล่นกับเล็บตัวเอง
ต่อจากนี้จะทำยังไงดี ในเมื่อเพื่อนร่วมงานพูดถึงขนาดนั้นแล้ว
คิดแล้วก็ยิ่งหงอยหนัก คีย์ใช้ปลายเท้าที่ห้อยลงมาจากเก้าอี้เตะดินแถวนั้นอย่างไม่รู้จะทำอะไร เริ่มจะเย็นเข้าไปทุกทีแต่ก็ยังไม่อยากจะกลับบ้าน คิมคิบอมเอนตัวลงพิงกับพนักม้านั่งพลางคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่สรุปแล้วมันก็วนกลับมาที่เรื่องเดิมคนเดิมอยู่ดี
..มินโฮ..
คีย์ถอนใจก่อนจะปิดตาลงเมื่อลมยามบ่ายพัดมาเบาๆ..
จะหกโมงเย็นแล้ว..
มินโฮไม่รู้ว่าตัวเองจะเดินกลับมาที่เดิมทำไม สวนดอกไม้นี่ไม่ใช่สวนดอกไม้ที่เขาเป็นเจ้าของหรอก เพียงแต่ว่ามันเป็นสวนที่เขาพบมันเมื่อประมาณสามปีก่อนแล้วก็ชอบมันมากจนเหมาเอาว่ามันเป็นของตัวเอง วันนั้นตอนเจ้าของสวนเห็นว่าเขาแอบเข้ามาเดินเล่นโดยไม่ได้รับอนุญาต มินโฮนึกว่าจะต้องเป็นเรื่องแล้ว แต่ก็โชคดีที่เจ้าของใจดีไม่เอาเรื่องแถมยังบอกให้เขาเข้ามาเดินเล่นหรือเห็บภาพถ่ายได้ทุกเมื่อที่อยากมา
ขายาวก้าวเดินมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้ว่าจะเดินไปไหน รู้แต่ว่าตัวเองกำลังเดินกลับมาทางเดิม รองเท้าผ้าใบคู่ใจเตะดินเตะฝุ่นไปเรื่อย พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปเลยเหลือแต่แสงสีส้มที่ทาบตัวอยู่บนท้องฟ้า
ลมเบาๆพัดมาอีกครั้งเมื่อขาของมินโฮหยุดการเคลื่อนไหว
คนตัวเล็กในชุดเสื้อแขนสั้นตัวโคร่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนม้านั่ง เส้นผมที่โผล่พ้นฮู้ดที่เจ้าตัวเองดึงเอามาคลุมหัวเพียงเล็กน้อยบ่งบอกว่ามันเป็นผมสีทองสว่าง
ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คีย์รู้สึกตัว ร่างน้อยขยับขยุกขยิกก่อนจะยันตัวเองให้นั่งตรงๆ มือเล็กขยี้ตาอย่างง่วงงุนก่อนที่จะชะงักไปเมื่อเห็นใครบางคนอยู่ในระยะสายตา
“นายมินโฮ..”
คีย์ระบายยิ้มกว้างด้วยแววตาเป็นประกายก่อนที่มันจะค่อยๆเจื่อนลงไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉย
มินโฮยืนนิ่งตอนที่คีย์ลุกขึ้นมาเอากระเป๋าสะพายบนไหล่เล็กๆของตัวเองพลางรีบเอ่ยอธิบาย
“อะ..เอ่อ ชั้น.. ชั้นกำลังจะไปแล้วล่ะ”
คีย์หันกลับไปอย่างเก้ๆกังๆเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ทำหน้าเฉย ร่างบางกัดปากอย่างนึกเจ็บใจที่ตัวเองทำท่าราวกับว่ากลัวอีกคนจะโมโห
“กลับเองเป็นหรือไง?”
