คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Word One : Belive in you..
ข่าวการยุติสัญญาของคริสหรืออู๋อี้ฟ่านหลีดเดอร์วงบอยแบนด์ชื่อดังของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งเกาหลีอย่าง exo สร้างความตื่นตระหนกไปยังแฟนคลับทั่วโลก เกิดการถกเถียงกันอย่างหนักถึงสาเหตุของการลาออกของตุ้ยจางของวงทางโลกโซเชียล แฟนคลับถูกแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายทั้งฝ่ายที่ยังเชื่อมั่นในตัวลีดเดอร์ของวงและฝั่งที่ประนามการกระทำที่แลดูเห็นแก่ตัวของเจ้าตัวในเรื่องนี้ ข่าวลือมากมายถูกปล่อยออกมาหลังจากนั้นไม่นาน
คริสหายตัวไปจากวงการสื่อไม่มีใครพบเห็นหรือได้ยินข่าวคราว ไม่มีใครรู้ที่อยู่ที่แน่นอนของเขาบ้างก็ว่ายังอยู่จีนแผ่นดินใหญ่ บ้างก็ว่ากลับไปยังแผ่นดินแม่ที่แคนาดา ช่องทางติดต่อทางโซเชียลของเขาอัพเดตครั้งสุดท้ายหลังเกิดเหตุเพียงสองวัน ข้อความที่กล่าวว่า เขาสบายดี
ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการจากไปอย่างกระทันหันของเขา มีเพียงคำถามที่เกิดขึ้นในใจของทุกคนถึงสาเหตุที่แท้จริงของการจากไปและคำถามที่ว่า คริสไปไหน?
.
.
.
.
ท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์
นัยน์ตากลมโตของลู่ฮานมองไปรอบๆบริเวณท่าอากาศยานอย่างตื่นตาตื่นใจ รอบบริเวณเต็มไปด้วยชาวต่างชาติที่หน้าตาแตกต่างไปจากชาวเอเชียโดยสิ้นเชิง ส่วนสูงของลู่ฮานที่ถ้าอยู่ที่ปักกิ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติค่อยไปทางสูงเล็กน้อย แต่เมื่อพอเทียบกับคนที่นี่เขากลับเทียบได้เพียงกับแค่เด็กวัยกำลังโตคนหนึ่งเท่านั้น ถ้านับกันตามตรงนี่ถือเป็นครั้งแรกของเขาเลยทีเดียวที่ได้ออกนอกเขตประเทศโซนเอเชีย
มือบางกระชับมือของน้องสาวที่อยู่ข้างกันแน่น ก่อนจะหันไปมองหน้าน้องสาวที่กลายสภาพเป็นคนแคระไปอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่แน่ใจเลยว่าถ้าอยู่ดีๆหันมาอีกทีลู่หลานหายไปเขาจะต้องไปตามหาที่ไหน หรืออย่างไร และเขาคงทำได้แต่เรื่องโง่ๆอย่างการที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้รอให้ลู่หลานเห็นคนมุงกันเยอะๆแล้วเดินกลับมาหาเอง อ่า...แต่ยังไงก็ช่วยลืมความคิดนั้นไปเถอะ เพราะตอนนี้ลู่หลานยังคงยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างสงบเสงี่ยม ซึ่งถึงแม้มันจะดูผิดวิสัยไปบ้าง แต่สำหรับตอนนี้มันนับว่าเป็นเรื่องดีรองจากการที่ท่าอากาศยานนี่อยู่ที่ริชมอนด์เลยทีเดียว
ใช่แล้ว เมื่อเป้าหมายของเขาและลู่หลานคือริชมอนด์ เมืองนอนของคริสไอดอลขวัญใจของเธอนั่นเอง
“ลู่เก่อ เราจะไปหาพี่คริสกันตอนไหนคะ”
ลู่หลานเอ่ยถามขึ้นครั้งแรกในรอบวัน หลังจากที่เขาพาสัมภาระและตัวเองยัดเข้ามาในรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่จองไว้ได้อย่างเรียบร้อย
“ไว้เก็บของไว้ที่ห้องพักเสร็จเก่อจะพาเราไปเอง...รพ.นั่นไม่ห่างจากโรงแรมเราเท่าไหร่”
