คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : part 4 สี่ความรัก สี่คน
“ไหนนายว่าเครื่องจะลงตอน 4 ทุ่ม ไง นี้มัน 5 ทุ่มครึ่งแล้วนะ”
ผมตะคอกใส่คนที่มีตำแหน่งเป็นเลขา บอดี้การ์ด และพ่วงตำแหน่งคนขับรถไปในตัว ทั้งทีรู้ว่ามันไม่ใช้ความผิดของเขา ก็ใครจะไปกะเกณฑ์สภาพอากาศได้ แต่ถึงกะนั้นผมก็ยังระบายอารมณ์ ไม่หยุด ซึ่งหมอนั้นมันก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรผมเลย นอกจากยืนก้มหน้านิ่งคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดเขาไปใหญ่ แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเอาไปอีก เมื่อเห็นเอริค...มันทั้งลากทั้งดึงแอนดี้เดินออกมาจากทางออกผู้โดยสาร สมองของผมมันก็เลยสั่งให้ก้าวขายาว ๆ ออกไปคว้าข้อมือของแอนดี้เอาไว้
การปรากฏอย่างไม่ขาดหมายของผมดูจะเป็นที่พอใจของแอนดี้มากที่เดี่ยว ก็เขายิ้มซะจนตาหยี แต่กับเอริค สีหน้ามันแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“พี่ฮเยซอง มาไงฮะ”
“เอริคมันบอก ฉันก็เลยมารับนาย” ผมยิ้มหวานไปให้ ไม่แพ้รอยยิ้มที่เขาส่งมา
“อ้าว ไหนพี่บอกจะพาผมมาเซอร์ไพรซ์ พี่ฮเยซองไง”
“ก็ฉันซ้อนแผนกับฮเยซองมาเซอร์ไพรซ์ นายอีกต่อไงตัวเล็ก ถึงได้รีบลากมานี้ กลัวฮเยซองมันคอยนาน” ดูมันแถซะ ผมละยากจะปล่อยมัดไปทิ่มหน้าหล่อ ๆ ของมันจังถ้าไม่ติดว่ามีแอนดี้ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“ แล้วนี้ จะมาค้างกี่วันละ” ผมโอบเอวแอนดี้พาเดินไปที่รถ ก่อนที่เอริคมันจะแถเอาความดีใส่ตัวไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปสั่งบุคคลที่ 4 ที่ยืนเป็นใบ้มองหน้าแอนดี้ จนผมเกือบลืมไปแล้วว่าเอามันมาด้วย ให้เข็นกระเป๋าตามมาไว้ ๆ
“พี่ซองฮะ ผู้ชายคนนั้นใครเหรอ” ปากอิ่ม ๆ ของแอนดี้เอ่ยถามผมเมื่อเดินออกมาห่างสองคนนั้น
“จอนจินนะเหรอ เป็นเลขา บอดี้การ์ด คนขับรถของพี่เอง แล้วก็อีกสารพัดตำแหน่ง บลา บลา บลา เหมือนนายนั้นแหละแอนดี้”
“ไม่เหมือนกันหรอกฮะยังไง ผมก็เป็นมากกว่า 1 ตำแหน่ง”
“เอริคมันให้ตำแหน่งใหม่นายอีกแล้วเหรอไง”
“ฮะเพิ่งได้มาสดร้อน ๆ เมื่อ 2 วันนี้เอง” หน้าที่ขึ้นสีระเรื่อกับอาการอาย ๆ ของแอนดี้ มันช่างทำให้ผมชักสงสัยไอ้ตำแหน่งที่ว่านี้เหลือเกิน “เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่าฮะ ท่าทางเขาคงไม่ชอบผม เห็นเขาจ้องหน้าผมตลอดเลยอ่ะ”
“หมอนั้นคงมองเพราะนายน่ารักนะ เวลานายยิ้มน่ารักมาเลยรู้ไหม”
