คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรย์ มาร์แชง
เรย์ มาร์แชง
“เรย์...เรย์..เรย์ นี่เรย์ เปิดประตูเดี่ยวนี้นะ” เสียงหนึ่งของผู้ชายที่มีอายุประมาณหกสิบปีเศษ ๆ ดังไปทั่วบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ชายทะเลแถบ ๆ สิมิลัน จนบ้านข้าง ๆ ต้องชะเง้อใบหน้าผ่านรั่วที่เป็นพุ่มของต้นเทียนทองที่สูงประมาณเอวของชายคนนั้นที่กำลังพยายามใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการจับผิดเพื่อนบ้านที่แปลกประหลาดของเขา ที่บ้านหนังนี้มีคนอาศัยอยู่สองคน คนคนหนึ่งเป็นชายที่แก่ชราอายุประมาณหกสิบปีเศษ ๆ กับหลายชายของเขาที่มีนิสัยที่ดื้อ (ถึงเด็กชายทั่วไปก็มีนิสัยดื้อทุกคนอยู่แล้ว แต่ทว่าเด็กคนคนนี้นั้นดื้อยิ่งกวาเด็กพวกนี้อีกเป็นหลายเท่า)
“จะเกิดอะไรขึ้นอีกหน่อ เมื่อวานนี้ก็มีห่าฝนอุกาบาตรมาบุกโลกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย” เมื่อชายคนนั้นพูดเสร็จเขาก็รีบเก็บสายยางที่เขากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่เป็นประจำทุกวันอย่างด่วนจี๋เพราะเขาไม่อยากเป็นคนต่อไปในการเกิดเหตุที่แปลก ๆ แบบนั้นอีก
“ไม่......ยังไง ๆ ผมก็ไม่เปิดให้คุณตาเข้ามาหรอก ไม่มีทาง” เสียงใสแจ๋วของเด็กที่มีอายุราว ๆ สิบขวบเศษ ดังออกมาจากบนห้องชั้นสองของบ้านหลังนั้น และห้องห้องนั้นยังอยู่ตรงข้ามกับหัวบันไดบนชั้นสองอีกด้วย
“ผมไม่เปิด ถ้าเปิดคุณตาต้องตีผมแน่ ๆ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ” เจ้าเด็กแสนซนแก้ตัวได้อย่างน้ำขุ่น ๆ
“และอีกอย่างเขาเป็นคนหาเรื่องผมก่อนนะตา...เข้าใจหน่อยซิ” เด็กชายพูดคำสุดท้ายด้วยความหนักแน่นเพื่อที่จะให้ตาเชื่อในสิ่งที่คุณตาเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนทำ แต่ไม่เลย เด็กคนไหนที่จะสู้ผู้ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน
“ไม่ตาไม่เชื่อเจ้าหรอก เปิดประตูเดี่ยวนี้นะเรย์” แต่ว่าความดื้อดึงของเด็กน้อยที่อยู่ในห้องก็ส่งผลว่าเขาจะไม่เปิดให้ตาเข้ามาแน่ ๆ
“โอเค ๆ .......ถ้าหลานไม่ล่ะก็นะ งั้นตาคงจะต้องใช้มันล่ะ” เสียงชายแก่ดังขึ้น คราวนี้ชายแก่พูดในน้ำเสียงแบบเอาจริงเอาจังเอามาก ๆ
“ตาจะนับ 1 3 นะ” ชายแก่ขู่
“ถ้าไม่เปิดตาจะทำจริง ๆ นะ” ชายแก่พูดขึ้น และรอสักประมาณ 1 2 วินาที
“เอาล่ะ..1..” คุณตาเริ่มกำมือขึ้นมาไว้ใกล้ตัว
“
“และ..3” โครมมม..... บ้านสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง พร้อมกับเสียงของที่มีน้ำหนักที่หนักตกลงบนพื้น และ
“โอ้ย..” ปรากฏว่ามันเป็นเสียงจากชายแก่ที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นหน้าห้องนอนของเจ้าเด็กน้อยหัวรั้นที่ไม่ยอมเปิดประตู แต่คราวนี้กับกลายเป็นว่ามันเปิดออกมา พร้อมกับหัวของเด็กชายที่ยื่นออกมาเพื่อทำการสำรวจเหตุการณ์ข้างนอกว่าเป็นเช่นไร และนำส่วนต่าง ๆ ของร่างกายออกมาตามตามกัน
“คุณตาเจ็บมั้ยฮะ....ผม..คือ..ผมไม่ได้ตั้งใจ...และ..เออ..ผม..ขะ..ขอ..”
