คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : part 2 หลังวันแต่งงาน...กับความสับสนที่คิดว่าจัดการได้
ค่ำคืนอันยาวนานในวันสิ้นสุดลงบนเตียงนอนสีขาวนุ่ม ร่างเล็กที่เพิ่งตื่นจากห่วงนิทรา เพราะแสงแดงที่ส่องเข้ามายามสาย ขยับกายลุกขึ้นจากเตียงเพื่อพาร่างที่เพิ่งได้พักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนสว่างไปขจัดคราบเหนียวตามตัวออก หากแต่เขาก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ อันมีสาเหตุมาจากหักโหมเมื่อคืนนี้
การขยับตัวแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ของคนตัวเล็กส่งผลให้ร่างใหญ่บนเตียงขยับปลือตาขึ้นดูเหตุการณ์ แต่แล้วก็กลับหลับตาลงไปเช่นเดิม
ผลุ๊ก !?!
ร่างใหญ่บนเตียงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ยันกายขึ้นจากเตียงด้วยอาการตกใจ
แอนดี้ ! แอนดี้ ! แอนดี้ ! เอริคเรียกชื่อคนที่บนเตียงเมื่อตะกี้ ที่หายพร้อมกับเสียงที่ฟังดูแล้วน่าเจ็บ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ชายหนุ่มจึงรีบลุกไปดู ก็เห็นคนตัวเล็กนอนยิ้มฟันขาวอยู่ข้างเตียง
“ไม่เจ็บรึไง นอนยิ้มอยู่ได้” เอริคถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าหงุดหงิด
“ซิเจ็บฮะ แต่เห็นบอสเป็นห่วงผม มันก็หายเจ็บซะเฉย ๆ” คำตอบของคนตัวเล็กทำเอาเอริคอดยิ้มออกมาไม่ได้
เป็นรอยยิ้มที่แม้แต่แอนดี้ซึ่งถือว่าใกล้เอริคมากที่สุดยังไม่ได้เห็นบ่อยนัก มือเล็กจึงเอื้อมออกไปพยายามคว้าสมุดไดอารี่เล่มเล็กบนโต๊ะ แต่มือใหญ่กลับคว้ามันไปซะก่อน
“นายจะเอาสมุดไปทำอะไรนะ” เอริคถามพร้อมกับสมุดในมือ
“สมุดไดอารี่ ก็ต้องเอามาจดบันทึกซิฮะ ถามแปลก”
“ตื่นมาก็จะจดแลยหรือไง”
“ฮะ เดี่ยวจะลืม”
“ไหนดูซิ นายจะเขียนเรื่องอะไร” เอริคย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ ดึงให้คนตัวเล็กขยับมานั่งบนตัก โอบเอวไว้อย่างหลวม ๆ และฝากคางไว้บนไหล่มน มองแอนดี้จรดปากกาลงกระดาษสมุดที่ละตัว
“ทำไม นายต้องมานั่งจดบันทึกพวกนี้ทุกวันให้วุ่นวายด้วยนะ เสียเวลาจะตาย”