“อยู่ ๆ มาชมผมแบบนี้ก็เขิลซิฮะ”
“ก็นายน่ารัก จริง ๆ นิ”
“พี่ฮเยซอง ก็สวยเหมือนกันฮะ” ดีใจนะที่เขาชม แต่ผมอยากให้แอนดี้ชมว่าผมหล่อมากกว่า แต่ก็เอาเหอะคนน่ารักกับคนสวยก็เหมาะกันดี
ผมกับแอนดี้เดินกอดกันมาจนถึงลานจอดรถ โดยมีสองหนุ่ม(หล่อ)ตามมาข้างหลังห่าง ๆ
“เอริค นายไปนั่งหน้ากับจินมันแล้วกัน ให้แอนดี้นั่งหลังกับฉัน”
“ทำไมนายไม่มานั่งเองละ”
“เอ๊ะ ฉันเป็นเจ้านายจะไปนั่งคู่กับมันได้ไงละ เกิดมีพนังงานในบริษัทมาเห็นเขาจะว่าไง” ส่งครามระหว่างน้ำกับน้ำมันเริ่มขึ้นอีกแล้ว
“นี้มันเที่ยงคืนใครจะมาเห็น”
“พนังงานฉันเที่ยวดึกกันจะตาย” ผมเองก็แถเก่งนะเนี้ย
“เอาละ ๆ พอเถอะฮะ เดี่ยวผมนั่งหน้ากับคุณจอนจินเองก็ได้”
“ไม่เอา”
บุคคลที่ 4 ที่ยืนเงียบเป็นใบ้ ตะโกนออกมาเสียงดัง 2 คนที่ถกเถียงกันเรื่องที่นั่งหันมามอง แต่แอนดี้กลับไม่ได้สนใจเปิดประตูเข้ามานั่งในรถหน้าตาเชย
“ก็เอาสิถ้าไม่อยากให้นั่งก็มาอุ้มออกไปเองแล้วกัน” แอนดี้เพียงแต่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกไป
จอนจินจึงเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับไปตามระเบียบ คนที่ไม่ถูกกันเลยต้องนั่งด้วยกันไปอย่างจำยอม ซึ่งแว๊บหนึ่งแอนดี้เห็นเอริคยิ้มอย่างพอใจ
.
จากสนามบินไม่ถึง 30 นาทีรถเบนซ์คันงามก็มาจอดอยู่คฤหาสน์ ฮเยซองจัดแจงแบ่งห้องนอนไว้อย่างเสร็จสรรพตั้งรู้แน่ว่าแอนดี้จะมา เขาสั่งให้จอนจินพาเอริคไปที่ห้อง ส่วนเขาเป็นฝ่ายพาแอนดี้มาเองตั้งแต่ก่อนหน้าคนทั้งคู่จมาถึง ดังนั้นเมื่อคนทั้งสี่ลงจากรถเดินเขาไปตัวบ้าน แอนดี้และเอริคจึงแยกกันไปคนละทางโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว
“แอนดี้นายนอนห้องนี้แหละ”
“HO ! เตียงคู่ด้วยเหรอฮะ” แอนดี้ดูตื่นเต้นกับห้องที่ผมจัดไว้ให้
“ชอบมั้ยละ ฉันเลือกห้องที่ดีที่สุดไว้ให้นายเลยนะ มาดูนี่สิ” ผมชี้ชวนแอนดี้ให้มาที่ประตูระเบียง เปิดม่านที่ปิดภาพสีสันยามค่ำคืนของเมืองหลวงแห่งนี้ไว้ให้แอนดี้ได้เห็น ผมกับแอนดี้ที่ยืนอยู่ระเบียงเหมือนคู่รักที่กำลังนั่งวิวตอนกลางคืนของกรุงโซลไม่มีผิด
“พี่ฮเยซองฮะ พี่รู้เรื่องของผมกับพี่เอริคแล้วใช่มั้ยเนี้ย”
“เรื่อง ??” ฉันเลือกห้องที่มีเตียงคู่เพราะจะได้มานอนคุยกับนายนะแอนดี้ เลือกห้องมีวิวสวย ๆ เพราะทุกคืนเราจะได้ชมวิวด้วยกัน และที่ไม่พานายไปนอนห้องฉันให้รู้แล้วรอดเพราะมันมีรูปของนายเต็มไปหมด
“พูดขึ้นมาก็นึกได้ พี่เอริคไปไหนละฮะ นายนั้นก็ด้วยหายไปทั้งคู่เลย”
“เอ่อ...จอนจินเขา”
