ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic Y: Shinhwa ตามล่าดาราในฝัน

    ลำดับตอนที่ #6 : act 6 ridy -1

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 52


    วันสุดท้ายของสัปดาห์เวียนมาถึงอีกครั้ง การเรียนเปียโนกับครูที่อายุอ่อนกว่าถึง 2 ปีต้องเริ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากรับเล่นละคร “The Pianist” เอริคก็ต้องกลุ้มใจกับบทบาทของ นักเปียโนผู้เดินตามความฝันและประสบความสำเร็จตั้งแต่ด้วยวัยเพียง 30  แต่กลับล้มเหลวในเรื่องความรัก มันเป็นบทที่แตกต่างจากละครเรื่องแล้ว ๆ มา ด้านนิสัยของตัวละครที่ต้องสวมบทบาทก็เรื่องหนึ่ง แต่เล่นเปียโนนี้สิเรื่องใหญ่เลยละ ถ้าเพียงแต่ตอนเด็กๆเขาจะตั้งใจเรียนซักหน่อย ก็คงจะดี
    .
    ไม่สิ...ถ้าเพียงเค้าจะชอบเปียโนมากขึ้นซักนิด
    .
    หรืออาจจะดีกว่าถ้า...แกจะไม่โง่ภาษาอังกฤษ จอนจิน!
     
    เอริคยืนมองรถไฟที่ผ่านไปเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า กับผู้คนที่เบียดเสียดแย่งกันขึ้นรถไฟเพื่อให้ทันเวลาเข้างานหรือไม่ก็เวลาเข้าโรงเรียน  นี้เป็นครั้งที่สองและจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขายอมให้จอนจินลากมาวิ่งจ้องกิ้งตั้งแต่พระจันทร์ยังไม่ลับขอบฟ้า
     
    “ถ้าไม่กลัวหลงเหมือนครั้งที่แล้ว ฉันไม่มาขึ้นแกหรอก ไอ้รถไฟบ้า!!” เอริคอยากตะโกนให้ดังลั่นสถานีจนใจจะขาด แต่ทำได้แค่ตะโกนดัง ๆ ให้ตัวเองได้ยินคนเดียว ก่อนขายาวจะก้าวเข้าไปยืนพิงประตูอีกฝั่งของรถไฟสายที่ 5 มุ่งหน้าสู่สถานีกวางฮวามุนเป็นสถานีถัดไป  
     
    ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ.... เสียงเตือนก่อนประตูปิด
    ร่างเล็กวิ่งเข้ามาในรถไฟได้อย่างเฉียดฉิว เธอยืนหอบจนตัวโยงอยู่หน้าประตูสอดส่ายสายตามองหาที่ยืนเหมาะ ๆ สักที นับว่าเป็นโชคดีของเธออีกครั้งบริเวณด้านหน้าเขามีที่ว่างพอที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะยืนได้พอดี และเธอพยายามเบียดตัวแทรกเข้ามาไปได้สำเร็จ
     
    เอริคมองเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างด้วยความรู้สึกคุ้นตาแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จนกระทั้ง
    “โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ” ร่างเล็กถูกเบียดจนเซมาชนกับเขา
    “ไม่เป็นนะครับ”
    “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณ”
    เธอไม่แม้จะหันมาดูว่าคนที่ชนเป็นใคร คงเพราะถูกเบียดจนขยับไม่ได้ เอริคจึงยังไม่ได้ปล่อยมือจากเธอในทันที
    แต่กลับผลิกให้ตัวเธอมายืนแทนที่เขา ส่วนตัวเองก็หันหลังรับแรงเบียดไว้ซะเอง
     “แอนดี้!”  สีหน้าเอริคค่อนข้างตกใจ เมื่อพบว่าใครคือคนที่เขาช่วยไว้
    “นะ..นาย!”  ปากที่กำลังจะเอ่ยถูกปิดเบา ๆ ด้วยฝ่ามือของเอริค
    “เธออาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นะ แต่ก็ขอให้ทนอยู่แบบนี้ไปสักพักก่อนแล้วกันนะ”
    แอนดี้พยักหน้ารับ หลบหน้าไม่กล้าสบตา ส่วนเขาแม้จะหันหน้าไปทางอื่นแต่ก็ชำเลืองใบหน้าขาวนั้นอยู่ตลอดเวลา
    ทั้งคู่อยู่ในสภาพนั้นจนถึงสถานีดงแดมุน สเตเดียม ซึ่งผู้โดยสารเดินออกจากรถไฟจำนวนมาก แต่ผู้โดยสารใหม่ที่เดินเข้ามากลับมากยิ่งกว่าเสียอีก เอริคไม่ทันระวังถูกดันไปกระแทกเข้ากับแอนดี้อย่างจัง หน้าที่เคยอยู่ห่างกันเป็นคืบใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายอุ่น ๆ ขออีกฝ่าย
     “ไม่เป็นไรใช่มั้ย” ริมฝีปากหนาเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาอยู่ใกล้ใบหูขาวที่ตอนนี้กลับขึ้นสีแดง หากไม่มีผมสีช็อคโกแลตปิดอยู่เอริคคงจะได้เห็นมัน
    “แล้วโอป้าละค่ะ”
     แอนดี้ถามกลับอย่างห่วงใย  และไม่ใช่เพียงน้ำเสียง ดวงตาสุกใสที่จ้องมองมาเขาบ่งบอกความรู้ไม่ต่างจากคำพูด
     
    แก้มเนียนสีแดงระเรื่อ จมูกโด่ง ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มเคลือบด้วยริปกรอสสีชมพูบาง ๆ เขาจ้องพินิจพิจารณาราวกับเป็นเครื่องสแกนเนอร์
     
    สวยจน...อยากจะทิ้งรอยจูบเอาไว้
     
    รสชาติจะหวานปานใดหากได้ลิ้มลอง
     
    เหมือนคำถามที่ไม่ต้องการความเห็น และไม่อยากได้คำตอบ
     
    ริมฝีปากหนาบรรจงจูบริมฝีปากสวยอย่างแผ่วเบา
    .
    ..
    แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างของห้องชุดสุดหรู กระทบใบหน้าคมให้ตื่นรับอรุณวันใหม่อย่างไม่เต็มใจ ร่างใหญ่ขยับกายอย่างช้า ๆ กระพริบตาปรับแสงจนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน  
     
    เช้าสว่างสดใส แต่ทุกอย่างกลับมือมัว
     
    เกิดอะไรขึ้นในคืนที่ผ่านมา
     
    เพราะอะไร?
     
    คำถามเดียวกับซ้ำซากทุกวันแต่ไม่มีวันไหนเลยที่มีคำตอบ
     
    นับ 4-5 คืน ที่ถูกบุกรุกและล่วงละเมินความเป็นส่วนตัว จากคน ๆ เดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าคน ๆ นี้ไม่ว่างมาก ก็เกลียดเค้าเข้ากระดูกถึงตามมาป่วนได้ทุกคืน และเค้าก็คิดว่าน่าจะต้องเป็นข้อหลัง เพราะในยามตื่นคนในฝันเจอกันไม่เคยพูดดี ทำหน้าหงิกตลอดเวลา
     
    แค่ไม่ได้ครูสาวสวยอย่างที่ต้องการก็น่าหงุดหงิดพอ ยังต้องมาเจอแบบนี้ ต่อให้อยากเรียนเปียโนใจจะขาดก็พาลหมดอารมณ์เรียนได้เหมือนกัน ยิ่งนึกก็ยิ่งหงุดหงิด มาเมื่อไหร่จะแกล้งให้หน้าหงิกกว่าเก่าเลยคอยดู ไม่ซิตามจอนจินไปแกล้งถึงที่บ้านเลยดีกว่า
     
    ร่างใหญ่ฟึดฟัดออกจากห้องด้วยท่าทีขึงขังแต่ทันทีที่เปิดประตูก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไร้เงาของเจ้าของห้องอีกคนมีเพียงกระดาษโน๊ต 2 ใบ ไว้ดูต่างหน้า
     