“เสียเวลาที่ไหนกันฮะ” แอนดี้ปิดสมุดบันทึกดัง ป๊าบ ! คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน “ผมใช่เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อยู่นะฮะ จดเรื่องดี ๆ น่าประทับใจ หรือเรื่องไม่ได้ดีไว้เตือนใจ ใครเขาก็ทำกัน”
“ตรงไหนกัน ถ้าเป็นเรื่องดี ๆ ประทับใจก็ต้องจำได้ไม่ลืมอยู่แล้ว แล้วไอ้เรื่องไม่ดีนะจะจดเก็บไว้ให้แสลงใจทำไมกัน”
“บอสนี้ก็ วัน ๆ นึง เกิดเรื่องเยอะแยะมากมาย เรานึกออกมันถึงเรื่องเหรอฮะ ถ้าไม่จดเอาไว้บ้างเพื่อกระตุ้นความจำ เรื่องที่นึกไม่ออก ก็กลายเป็นเรื่องที่ลืมกันพอดี”
“งั้นเหรอ คนสมองดีอย่างฉันคงไม่จำเป็นหรอก”
“ฮะ~ พ่อคนสมองดี บางที่ถึงได้ทำอะไรเพี้ยน ๆ ผีเข้าผีเออก” ประโยคหลังแอนดี้ทำปากอุบอิบพูดไม่ให้อีกคนได้ยิน
“เมื่อกี้นายว่าฉันเหรอ”
“ที่ไหนฮะ ได้ยินผมพูดไม่ชัดอย่ามากล่าวหากันซิฮะ ผมบันทึกเรื่องดี ๆ ของเราเก็บไว้ เพื่อวันไหนผมโกรธบอสขึ้นมา พอได้อ่านไดอารีเล่มนี้จะได้หายโกรธไงฮะ” เดี่ยวจะถูกจับได้ว่า ว่าจริง เบนประเด็นมันซะ แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่
“แบบนี้ ฉันไม่ต้องง้อนายแล้วนะซิ”
“ต้องง้อซิฮะ” แอนดี้ทำหน้างอ “มันแค่ช่วยให้ไม่ให้ผมงอนนานเท่านั้นแหละ” แถมท้ายด้วยการค้อนใส่เข้าให้ เอริคจึงจับคางเล็กให้หันมาสบตา
“เรื่องที่บันทึกมันมีทั้งดีและไม่ได้ ถ้านายอ่านไปเจอเรื่องไม่ดี นายจะไม่โกรธฉันมาขึ้นเหรอ”
“ผมก็เลือกอ่านเฉพาะหน้าที่เขียนด้วยปากกาสีดำซิฮะ ปากกาสีดำจะบันทึกเรื่องดี ๆ ระหว่างเรา” แอนดี้ตอบอย่างอารมณ์แต่ก้ไฟไปด้วยความจริงใจ ก็เพราะเขาคิดไว้แบบนี้จริง ๆ
“แล้วถ้าฉันเป็นฝ่ายโกรธละ นายคิดจะเอาไดอารี่ให้ฉันอ่านหรือเปล่า”
“นั้นจะเป็นวิธีสุดท้ายฮะ ถ้าผมง้อพี่ไม่สำเร็จ”
“แต่ถ้าฉันเกิดโกรธจนไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้านาย ไดอารี่ก็ไม่คิดแม้อยากจะหยิบ นายจะทำไงละ”
“ผมก็จะรอฮะ รอวันที่บอสอยากจะอ่านมัน” แอนดี้ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่เอริคเห็นแล้วกลับถอนหายใจอย่างหนักอก
“นายก็เขียนไดอารี่ต่อเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำก่อนนะ” เอริคคลายมือที่กอดกระชับรอบเอว ขยับให้คนบนตักให้ลงไปอยู่นั่งข้าง แล้วตัวเขาเองก็เดินหายไปในห้องน้ำ
................