“ มาแล้วนี้” แอนดี้ชี้ไปที่ประตูที่มีเอริคยืนจังก้าอยู่ ด้วยอาการหอบนิด ๆ แล้วก็ลากกระเป๋าเข้ามาในห้อง
“เอริคแกหิ้วกระเป๋ามาทำไม ฉันจัดห้องไว้ให้แกฝั่งโน้นไม่ใช่เหรอะ จินนายไม่ได้บอกหรือแล้ว”
“บอกแล้วครับ แต่พี่เอริคไม่ฟัง”
“แอนดี้อยู่ห้องไหนฉันก็ต้องห้องนั้นซิ”
“พี่เอริค พี่ยังไม่ได้บอกเรื่องของเรากับพี่ฮเยซองเหรอฮะ”
“อืม” เอริคทำแค่เสียงในลำคอ ตอบคำถามของแอนดี้แบบไม่คอยจะสนใจเท่าไหร่ ตั้งหน้าตาเดินสำรวจห้องแล้วก็จัดการในกระเป๋าพร้อมกับผิวปากเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี
ส่วนผมที่ยืนดูเอริคมัน หยิบโน้น หยิบนี้ออกไปวางตามที่ ต่าง ๆ ด้วยอารมณ์ที่ตรงข้ามกันอย่างริบรับ เริ่มรู้สึกคุ้นตากับไอ้เจ้ากระเป๋าใบโต ๆ นี้เหลือเกินคับคล้ายคับคาว่าจะเคยเห็นมันอยู่ในห้องของแอนดี้ แล้วพอนึกกลับไปตอนที่ไปรับแอนดี้ที่สนามบินก็เห็นเอริคมันเข็นกระเป๋ามาแค่ใบเดี่ยว หรือว่า.............
“แอนดี้ ไหนกระเป๋าเสื้อผ้านายละ”
“นี้ไงฮะ” นิ้วของคนตัวเล็กชี้ไปยังกระเป๋าที่เอริคหิ้วมา
“งั้นแล้วไหนกระเป๋านายละเอริค”
“ก็นี้ไง นายคิดว่าฉันหยิบของในกระเป๋าใครอยู่”
“นี้นายกับแอนดี้.”
“มานี้ เนอ อะไรกันเหล่า นายสองคนออกไปได้แล้ว ฉันกับแอนดี้จะอาบน้ำแล้วก็นอนเลย”
ร่างใหญ่ผลักให้บุคคลที่เป็นส่วนเกินภายในห้องออกจนพ้นประตู แล้วกระซิบแผ่วเบาข้างหูคนร่างบาง พร้อมโชว์แหวนบนนิ้วนางข้างซ้าย
“นี้ไงของขวัญวันเกิดที่ฉันบอกนาย แต่เสียดายมันเลยมาตั้งชั่วโมง ฉันก็เคยบอกนายแล้วว่าอะไรที่ฉันไม่ได้
คนอื่นก็ต้องไม่ได้”
“คนที่ฉันไม่รักก็ไม่มีวันรักเหมือนกัน” ผมตอบกลับไปอย่างคนที่เหนือกว่า แต่คุณรู้ไหมหัวใจผมกำลังร้องไห้
ปั๊ง !! เสียงบานประตูกระแทกกะบวงกลบ
อีกครั้งที่ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองน้ำตาเอ่อล้นดวงตาออกมาจนอาบแก้มทั้งสองข้างของคนที่ผมรัก อยากเดินเข้าไปเช็ดน้ำตาบนแก้มป่อง ๆ นั้น แล้วบอกเข้าว่า
“ไม่เป็นไร พี่ยังมีผมอยู่ ผมที่รักพี่มากกว่าชีวิตตัวเอง” แต่ผมก็ไม่กล้าพูด สิทธิ์ที่ผมจะพูดมันหมดไปตั้งแต่วันที่ผมเลือกเดินทางนี้ จึงได้แต่พาคุณชายไปที่ห้อง
“จิน คืนนี้ฉันขอไปนอนห้องนายนะ”
“ทำไมละฮะ ห้องผมตียงเล็กนิดเดียวเอง”
“จะให้ฉันนอนที่พื้นก็ได้ ฉันไม่อยากรับรู้ว่าเขาทำอะไรกัน”
“ครับ”
ผมพาคุณชายมายังอีกซีกนึงของคฤหาสน์
“จอนจินนายเห็นแหวนที่นิ้วเอริคไหม หมอนั้นมันบ้า มันกล้าทำร้ายคนที่รักมันขนาดนั้นได้ยังไง” ทันทีที่ประตูปิดลง คุณชายที่เงียบมาตลอดก็เริ่มพูด
