ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การเริ่มของเรื่อง
ตอนที่1 การเริ่มของเรื่อง
   
ณ เกาะแห่งหนึ่งมีหญิงสาวผู้เลอโฉมเธอเป็นผู้ที่สามารถสะกดมังกรได้แต่เธอไม่สามารถที่จะออกจากเกาะได้เพราะที่เกาะมีคนร่ายมนต์เอาไว้แต่เมื่อวันหนึ่งพลังของชายคนนั้นอ่อนลงหญิงสาวก็สามารถทำลายมนสะกดได้และฆ่าชายผู้นั้นแต่ก่อนที่ชายผู้นั้นจะตายเขาได้แยกร่างออกมาเป็น 5 ส่วน และให้ส่วนทั้ง 5 ไปเกิดเมื่อทั้ง 5 ส่วนรวมตัวกันจนครบก็จะต้องสร้างมนสะกดเพื่อสะกดหญิงสาวอีกครั้ง
ตามทางเดินที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่อย่างส่วยงาม ในเวลาเช้าแบบนี้ เมื่อดูแล้วคงจะทำให้คนเราสดชื้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหารถติดและสถานที่ ที่มีผู้คนแออัด เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีผู้มาทำลายความสงบของที่นี้ 
ตึง      ตึง      ตึง       
“นี้ เคนนายจะไปไหนรอกันบ้างดิ”
มีหญิงสาวผู้หนึ่งวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ พร้อมกับไปดักหน้าของชายหนุ่มผู้ทำลายความเงียบของสวนสาธารณะ
“จะตามมาทำไมอุตส่าห์หนีมาได้แล้วเชียวยัยมาริน”
เคนพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายแต่มารินก็ยังจะตามอยู่ดีจู่ๆมารินก็หยุดเดินแล้วหันมาหาเคนพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“นายเชื่อเรื่องตำนานบ้างปะฉันเจอหนังสือเกี่ยวกับตำนานเก่าแก่นะอยู่ในห้องใต้ดินที่บ้านนะช่วยไปดูให้หน่อยซิ”
แต่เมื่อมารินพูดจบเคนก็บอกว่า
“บ้านเราก็มีหนังสือเกี่ยวกับตำนานเหมือนกัน เรื่องตำนานที่บ้านเธอเดียวเราไปดูให้แล้วไม่ต้องมารับเราด้วย”
“จ้า  จ้า  เราจะไปรอที่บ้านนะ แล้วอย่าลืมอีกรอบละคุณพ่อขี้ลืม ^ -- ^ ”
มารินแซวเคนแบบสนุกๆ แต่การเล่นแบบสนุกของมารินทำเอาเคนอายไปเลย และทั้งสองก็แยกกันไปโรงเรียนเคนอยู่โรงเรียนชายล้วน ส่วนมารินก็อยู่โรงเรียนหญิงล้วนเหมือนกัน ( ส่วนมากพวกผู้ชายจะเรียกโรงเรียนของมารินว่าโรงเรียนคุณหนู ) เมื่อเคนถึงโรงเรียนก็คิดว่าอยู่มารินก็พูดถึงพวกตำนานทั้งที่ตัวเองไม่ชอบพวกตำนานเลยแล้วก็ไม่เชื่อเรื่องตำนานด้วยแล้ววันนี้มาพูดขึ้นมาทำไมและซักพักก็มีพวกเพื่อนๆมาเรียกเคนแต่เคนไม่ได้ยินเพราะมัวแต่ไปคิดถึงเรื่องของมารินจนพวกเพื่อนช่วยถีบตกเก้าอี้และเพื่อนคนหนึ่งก็พูดว่า
“เคนเรียกตั้งนานทำไมไม่หันมัวแต่ไปคิดถึงสาวสวยที่มารับแกบ่อยๆไงจะโฮมรูมแล้วนะยังจะใจลอยไปไหนอีก”