“อะฮ้า....ตาหลอกเจ้าสำเร็จอีกแล้วนะเรย์ ฮ้า ๆ ๆ ๆ ๆ” คุณตาหัวเราะให้กับเด็กน้อยที่มีอายุประมาณสิบขวบเศษ ๆ มีหน้าตาที่หน้ารักน่าเอ็นดู เพราะมีแก้มที่ป่องสีแดงระเรื่ออยู่บนแก้มนั้น ที่อยู่บนใบหน้าที่เรียวยาวได้รูป มีริมฝีปากเรียวเล็กสีชมพู มีคิ้วที่โค้งได้รูปสวยเหมือนกับมีคนเอาดินสอเขียนคิ้วให้ทุกวันและมีสีที่เป็นสีเดียวกับสีผมคือสีน้ำตาลทอง มีในตาสีทะเลคราม จมูกที่โด่งนั้นเป็นที่สะดุดให้กับใบหน้าของเด็กชายคนนี้ และที่สำคัญคือเด็กคนนี้มีรูปร่างที่สมชายชาตรี และมีสีผิวขาวเนียน แต่ถ้าเด็กคนนี้โตขึ้นคงจะสามารถที่จะกระชากใจหญิงได้เพียงแค่ขยิบตาให้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นหรือว่าทั้งกลุ่มเป็นลมพร้อมกันได้โดยง่ายดาย และคงจะมีผู้หญิงตามรังควานตลอดได้เป็นโขยง ๆ เลยก็ว่าได้ นี่แหละคือเด็กชายที่ชื่อว่า เรย์ มาร์แชง
“ตานะทำให้ผมตกใจอยู่เรื่อยเลย” เรย์พูดขึ้น แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกับสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนที่วางอยู่บนพื้นข้างตัวของคุณตา
“ตา...นั้นมันคือ...อะไรหรอครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นตาถือมันสักที” เรย์พูดขึ้นพร้อมหยิบเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมา มันเป็นไม้ที่ยาวมากสำหรับเรย์และมันเป็นสีขาวทั้งท่อน ท่อนบนมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนเถาวัลย์ที่ห่อหุ้มคริสตัลสีขาวอยู่ภายในตัวของมัน และยังมีตัวอักษรที่แกะสลักลงมาจากส่วนยอดของไม้เท้าประมาณหนึ่งคืบก่อนที่เรย์กำลังจะสามารถอ่านตัวอกษรพวกนั้นได้ตาก็แย่งมันออกจากมือไปก่อนที่เขาจะอ่านได้
“อย่าจับมันสุ่มสี่สุ่มห้าสิเรย์ ตาจะบอกให้นะว่านี้คือ ไม้เท้าวิเศษที่มีชื่อว่า ไมโลก๊อนท์ มันเป็นไม้เท้าในตำนานหนึ่งในหลายร้อยอันเลยละ”
“และตาไม่ได้มาลงโทษเจ้าเรื่องไปมีเรื่องกับเจ้าเด็กขาโจ๋กระจอกข้างถนนหรอกนะ แต่ว่าตาจะมาบอกเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเจ้าเรย์” คุณตาพูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังตาสีทะเลครามคู่นั้น และกระชับไม้เท้าให้แน่นแล้ววางปลายไม้เท้าลงบนพื้น แต่เมื่อตาวางปลายไม้เท้าลงบนพื้นก็เกิดแสงที่เปล่งประกายออกมาจากตัวของคุณตาเหมือนกับคุณตากลายเป็นหลอดไฟนีออนที่ติดอยู่บนพื้นพนังบ้านในยามมืดเพื่อให้แสงสว่างกับคนที่อยู่ภายในบ้านในยามกลางคืน แต่เมื่อเจ้าแสงที่ออกมาจากตัวคุณตานั้นเริ่มที่จะจางหายไปก็เริ่มปรากฏตัวของคนคนหนึ่งที่มีรูปร่างที่คล้ายคุณตาก็คือ เป็นคนที่มีเคราสีขาวยาวประมาณหน้าอก และผมที่ยาวสีขาวที่ยาวไปถึงกลางหลัง มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่มีเคราที่ยาวลงไป และมีดวงตาสีฟ้าคราม ที่เข้ากับชุดที่เป็นสีฟ้าครามทั้งชุด ส่วนบนหัวของเขานั้นสวมหมวกทรงสูงปลายแหลมที่มีสีฟ้าครามที่เข้ากับชุดเหมือนกัน
“โอ..โฮ..นี่คุณตาหรอเนี่ย”
“อืม..ชัวร์ป้าบ นี่แหละตาตัวจริง เสียงจริงเลยละ” คุณตาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มจนเห็นฟันภายใต้เคราสีขาวของเขา
“แหมมม...” เรย์ลากซะเสียงยาวเพื่อที่จะแซวตา
“ตาเนี่ยเป็นพวกเล่นมายากลตอนไหนหรอทำไมไม่เคยบอกให้ผมรู้บ้างเลยนะตา ชอบเก็บงำเอาไว้คนเดียวตลอดเลยนะ ไม่ดี้ ไม่ดี จริง ๆ” เรย์พูดขึ้นพร้อมกับทำท่าทางประกอบโดยยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วส่ายทั้งหัวกับนิ้วพร้อมกัน แต่ว่าเจ้าเรย์ตัวดีก็ไม่สามารถทำท่านั้นได้นาน เพราะว่าตอนนี้หน้าตาของคุณตากำลังบ่งบอกถึงการเอาจริงเอาจังในสิ่งที่เรย์เพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่
“เมื่อ กี้ แก พูด ว่า อะ ไร นะ” คุณตาพูดขึ้น ไม่สิคุณตาพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดมากแต่เมื่อตารู้ตัวว่าทำให้หลานสุดที่รักกำลังกลัวอารมณ์โกรธดูเหมือนว่าจะหายไปทันที
“โอ๊ะ - - ตาขอโทษนะเรย์ พอดีตาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นนะ อย่าโกรธตาเลยนะ ตาขอโทษ” ประโยคเมื่อกี้ที่ตาพูดขึ้นทำให้เรย์ต้องตกตะลึงว่าทำไมตาถึงสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ได้เร็วมากขนาดนี้
“เรย์..” ตาเรียกเรย์ด้วยความไม่มั่นใจ
“เรย์..นี่..เรย์” ตอนนี้ตาเริ่มที่จะเขย่าเรย์เหมือกับเขย่าขวดรูทเบียร์