“ที่พี่เอริคทำคงแค่อยากประชดคุณชาย พี่เขาคงไม่คิดจะมีอะไรกับคุณแอนดี้จริง ๆ หรอกครับ” ผมพูดออกไปทั้งที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพี่เอริคจะคิดแบบนี้จริง ๆ หรือเปล่า ร่วมไม่รู้ด้วยว่ามันเกิดอะไรกับผู้ชายสามคนนี้
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญอะไรหรอก ฉันเป็นห่วงแอนดี้มากกว่า เขาจะรู้สึกอย่างไงถ้ารู้ความจริง”
“แล้วความรู้สึกของคุณชายละครับ คุณชายไม่สนเลยเหรอ”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าแอนดี้ รักเอริค”
“ถ้าคนที่เรารักมีความสุขอยู่กับคนที่เขารัก คุณชายจะน่ามีความสุขด้วยซิครับ”
“ฉันอาจจะทำแบบนั้นได้นะ ถ้าฉันไม่รู้ว่าเอริคไม่ได้รักแอนดี้ นายรู้แบบนี้แล้ว นายเป็นฉันจะปล่อยแอนดี้ไปหรือเปล่า
“
..”
“นายจะคนพรากร้อยยิ้มไปจากแอนดี้ซะเอง หรือจะปล่อยให้เอริคเป็นคงพรากมันไปตลอดกาล”
“มันน่าจะมีทางเลือกทางอื่นอีกนะครับ”
“ทางอื่น”
“ทำให้เขารักเราแทนไงครับ”
“จอนจินนายคิดว่าฉันควรจะเลือกทางนั้นเหรอไง”
“ครับ”
“งั้นนายก็จะช่วยฉันใช่ไหม ทำให้เขาทั้งคู่แยกกันนายทำได้ใช่ไหม” ความเศร้าได้จางหายไปจาดวงตาคูสวยของคุณชายจนหมดสิ้น เหลือเพียงแววตาที่มุ่งมั่นในทางเลือกที่ผมเสนอ
“ครับ เพื่อคนชายผมทำได้ทุกอย่าง” ถ้ามันจะทำให้คนที่ผมรักมีความสุข “คุณชายไปนอนพักผ่อนเถอะครับ”
“แล้วนายละ”
“ผมยังไม่ง่วงนะครับ”
.
..
คุณชายนอนหลับไปแล้ว ส่วนผมก็ทิ้งโอกาสงาม ๆ ที่จะได้นอนร่วมเตียงกับคุณชายมานั่งซดโชจูอยู่คนเดี่ยวที่สนามหญ้า เพราะนอนไม่หลับ ก็ถ้าเป็นคุณจะนอนหลับกันหรือไงถ้าเห็นคนที่คุณชอบมานอนยั่วตรงหน้า แถมผมยังไปตกปากรับคำช่วยให้คุณชายสมหวังในความรักซะอีก ทั้งที่ผมรักคุณชายอยู่ ๆ นายจะบ้าไปหรือไงจอนจิน
“ทำไมมานั่งอยู่นี้คนเดี่ยวละฮะ”
“คุณแอนดี้” อยู่ ๆ ก็มีคนมาทำให้บรรยากาศเสีย
“เรียกผมว่าแอนดี้ ก็ได้ฮะ เราคงอายุใกล้ ๆ กัน”
“ลงมาทำไมกันครับ ดึกแล้ว”
“ฉันนอนไม่หลับนะ คุณเองก็เหมือนกันใช่ไหมละ”
“ถ้านอนหลับจะมานั่งดื่มโชจูอยู่ตรงนี้ทำไม”
“คุณไม่ชอบผมหรอก”
“รู้ว่าไม่ชอบ แล้วจะมายุ่งกับผมทำไมละ”
“ผมแค่อยากรู้ว่าทำไม ผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ”
“ไม่มีเหตุผลก็แค่ไม่ชอบ”
“มันเกี่ยวกับที่ผมสนิทกับพี่ฮเยซองใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
“ไม่ใช่ก็ไม่เห็นต้องหน้าแดงนิ”