“เฮ้ย เปล่าเราก็แต่คิดอะไรเพลินไปหน่อยก็เลยเรียกไม่ค่อยกลับขอบใจนะที่มาบอกไปนั่งที่ได้แล้วเดี๋ยวอาจารย์มา”
เคนบอกเตือนพวกเพื่อนๆก่อนที่อาจารย์จะมา และทางฝ่ายมารินเองก็คิดอยู่ว่าเคนจะมาหรือเปล่า เพราะเคนเป็นพวกชอบลืมนู่นลืมนี่อยู่ดัวย จนคิดไปถึงเรื่องตำนานที่จะเอาให้เคนดูว่ามาได้ไงเพราะที่บ้านของมารินไม่ค่อยจะมีพวกหนังสือที่จะเกี่ยวกับตำนานอยู่ด้วยแล้วตำนานเล่มนี้มาได้ไง
เมื่อถึงเวลานัด มารินกลับมาเร็ว ก็เลยนั่งรอเคนนาน จนตัวเองเบื่อก็เลยขึ้นไปหาอะไรทำ อยู่ดีๆมารินก็นึกอยากจะเอาตำนานเรื่องนั้นมาพิมพ์เก็บเอาไว้ เมื่อพิมพ์ได้ครึ่งเล่มเคนก็มาถึงบ้านของมาริน เธอก็ขี้เกียจลงไปหา ก็เลยให้เคนขึ้นมาหาที่ห้อง ที่ห้องของมารินเป็นห้องที่สะอาด เรียบร้อยตกแต่งด้วยของที่ออกแนวคลาสสิคของส่วนมากจะถูกตกแต่งด้วนโทนสีขาว และดำ แต่ของที่สะดุดตามากที่สุดคือขวดแก้วที่อยู่บนหัวเตียงทางริมหน้าต่าง ขวดใบนั้นใส่เศษลูกแก้วอยู่ 2 ชิ้นสิ่งที่ว่างอยู่ข้างๆ ขวดใบนั้นคือกระจกเงา กระจกเงาใบนั้นมีลักษณะเป็นรูปห้าเหลี่ยม กรอบของกระจกเป็นรูปดาว 5 แฉกสีดำปนน้ำตาล
“ไง มาแล้วหรอเคน ปล่อยให้เรารอตั้งนาน”
มารินเรียกเคนโดนที่สายตาไม่ละจากคอมพิวเตอร์แม้แต่น้อยเลย เสียงของมารินทำให้เคนให้ตื่นจากภวังค์
“โทษทีๆ เพื่อนเรามันยื้อเราไว้ให้กินข้าวด้วยกันต่ออะ”
เมื่อเคนพูดจบมารินก็หมุนเก้าอี้ให้หันมาหาเคนในท่าที่พร้อมจะคุยกัน
“เคนเราขอพูดให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ หนังสือเล่มนี้แหละ ที่เราจะให้นายดู เราเจอมันในห้องเก็บของใต้ดิน”
มารินหันไปหยิบหนังสือที่อยู่บนคอมพิวเตอร์มาให้กับเคน และเคนเองก็รับมาแต่โดยดีทั้งที่ทุกๆครั้งต้องแกล้งกันก่อนที่จะเข้าเรื่อง
“เก่าจังนะ ไม่รู่ว่าอยู่นานมากี่ปีแล้ว มีก่อนเราเกิดแน่เลย”
“ก็ใช้นะซิ นายลองดูหลังเล่มเอาเองดิว่าเก่ามาขนาดไหน อืม...ข้างในเป็นตัวหนังสือที่ใช้มือเขียนเอาด้วยท่าทางจะมีแค่เล่มเดียวไม่รู้ว่าพ่อเราไปได้มาจากไหนถามแล้วก็บอกว่าไปประมูลมาประวัติที่มาก็ไม่ถามคนขายมาก่อนที่จะเอาไว้บ้าน”
“เฮ้ยๆ หยุดหายใจก่อนซิวะ มึงก็ เป็นปลาไงวะ พูดยังกะมึงหายใจทางเหงือก ค่อยๆ พูดก็ได้กลัวกูไม่ฟังไง”
“ไอ้เคน ขึ้นมึงขึ้นกูเลยหรอ”
มารินทำท่านอารมณ์เสียเพื่อนสนิทของตัวเอง แต่เคนเองก็ไม่เคยขึ้นมึงขึ้นกูมาก่อน
“โทษทีกลัวพูดไม่ทันแกนั้นแหละ ก็แกพูดเร็วยังกับจรวด เดียวเราก็พูดไม่ทันแกอะ”
“ช่างมันเถอะ แล้วนายโทรไปบอกที่บ้านยัง ว่าจะกลับช้า”