“ครับ เออ ตามีอะไรหรอครับ” เรย์ที่เพิ่งจะหายจากอาการตกใจ ก็รีบทำให้เสียงของตัวเองกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ตาถาม
“ไม่ ครับ ไม่เป็นอะไรครับ ผมสบายดี” เมื่อพูดเสร็จเรย์ก็รีบใช้มือเช็ดเหงื่อที่หน้าผากออกก่อนที่ตาจะเห็น
“แต่ว่าตาต้องสอน เออ ไอ้นั้นให้กับผมนะ ไม่งั้นจะโกรธมากด้วย” คราวนี้เรย์ได้โอกาสที่จะขู่คืนได้เรียบร้อยแล้ว
“ก็ตากำลังจะบอกแกอยู่นี้ไงว่าตาจะสอนให้แก” ตาพูด และตาก็ยืดตัวให้ตรงแล้วพูดประโยคต่อไปว่า
“เจ้าจะต้องไม่บอกใครในแถวบ้านเราว่าแกเป็นอะไร เข้าใจไหม”
“ครับตา... แต่ว่าเป็นอะไรหรอครับคุณตา” เรย์พูดขึ้นพร้อมกับทำท่าทางทีน่าจะเอาไม้เท้าเขกกบาลสักที
“ก็เป็นผู้ใช้เวทมนต์ หรือเรียกอีกอย่างว่าพวกพ่อมด” ตาพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่าคงจะไม่มีใครได้ยินประโยคเมื่อกี้เพราะว่าพวกเพื่อนบ้านที่ไม่น่าจะพิสมัยนั้นชอบสอดรู้สอดเห็นอยู่เรื่อย ๆ และไม่รู้จักเข็ดหลาบสักที
“ไปกันเถอะ” ตาพูดขึ้นพร้อมกับพลักเจ้าตัวแสบไปข้างหน้า
“แล้วไปไหนครับตา”
“ไปที่ห้องของตาไงละ”
“อะไรนะ??? ปะ..ปะ..ไป...ห้องของตาหรอ.....ว้าว....เยี่ยมยอดไปเลยครับตา ผมไม่เคยที่จะเข้าห้องของตาสักที ตั้งแต่ที่ผมพยายามที่จะเข้าห้องของตาเมื่อสองปีที่แล้ว ผมเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเลยตอนที่ตกลงมาจากหน้าต่างของคุณตา” และเรย์ก็ทำหน้าที่เด็กทั่วไปจะได้ของที่ต้องการอย่างมีชัยต่อพ่อและแม่ แต่ว่านี้เรย์มีชัยที่จะได้เข้าห้องของตาแบบได้รับอนุญาต
“แสดงว่าแกเองนี้เหรอที่ทำต้นไม้ที่ฉันรักที่สุดพังยับเยิน” แววตาของคุณตาเรืองรองขึ้นเพื่อที่จะแสดงว่าโกรธแค่ไหน
“ครับผมทำเอง งั้นถ้าใครไปถึงห้องคุณตาก่อนคนนั้นจะเป็นผู้ชนะ....ไปก่อนนะครับคุณตา” และเรย์ก็เริ่มออกวิ่งด้วยความเร็วที่คิดว่าตาคงตามไม่ทัน
“เรย์...เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นกับตาเลย ยังไง ๆ ตาก็จะไปถึงเร็วกว่าเจ้าอยู่แล้วละ” พอคุณตาพูดเสร็จคุณตาก็หายวับไปกลางอากาศทันที และทิ้งความประหลาดใจให้แก่เพื่อนข้างบ้านอย่างยิ่ง
“นี่คุณค่ะ เมื่อกี้ฉันเห็นคุณตาอีวาสหายไปกลางอากาศเต็ม ๆ ตาของฉันเลยนะค่ะคุณ” ผู้หญิงที่เห็นกายหายตัวไปกลางอากาศของคุณตาอีวาส กำลังอธิบายการหายตัวของคุณตาอย่างเมามันเหมือนกับเธอเขียนบทขึ้นมาแล้วท่องอย่างเอาเป็นเอาตาย
“นี่คุณ!!! หยุดสนใจเรื่องของคุณตาอีวาสสักวันหรือสองวันจะได้บ้างรึเปล่า ผมกำลังกลุ้มใจเรื่องงานของผมอยู่นะ ผมรำคาญ” ผู้เป็นสามีของผู้หญิงคนนั้นกำลังนั่งจับขมับตัวเองอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน และยังเป็นที่ทำงานของภรรยาที่จะดูกิจวัตรประจำวันของคุณตาอีวาส แล้วเอาไปพูดต่อที่สมาคมของเธอที่มีสมาชิกเป็นแม่บ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน
เมื่อเรย์วิ่งขึ้นมาถึงหน้าห้องของตา เรย์ก็พบกับสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
“ตา..” เรย์พูดขึ้นอย่างตกตะลึง
“ใช่ ตาเองละ” ตาพูดอย่างเรียบง่ายและไม่ร้อนรนสักเท่าไร
“ตาทำได้ไงเนี่ย”
“ก็เราเป็นอะไรละ เรื่องง่าย ๆ ก็ยังต้องให้บอกอีกหรอ ไม่สมกับที่เป็นหลานตาเลย”
“ก็ตารู้วิธีนิ ผมไม่รู้”
“อ้อ....ใช่ ตาลืมไป เออ...ก่อนที่จะเรียนนะเรย์เราต้องทำข้อตกลงกันก่อน โอเคไหม” เมื่อตาพูดเสร็จตาก็ล้วงเอากระดาษสีขาวออกมา และปากกาออกมา
“ลงชื่อซะ แต่ก่อนที่จะลงชื่อต้องอ่านให้ถี่ถ้วนก่อน เข้าใจมั้ย” เมื่อตาพูดเสร็จก็ยื่นกระดาษกับปากกาให้เรย์ทันที
“งั้นผมอยากจะขอโต๊ะกับเก้าอี้สักตัวครับ” เมื่อเรย์พูดขึ้นตาก็ทำสีหน้าที่บ่งบอกว่ารำคาญส่งมายังที่เรย์โดยอัตโนมัติ และเรย์ก็เริ่มอ่าน
ข้อตกลงในการเรียนเวทมนต์
ข้อที่ 1.ห้ามถามอะไรทั้งสิ้นตอนที่ตากำลังสอนอยู่ ยกเว้นเวลาที่ตาอธิบายเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
ข้อที่ 2.ห้ามใช้เวทมนต์ต่อหน้ามนุษย์ที่ไม่มีเวทมนต์ก่อนได้รับอนุญาต
ข้อที่ 3.จงทบทวนตำราและวิชาที่สอนไป และศึกษาเวทมนต์ล่วงหน้าก่อนที่จะสอน
ข้อที่ 4.ในการฝึกเวทมนต์ต้องไปฝึกที่ห้องตาเท่านั้นเพราะเป็นที่ที่มีเวทมนต์ผนึกกั้นการสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนบ้าน
ข้อที่ 5.ถ้าไม่เข้าใจกรุณาทบทวนอีกรอบก่อนที่จะผ่าฝืนไม่งั้นโดนดี
ลงชื่อ.............................................