คนที่กำลังบ่นพึมพำหยุดค้างพลางกระพริบตาช้าๆหันไปมองคนที่ยืนอยู่เยื้องไปข้างหลังอย่างประหลาดใจ แต่มินโฮจับหมวกให้เข้าที่ก่อนจะเริ่มออกเดินแซงหน้าไปทิ้งให้คนตัวเล็กประมวลผลในคำพูดก่อนที่รองเท้าผ้าใบคู่เล็กกว่าจะรีบออกเดินแล้วก้าวให้เร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่งเมื่อเห็นว่ามินโฮเริ่มห่างออกไป
คีย์ยิ้มแป้นเมื่อวิ่งตามมาทัน ร่างเล็กค่อยๆผ่อนจังหวะก่อนที่เท้าทั้งสองคู่จะก้าวเป็นจังหวะไปพร้อมๆกัน
ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงหัวใจเต้นเบาๆ..
“แล้วนายหายโกรธชั้นแล้วหรอ?”
คนที่กำลังเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์ตุ้ยๆเหลือบตาขึ้นมามองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ มินโฮปรายตามามองทีหนึ่งก่อนจะหันกลับไปทางเดิมโดยไม่ได้ตอบคำถาม
คีย์นิ่วหน้าก่อนจะก้มลงงับอาหารในมือคำต่อไป
คนประหลาด..
แต่ถึงอย่างนั้น..
ดวงตาเรียวเหลือบมองคนตัวสูง
ถึงอย่างนั้น..
อะไรๆก็น่าจะดีขึ้นใช่มั้ย?
“งั้นชั้นกลับก่อนนะ”
“อืม..”
คีย์โบกไม้โบกมือลา
“พรุ่งนี้จะมาหาตอนเก้าโมงเหมือนเดิมนะ”
“..............................”
“อย่าหนีไปเหมือนวันนี้ล่ะ”
คีย์เหล่มองด้วยสายตาไม่ไว้ใจก่อนจะล่ำลาอีกรอบแล้วเดินแกมวิ่งออกไป มินโฮมองตามแผ่นหลังเล็กๆและหมวกข้างหลังเสื้อที่กระดกขึ้นลงตามจังหวะการวิ่งก่อนจะหันกลับไปในทิศทางที่ตัวเองต้องเดิน
ประตูห้องปิดลงเบาๆ..
มินโฮเดินเหนื่อยๆเข้าไปในห้องนอนก่อนจะวากระเป๋าแล้วทิ้งตัวลงบนฟูกสีขาวอย่างเมื่อยล้า ใบหน้าคมเอียงไปทางด้านซ้าย ดวงตาคมมองลิ้นชักชั้นบนสุดนิ่งๆก่อนจะตัดสินใจลุกเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
เสียงเข็มนาฬิกาดังไปตามจังหวะที่เวลาค่อยๆหมุนไป มือใหญ่เอื้อมไปดึงลิ้นชักนั้นออกมาช้าๆ
กรอบรูปที่นอนคว่ำอยู่ในนั้นถูกเอาออกมาอย่างทะนุถนอม
ในที่สุดมันก็ถูกหงายขึ้นเผยให้เห็นรูปของหญิงสาวตัวเล็กผิวขาวจัด ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใสยามที่ริมฝีปากอ่อนบางนั้นส่งยิ้มกว้างมาให้คนที่ยืนดูรูปนั้นอยู่
มินโฮมองภาพนั้นเนิ่นนานก่อนจะค่อยๆใช้นิ้วไล้ไปตามโครงหน้าสวยของคนในภาพ
ยอนฮวา..
รักครั้งแรก..และผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับคำว่ารัก ดวงตาคมอ่อนแสงลงเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มอ่อนหวานของคนในรูป
“ชั้นเจอ.. คนที่เหมือนเธอมากๆเลยนะ”
“เค้ายิ้มเก่งแล้วก็พูดมากเหมือนเธอไม่มีผิด”
เสียงทุ้มพูดพลางหัวเราะน้อยๆราวกับว่าคนในภาพจะได้ยิน
“ตัวเล็กเหมือนเธอ.. ผิวขาวเหมือนเธอ.. ตาก็สวยเหมือนเธอ..”
“เหมือนจนชั้นตกใจเลยรู้มั้ย..”
มินโฮหัวเราะตัวเองก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ความเงียบพาความคิดไปถึงใครบางคน
ใครบางคน..
ที่อยู่ในหัวใจตลอดมา..
“ยอนฮวา..”
TBC.
ความคิดเห็น