ลู่หลานยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอนหัวมาซบบ่าคนเป็นพี่ชายแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาลง ลู่ฮานรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการจะพักสายตาระหว่างเดินทางไปยังที่หมาย เขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วจับศีรษะของลู่หลานให้พิงไหล่เขาได้สบายขึ้น มือบางไล้ไปตามใต้ตาที่ขึ้นสีคล้ำจางๆของคนเป็นน้อง ลู่ฮานไม่รู้ว่าช่วงสองสามวันก่อนการเดินทางนี้ลู่หลานนั่งทำอะไรดึกดื่นเกือบทุกคืน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องเข้าไปจู้จี้หรือจุกจิกกับน้อง ตราบใดที่การกระทำนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือเลวร้ายอะไร แล้วที่สำคัญเขาเองก็วุ่นๆอยู่กับการจองตั๋ว จองที่พักและศึกษาเส้นทางการเดินทาง เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาด อย่างเรื่องหลงทางนั้นเกิดขึ้นได้น้อยที่สุด ถึงเขาจะเหนื่อยอยู่บ้างแต่จากการที่ได้งีบพักบนเครื่องนั้นก็ชาร์จพลังงานให้เขาได้พอดู
แต่การจองตั๋วเดินทางในระยะเวลาอันประชิดจวนตัวนั้นก็ทำให้ไม่มีที่ว่างมากพอที่จะทำให้เขาและลู่หลานได้นั่งติดกันทำให้บางทีก็อดที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาชะเง้อคอมองลู่หลานที่นั่งแถวหน้าเลยขึ้นไปอีกสามแถวไม่ได้ ถึงจะอยู่บนเครื่องก็เถอะ ยังไงเขาก็ไม่พร้อมจะไว้ใจอะไรตอนนี้ทั้งนั้น และลู่หลานเองก็คงจะกังวลใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย จนทำให้เกือบจะตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องนั้น เขาแทบไม่เคยเห็นน้องสาวตัวเองเอนเบาะนอนเลย
.
.
.
.
.
อึ้ง!!
บอกเลยว่าอึ้งมากๆ!
คนที่กำลังพ่นภาษาอังกฤษไฟแล่ปอยู่ตรงนั้นคือสาวน้อยแซ่ลู่ ชื่อหลานจริงๆหรือเปล่า ลู่ฮานได้แต่กระพริบตามองน้องสาวตัวเองที่กำลังพ่นภาษาอังกฤษใส่เจ้าหน้าที่พยาบาลตรงส่วนอินฟอเมชัน ถ้าให้เขาเดาจากท่าทางและบทสนทนาที่พอจะเข้าใจนิดหน่อยคงได้ความว่าลู่หลานถามถึงใครสักคน(ซึ่งก็คงจะคือคริสนั่นแหละ) แล้วพยาบาลก็กำลังจะให้คำตอบกับเธอ ถ้าไม่ใช่ว่ามีพยาบาลที่ดูอาวุโสกว่าออกมาห้าม...หล่ะมั้ง และในขณะที่ลู่ฮานกำลังมองดูลู่หลานที่ใช้ภาษาต่างดาวถกเถียงกับพยาบาลที่มีอายุมากกว่าอย่างเพลิดเพลิน? ก็ถึงกับต้องสะดุ้งเมื่อคนที่กำลังมอง เดินกระทืบเท้าหันกลับมา แล้วตรงดิ่งเข้าซบที่อกเขาซะงั้น
“ลู่เก่อ ลู่เก่อ..ยัยป้านั่นไม่ให้ลู่หลานไปหาพี่คริส”
ลู่ฮานเกือบจะหลุดขำออกมาแล้วเชียวกับท่าทางของน้อง ถ้าไม่ติดว่าดวงตาของลู่หลานที่เงยขึ้นสบตาเค้านั้นมีสีแดงระเรื่อย ดวงตากลมโตหันไปมองยังเคาท์เตอร์ที่ลู่หลานพึ่งเดินจากมา พยาบาลสูงวัยคนนั้นยังคงจ้องมายังพวกเขาสองพี่น้องอยู่ คนเป็นพี่ค้อมหัวให้หญิงสูงวัยตามมารยาทก่อนจะจูงมือน้องน้อยออกมาเงียบๆ
เธอมาเสียเที่ยวสินะครั้งนี้...