“เฮ้ย ! ยังเลยเราตายแน่วะมารินโดนยำเละแน่เลยโอ้ยยยยยยยยยยยยยยย”
เคนทำหน้าเหมือนว่าไม่อีกกี่นาทีโลกกำลังจะแตกแล้วแต่พอมารินหันไปเห็นก็อดหัวเราะไม่ได้
“เออ ดีนะที่เรารู้ทันว่าแก่ต้องกลับช้าแน่ เราโทรไปบอกแม่แก่แล้วว่าแกจะค้างที่บ้านเรา”
“อ้าว แล้วชุดเราอะเราไม่มีชุดใส่นะเว้ย แล้วเรานอนที่ห้องไหนอะ อย่าบอกนะว่าให้เรานอนที่ห้องแก”
“ไอ้บ้า! แกก็นอนที่ห้องนอนของแขกซิวะ ชุดนะแม่นายเอามาให้แม่เราแล้วไม่รู้เรื่องเลยไง”
“หรอเราไม่รู้เรื่อง แม่ไม่โทรมาบอกเลย”
“แล้วนายเปิดเครื่องไว้เปล่าเหอะ”
เคน เอามือล้วงไปในกระเป๋า เพื่อหยิบมือถือของตัวเองดูว่าเปิดเครื่องอยู่หรือเปล่า และปรากฏว่ามือถือของตัวเองนั้นปิดเครื่องอยู่ ก็รีบเปิดเครื่องพอเปิดเครื่องเสร็จก็หันมายิ้มกับมาริน และมารินก็พูดขึ้นมาว่า
“พรุ่งนี้วันหยุด นายค่อยดูหนังสือและก็ตรวจสอบประวัติของมันก็แล้วกัน เดียวฉันจะพาไปดูที่ห้องใต้ดินด้วย ตอนนี้นายไปนอนก่อนเหอะ ท่าทางจะอยู่ต่อไม่ไหวนี่ก็ดึกแล้วด้วย เดียวฉันให้ป้าเมล์ลงไปส่งนายข้างล้างนะ”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน กำลังง่วงอยู่พอดีเลยเธอก็รีบๆ นอนได้แล้วนะเราเป็นห่วงนะเฟ้ย”
“เดียวเราก็นอนแล้ว ตอนเช้าอย่าเข้าห้องเราโดยพละการละเข้าใจป่าวห้องของสุภาพสตรี”
“เออ เราไม่เข้ามาในห้องแกแน่ แต่เราไม่เข้าใจว่าแกสุภาพสตรีตรงไหน”
“ช่างเรา ไม่เกี่ยวกับแก ป้าเมล์คะมาพาเคนไปที่ห้องนอนหน่อยซิคะ”
มารินรีบตัดบทและไล่เคนให้ออกไป เมื่อไล่เคนได้แล้ว มารินก็หันกลับไปพิมพ์งานต่อ ประมาณครึ่งชั้วโมงต่อมาโทรศัพท์มือถือของมารินที่วางอยู่บนเตียงก็ดังขึ้นมารินก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์
“ใครอะ โทรมาทำไมนี่มันตีหนึ่งแล้วนะ”
“มาริน นี่พี่เคกเอง เป็นไงบ้างสบายดีปล่าว”พี่สาวที่รักของมารินเป็นคนโทรมาหากลางดึก
“พี่เคก ! มารินสบายดี ดีใจจังที่พี่โทรมา แล้วพี่ละสบายดีหรือปล่าว”
“พี่สบายดี พี่มีเรื่องดีมาบอกมารินแหละ”
“อะไรหรอ พี่มีแฟนแล้วแหละจะพาแฟนมาละซิ ใช้ปล่าว”มารินแกล้งยั่วพี่สาวเพราะรู้ว่าพี่สาวไม่ชอบคนต่างชาติ
“ไม่ใช้ พี่จะกลับมาเมืองไทยวันพรุ่งนี้ อืม..... แล้วพี่จะเอาของมาฟากเราด้วยจะเอาอะไรบ้าง”พี่สาวของมารินถาม
“ไม่เอาอะ จะนอนแล้วง่วง เดียวตอนเช้าจะไปรับที่สนามบินนะ” มารินยิ้มให้กับโทรศัพท์
“งั้นแค่นี้นะ น้องสาวที่รักของพี่” พี่เคกพี่สาวของมารินก็ได้วางสายไป
มารินลุกจากเก้าอี้ แล้วไปนอนบนเตียงอันแสนนุ่มราวกับไหมพรมของเธอ แล้วก็หลับไปในนิทรา
   