    ใบแรกเป็นข้อความสั้น ๆ ตามแบบฉบับของคนเขียน
    ส่วนใบที่สอง ยาวกว่าหลายบรรทัดไม่น่าจะคิดเอง
    ร่างใหญ่คว้ามาทั้งหมดเดินไปยังโซฟาพร้อมน้ำในมืออีกขวด
     
    นั่นแน่ !! กะแล้วว่าฮยองต้องเปิดตู้เย็นก่อน
    ผมไปวิ่งจ๊อกกิ้งก่อนนะ แล้วเจอกันค่ำ ๆ
                                                         จินนี่
     
    อ้อ! ลืมไป
    อย่าทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง ตั้งใจเรียนให้มาก ๆ
    ห้ามดื้อกับแอนดี้โดยเด็ดขาดเค้าเป็นว่าทีน้องเมียผม555+
    ประโยคหลังผมเติมเองแหละ  คิก ๆ
    ผู้จัดการฮยองเข้าฝากมา
    แต่ว่าที น้องเมีย ผมเอาจริงนะ
                                                               จินนี่ คนเดิม
     
                                                             
    “แอนดี้” ร่างใหญ่พึมพำ จิตใจจดจ่ออยู่กับเจ้าชื่อในกระดาษมากกว่าคำสั่งของผู้จัดการเสียอีก มือหนาเผลอยกลูบริมฝีปาก ความฝันเมื่อคืนตามมาหลอกหลอนแค่เพียงเห็นชื่อ แล้วผลันความหงุดหงิดก่อนหน้านี้หายไปกลายเป็นความใคร่รู้และสงสัย
     
    แอนดี้ เด็กสาววัยสดใสน่ารัก อายุ 16 ปี ที่ไม่คิดแม้แต่จะยิ้มทักทาย หรือหลงไหลไปกับร้อยยิ้มอันทรงสเน่ห์ที่สาว ๆ เห็นเป็นต้องหลงรัก อาจเป็นไปได้ว่านั้นคือวิธีเรียกร้องความสนใจจากเค้าก็เป็นได้
     
    อันไหนคือเหตุผลที่แท้จริง
     
    เกลียด หรือเรียกร้องความสนใจ
     
    ร่างใหญ่นั่งคบคิด พยามใช่เหตุผลมาหักล้างเพื่อหาคำตอบที่เหมาะสม และน่าจะถูกต้อง โดยมิทันรู้ตัวจิตใจก็โอนเอนไปทางข้อหลังตามนิสัยของคนหลงตัวเอง และคิดจะทำบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเอาซะเลย
     
    “ไม่ได้นะเอริค แอนดี้รู้อาจเกลียดนายจริง ๆ ก็ได้เอริคในคราบของเทวดาตัวน้อยท้วงติง
     
    “ไม่ได้ชอบเด็กนั้นจริง ๆ นายจะแคร์ทำไมปิศาจเอริคตัวจิ๋วทำหน้าที่ยุยงส่งเสริม
     
    “นั้นยิ่งไม่สมควรใหญ่ 
     
    “แค่พิสูจน์จะเป็นไรไป อย่าไปสนใจกับเรื่องหยุมหยิมแบบนั้นเลย
     
    “ถามแอนดี้ตรง ๆ ก็ได้นี้
     
    "ใช่แล้ว ทำไมต้องทำอะไรให้ซับซ้อนด้วย"
     
    “กว่าจะได้คำตอบ นายคงโดนแกล้งจนสาแก่ใจ วิธีนั้นแหละดีแล้ว อยากมากนายทำเป็นคบเล่น ๆ ไปก่อน แล้วค่อยเลิก
     
    "นั้นสิเป็นฝ่ายแกล้งมันสนุกกว่า"
     
    “นายไม่ควรจะล่อเล่นกับความรู้สึกนะ แอนดี้ไม่ใช่สเป็คนาย อย่าทำเลยนะเอริค"
     
    “ถึงไม่สวย แต่ก็น่ารักไม่ใช่รึมองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ โดยเฉพาะเวลายิ้ม นายไม่อยากให้แอนดี้ยิ้มแบบนั้นให้บ้างเหรอ
    "จะว่าอย่างนั้นมันก็ใช่ ..."
     