ได้แต่คิดแล้วก็คอตกก้มหน้าก้มตาเดินตามคนจูงออกไปยังนอกอาคาร ลู่หลานเริ่มสูดน้ำมูกแรงขึ้น เมื่อระยะห่างระหว่างตัวเองกับอาคารไกลออกมาเรื่อยๆ ปกติเธอไม่ใช่คนขี้แยหรืออะไรร้องไห้แทบจะนับครั้งได้เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นเรื่องของพี่คริสไอดอลคนโปรด เธอถึงกับจะต้องรู้สึกเสียใจขึ้นมาหากทำอะไรไม่ได้ มันอาจเพราะเป็นความรู้สึกแบบแฟนคลับหล่ะมั้งที่ต้องห่างไกลจากคนที่ตนชื่นชอบไปแบบไม่ทันจะได้ตั้งตัว พอคิดได้ดังนั้นทำนบน้ำตาก็เหมือนจะพังลงเสียให้ได้ และอาจจะเป็นเพราะกำลังคิดอะไรตีกันวุ่นวายในหัวไปหมดจนไม่ทันสังเกตุว่าคนที่จับจูงเธอมาตลอดทางกำลังลดความเร็วของฝีเท้าลงก่อนจะหยุดนิ่ง ร่างเล็กๆของลู่เก่อค่อยๆหันกลับมา ก่อนจะย่อเข่าลงเล็กน้อยให้ระดับสายตาตรงกัน
“เค้าไม่ให้เข้าดีๆ งั้น...เดี๋ยวคืนนี้เรากลับมาแอบเข้าไปกันดีไหม”
ลู่ฮานฉีกยิ้มให้คนที่ตัวเล็กกว่าอย่างนึกสนุก เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กสาวที่กำลังจะแบะปากปล่อยโฮอีกรอบถึงกับเบิกตามองความคิดของพี่ชายตัวเอง ใบหน้าหวานพยักหน้ารัวๆ แล้วยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดใบหน้า ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้อย่างน่ารัก ตอนนี้ลู่หลานคงคิดได้อย่างเดียวว่าเธอคิดถูกจริงๆที่บอกลู่เก่อให้พามาในคราวนี้ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่เธอแอบนอนร้องไห้อยู่ที่ปักกิ่งนั่นแหละน่า!
เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมันไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ มันคงเป็นการรบกวนชีวิตส่วนตัวของพี่คริสอย่างที่พวกซาแซงชอบทำ แต่สิ่งที่เธอต้องการจริงๆแล้วในการมาครั้งนี้มีเพียงได้มองหน้าของไอดอลขวัญใจ แล้วบอกกับเขาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังมีเธอและแฟนคลับอีกหลายๆคนคอยให้กำลังใจเขาอยู่ ลู่หลานไม่ต้องการให้เขาต้องรู้สึกเหมือนยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางกระแสโจมตีต่างๆนาๆ ตอนนี้เธอหวังแค่ว่าขอให้เขาหายดี มีชีวิตอย่างมีความสุข อยู่บนส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ก็พอ ไม่ว่าจะในฐานะของคริสลีดเดอร์ของวงบอยแบนด์ชื่อดังหรืออู๋อี้ฟานคนธรรมดาเธอกับแฟนคลับอีกหลายคนทั่วโลกก็พร้อมจะยืนข้างเขาไปจนสุดทาง....