(ผู้เรียน)
ลงชื่อFrees bishop อีวาส มาร์แชง
(ผู้สอน)
“ตาให้ผมเซ็นตรงนี้ใช่มั้ยฮะตา” เรย์ชี้ไปตรงที่ลงชื่อผู้เรียนที่อยู่บนกระดาษสีขาวตาก็พยักหน้าอย่างเซ็ง ๆ และเมื่อเรย์เซ็นเสร็จเรียบร้อยแล้วกระดาษก็กลายเป็นนกตัวสีเหลืองทั้งตัวตั้งแต่จะงอยปากจนถึงหางของนกตัวนั้นแล้วนกก็บินออกไปทางหน้าต่างที่เปิดไว้ทันที
“เจ๋ง....ระเบิดเลย” เรย์มองนกตัวนั้นตามไปจนนกตัวนั้นลับขอบฟ้าเรียบร้อย
“เข้าไปห้องตากันเถอะได้เวลาเรียนแล้ว” ตาเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีแล้วก็ผลักเรย์เข้าไปที่ห้องของเขา เมื่อเรย์เข้าห้องที่เขาไม่เคยเข้าไปก็พบว่ามันไม่เหมือนห้องนอนทั่วไป เพราะว่ามันเหมือนห้องสมุดมากกว่าที่จะเป็นห้องนอน ถ้าตาเอามันไปเปิดเป็นห้องสมุดก็สามารถเปิดได้ง่าย ๆ เลยถ้าตาต้องการที่จะเปิด และบรรยากาศในห้องนอน(หรือว่าเป็นห้องสมุดกันแน่)นั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่คาดว่าคงเป็นพวกในนิยายโบราณที่เรย์เคยอ่านมา เพราะสิ่งที่เพิ่งผ่านหน้าเรย์ไปเมื่อกี้ก็คือ เซ็นทอร์ ในชุดสูทที่ทำมาจากเปลือกไม้แต่งด้วยเถาวัลย์ และอีกอย่างที่สะดุดในตัวของเซ็นทอร์ก็คือมันใส่แว่น ที่กำลังเรียงหนังสือให้เข้าหมวดอยู่ที่ชั้นวางหนังสือที่เรียงรายยาวหลายตู้และแต่ละตู้นั้นก็สูงประมาณสิบชั้น และเรย์ก็สังเกตเห็นตัวสีน้ำเงินมีปีกสีใส ๆ อยู่ข้างลำตัวข้างละสองปีกที่กำลังปัดฝุ่นบนหลังตู้และบนชั้นหนังสือ มันคือตัวพิกซี่ แต่ดูเหมือนว่าทั้งตัวเซ็นทอร์และพิกซี่ไม่ได้สนใจว่าการมาของทั้งสองคนเลยสักนิดเพราะว่าเขาทั้งสองกำลังมัวแต่ทำงานของตนเอง
“คุณตาครับพวกนี่เป็นหุ่นยนต์หรือเปล่าครับ ทำไมตาถึงทำได้เหมือนจังเลยครับ” เรย์พูดขึ้น แต่เมื่อเรย์พูดเสร็จทั้งตัวพิกซี่และตัวเซ็นทอร์ก็หันมาสนใจทั้งสองทันที และก้มหัวลงเชิงทักทายให้กับคุณตา ก่อนที่เซ็นทอร์และตัวพิกซี่จะกล่าวทักทายคุณตาพวกเขาก็เหลือบมองไปยังเรย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คุณตา
“สวัสดี ท่านเพอร์ซิมัสและคุณมินนี่” คุณตาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรย์คุ้นเคย
“สวัสดีครับท่าน frees bishop อีวาส มาร์แชง” เซ็นทอร์พร้อมกับก้มหัวลงให้กับคุณตาอย่างเป็นพิธี
“สวัสดีค่ะท่านแล้วท่านก็กรุณาเรียกชื่อของดิฉันให้ถูกด้วยนะเจ้าค่ะดิฉันชื่อว่ามีนาเจ้าค่ะไม่ใช่มีนนี่และสวัสดีเจ้าค่ะคุณหนูเรย์” พิกซี่พูดแบบไม่เคยที่จะหายใจหรือว่าไม่เคยเว้นวรรคในประโยดสักที
“โอ้!!! สวัสดีครับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง ขอรับ ข้ามีนามว่าเพอร์ซิมัส ข้าเป็นเซ็นทอร์ขนานแท้ร้อยเปอร์เซ็น และยังเป็นบรรณารักษ์ของหอสมุดไตรเวทย์แห่งนี้ด้วยขอรับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่งขอรับ” เซ็นทอร์พูดขึ้นและก้มตัวต่ำจนหัวใกล้ถึงพื้นและงอเข่า(หรือว่าขาหน้า)ข้างขวาลง
“เออ...สะ...สวัสดีครับคุณเปอร์เซีย...อะไรนะ” เรย์พูดตะกุกตะกักเพราะว่าเขาเพิ่งเคยพูดกับหุ่นยนต์สัตว์ในตำนานครั้งแรก และกำลังมองหาปุ่มปิดเปิดการทำงานของตัวเพอร์ซิมัสอย่างถี่ถ้วน
“เพอร์ซิมัส ขอรับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่งขอรับ” เพอร์ซิมัสยิ้มให้กับเรย์พร้อมกับก้มตัวต่ำเหมือนเมื่อกี้
“ครับคุณเพอร์ซิมัส” เรย์พูดอย่างเขิน ๆ และพยายามที่จะสังเกตให้เห็นปุ่มปิดเปิดของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้
