ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หนังสือเปลี่ยนแปลงชีวิต จริงหรือ ?
วันศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕
สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน ผมจะมาขอแนะนำหนังสืออาจเป็นหนังสือในหลายๆแนวด้วยกัน ก่อนอื่นเลยขอเปิดประเดิมด้วยหนังสือเป็นภาษาไทย ภาษาบ้าน ฮัดช่า !!
1.อัจฉริยะสร้างได้ ของคุณหนูดีวนิษา เรซ
2.เรียน 9 ได้ 10 เก่งอังกฤษขั้นเทพ ของคุณพักวอนฮีและ คุณวิทิยา จันทร์พันธ์ แปล
สองเล่มข้างบนเหมาะกับเพื่อนๆ ที่อยู่ใน ม.ต้น และ ม.ปลายครับ ถ้าถามว่าอ่านแล้วได้อะไรจากหนังสือ สำหรับผม ขอบอกได้เลยว่าเพื่อนๆสามารถเรียกผมได้เลยว่า "โนบิตะ" ทำไมกันนะหรือ ? เพราะผมไม่ต่างอะไรกับโนบิตะเลยนะสิครับ แต่พอเมื่อได้มาอ่านหนังสือสองเล่มที่ว่ามานี้ทำให้ผมเข้าใจความหมายของคำว่า "หนังสือเปลี่ยนแปลงชีวิต" แต่ถ้าหากผมอ่านอย่างเดียวแต่ไม่ทำความเข้าใจและมาประยุคต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัว ต่อให้เป็นหนังสือเขียนดีราคาแพงเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถที่จะเปล่ียนแปลงชีวิตผมได้
แต่แล้วหนังสือเปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้อย่างไรละ ?? ส่วนหนึ่งอาจมาจากจิตใจของผู้เขียนที่พยายามสื่อถึงผู้อ่านอย่างเราๆ นั้นหมายถึงแรงบัลดาลใจนั้นเอง อย่างเรื่องเรียน 9 ได้ 10 มันทำให้ผมคิดได้ว่าผมเสียเวลาไปนานและผมน่าจะได้อ่านหนังสือพวกนี้มาก่อน ถึงแม้ตอนเด็กๆผมเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือในเวลาว่างสักเท่าไหร่ แต่ผมก็เป็นเด็กทีชอบสะสมหนังสือมาตั้งแต่เด็ก จนทำให้คิดได้ว่าถึงมีหนังสือดีๆจนสามารถเผาตัวเองได้ แต่ถ้าไม่อ่านก็คงไม่มีความหมายอะไร ถึงแม้จะใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ในการศึกษา แต่ก็สามารถเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้เช่นกัน เพราะเราไม่อ่านหนังสือที่เราซื้อมา
ตอนเด็กๆผมชื่นชอบหนังสือเกี่ยวกับบุคคลสำคัญและชอบอ่านเกี่ยวกับทัศนะคติของบุคคลสำคัญเหล่านั้น แม้อาจจำได้ไม่หมดก็ตาม หรือไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนสังข์ทอง หรือเกี่ยวกับวิทยาศาสตย์ ไม่ว่าจำเป็นเรื่อง วิทยาศาสตย์ โหด มันส์ ฮา ผมชอบมากมายเลย แต่ก็ไม่ถึงกับขนาดซื้อเก็บมาทุกตอน นี้ละครับถึงแม้ขนาดผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แต่มันซึบซับในตัวผมทีละน้อย เนื่องมาจากผมชอบอยู่ในห้องสมุด ร้านหนังสือ เป็นประจำๆ
หนังสือที่กล่าวมาข้างต้นนั้นทำให้ผมมีแรงบัลดาลใจในการเรียนและรวมถึงเทคนิคการเรียน และที่สำคัญ ทำให้ผมได้รู้ว่าผมเรียนไปเพื่ออะไร มันเปลี่ยนผมจากตอนเด็กๆที่ผมไม่เข้าใจว่าผมจะเรียนไปเพื่ออะไร จนเวลาผ่านผมไปอย่าไม่แยแส จนในที่สุดผมได้เจอนักเรียนทุนคนหนึ่งผมเรียกเธอว่า "เทพอังกฤษ" เพราะเขาเก่งอังกฤษมาก และเธอก็เป็นกำลังใจของผม เธอเป็นคนแรกครับทีทำให้ผมได้รู้จักกับโลกหนังสือได้ลึกซึงขี้นไปอีก จนต่อมาผมก็ได้มีโอกาสเรียนรุ้สิ่งต่างๆในต่่างแดน