ลู่ฮานไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือผิดที่ตัดสินใจกลับมายังโรงพยาบาลแห่งนี้อีกครั้งในเวลาสี่ทุ่ม ดวงตากวางกวาดมองไปรอบๆบริเวณที่ดูวังเวง ก่อนจะหันกลับมามองยังคนข้างกายที่กำลังยืนกัดเล็บอยู่ด้วยความประหม่า หลังจากการสืบสาวราวเรื่องฆ่าเวลาอยู่ในห้องโรงแรมลู่ฮานก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ลู่หลานทำอยู่หลายค่ำคืนติดต่อกันคือการฝึกบทสนทนาภาษาอังกฤษเพื่อเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นอย่างเมื่อตอนกลางวัน เขายังจำได้ถึงสีหน้าและประโยคของลู่หลานที่ตอบกลับมาว่า
‘น้องสาวพี่ไม่ได้โง่นะ แค่การศึกษามันบังคับให้โง่ตังหาก’
อ่ะจ๊ะ ลู่ฮานถึงกับสตั๊นไปกับประโยคนั้นสามวิ
“แผนกผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่ตั่งแต่ชั้น 5-8 ใช่ไหม”
“ค่ะ...เพราะพี่คริสไม่น่าอยู่ห้องรวม”
“เก้อจะไล่ขึ้นไปจากชั้น5 ส่วนเม่ยเม่ยไล่ลงมาจากชั้น8 หล่ะ...ถ้าหากันไม่เจอให้ไปเจอกันที่สวนสาธารณะตรงข้ามโรงแรมตอนเที่ยงคืนนะ เม่ยเม่ยจำทางได้ใช่ไหม...”
ลู่หลานพยักหน้าเข้าใจ นั่นทำให้ลู่ฮานมั่นใจได้ว่าอย่างน้อยปฎิบัติการในครั้งนี้จะไม่มีเหตุการณ์เพลินจนลืมเวลา จนต้องขอร้องให้หน่วยรักษาความปลอดภัยค้นหาใครคนใดคนหนึ่งให้เป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งแน่นอนว่าลู่ฮานภาวนาให้มันเป็นความโชคร้ายอย่างสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในทริปนี้
อ่า..ไม่รวมเรื่องที่ลู่หลานอาจจะหลงกับเค้าหล่ะนะ
.
.
.
.
.
หลังจากไปส่งลู่หลานที่ชั้น8ด้วยความเป็นห่วงว่าจะมีพยาบาลเวรที่จำหน้าพวกเขาได้จากเหตุเมื่อกลางวันพบเจอ จนต้องถูกระเห็จออกไประหว่างทางตั่งแต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มหา ซึ่งตอนนี้ลู่ฮานก็เลือกที่จะใช้บันไดหนีไฟในการลงจากชั้น8มายังชั้น5 แทนที่จะใช้ลิฟต์แบบเมื่อครู่ที่เสี่ยงกว่าและที่สำคัญคือ น่ากลัวกว่ามากกกก...ลิฟต์โรงพยาบาลตอนกลางคืนเป็นอะไรที่ไม่น่าพิศมัยจริงๆให้ตายเถอะ ลู่หลานแอบหัวเราะเขาทุกครั้งที่ลิฟต์เปิดตามชั้นต่างๆแล้วปฎิกิริยาโง่ๆที่ร่างกายของเขาแสดงออกมาคือการสะดุ้ง มันน่าอายมากกับการที่โดนดันให้ไปชิดผนังลิฟต์ด้านในแล้วมีน้องสาวคอยยืนอยู่ข้างหน้าเหมือนจะปกป้องเขา หากมีสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
ลู่ฮานได้แต่ถอนหายใจไปตามทางเดินหน้าห้องพักผู้ป่วยที่แลดูวังเวงพิกลๆ เดินสลับฝั่งซ้ายขวามองดูป้ายชื่อหน้าห้อง หาชื่อของไอดอลขวัญใจลู่หลาน ลู่ฮานกำลังรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นสายลับ ทุกครั้งที่เขาเดินเสร็จฝั่งหนึ่งเขาก็ต้องรอให้พยาบาลเวรที่อยู่ตรงเคาท์เตอร์กลางถูกเรียกตัวหรือก้มลงทำงาน เพื่อจะได้ค่อยๆย่องหลบไปยังปีกอีกฝั่งนึงของตึก เวลาห้าทุ่มสิบห้าในตอนนี้และเขาที่อยู่ชั้น7 ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของลู่หลาน ดูท่าว่าลู่หลานอาจจะแจ็คพ็อตไปตั่งแต่ตอนต้นๆเสียแล้วหล่ะมั้ง
ติ๋ง!