“นี่ ๆ จะกล่าวทักทายอีกนานรึเปล่าเนี่ยเขาจะได้ไปทำงานต่อได้” มีนาพูดแบบเซ็ง ๆ และยังทำท่าน่าเบื่อให้แก่เพอร์ซิมัสและเรย์
“ใกล้เสร็จแล้วละครับคุณมีนา” เพอร์ซิมัสพูดอย่างอ่อนโยนให้กับมีนาจนเธอออกไปจากกลุ่มสนทนาทันที
“ฉันละเบื่อไอ้เซ็นทอร์ปากหวานนี่จริง ๆ เมื่อไรมันจะเลิกทำอย่างนั้นสักที เฮ้อ..” มีนาพูดทิ้งท้ายโดยที่ไม่สนใจว่าเพอร์ซิมัสจะได้ยินหรือป่าว
“งั้น...ข้าน้อยขออนุญาตไปทำงานต่อก่อนนะขอรับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง” เซ็นทอร์ดูเศร้าใจมากหลังจากที่คุณมีนาพูดแทงใจดำของเพอร์ซิมัสไป
“ครับ” เรย์พูดขึ้น และยังมองหาปุ่มเปิดปิดเจ้าหุ่นยนต์เซ็นทอร์ตัวนี้อย่างไม่ละสายตาไปจากเพอร์ซิมัสและพิสูจน์ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เรย์จึงหยิบส้อมที่หยิบออกมาจากครัวก่อนที่เขาจะไปมีเรื่องกับเจ้าเด็กนั้นที่ซ่อนเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วก็แทงเข้าไปที่สะโพกของเพอร์ซิมัสเพื่อพิสูจน์ทันทีที่เพอร์ซิมัสหันหลังไป
“ฮ้อย ๆ ๆ ๆ” เสียงของเพอร์ซิมัสดังไปทั่วห้องนอนของคุณตา เมื่อเรย์ทิ่มส้อมไปที่สะโพกของเพอร์ซิมัสก็พบว่ามีของเหลวสีฟ้าขุ่นที่ปลายซ้อมกำลังไหลลงมาถึงมือของเรย์ซึ่งทำให้เขารู้สึกของของเหลวอุ่น ๆ แต่เรย์พบว่ามันหายไปในทันทีที่สัมผัสกับมือของเรย์ ซึ่งทำให้เรย์ต้องตกตะลึง แต่เมื่อเขามองกลับไปที่เพอร์ซิมัสอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเพอร์ซิมัสจะกลายเป็นหุ่นยนต์ที่มีเหล็กหนาอยู่ใต้หนังที่ปกคลุมบนเครื่องยนต์แต่สิ่งที่กลายเป็นกีบเท้าของเพอร์ซิมัสที่ยกขึ้นจากพื้น แต่เมื่อเรย์รู้สึกตัวอีกครั้งก็สายเกินไปที่จะหลบกีบเท้าอันมหึมาคู่นั้นได้ทัน เรย์จึงถูกถีบเข้าจัง ๆ ที่บริเวณหน้าอกและท้องเขาถึงกับกระเด็นไปข้างหลังและชนกับพนังห้อง แต่มันกลายเป็นฟูกนอนที่ลอยขึ้นมารองรับเรย์แทนจึงทำให้เขาไม่ค่อยจะบาดเจ็บมากซักเท่าไรยกเว้นที่หน้าอกและท้องที่ตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพที่ปั่นป่วนและจุก เหมือนมีคนเอามือมาบีบเอาไว้
“ฮึ --- สมน้ำหน้า เป็นไงละสมควรแล้วที่โดนแบบนั้นชอบหาเรื่องดีนัก แต่นั้นนะใครเป็นคนทำ” ตาชี้ไปที่ฟูกที่นอนที่รองรับเรย์อยู่ข้างหลังเรย์ และตามด้วยเสียงหัวเราะที่มีความพอใจเป็นอย่างมากของคุณตาอีวาส แต่ว่าเสียง ๆ หนึ่งก็อุทานขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่ทั้งเสียงของมีนาหรือเป็นเสียงที่โอดครวนของเพอร์ซิมัสเพราะว่าพอถีบเรย์เข้าจัง ๆ อย่างนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็รีบหนีเข้าไปที่ป่าของห้อง(หรือว่าเป็นป่าหนังสือดี) เพราะว่ามันเป็นเสียงที่แหลมสูง จนทำให้คุณตาและเรย์ปิดหูในทันที เมื่อเสียงนั้นหายไปทั้งสองจึงเอามือค่อย ๆ ออกจากหูอย่างระมัดระวัง และพบกับสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้อย่างเหลือเชื่อ มันเป็นหนังสือที่ธรรมดาแต่มันไม่ธรรมดา คือมันลอยได้และที่ปกหนังสือมีสิ่งที่เหมือนกับใบหน้าของคนปรากฏอยู่ที่มีทั้งคิ้ว จมูก ตา ใบหน้า และปากที่หนา ทั้งเล่มถูกห่อด้วยเปลือกไม้ที่นำมาเย็บใส่กันเพื่อให้อยู่และนำไปติดบนแผ่นกระดาษที่ทำหน้าที่เป็นปกของหนังสือเล่มนั้นซึ่งทั้งเล่มมีสีน้ำเงินเข้มทั้งเล่มและหนามาก หนังสือเล่มนั้นก็กำลังลอยมาหาเรย์ที่กำลังยืนตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่ด้านหน้าที่ลอยตรงมาหาเรย์จนเกือบชิดกับใบหน้าของเรย์จึงหยุด เรย์พบว่าหนังสือเล่มนี้เป็นผู้ชาย(ถ้าหากว่าหนังสือมีการแบ่งเพศนะ)ที่มีอายุมากแล้ว