ณ เกาะแห่งหนึ่งมีหญิงสาวผู้เลอโฉมเธอเป็นผู้ที่สามารถสะกดมังกรได้แต่เธอไม่สามารถที่จะออกจากเกาะได้เพราะที่เกาะมีคนร่ายมนต์เอาไว้แต่เมื่อวันหนึ่งพลังของชายคนนั้นอ่อนลงหญิงสาวก็สามารถทำลายมนสะกดได้และฆ่าชายผู้นั้นแต่ก่อนที่ชายผู้นั้นจะตายเขาได้แยกร่างออกมาเป็น 5 ส่วน และให้ส่วนทั้ง 5 ไปเกิดเมื่อทั้ง 5 ส่วนรวมตัวกันจนครบก็จะต้องสร้างมนสะกดเพื่อสะกดหญิงสาวอีกครั้ง
ตามทางเดินที่มีต้นไม้เรียงรายอยู่อย่างส่วยงาม ในเวลาเช้าแบบนี้ เมื่อดูแล้วคงจะทำให้คนเราสดชื้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหารถติดและสถานที่ ที่มีผู้คนแออัด เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีผู้มาทำลายความสงบของที่นี้ 
ตึง      ตึง      ตึง       
“นี้ เคนนายจะไปไหนรอกันบ้างดิ”
มีหญิงสาวผู้หนึ่งวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ พร้อมกับไปดักหน้าของชายหนุ่มผู้ทำลายความเงียบของสวนสาธารณะ
“จะตามมาทำไมอุตส่าห์หนีมาได้แล้วเชียวยัยมาริน”
เคนพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายแต่มารินก็ยังจะตามอยู่ดีจู่ๆมารินก็หยุดเดินแล้วหันมาหาเคนพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“นายเชื่อเรื่องตำนานบ้างปะฉันเจอหนังสือเกี่ยวกับตำนานเก่าแก่นะอยู่ในห้องใต้ดินที่บ้านนะช่วยไปดูให้หน่อยซิ”
แต่เมื่อมารินพูดจบเคนก็บอกว่า
“บ้านเราก็มีหนังสือเกี่ยวกับตำนานเหมือนกัน เรื่องตำนานที่บ้านเธอเดียวเราไปดูให้แล้วไม่ต้องมารับเราด้วย”
“จ้า  จ้า  เราจะไปรอที่บ้านนะ แล้วอย่าลืมอีกรอบละคุณพ่อขี้ลืม ^ -- ^ ”
มารินแซวเคนแบบสนุกๆ แต่การเล่นแบบสนุกของมารินทำเอาเคนอายไปเลย และทั้งสองก็แยกกันไปโรงเรียนเคนอยู่โรงเรียนชายล้วน ส่วนมารินก็อยู่โรงเรียนหญิงล้วนเหมือนกัน ( ส่วนมากพวกผู้ชายจะเรียกโรงเรียนของมารินว่าโรงเรียนคุณหนู ) เมื่อเคนถึงโรงเรียนก็คิดว่าอยู่มารินก็พูดถึงพวกตำนานทั้งที่ตัวเองไม่ชอบพวกตำนานเลยแล้วก็ไม่เชื่อเรื่องตำนานด้วยแล้ววันนี้มาพูดขึ้นมาทำไมและซักพักก็มีพวกเพื่อนๆมาเรียกเคนแต่เคนไม่ได้ยินเพราะมัวแต่ไปคิดถึงเรื่องของมารินจนพวกเพื่อนช่วยถีบตกเก้าอี้และเพื่อนคนหนึ่งก็พูดว่า
“เคนเรียกตั้งนานทำไมไม่หันมัวแต่ไปคิดถึงสาวสวยที่มารับแกบ่อยๆไงจะโฮมรูมแล้วนะยังจะใจลอยไปไหนอีก”
“เฮ้ย เปล่าเราก็แต่คิดอะไรเพลินไปหน่อยก็เลยเรียกไม่ค่อยกลับขอบใจนะที่มาบอกไปนั่งที่ได้แล้วเดี๋ยวอาจารย์มา”