ชายหนุ่มมองตัวเองในกระจกเงา
“นายกำลังใจอ่อน”
“ไม่! ฉันไม่ได้ใจอ่อน” เอริคสวนคนในกระจกกลับไปทันควัน จ้องมองด้วยสายตาแข็งกร้าว
“โกหก นายกำลังโกหก”
“ไม่ จริง ฉันแค่......” สายแข็งกร้าวดูจะอ่อนลง
“... คงจะดีถ้าไม่รู้สึกอะไรกะเขาซินะ แค่ข้ามวันก็คิดจะล้มเลิกแล้วทุกอย่าง”
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”
“แล้วที่นายทำหน้าสำนึกผิดนั้นมันอะไรกัน นายโกหกตัวเองไม่ได้หรอก” เอริคก้มหน้าไม่กล้าสบตาตัวเอง
“ฉันไม่น่าแบบนี้กับเขา เขาไม่รู้เรื่องอะไร”
“นายลืมไปความเจ็บปวด ความเสียใจพวกนั้นไปแล้วหรือไง ที่นายทำนะมันถูกแล้ว คนที่มันไม่เห็นค่าความรักของนายจะได้ตายทั้งเป็น”
“หุบ ปากของนายไปซะ”
“นี้นายคงไม่ได้เกิดจะเพิ่งมารู้ว่ารักคนอื่นเข้าให้แล้วละนะ”
“ฉันบอกให้หุบปากไง หุบปาก!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก บอส บอส ฮะ มีไร เปล่าฮะ ผมได้ยินเสียงตะโกน”
“ไม่มีอะไรหรอก นายทำอะไรอยู่ก็ไปทำต่อเถอะ” เอริคหันตอบไปที่ประตู
“งั้นก็ดีแล้วฮะ ” แอนดี้เดินจากไปแม้จะสงสัยว่าคุยอะไรกับใครในห้องน้ำ ส่วนคนข้างในก็ผลิกตัวหันหลังให้กระจก หยิบกระดาษชิ้น เล็ก ๆ ที่ยับยู่ยี่จากกระเป๋ากางขึ้นดู
หวังว่านายจะไม่ทำให้แอนดี้ร้องไห้
เขามอบทั้งตัวและหัวใจให้นายแล้ว ก็ถนอมเขาให้ดี
เพราะทั้งหมดนี้เขาเก็บมันไว้เพื่อนาย
และอย่าแค้นเคืองในความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ
โคร๊กกกกกกกกกกกกก เอริคกดชักโครกให้น้ำพัดเอากระดาษชิ้นที่เขาเพิ่งโยนทิ้งไป โทษฐานที่ไอ้ข้อความบ้า ๆ ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวทำความผิดร้ายแรง ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของนายฉันจะเว้นช่องว่างเอาไว้จะไม่ทำร้ายอดีตคนรักของนายให้มากกว่าจิตใจก็แล้วกัน เมื่อตัดสินใจคิดแบบนี้เอริคก็เดินหน้าทำตามสิ่งวางไว้ต่อไป
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR เสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่เอริคกำลังปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ
ชายหนุ่มมองไปยังที่มาของเสียงซึ่งดังอยู่ในกระเป๋ากางเกงของแอนดี้ เอริคไปล้วงมันขึ้นดู พอเห็นสายที่เรียกเข้า เขาก็กดรับอย่างไม่ลังเล
...
ผมมองนาฬิกาแขวนที่ผนังบอกเวลาเที่ยงคืน ของวันที่ 25 และกำลังเข้าสู่วันใหม่ ในขณะที่ถือสายรอให้เจ้าของเครื่องกดรับสายที่ผมเฝ้าเวียนโทรหามาตั้งแต่ยังไม่ทุ่มอย่างกระวนกระวายใจ ผมน่าจะโทรหาเขาตั้งแต่เมือวาน แต่เพราะงานที่กองภูเขาทำให้ต้องล่วงเลยมาถึงวันนี้ ทุก ๆ เข็มวินาทีขยับความกระวนวายของผมจึงเพิ่มมากขึ้น เมื่อได้ยินเสียงกดรับผมก็รีบพูดไปทันที
“แอนดี้ ทำไมนายเพิ่งจะมารับสาย ฉันโทรหานายตั้งนานแล้วรู้มัย”