“ออกไปให้ห่างจากหลานของข้าเดี่ยวนี้” คุณตาตะโกนใสเจ้าหนังสือเล่มสีน้ำเงินที่กำลังลอยมาหาเรย์ พร้อมกับคว้าไม้เท้าไมโลก๊อนท์จากกลางอากาศแล้วเดินข้ามห้องไปหาหนังสือเล่มนั้น แต่ว่าหนังสือเล่มนั้นก็ไม่สนใจเสียงตะโกนข้ามของของคุณตา
“เจ้านิ..เหมือนกับพ่อของเจ้ามาก ๆ เลยนิ ข้าละคิดถึงเจ้าเพื่อนตัวน้อย ๆ ของข้าจังนิ เล่นกันทุกวัน ๆ เลยนิ” เจ้าหนังสือพูดอย่างมีเสศนัย และหันเข้าไปพูดกับคุณตา
“ข้านิคือสมบัติของท่าน Master อาร์มัส มาร์แชง และท่านได้มอบข้าให้เป็นมรดกของเด็กคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และข้าจะฟังแต่คำสั่งของเด็กคนนี้เท่านั้น เจ้าเข้าใจมั้ยนิ ไอ้คนไม่เข้าใจนิ”
“ข้าไม่เข้าใจอะไรมิทราบฮึ เจ้าหนังสือนอกคอก”
“ก็เจ้าไม่เข้าใจว่าข้ามีดีอะไรนิ และเจ้ายังไม่เคยเปิดข้าเลยแม้แต่นิดเดียวนิ” เจ้าหนังสือพูดขึ้นด้วยความยิ่งทะนง
“ก็...ข้า..เออ..ก็ข้าไม่อยากเปิดดูเจ้านิ และเจ้าก็ไม่มีคุณค่าอะไรที่น่าอ่านแม้แต่นิดเดียว” ตาพูดขึ้นพร้อมกับกำไม้เท้าให้กระชับมือให้มากขึ้นเผื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา แต่ก่อนที่ทั้งสองจะปะทะกันอีกครั้งเรย์ก็ได้โอกาส
“นี่...มันเกิดอะไรขึ้นนนน...ผมงงไปหมดแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันเป็นเรื่องจริงหรือป่าวเนี่ย” ดูเหมือนว่าทั้งฝ่ายตาและฝ่ายหนังสือตจะนิ่งเงียบกันไปนานมากซึ่งทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน จนกระทั้งผู้ที่ทำลายความเงียบคือมีนาที่ปัดฝุ่นอยู่ทำแจกันที่อยู่หลังตู้หล่น แต่เธอก็รับไว้ได้ทันด้วยเวทมนต์ของเธอ(ที่จริงแล้วเธอกำลังฟังการเถียงกันระหว่างคนที่มีอายุประมาณหกสิบปีเศษ ๆ กับหนังสือที่มีอายุราวร้อยกว่าปีในเรื่องไม่เป็นเรื่อง)
“เออ....”ในที่สุดก็มีคนทำลายความเงียบสักที
“ตาว่านะเรย์นี่เป็นเรื่องจริงทั้งหมดตั้งแต่ที่เธอพบมา เพราะว่าแม่ของเธอต้องการเช่นนี้ และพ่อของเธอก็เช่นเดียวกัน” ตาพูดอย่างสำนึกผิด
“แต่ว่าตากับเจ้าหนังสือนี่ต้องมีเรื่องที่ต้องจัดการกันก่อนนะสิ”ตาหันหน้าไปหาทางเจ้าหนังสือแต่ก็ต้องหันกลับมาหาเรย์
“แล้วมีเรื่องอะไรหรอครับตา” เรย์ถามตา
“ข้าว่าเจ้าน่าจะเล่าความจริงนิ ไอ้แก่” หนังสือพูด
“แก...ว่าใครแก่ แกนั้นแหละที่แก่กว่าฉันอีกฮึ” คุณตาพูดอย่าโมโหให้แก่เจ้าหนังสือปากอยู่ไม่สุข
“ก็ได้...แต่ว่าเจ้าต้องแนะนำตัวก่อนสิ เรย์จะได้รู้เรื่องและฉันรักษาให้เขาเอง” พอตาพูดเสร็จตาก็ยื่นมือไปที่หน้าของเรย์ห่างจากหน้าของเขาประมาณหนึ่งถึงสองเซนติเมตรแล้วไล่มือจากหัวของเขาไปถึงหน้าอก และเรย์ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นในร่างกายของเขาเพิ่มมากขึ้นและตัวของเขาก็เย็นลงและพบว่าส่วนที่เขาเจ็บอยู่ก็หายไปในทันทีที่ตาเอามือออก
“สมคำล่ำลือจริง ๆ นิท่าน frees bishop อีวาส มาร์แชง” หนังสือพูด
“ขอบใจ” คุณตาก้มหัวให้กับหนังสือที่เพิ่งทะเลาะกันไป
“งั้น...เธอคงดีขึ้นแล้วนะเรย์” คุณตาพูดด้วยความเป็นห่วงว่าเรย์จะถูกเพอร์ซิมัสเตะจนเป็นอะไรหรือเปล่า
“ผม...โอเค ดีครับตา” เรย์พูดพร้อมกับเอามือลูบไปที่ท้องและหน้าอก