เสียงลิฟต์อันคุ้นเคยดังขึ้นท่ามกลางความสงบเงียบของชั้น7 ก่อนจะตามด้วยแสงสว่างที่สาดส่องออกมาจากด้านในอย่างช้าๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากให้เสียเวลาขาเล็กก้าวถอยหลังทันทีโดยอัตโนมัติ ก่อนจะออกตัววิ่งให้เงียบที่สุด ไวเท่าความคิดลู่ฮานตัดสินใจเลี้ยวเข้าห้องว่างที่อยู่ใกล้ที่สุดที่ตนพึ่งเดินผ่านมาเมื่อครู่ ป้ายไร้ชื่อหน้าห้องช่วยบ่งบอกให้เขารู้ว่ามันอาจใช้เป็นที่หลบภัยชั่วคราวได้
คนตัวเล็กหอบหนักยิ่งกว่าพึ่งผ่านศึกวิ่งมารธอนมา แก้มใสแนบไปกับประตูพยายามฟังเสียงของคนด้านนอกหัวใจเต้นรัวยิ่งกว่ากลองศึกเหงื่อกาฬไหลลงมาตามไรผมข้างแก้ม เมื่อแน่ใจว่าไม่น่าจะมีสิ่งใดเข้าใกล้ห้องนี้ในเร็วๆนี้จึงพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อทุกอย่างเริ่มสงบลงในความคิดความวังเวงก็กลับมาคุกคามหัวใจดวงน้อยๆให้สั่นไหวอีกครั้ง แผ่นหลังพลันรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างช่วยไม่ได้ ลู่ฮานอยากจะเชื่อว่าเพราะเขาวิ่งมาทำให้เหงื่อออกพอโดนอากาศยามค่ำคืนเข้าก็เลยต้องรู้สึกเย็นขึ้นเป็นธรรมดา อยากจะเชื่อแบบนั้นจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมายังแผ่นหลังของเขา คนที่โดนมองมาเกือบทั้งชีวิตอย่างนายฮาน แซ่ลู่ รู้ดีถึงความรู้สึกนี้
อยากจิครายเป็นภาษาปักกิ่ง....ฮื่อออออ ลู่หลานกลับมาช่วยลู่เก่อของลื้อด้วย *ส่งสติกเกอร์ร้องไห้รัวๆไปทางโทรจิต
คนตัวเล็กตัดสินใจค่อยๆหันมายังด้านในของห้อง แผ่นหลังบางเบียดเข้าชิดจนแทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับบานประตู ลู่ฮานหลับตาปี๋พยายามเอามือกุมที่ระหว่างอกเสื้อทั้งๆที่ไม่มีอะไรห้อยอยู่ เมื่อรวบรวมสติได้เท่าที่ควรเปลือกตาบางจึงค่อยๆหรี่ขึ้นมองไปยังทิศทางที่เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นเตียง
ลู่ฮานคิดว่าตัวเองกำลังจะได้แอดมิตเข้าโรงพยาบาลนี้ ไม่สิอาจจะได้ชาปณกิจที่นี่เลยด้วยซ้ำ!.....ถ้าบางสิ่งที่นั่งมองเขาจากบนเตียงนั้นไม่ใช่คน!!!!