“โทษที” ฮเยซองดูชื่อเจ้าของเบอร์ที่มือถือตัวเองอย่างแปลกใจ ชื่อก็ถูก เบอร์ก็ถูกแต่ทำไมเสียงแอนดี้มันถึงฟังไม่เหมือนเสียงแอนดี้ ดันไปเหมือนเสียงใครสักคนที่เขาก็นึกไม่ออก
“อย่าบอกนะว่านายลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วก็ทอดมันทิ้งไว้ในห้องน้ำ” ฮเยซองเหมือนตาเห็น เพราะเหตุผลที่แอนดี้บอกเขาที่ไม่รับโทรศัพท์
“อืม” ผมถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง เขาไม่น่าซื้อ moto v8 luxury ให้เลยจริง ๆ ก็บางซะจนตัวเขาเองก็ยังลืมอยู่บ่อย ๆ
“แล้วนี้ไม่ไปทำงานหรือไง ถึงเพิ่งมาเข้าห้องน้ำ”
“เปล่า”
“แอนดี้! นี้นายไม่สบายหรือเปล่าเนี้ย พูดก็น้อย เสียงก็แปลก” ฮเยซองยังคงรู้สึกตะงิด ๆ ในใจ
“นิดหน่อยนะฮะ ผมเจ็บคอและก็ปวดหัวนิดหน่อย” ฟังแล้วดูเป็นแอนดี้ขึ้นหน่อย แต่เสียงก็ยังประหลาดอยู่ดี ประหลาดยังไงถ้าเทียบกับเสียงดองวานเวลาร้องเพลงประหลาดแล้ว เสียงแอนดี้ตอนนี้ประหลาดยิ่งกว่า
“งั้นนายฟังฉันอย่างเดียวแล้วกัน ฟังให้ดี ๆ ด้วย แอนดี้ระวังเอริคไว้หน่อยนะ” แม้จะคิดแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่พูดยาก คนทั้งคู่เป็นเจ้ากับลูก แถมยังสนิทกันอีกด้วยแต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ เพราะใจมันเป็นห่วงคนตัวเล็กเสียเหลือเกิน
“ทำไม” ไหงคนตัวเล็กกลับมาพูดห้วน ๆ สั้นอีกละเนี้ย แถมฟังดูไม่ค่อยจะพอใจ
“ฉันกะเอริคมีปัญหานิดหน่อย... เรื่องมันเก่าแล้วนะ นายไม่รู้เรื่องด้วยหรอกแต่มันก็เกี่ยวข้องกับนายนิดหน่อย เอาเป็นว่าเอริคโมโหมาก ฉันกลัวมันจะไปพาลเอากับนาย ยิ่งพูดฉันก็ชักเป็นห่วง ฉับรีบเคลียร์งานแล้วลงไปหานายดีกว่า จะได้ทันวันเกิดฉันด้วย”
“ตกลงจะมาเพราะเป็นห่วง หรืออยากจะมาฉลองวันกับแอนดี้กันแน่”
“อะ เอริค นั้นนายเหรอ นายไปทำอะไรห้องแอนดี้” ทำไมเขาจำเสียงนี้ไม่ได้
“อยากรู้จริง ๆ เหรอ อย่าวางโทรศัพท์ไปก่อนก็แล้วกัน ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าที่ฉันมองให้นายก็แล้วกัน ส่วนของขวัญอันจริงฉันจะพาไปหานายถึงที่เลย”
“ดะ..เดี่ยวเอริค! เอริค! นายจะทำอะไร” ฮเยซองสังหรณ์ใจไม่ดี เอริคคิดจะอะไรแอนดี้ เขาควรถือสายรอตามที่เอริคพูดดีหรือเปล่า หรือจะวางสายทิ้งเรื่องที่เอริคคิดทำมันต้องไม่ดีกับเข้าแน่ แต่ก็เป็นแอนดี้
.
...
ร่างใหญ่ออกมาจากห้องน้ำมุ่งตรงไปอุ้มร่างเล็กที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเขียนไดอารี่อยู่ที่พื้น
“บอส ๆ ทำไรฮะ” ร่างเล็กที่จู่ ๆ ถูกยกขึ้นจากพื้น ปล่อยทิ้งไดอารี่กับปากกามาคว้าคอคนตัวใหญ่ไว้ ด้วยกลัวตก
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เรามาอาบน้ำพร้อมกันเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา” สายตากของเอริคมองร่างเล็ก ราวกับเขาไม่ได้สวมใสอะไร แล้วรีบพาแอนดี้เขาห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากคนที่ถือสายอยู่ต้องรอนาน
...