“งั้นข้าเริ่มเลยนิ ข้าเป็นหนังสือของท่าน Master อาร์มัส มาร์แชง และตอนนี้ข้านิเป็นของเจ้า ข้านิคือหนังสือเวทย์หรือตำราเวทมนต์ที่ผู้เป็นพ่อของพ่อของพ่อเจ้านิเป็นผู้เสกข้าขึ้นมาเพื่อเป็นของขวัญประจำตระกูลของเรา เพื่อทำการสอนเวทย์ให้แก่ลูกหลานของตระกูลของเรา เอาล่ะข้าขอแนะนำชื่อของข้านิชื่อว่า เดียร์ เป็นหนังสือที่ว่าด้วยศาสตร์แห่งเวทมนต์ทุกประเภท และข้านิก็จะเป็นผู้ช่วยสอนเจ้าอีกแรงนิ และข้าจะสอนเจ้าสิ่งที่เจ้าไม่เข้าใจในโรงเรียน.....ลืมอะไรรึเปล่านิ...หน่อ....อ้อ..ใช่แล้วนิ อันที่จริงเราไม่ใช่ตระกูลมาร์แชงนิ แต่ว่าพ่อเจ้าก็คงมีชะตาเหมือนเจ้านั้นแหละก็เลยมาอยู่กับตระกูลมาร์แชงและนายหญิงของตระกูลนี้อยากได้เด็กชายมาเป็นลูกดังนั้นพ่อเธอก็เลยเปลี่ยนเป็นมาร์แชงนิ” หนังสือเดียร์พูดอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วตระกูลพ่อผมมีชื่อว่าอะไรละครับ” เรย์ถามขึ้น
“เออ...ข้านิ...ก็...เออ...จำไม่ได้ เพราะว่าฉันถูกพรรณการไว้ว่าห้ามพูดจนกว่าผู้ที่รู้ว่าเป็นเจ้าของของข้าและรู้ว่าชื่อของตระกูลเท่านั้นถึงจะอนุญาตให้ข้าพูดได้นิ” เดียร์พูด
“ต่อไปตาแกพูดความจริงแล้วนะนิ”
“งั้นตาจะเล่าให้ฟังนะ พอพ่อของเจ้าเข้ามาในบ้านของเราและเปลี่ยนนามสกุลเรียบร้อยแล้วเขาก็พบกับลูกสาวของฉันชื่อว่าดอฟฟิน และดอฟฟินก็คือแม่ของเธอ ทั้งสองได้เรียนเวทมนต์จากฉันไปเท่า ๆ กัน และทั้งสองก็ตกลงมาเป็นแฟนกันพอพวกเขาเรียนจบแล้วก็แต่งงานกัน ทั้งสองแต่งงานกันได้ประมาณสามเดือนก็มีหลานให้ข้าอุ้มเด็กคนนั้นก็คือเจ้า เรย์ ข้าดีใจมากที่ได้หลานชาย แต่พอเจ้าเกิดได้ไม่กี่วันโลกของเราก็เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นเป็นสงครามที่แย่งชิงพลังอันยิ่งใหญ่และทรงพลังมากดังนั้นฝ่ายมืดจึงต้องการพลังนี้มาก พ่อกับแม่ของเจ้าเป็นผู้ที่มีพลังเวทอันดับต้น ๆ จึงออกไปสู้กับจอมมารวูฟ และ....” คุณตายังพูดไม่เสร็จก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นมาท่ามกลางการสนทนานี้
“เดียวตาไปเปิดประตูก่อนนะ” เมื่อตาพูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นออกจากห้องไปและเสื้อผ้าของตาก็กลายเป็นชุดเดิมทันทีที่ออกจากห้อง แต่ตาก็ไม่ลืมที่จะเอาไม้เท้าไปด้วย เมื่อคุณตาออกไปก็ไม่ได้เกิดการสนทนากันระหว่างเดียร์กับเรย์อีกเลย จนกระทั้งตาเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“เอาล่ะเรามาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่านะไม่งั้นจะไม่ทัน” ตาพูดขึ้นตอนเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว
“แต่ว่าตายังเล่าไม่จบเลย” เรย์แย้งขึ้น
“จะเล่าเมื่อไรก็ได้ไม่ใช่รึ อีกอย่างสิ่งนี้สำคัญกว่าการเล่าเรื่องนั้นอีกนะ จริงมั้ยเดียร์” ตาหันไปหาเจ้าหนังสือ แล้วเจ้าหนังสือนั้นก็พยักหน้าตอบ
“ใช่แล้วนิมันสำคัญมาก ๆ เลยรู้มั้ยนิ เพราะว่าตระกูลมาร์แชงนี้นะจะต้องสอนเวทย์ให้แก่ลูกหลานจะเข้าโรงเรียนนะสินิ” เดียร์พูดอย่างหนักแน่น
“และอีกอย่างเรื่องนั้นนะข้าจะเล่าให้เจ้าฟังก็ได้เมื่อไปถึงโรงเรียนแล้ว”
“งั้นเรามาเริ่มกันเลย” ตาพูดขึ้น
“แล้วอะไรสำคัญหรอครับ” เรย์ถาม
“ก็การเข้าโรงเรียนเวทมนต์ ฮัสก้า ที่มีชื่อเสียงนะสิ และพ่อกับแม่ของเจ้าก็เรียนจบมากจากที่นั้นด้วย เพราะว่าผู้ที่เข้าเรียนนั้นจะต้องมีอายุสิบสามปีขึ้นไปถึงจะเข้าเรียนได้นะ” ตาพูดอย่างตืนเต้น
“แล้วโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ละ แล้วเพื่อน ๆ อีกละพวกเขาจะคิดยังไงถ้าผมลาออก” เรย์พูดด้วยความเสียใจ
“ไม่ต้องห่วงเรย์ ตาลาออกให้เรียบร้อยแล้วและไม่ต้องห่วงเรื่องเพื่อนหรอกเดียวตาจะส่งจดหมายไปให้พวกนั้นเอง ตารับรองว่าโรงเรียนฮัสก้าดีแน่ ๆ เชื่อตาสิ” ตาพูดอย่างตื่นเต้นยิ่งขึ้น