“ค่ะ...คะ คน เอ้ย! H…Human or Ghost” ลู่ฮานรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นลม แข้งขาพาลจะสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
อาป๊า อาม๊า เสี่ยวลู่ขอโทษที่ยังไม่ทันจะได้ทนแทนบุญคุณ ก็ต้องมาด่วนจบชีวิตอยู่ที่ต่างแดน ลู่หลานอ่า...น้องจะรู้ไหมว่าเก่อเปลี่ยนมาเก็บตั๋วเดินทางขากลับไว้ในช่องลับของกระเป๋าเดินทางแทนกระเป๋าเป้แล้วนะ มีแผนที่เดินทางไปสถานทูตแนบอยู่ในนั้นด้วย แล้วถ้ากลับปักกิ่งได้แล้วอย่าลืมมาพาร่างเก่อกลับปักกิ่งด้วยหล่ะ เก่อพูดกับผีที่นี่ไม่รู้เรื่องเก่อเหงา
“Human…” เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาช่วยหยุดความคิดของลู่ฮานได้ทันทียิ่งกว่าตอนเผลอเตะปลั๊กไฟทีวีตอนดูบอลนัดสำคัญแล้วจอดับ คนตัวเล็กมองร่างของสิ่งปริศนาในความคิดอย่างชั่งใจก่อนจะค่อยๆขยับเดินก้มหน้าก้มตาสาวเท้าเข้าไปใกล้เตียงมากขึ้น
ไม่ไว้ใจอ่ะ เกิดหลอกให้ตายใจแล้วมาอีกทีหน้าเละนี่ ลู่ฮานจะไม่ทนนะบอกเลย...จะช็อคตายแล้วตามไปกระทืบให้ดู!
“ข...ขอ touch ได้ไหม” ไม่ต้องรอคำตอบ นิ้วชี้ที่แอบสั่น อันที่จริงไม่อ่ะ...เพราะมันสั่นโคตรๆถูกยื่นออกไปจิ้มเข้ากับต้นแขนของร่างตรงหน้า
.
.
.
.
.
.
อุ่น...
ระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งอก นิ้วที่จิ้มอยู่ในคราแรกก็เปลี่ยนมาแตะๆสัมผัสไปทั่วแขนของสิ่งที่มั่นใจแล้วว่ามีชีวิต นัยน์ตากวางช้อนขึ้นมองใบหน้าของเจ้าของแขนที่ตนสัมผัสอยู่ถึงกับต้องชะงัก แสงไฟจากระเบียงที่ถูกเปิดทิ้งไว้เพื่อให้แสงบางเบายามค่ำคืนส่องลอดเข้ามาระหว่างรอยกั้นของผ้าม่านช่วยให้ลู่ฮานมองเห็นคนตรงหน้าได้ชัดขึ้นกว่าคราแรกที่ยืนอยู่ตรงประตู ลู่ฮานไม่สามารถหาคำใดมาบรรยายถึงคนที่อยู่ตรงหน้าได้นอกจากคำว่าหล่อ และหล่อมาก ไหนจะนัยน์ตาคมที่จ้องตอบกลับมาทำเอาลู่ฮานลอบกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว แต่พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่ายอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคขนาดอันเท่าของเล่นเด็กที่มีปุ่มสีแดงๆที่เห็นได้ชัดแม้ยามแสงน้อยเล่นเอาอารมณ์จะชื่นชมคนตรงหน้าถูกดูดหายวั๊บไปทันตา คนตัวเล็กรีบเอี้ยวตัวไปแตะมือหนาก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ
“โนว! โนวๆๆๆๆ แอม อ่ะกู๊ดบอย..โนแดนเจอรัส ไม่คิลยูนะเบเบ๊ ด้อนท์ กด ขอร้อง พลีสสส” นัยน์ตากวางเงยมองคนตรงหน้าอ้อนวอนอย่างสุดฤทธ์ ภาษาอังกฤษผสมภาษาจีนพากันมั่วออกมาจากริมฝีปากบางอย่างรีบเร่ง
“M….My name is Luhan. am come from Beijing อ่ะ..อ่า ไชน่าอ่ะ ไชน่า ยูโนว? แอม 21 year old ,Nice to meet you…” ลู่ฮานสาบานได้ว่าแค่แนะนำตัวหน่ะเขาทำได้ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้สมองน้อยๆของเขากลับคิดอะไรไม่ออก มันเอาแต่สั่งให้พ่นออกไป พูดอะไรก็ได้ที่ทำให้ความน่าสงสัยในตัวของเขาดูน้อยลง ซึ่งดูจากท่าทีแล้วมันคงแลดูแต่จะเพิ่มขึ้น ดวงตากลมโตเงยสบกับคนตรงหน้าพยายามแสดงออกถึงความจริงใจและเป็นมิตรสุดฤทธิ์สุดเดช เคยมีคนบอกว่าดวงตาของลู่ฮานหน่ะกลมโตและดูใสซื่อสุดๆเหมือนกวางน้อยสมชื่อ ตอนนั้นเขาค้านเสียยกใหญ่เพราะฟังยังไงมันก็แลดูจะกระเดียดไปทางชมผู้หญิงขนาดนั้น แต่ตอนนี้ลู่ฮานได้แต่หวังว่าตาของเขามันยังจะพอมีไอสิ่งที่เรียกว่าความบ๊องแบ๊วและใส่ซื่อหลงเหลืออยู่บ้าง
“Luhan?”