ผมได้แรงบัลดาลใจในการอ่านจากเธอคนนั้น ตั้งแต่นั้นเป้นต้นมาผมพกสมุดโน๊ตเล่มหน่ึงติดตัวเสมอ จนทุกๆอย่างผมเปลี่ยนไปเพราะหนังสือเล่มหน่ึงคือ Grammar ของSE-ED เล่มสีเขียวใหญ่ๆ เป็นก้าวแรกที่สำคัญมากทีสุดของผม เพราะผมทำความเข้าใจ Grammar กับหนังสือเล่มนี้อย่างละเอียด รวมถึงแบบฝึกหัดของ Cambridge ทีชื่อ English Grammar in use สีฟ้าและเขียว ถึงแม้บางเวลาทีผมไม่สามรถเข้าใจในคาบเรียน แต่พอกลับมาบ้านผมก็สามารถเปิดหนังสือที่ผมมีดูได้ และผมเองก็แบกหนังสือที่ว่ามาติดตัวไปในเวลาเดินทางไกลๆเสมอๆ
แต่ทว่าในสมัยนี้การเรียนรู้ไม่อาจมีได้เพียงในหนังสือ แต่พวกเรายังสามารถเข้าค้นหาข้อมูลได้ในอินเตอร์เน็ต และเราอาจไม่จำเป็นต้องแบกหนังสือเล่มใหญ่ๆเดินอีกต่อไปในเมื่อเราสามารถหาชีทติว มาลง IPAD-IPOD และสามารถซื้อหนังสือทางออนไลน์ได้ สึ่งเป็นตัวช่วยในความสะดวกสบายได้มากมายในเรื่อง การรับส่งเอกสาร และหลายๆอย่างๆ ด้วยกัน แต่ก็ควรระวัง
จนเวลาผ่านไปจากแต่ก่อนในชั้นหนังสือหรือที่ผมเรียกว่า "ห้องสมุดน้อยในบ้าน" ที่เคยมีแต่นวนิยายวิทยาศาสตย์ หรือหนังสือการทดลองวิทยาศาสตย์ ก็เร่ิมไปเป็นหนังสือติวในเมื่อ GAT PAT เข้ามาเยือน จนถึงในตอนนี้ผมผ่านเวลานั้นมาแต่ก็ยังไม่วายเจอกับ SAT 1-2 และ TOEFL ดังนั้นในชั้นผมก็จะมีแต่หนังสือติวเล่มหนาๆเรียงกัน
สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน ผมจะมาขอแนะนำหนังสืออาจเป็นหนังสือในหลายๆแนวด้วยกัน ก่อนอื่นเลยขอเปิดประเดิมด้วยหนังสือเป็นภาษาไทย ภาษาบ้าน ฮัดช่า !!
1.อัจฉริยะสร้างได้ ของคุณหนูดีวนิษา เรซ
2.เรียน 9 ได้ 10 เก่งอังกฤษขั้นเทพ ของคุณพักวอนฮีและ คุณวิทิยา จันทร์พันธ์ แปล
สองเล่มข้างบนเหมาะกับเพื่อนๆ ที่อยู่ใน ม.ต้น และ ม.ปลายครับ ถ้าถามว่าอ่านแล้วได้อะไรจากหนังสือ สำหรับผม ขอบอกได้เลยว่าเพื่อนๆสามารถเรียกผมได้เลยว่า "โนบิตะ" ทำไมกันนะหรือ ? เพราะผมไม่ต่างอะไรกับโนบิตะเลยนะสิครับ แต่พอเมื่อได้มาอ่านหนังสือสองเล่มที่ว่ามานี้ทำให้ผมเข้าใจความหมายของคำว่า "หนังสือเปลี่ยนแปลงชีวิต" แต่ถ้าหากผมอ่านอย่างเดียวแต่ไม่ทำความเข้าใจและมาประยุคต์ใช้ให้เหมาะสมกับตัว ต่อให้เป็นหนังสือเขียนดีราคาแพงเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถที่จะเปล่ียนแปลงชีวิตผมได้
แต่แล้วหนังสือเปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้อย่างไรละ ?? ส่วนหนึ่งอาจมาจากจิตใจของผู้เขียนที่พยายามสื่อถึงผู้อ่านอย่างเราๆ นั้นหมายถึงแรงบัลดาลใจนั้นเอง อย่างเรื่องเรียน 9 ได้ 10 มันทำให้ผมคิดได้ว่าผมเสียเวลาไปนานและผมน่าจะได้อ่านหนังสือพวกนี้มาก่อน ถึงแม้ตอนเด็กๆผมเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือในเวลาว่างสักเท่าไหร่ แต่ผมก็เป็นเด็กทีชอบสะสมหนังสือมาตั้งแต่เด็ก จนทำให้คิดได้ว่าถึงมีหนังสือดีๆจนสามารถเผาตัวเองได้ แต่ถ้าไม่อ่านก็คงไม่มีความหมายอะไร ถึงแม้จะใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ในการศึกษา แต่ก็สามารถเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้เช่นกัน เพราะเราไม่อ่านหนังสือที่เราซื้อมา