“ไม่เกี่ยวซะหน่อย ฉันเมาต่างหาก”
“คุณดื่มโชจูได้ตั้ง 4 ขวด นี้เพิ่งดื่มไปแค่ครึ่งเดี่ยวจะเมาได้ไงละ”
“คุณชายเล่าให้ฟังเหรอ” เผลอแสดงสีหน้าเหรอหลาออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เปล่าหรอก เดาเอาจากขวดที่ว่างอยู่ข้าง ๆ คุณนั้นแหละ นี้ คุณรักพี่ฮเยซองใช้มา”
“รัก อะไร ไม่มี ฉันก็แค่..รัก..เคารพคุณชายเท่านั้นแหละ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณได้แล้ว ฟังแล้วขัดหู” ผมพยามลบสายตาด้วยการยกขวดโชจูขึ้นดื่มเป็นระยะ
“ไม่ให้เรียกคุณแล้วจะให้เรียกอะไร เรียกว่าจอนจินเฉย ๆ ได้มั้ยละ”
“อยากจะเรียกอะไร ก็เรียกไปเถอะ ฉันไม่สนอยู่แล้วว่านายว่าอะไร”
“จอนจิน นายรักพี่ฮเยซอง”
“ที่พูดไปมันไม่เขาหูนายเลยรึไง บอกว่าไม่รัก ก็ไม่รักซิ เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว คนอย่างนายอย่ามาทำเป็นเข้าใจความรู้สึกของฉันไปหน่อยเลย ขนาดคนที่อยู่ด้วยกันทุกวันเขายังไม่เขาใจความรู้สึกฉัน”
ผมกระชากคอเสื้อแอนดี้ แล้วตะโกนใสหน้าอย่างหาเรื่อง เพี่ยงเพื่อขู่ไม่ให้เขาเซ้าซี้ผมอีก แต่แอนดี้ไม่ได้เกรงกลัวกับสิ่งที่ผมขู่เขาเลย ปากเขายังคงพูดในสิ่งที่อยากจะพูด
“หัวใจของฉันเป็นของผู้ชายที่ชื่อเอริค มุน คนเดี่ยวเท่านั้น ไม่มีวันไปเป็นของคนอื่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม สำหรับพี่ฮเยซอง ถึงฉันจะรักเขามันกไม่เกินไปกว่าคำว่าพี่ชาย”
ไม่ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อครู่หรืออะไรก็ตามคำพูดของแอนดี้ ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน ผู้เชื่อในคำพูดเล่านั้นได้อยากแปลกประหลาด
“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายนะ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ” เขายิ้มแบบเดี่ยวกับที่ผมเห็นในรูปที่ห้องของคุณชาย
“นายยิ้มเก่งแบบนี้เสมอเลยเหรอ”
“ทำไมละ นายไม่ชอบเหรอ”
“เห็นนายยิ้มแล้วมันน่าอิจฉานะ ดูมีความสุขตลอดเวลา”
“เวลานายยิ้มก็ดูดีนะ ดูดีกว่าที่นายทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งโลกตั้งเยอะ”
“งั้นเหรอะ”
“นี้แหละ ๆ ยิ้มแบบนี้ ดูโลกสดใสขึ้นมาเป็นกองเลย พี่ฮเยซองเขาชอบรอยยิ้มแบบนี้แหละ
“ขอบใจนะแอนดี้” ผมพูดพร้อมกับที่ดึงเขาเข้ามาสวมกอด
“ตกลงนายยอมเป็นเพื่อนฉันแล้วใช่มั้ย”
“อืม” กอดที่แทนคำขอบคุณจากผม กอดที่เป็นการเริ่มต้นมิตรภาพของความเป็นที่ดีระหว่างเรา กอดที่ผมไม่คิดว่าจะทำให้เขาต้องเจ็บตัว
ความคิดเห็น