เคนบอกเตือนพวกเพื่อนๆก่อนที่อาจารย์จะมา และทางฝ่ายมารินเองก็คิดอยู่ว่าเคนจะมาหรือเปล่า เพราะเคนเป็นพวกชอบลืมนู่นลืมนี่อยู่ดัวย จนคิดไปถึงเรื่องตำนานที่จะเอาให้เคนดูว่ามาได้ไงเพราะที่บ้านของมารินไม่ค่อยจะมีพวกหนังสือที่จะเกี่ยวกับตำนานอยู่ด้วยแล้วตำนานเล่มนี้มาได้ไง
เมื่อถึงเวลานัด มารินกลับมาเร็ว ก็เลยนั่งรอเคนนาน จนตัวเองเบื่อก็เลยขึ้นไปหาอะไรทำ อยู่ดีๆมารินก็นึกอยากจะเอาตำนานเรื่องนั้นมาพิมพ์เก็บเอาไว้ เมื่อพิมพ์ได้ครึ่งเล่มเคนก็มาถึงบ้านของมาริน เธอก็ขี้เกียจลงไปหา ก็เลยให้เคนขึ้นมาหาที่ห้อง ที่ห้องของมารินเป็นห้องที่สะอาด เรียบร้อยตกแต่งด้วยของที่ออกแนวคลาสสิคของส่วนมากจะถูกตกแต่งด้วนโทนสีขาว และดำ แต่ของที่สะดุดตามากที่สุดคือขวดแก้วที่อยู่บนหัวเตียงทางริมหน้าต่าง ขวดใบนั้นใส่เศษลูกแก้วอยู่ 2 ชิ้นสิ่งที่ว่างอยู่ข้างๆ ขวดใบนั้นคือกระจกเงา กระจกเงาใบนั้นมีลักษณะเป็นรูปห้าเหลี่ยม กรอบของกระจกเป็นรูปดาว 5 แฉกสีดำปนน้ำตาล
“ไง มาแล้วหรอเคน ปล่อยให้เรารอตั้งนาน”
มารินเรียกเคนโดนที่สายตาไม่ละจากคอมพิวเตอร์แม้แต่น้อยเลย เสียงของมารินทำให้เคนให้ตื่นจากภวังค์
“โทษทีๆ เพื่อนเรามันยื้อเราไว้ให้กินข้าวด้วยกันต่ออะ”
เมื่อเคนพูดจบมารินก็หมุนเก้าอี้ให้หันมาหาเคนในท่าที่พร้อมจะคุยกัน
“เคนเราขอพูดให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ หนังสือเล่มนี้แหละ ที่เราจะให้นายดู เราเจอมันในห้องเก็บของใต้ดิน”
มารินหันไปหยิบหนังสือที่อยู่บนคอมพิวเตอร์มาให้กับเคน และเคนเองก็รับมาแต่โดยดีทั้งที่ทุกๆครั้งต้องแกล้งกันก่อนที่จะเข้าเรื่อง
“เก่าจังนะ ไม่รู่ว่าอยู่นานมากี่ปีแล้ว มีก่อนเราเกิดแน่เลย”
“ก็ใช้นะซิ นายลองดูหลังเล่มเอาเองดิว่าเก่ามาขนาดไหน อืม...ข้างในเป็นตัวหนังสือที่ใช้มือเขียนเอาด้วยท่าทางจะมีแค่เล่มเดียวไม่รู้ว่าพ่อเราไปได้มาจากไหนถามแล้วก็บอกว่าไปประมูลมาประวัติที่มาก็ไม่ถามคนขายมาก่อนที่จะเอาไว้บ้าน”
“เฮ้ยๆ หยุดหายใจก่อนซิวะ มึงก็ เป็นปลาไงวะ พูดยังกะมึงหายใจทางเหงือก ค่อยๆ พูดก็ได้กลัวกูไม่ฟังไง”
“ไอ้เคน ขึ้นมึงขึ้นกูเลยหรอ”
มารินทำท่านอารมณ์เสียเพื่อนสนิทของตัวเอง แต่เคนเองก็ไม่เคยขึ้นมึงขึ้นกูมาก่อน
“โทษทีกลัวพูดไม่ทันแกนั้นแหละ ก็แกพูดเร็วยังกับจรวด เดียวเราก็พูดไม่ทันแกอะ”
“ช่างมันเถอะ แล้วนายโทรไปบอกที่บ้านยัง ว่าจะกลับช้า”
“เฮ้ย ! ยังเลยเราตายแน่วะมารินโดนยำเละแน่เลยโอ้ยยยยยยยยยยยยยยย”