2 นาทีต่อมา ฮเยซองก็ได้ยินเสียงคนเดิน และเสียงสนทนาระหว่างคนสองคนที่ทำให้เขาต้องกำโทรศัพท์ไว้แน่น และมันก็ลงไปกระจายเกลื่อนพื้น เมื่อเวลาผ่านไปไมถึง 10 นาที
....
เอริควางคนในอ้อมแขนลงกลับพื้น มองสำรวจร่างเล็กภายใต้ชุดเสื้อกล้าม กางเกงยีน ก่อนจะเดินเข้าหาด้วยท่าที่ ที่ทำให้แอนดี้ต้องถอยกรูติดกำแพง
“บอสจะทำอะไรฮะ”
“แค่ดูตาฉันยังไม่รู้อีกเหรอ” เอริคส่งสายตาบอกเป็นนัย ๆ
“อ่างน้ำอยู่ทางนั้นฮะ” คนตัวเล็กก็ช่างแปลไปได้
“ฉันรู้แล้ว” เอริคหันมองไปยังอ่างน้ำ แล้วหันกลับมามองร่างเล็กทำหน้าหวาด ๆ เพลย์บอยอย่างเจ้านั้นคงไม่ปล่อยให้นายบริสุทธิ์มาถึงป่านนี้หรอก
“นายช่วยถอดเสื้อให้หน่อยซิ” แอนดี้ขนลุกซู่ ใบหน้าขึ้นสี ไม่กล้าสบตา
เอริคจึงต้องจับคางคนตัวเล็กให้เชยขึ้นสบตา ก่อนพูดด้วยประโยคที่ทำให้ร่างเล็กต้องหน้าขึ้นสีเข้าไปอีก
“กางเกงด้วยนะ”
“เอื้อก!!” เสียงแอนดี้น้ำลาย เขารู้สึกกลัวอนาคตข้างหน้ายังไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าไม่ทำวันนี้ วันข้างหน้าก็ต้องทำอยู่ดี
มือเล็กจึงถอดเสื้อให้คนรักอย่างขัดเขิน ตามด้วยกระดุมกางเกงยีนสีเข้มตามคำขอร้องของคนรัก แต่ปลดเท่าไรก็ไม่หลุดซักที่ ก็มือมันสั่นจนจับกระดุมไม่ถูก
เอริคเห็นอาการของคนตัวเล็ก แล้วก็ให้ขัดใจ อะไรมันกลัวปาน ทำเหมือนไม่เคย
“พอเถอะ” เอริคจับมือให้หยุดปลุดกระดุม แอนดี้ถอนหายอย่างโล่งออก เวลาเชือดถูกยืดอกไปแล้วใช่มัย
“ฉันถอดให้นายดีกว่า”
หลังจากนี้ต้องรบกวนให้กด Ctrl+A ค่ะ
“ห๊า ! อือ...”