ตอนเด็กๆผมชื่นชอบหนังสือเกี่ยวกับบุคคลสำคัญและชอบอ่านเกี่ยวกับทัศนะคติของบุคคลสำคัญเหล่านั้น แม้อาจจำได้ไม่หมดก็ตาม หรือไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนสังข์ทอง หรือเกี่ยวกับวิทยาศาสตย์ ไม่ว่าจำเป็นเรื่อง วิทยาศาสตย์ โหด มันส์ ฮา ผมชอบมากมายเลย แต่ก็ไม่ถึงกับขนาดซื้อเก็บมาทุกตอน นี้ละครับถึงแม้ขนาดผมไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แต่มันซึบซับในตัวผมทีละน้อย เนื่องมาจากผมชอบอยู่ในห้องสมุด ร้านหนังสือ เป็นประจำๆ
หนังสือที่กล่าวมาข้างต้นนั้นทำให้ผมมีแรงบัลดาลใจในการเรียนและรวมถึงเทคนิคการเรียน และที่สำคัญ ทำให้ผมได้รู้ว่าผมเรียนไปเพื่ออะไร มันเปลี่ยนผมจากตอนเด็กๆที่ผมไม่เข้าใจว่าผมจะเรียนไปเพื่ออะไร จนเวลาผ่านผมไปอย่าไม่แยแส จนในที่สุดผมได้เจอนักเรียนทุนคนหนึ่งผมเรียกเธอว่า "เทพอังกฤษ" เพราะเขาเก่งอังกฤษมาก และเธอก็เป็นกำลังใจของผม เธอเป็นคนแรกครับทีทำให้ผมได้รู้จักกับโลกหนังสือได้ลึกซึงขี้นไปอีก จนต่อมาผมก็ได้มีโอกาสเรียนรุ้สิ่งต่างๆในต่่างแดน
ผมได้แรงบัลดาลใจในการอ่านจากเธอคนนั้น ตั้งแต่นั้นเป้นต้นมาผมพกสมุดโน๊ตเล่มหน่ึงติดตัวเสมอ จนทุกๆอย่างผมเปลี่ยนไปเพราะหนังสือเล่มหน่ึงคือ Grammar ของSE-ED เล่มสีเขียวใหญ่ๆ เป็นก้าวแรกที่สำคัญมากทีสุดของผม เพราะผมทำความเข้าใจ Grammar กับหนังสือเล่มนี้อย่างละเอียด รวมถึงแบบฝึกหัดของ Cambridge ทีชื่อ English Grammar in use สีฟ้าและเขียว ถึงแม้บางเวลาทีผมไม่สามรถเข้าใจในคาบเรียน แต่พอกลับมาบ้านผมก็สามารถเปิดหนังสือที่ผมมีดูได้ และผมเองก็แบกหนังสือที่ว่ามาติดตัวไปในเวลาเดินทางไกลๆเสมอๆ
แต่ทว่าในสมัยนี้การเรียนรู้ไม่อาจมีได้เพียงในหนังสือ แต่พวกเรายังสามารถเข้าค้นหาข้อมูลได้ในอินเตอร์เน็ต และเราอาจไม่จำเป็นต้องแบกหนังสือเล่มใหญ่ๆเดินอีกต่อไปในเมื่อเราสามารถหาชีทติว มาลง IPAD-IPOD และสามารถซื้อหนังสือทางออนไลน์ได้ สึ่งเป็นตัวช่วยในความสะดวกสบายได้มากมายในเรื่อง การรับส่งเอกสาร และหลายๆอย่างๆ ด้วยกัน แต่ก็ควรระวัง
จนเวลาผ่านไปจากแต่ก่อนในชั้นหนังสือหรือที่ผมเรียกว่า "ห้องสมุดน้อยในบ้าน" ที่เคยมีแต่นวนิยายวิทยาศาสตย์ หรือหนังสือการทดลองวิทยาศาสตย์ ก็เร่ิมไปเป็นหนังสือติวในเมื่อ GAT PAT เข้ามาเยือน จนถึงในตอนนี้ผมผ่านเวลานั้นมาแต่ก็ยังไม่วายเจอกับ SAT 1-2 และ TOEFL ดังนั้นในชั้นผมก็จะมีแต่หนังสือติวเล่มหนาๆเรียงกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น