“แต่ว่า....ตาว่านะนี้มันก็ถึงเวลาน้ำชาแล้วละเราไปทานน้ำชากันก่อนเถอะ” พอตาพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนทันที
“งั้นเรย์จะอยู่ในห้องนะฮะ และตาฮะซื้อขนมมาฝากผมด้วย” เรย์สั่งตา
“โอเค” ตาตอบ และก็ออกไปจากห้องทันที ส่วนเรย์ก็เดินเข้าไปที่ชั้นหนังสือชั้นแรกที่วางไว้หน้าห้องข้างประตู
“ถ้าเป็นข้านิข้าจะเดินไปที่หมวดพื้นฐานก่อนนิ” เดียร์แนะนำ และเรย์ก็ทำตาม ชั้นหนังสือหมวดพื้นฐานนั้นอยู่ข้างในที่ลึกมากในห้องของตาและชั้นของหนังสือเกือบจะเป็นชั้นที่อยู่สุดห้องของคุณตาเลยก็ได้ พอเรย์เข้าไปถึงก็พบกับเพอร์ซิมัสที่กำลังเรียงหนังสืออยู่
“สวัสดีครับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่งจะให้เพอร์ซิมัสรับใช้อะไรหรือครับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง” และเขาก็ทำกริยาเดิมที่เห็นเรย์
“เออ...อยากรู้ว่าชั้นไหนคือชั้นหนังสือหมวดพื้นฐานนะครับ” เรย์พูดอย่างหวาดกลัว
“อ้อออ....คงจะเป็นตำราที่ว่าด้วยการฝึกเวทมนต์ขั้นพื้นฐานสินะครับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง งั้นตามผมมาทางนี้เลยครับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง” เพอร์ซิมัสพูดอย่างน้อบน้อม และไม่มีท่าทีที่ทำให้เรย์รู้สึกว่าเพอร์ซิมัสจะโกรธเรย์เลย เพอร์ซิมัสนำทางเรย์ไปและพบกับชั้นหนังสือที่อยู่หลังสุดของห้องแห่งนี้ และเพอร์ซิมัสก็ยื่นมือไปจับตำราเล่มหนึ่งที่อยู่บนสุดทางขวามือสุดที่อยู่ชั้นบนสุด(นี่คงจะเป็นหนังสือเล่มแรกที่มีสินะถึงจำได้)เรย์คิดในใจ
“นี่ขอรับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง” เพอร์ซิมัสยื่นหนังสือให้กับเรย์ทั้งหมดแปดเล่ม คือ ตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยการใช้พลังเริ่มแรก ,ตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยวิชาการต่อสู้ด้วยเวทมนต์ ,ตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยวิชาคาถา ,ตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยวิชาการรักษา ,ตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยวิชาเวทศักดิ์สิทธิ์ และตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยวิชาภาษาเวทย์ ,ตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยการใช้พลังขั้นสูง ,ตำราเวทมนต์ขั้นพื้นฐานว่าด้วยการแก้คาถาและคำสาป
“นี้คือตำราเวทย์ที่ว่าด้วยวิชาที่คุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง ต้องเรียนที่โรงเรียนฮัสก้า ขอรับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่ง และคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่งไม่จำเป็นที่จะต้องเดินมาเองก็ได้นะขอรับ กรุณาเรียกผมแล้วเพอร์ซิมัสจะหามาให้คุณหนูเองขอรับ ยินดีที่ได้รับใช้ขอรับคุณหนูเรย์ มาร์แชง บุตรแห่ง Master และ Minister มาร์แชง อันสูงส่งขอรับ” เมื่อเพอร์ซิมัสพูดเสร็จแล้วเขาก็เดินนำทางให้แก่เรย์เพื่อออกจากเขาวงกตชั้นหนังสือนี่ เมื่อเรย์ออกมาจากเขาวงกตหนังสือได้เรียบร้อยแล้วเขาจึงหันไปขอบคุณเพอร์ซิมัสที่พาเขาออกมาและพบกับคุณตาที่กำลังนั่งคุยกันอยู่กับเดียร์ พอเมื่อทั้งสองเห็นเรย์ออกมาแล้วคุณตาจึงลุกขึ้นแล้วบอกว่า
“เรย์...ต่อไปนี้หลานจะต้องย้ายห้องมาอยู่ที่ห้องของตานะ เพื่อที่เจ้าจะได้มีโอกาสศึกษาได้เต็มที่ และตาย้ายของมาให้เรียบร้อยแล้วนะไม่ต้องเป็นห่วง...
ความคิดเห็น