เอริคไม่เปิดโอกาสให้ได้ขัดค้านแต่อย่างใด เขากดจูบริมฝีปากสีชมพูสวยทันที และถอนริมฝีปากเพียงไม่กี่วิเพื่อ ดึงเอาเสื้อของคนตัวเล็กออก แล้วก็กลับกดซ้ำลงไปใหม่ พร้อมส่งลิ้นร้อนเข้าสำรวจภายในทุกซองมุม ลิ้นสากเกี่ยวพันเล็กลิ้นเล็ก ตักตวงความหวาน ส่วนมือหนาก็ทำหน้าที่ลูบไล้ไปตามผิวเนื้ออ่อนจากสีข้างไปจนถึงแผ่นอกบาง เอริคลากนิ้วมือสากวนเวียนรอบจุดไว้สัมผัสบนออกขาว
ความรู้สึกวาบหวามบวกกับความเสี่ยวประหลาดทำให้คนตัวเล็กครางออกมาอย่างไม่ตั้งใจ หากแต่มันดังอยู่แต่ในลำคอเพราะปากถูกปิดสนิท ด้วยจูบที่ร้อนแรงของคนตัวใหญ่ซึ่งไม่มีท่าว่าจะถอนริมฝีปากออกถ้าไม่จำเป็น จนแอนดี้เริ่มชักจะหายใจลำบาก
อากาศที่ไหลเข้าปอดได้น้อยเต็มที่ แอนดี้จึงต้องออกแรงดันแผงอกแกร่งของอีกคนเบา ๆ ให้หยุดจูบมาราธอนเขาสักที เขาจะขาดใจตายอยู่แล้ว
ถึงคราวจำเป็นเอริคจึงจำต้องถอนริมฝีปากออกแม้ยังอยากตักตวงความหวานให้มากกว่านี้ แต่กระนั้นร่างเล็กก็ยังมีที่ใหม่ให้เขาได้ลิ้มรส และ ผิวเนื้อขาวนั้นคือที่ใหม่ที่เข้าจะได้ล้มรส
เอริคซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างลืมตัว กดจูบซูดดมกลิ่นกายหอมหวานราวกลับสิ่งเสพย์ติด จากที่ต้องการปลุกเล้าอารมณ์คนตัวเล็กเพื่อยั่วคนในโทรศัพท์ กลับกลายเป็นว่าร่างเล็กนี้ทำให้เขาเกิดอารมณ์ขึ้นมาเสียเอง จนเนื้อผิวขาวเกิดจุดแดงช้ำเพราะแรงกด
“อะ..อา...อ้า..” ร่างเล็กครางหวาน ยามจมูกโด่งและคางสากลากเลื่อนไปตามเนื้อผิวอ่อน และยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุด เมื่อมือหนาเริ่มรุกไล้ต่ำลง ปลดเอากระดุมกางเกงยีนแล้วผลุบหายเข้าไปใน Dolce&Gabbana เคล้วครึงความเป็นชายของเขาภายใต้กางเกง
“บอส ผะ.. ผม..ยะ..ยืน...ไม่..ไม่..ไหว..แล้ว..ฮะ “แอนดี้เปล่งเสียงราวกับกระซิบ ขาดหายเป็นห่วง ๆ
เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนใบหน้าจนเปียกชื้น ดูท่าคนตัวเล็กคงยืนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เอริคจึงจับมือทั้งสองข้างโอบรอบคอเขาไว้ กระซิบย้ำคนตัวเล็กให้กอดเข้าไว้แน่น ๆ ในขณะที่ตัวเขาเองก็กอดประคองร่างเล็กไว้อีกแรง
“บะ..บอส..ผม..ม..ไม่..ไหว..แล้ว..อืม~”
“เรียกว่า พี่ ซิแอนดี้ พี่เอริค ของนาย” ร่างใหญ่โน้มใบหน้ากระซิบข้างหู ขบเม้นเบา ๆ ที่ติ่งหูเพิ่มจุดเสี่ยงให้แอนดี้เล่น ๆ ส่วนมือก็รูดรั้งความเป็นชายไปตามความยาวให้เร็วขึ้น และเร็วขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ
“พะ...พี่..เอ..ริค ...อ้าาาาาา...” แอนดี้ร้องออกมาจนสุดเสียง เมือเข้าไม่อาจทนสัมผัสอันร้อนแรงภายใต้กางเกงนั้นได้อีก น้ำเหนียวสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนเต็มกางเกง
เมื่อคนตัวเล็กถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงคราวที่เขาจะต้องได้ปลดปล่อยออกมาบ้าง ตอนนี้เอริคลืมแล้วทุกอย่างเพราะไฟราคะที่ตัวเองจุดขึ้น ไม่ว่าจะคนในโทรศัพท์หรือช่องว่างที่คิดจะเว้นไว้ หากไม่เพราะมีบางอย่างมาเตือนสติไว้ซะก่อน
ติ้งต่อง ติ้งต่อง
ความคิดเห็น