“y...yes L-U-H-A-N Luhan” ลู่ฮานว่าพลางพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น เขารู้สึกดีที่คนตรงหน้าไม่ได้มีสีหน้าหวาดกลัวหรือหวาดระแวงเขาเท่าที่กลัวในคราแรก และดูเหมือนว่าจะเข้าใจกับภาษาอังกฤษขาดๆเกินๆของเขาอยู่บ้าง
“อ่า...ว้อดยัวเนม”
“My name’s Kevin, nice to meet you too…Luhan”
“โอเค ทีนี้เรารู้จักกันแล้วนะ โนว...สแตนเจอร์แล้วนา”
เสียงทุ่มตอบกลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้เจ้าของมือเล็กคว้ามือของอีกคนมาเขย่าๆอย่างยินดี ริมฝีปากบางวาดรอยยิ้มขึ้นอย่างน่ารัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายนึงที่พึ่งรู้จักกันหรือให้ถูกก็คือถูกบังคับให้รู้จักกันมากเกินไปก็ตอนที่รู้สึกว่าตัวเองขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงนั่นหล่ะ ลู่ฮานกระวีกระวาดไต่ลงจากเตียงแทบไม่ทัน จนหน้าเกือบจะขมำลงกับพื้น เดือดร้อนเจ้าของห้องต้องช่วยพยุงลงอีก
อาย..อับอาย อับอายมากกก ฮื่ออออ ลู่ฮานคนบ้า นายทำตัวเหมือนพวกตาแก่ขี้ฉวยโอกาสเลยอ่ะ
“Luhan, what are you doing here?”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นกับคำถามที่ได้รับ ดวงตากลมโตมองสลับไปมาระหว่างนัยน์ตาคมดุของคนตรงหน้าที่จ้องมองมาสลับกับมือตัวเองที่ขยับยุกยิกอยู่แถวบริเวณชายเสื้อ ลู่ฮานกำลังรู้สึกว่าตัวเองน่าจะเป็นลมไปตั่งแต่ที่หน้าประตู ไม่ก็ตกลงมาหัวฟาดพื้นตั่งแต่เมื่อกี้ จะได้ไม่ต้องมาตอบคำถามที่ชวนให้เขารู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ
จะบอกไปได้ยังไงเล่าว่าพาน้องสาวตัวเองมาหาผู้ชาย!
เรื่องราวหลังจากนี้จะเข้าสู่ช่วงสำคัญช่วงแรกแล้วนะคะ
ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรติชมกันได้ ช่วงนี้หน่วงเบาๆ
ใช้ฟิคเป็นตัวแทนค่ะ 555
เรามีแทคแล้วนะ ประเด็นคืออยากลองค่ะ #มดวคล
ส่วนอยากทักทายหรืออย่างไร ได้ที่ทวิต @xi_xiwang พึ่งเล่นถ้าทำอะไรไม่เป็นรอนิดนะคะ
Ps.2 ลู่ฮานไม่ได้เจอพี่คริสค่ะ แต่ได้เจอคุณเคลวินแทน555 ไรต์ไม่ไโกหกนะ
ความคิดเห็น