    “แบบนั้นอาจทำให้เสียร้อยยิ้มนั้นไปตลอดการ นายจะทำผิดซ้ำซากอีกไม่ได้
     
    “อย่าไปฟัง เชื่อฉัน ทำตามอย่างที่นายเคยทำ เหมือนตอนนั้นตอนที่นายยังเด็ก
     
    "ตอนเด็ก? ฉันทำอะไร?"
     
    “เอริค นายไม่ควรลืมน้ำตาของเด็กคนนั้น
     
    “หยุด! พอแล้ว เลิก! ความผิด? เด็กคนนั้น? ใคร? ออกไปซะ ออกไป ออกไปจากหัวฉันให้หมด”
    เอริคปัดแขนราวกับกำลังทะเลาะอากาศ ก่อนที่เสียงทั้งเทวดาและปีศาจจะเงียบหายไป แหงนมองเพดานที่ขาวโพลนเปลือกตาหนาปิดลงพร้อมกับกำหนดลมหายใจ
     
    หายใจเข้า E
    หายใจออก T
     
    หายใจเข้า...ส่งสัญญาณหาดาวแม่
    หายใจออก...รับสัญญาณจากดาวแม่
    .
    .
    .
    เอริครวบรวมสติอยู่ได้พักใหญ่พอที่จะสรุปอะไรต่ออะไรได้ เสียงออดก็ดังขึ้น แต่ก็ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นนับเป็น 10 ๆ ครั้ง แม้แต่ละครั้งคนด้านนอกจะออกแรงกดมากเพียงใด ก็ทำเป็นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
    ....
    คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่นักหรอกหากจะต้องรอใครซักคนเป็นเวลานาน ๆ  ยืนเฉย ๆ  ไม่ได้เสียพลังงานแค่เมื่อยนิดหน่อย แต่กับคน ๆ นี้นาทีเดี่ยวผมไม่อยากจะรอ  
     
    ออดหน้าประตูจึงถูกผมกดแถบนับครั้งไม่ถ้วนเร่งให้คนข้างในมาปิดประตูไว ๆ  แต่ผ่านไปหลายนาทีประตูตรงหน้ายังคงปิดสนิท และผมยังยืนอยู่ที่เดิม ที่เดียวกับศุกร์ที่แล้ว ต่างกันก็แค่เวลา
    มือถือ กลายเป็นความหวังเดียวที่มี ผมกดหาเบอร์เจ้าของห้องที่เมมไว้อย่างดี ด้วยชื่อที่ไม่ทางจะโทรผิดอย่างแน่นอน  ไม่ถึงวิทางนั้นก็รับสายด้วยเสียงอันไพเราะ
     
    “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้...”
     
    ผมยกเลิกสายพร้อมส่งเท้าไปกระทบประตูดังโครมใหญ่  แทบอยากจะฆ่าคนข้างใน แต่ก็เข้าไปไม่ได้ ทั้งหงุดหงิด
     
    อารมณ์เสีย
     
    และก็โมโห
     
    เฮ้ออ~ จะทำยังไงกับมนุษย์ต่างดาวคนนี้ดี
    .
    .
    กลับบ้านดีกว่า   
     
    ผมหันหลังกับประตูบานเดิมไม่ต่างจากศุกร์ที่แล้ว ต้องกลับบ้านโดยที่ไม่ได้สอนอะไรอีกตามเคย เวลาที่จะหมดสัญญาก็ต้องเลื่อนออกไปอีกแล้วซิเนี้ย  สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเดิน แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นอันต้องหยุดไว้ ก่อน ผมมีบ้างสิ่งที่มันไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้
     
    ผมหยิบเจ้าสิ่งนั้นติดมือออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค๊ด  มันคือกระดาษโน๊ตรูปลูกหมีน่ารัก มาก ๆ ขอความข้างในก็เขียนด้วยลายมือที่อ่านง่าย สวยงาม ไม่ใช่ข้อความที่จะเขียนกันลวก ๆ  แสดงว่าคนเขียนเตรียมการไว้ล่วงหน้า
     