เคนทำหน้าเหมือนว่าไม่อีกกี่นาทีโลกกำลังจะแตกแล้วแต่พอมารินหันไปเห็นก็อดหัวเราะไม่ได้
“เออ ดีนะที่เรารู้ทันว่าแก่ต้องกลับช้าแน่ เราโทรไปบอกแม่แก่แล้วว่าแกจะค้างที่บ้านเรา”
“อ้าว แล้วชุดเราอะเราไม่มีชุดใส่นะเว้ย แล้วเรานอนที่ห้องไหนอะ อย่าบอกนะว่าให้เรานอนที่ห้องแก”
“ไอ้บ้า! แกก็นอนที่ห้องนอนของแขกซิวะ ชุดนะแม่นายเอามาให้แม่เราแล้วไม่รู้เรื่องเลยไง”
“หรอเราไม่รู้เรื่อง แม่ไม่โทรมาบอกเลย”
“แล้วนายเปิดเครื่องไว้เปล่าเหอะ”
เคน เอามือล้วงไปในกระเป๋า เพื่อหยิบมือถือของตัวเองดูว่าเปิดเครื่องอยู่หรือเปล่า และปรากฏว่ามือถือของตัวเองนั้นปิดเครื่องอยู่ ก็รีบเปิดเครื่องพอเปิดเครื่องเสร็จก็หันมายิ้มกับมาริน และมารินก็พูดขึ้นมาว่า
“พรุ่งนี้วันหยุด นายค่อยดูหนังสือและก็ตรวจสอบประวัติของมันก็แล้วกัน เดียวฉันจะพาไปดูที่ห้องใต้ดินด้วย ตอนนี้นายไปนอนก่อนเหอะ ท่าทางจะอยู่ต่อไม่ไหวนี่ก็ดึกแล้วด้วย เดียวฉันให้ป้าเมล์ลงไปส่งนายข้างล้างนะ”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน กำลังง่วงอยู่พอดีเลยเธอก็รีบๆ นอนได้แล้วนะเราเป็นห่วงนะเฟ้ย”
“เดียวเราก็นอนแล้ว ตอนเช้าอย่าเข้าห้องเราโดยพละการละเข้าใจป่าวห้องของสุภาพสตรี”
“เออ เราไม่เข้ามาในห้องแกแน่ แต่เราไม่เข้าใจว่าแกสุภาพสตรีตรงไหน”
“ช่างเรา ไม่เกี่ยวกับแก ป้าเมล์คะมาพาเคนไปที่ห้องนอนหน่อยซิคะ”
มารินรีบตัดบทและไล่เคนให้ออกไป เมื่อไล่เคนได้แล้ว มารินก็หันกลับไปพิมพ์งานต่อ ประมาณครึ่งชั้วโมงต่อมาโทรศัพท์มือถือของมารินที่วางอยู่บนเตียงก็ดังขึ้นมารินก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์
“ใครอะ โทรมาทำไมนี่มันตีหนึ่งแล้วนะ”
“มาริน นี่พี่เคกเอง เป็นไงบ้างสบายดีปล่าว”พี่สาวที่รักของมารินเป็นคนโทรมาหากลางดึก
“พี่เคก ! มารินสบายดี ดีใจจังที่พี่โทรมา แล้วพี่ละสบายดีหรือปล่าว”
“พี่สบายดี พี่มีเรื่องดีมาบอกมารินแหละ”
“อะไรหรอ พี่มีแฟนแล้วแหละจะพาแฟนมาละซิ ใช้ปล่าว”มารินแกล้งยั่วพี่สาวเพราะรู้ว่าพี่สาวไม่ชอบคนต่างชาติ
“ไม่ใช้ พี่จะกลับมาเมืองไทยวันพรุ่งนี้ อืม..... แล้วพี่จะเอาของมาฟากเราด้วยจะเอาอะไรบ้าง”พี่สาวของมารินถาม
“ไม่เอาอะ จะนอนแล้วง่วง เดียวตอนเช้าจะไปรับที่สนามบินนะ” มารินยิ้มให้กับโทรศัพท์
“งั้นแค่นี้นะ น้องสาวที่รักของพี่” พี่เคกพี่สาวของมารินก็ได้วางสายไป
มารินลุกจากเก้าอี้ แล้วไปนอนบนเตียงอันแสนนุ่มราวกับไหมพรมของเธอ แล้วก็หลับไปในนิทรา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น