    มันอาจจำเป็นสำหรับนาย
    XXXX
    01X-XXX-XXXX
                                                              จองฮยอนฮยอง
     
                     
     
     
     

     
     
     
     

    ล่างสุดนั้น คือ เบอร์โทร แต่ตัวเลขสี่ตัวบน มันคืออะไร จำเป็นกับผมซะด้วย  จะว่าฮยองเขาใบ้หวยก็ไม่น่าใช่นะ หวยมันมีแค่ 2 กับ 3 ตัว  รึว่าจะเป็น...
    รหัส...
    ผมหันหลังกลับไปยังประตูที่เพิ่งเดินจากไม่ถึง 5 นาที กดตัวเลขบนเครื่องกดรหัสไปตามกระดาษทั้งที่ไม่มั่นใจเลยว่าจะใช่ ถ้าใช่ขึ้นมาจริง ๆ ความฝันที่จะเข้าไปฆ่าคนข้างในก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป แถมผมยังจะได้ทบต้นทบดอกคราวเดียวกัน
     
    หลังกดรหัสเสร็จผมตั้งท่าเปิดประตูเต็มที่ กะว่าเปิดปั๊บ บุกปุ๊บ ประชิดให้ถึงตัวแบบหนีไปไหนไม่ทัน คราวที่แล้วมาโกหกได้ว่าหลงทาง ไปวิ่งทุกวันจะหลงได้ไง ดูซิคราวนี้จะอ้างว่าอะไร
     
    แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
     
    ประตูที่ไม่มีทีท่าว่าเลยจะเปิดออกตั้งแต่ต้นกลับเปิดกว้างในเวลาเดี่ยวกับที่ผมจะเปิดมัน แรงเปิดจากฝั่นนั้นแทบจะเป็นแรงกระชาก ผมที่ตัวไม่ได้ใหญ่แต่ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ เซทลาหน้าทิ่มไปที่อกของเจ้าของแรงนั้น
    อ๊ะ!  โป๊ก!
    โอ๊ย! TT^TT หัวผม~
    “บุกรุกบ้านคนอื่น แล้วยังทำร้ายเจ้าของบ้านอีก” คนพูดเอามือลูบคางไปด้วย ฝั่งนั้นก็คงเจ็บเหมือนกัน
    “นายเปิดมันทำไมละ ~” โวยวาย มือยังกุมบริเวณที่เจ็บ
    “ถ้าไม่เงยหัวขึ้นมาก็ไม่เจ็บตัว”
    “คนมันตกใจนิ อยู่ ๆ ประตูก็เปิด แถมนายยัง..ยืนขว้างไว้อีก เสื้อผ้าก็ไม่ใส่ให้เรียบร้อย”
    “คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็แบบนี้แหละ เจ็บมากรึไง
    “มาโดนบ้างมั้ยละ คนอะไรคางแหลมชะมัด”
    “ไหนมาดูซิแตกรึเปล่า”
    “เกิดจะนึกสงสารอะไร ขึ้นมาละ” มองอย่างเคือง ๆ
    “มาเถอะนะ” แขนยาวโอบรอบเอวเล็กดึงเข้าหาลำตัว
    “ทำอะไรของนาย นะ”  เอนตัวออก ขืนไว้อย่างอัตโนมัติ รู้สึกไม่ชอบมาพากล
    “ก็จะดูหัวให้ไง ก้มลงมาซิ ”
    “ไม่เอา ไม่ให้ดู ไม่ต้อง”  
    “อยู่นิ่ง ๆ ซิ จะดิ้นทำไม” ทำเสียงดุ พร้อมกระชับแขนให้แน่นขึ้นอีกนิด
    “ก็ปล่อยซิ!”  ตวัดเสียงตอบ
    “คนหล่อ กอดไม่ชอบรึไง” ยืนหน้าถาม มองให้ความรู้สึกชวนขนลุก
    “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่นายจะมาถือโอกาสลวนลามนะ”
    “ตรงไหนละ”
    “ก็ทุกที่นั้นแหละ!”
    ใบหน้าคมขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำตอบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×