คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : part 18 andy Comeback
เอริคพบวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งขจัดปัญหาการในการติดตามเด็กหนุ่มที่ยุนโฮได้จนหมดสิ้น และเด็กนั้นนอกจากจะไม่ได้สงสัยหรือวาดระแวงยังทำให้ติดตามได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
รถปอร์ตสีแดงเพลิงมีฝุ่นเกาะเพราะจอดทิ้งไว้นานกว่าสัปดาห์ กระพริบไฟวิ๊บวับรับสัญญาณจากรีโมทในมือของยุนโฮ และเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนนสีแดงเพลิงและรูปลักษณ์อันโดดเด่นก็ช่างจดจำได้ง่าย เสียจนไม่ต้องกลัวว่าจะคลาดกันและยังมีเวลาจดจำเส้นทางอีกด้วย
กระนั้นเขาก็ไม่ตั้งอยู่บนความประมาท และยังรักษาระยะห่างไว้อย่างพอเหมาะพอดี จนกระทั้งรถสปอร์ตสีแดงหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเข้า Residence แห่งหนึ่ง ซึ่งจัดว่าหรูหราเอาการ มีทั้งสปอร์ตคลับ ร้านอาหาร ร้านดอกไม้ ซุปเปอร์ และอื่น ๆ อีกจิปาถะ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเปิดกัน 24 ชั่วโมงเลยกระมั้ง เพราะนี้ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้วแต่ไม่มีแสงไฟร้านไหนดับลงเลย เอริคเลือกหยุดรถจอดตรงลานด้านหน้าของศูนย์อาหารแทนที่จะตามไปจอดในอาคาร เพื่อไปดัดรอ แต่พอเห็นยุนโฮแวะที่ร้านดอกไม้ จึงเปลี่ยนแผนใหม่
เขาก้าวเท้าเข้ามายังด้านในซึ่งภายนอกที่ดูสวยแล้วภายในกลับยิ่งดูสวยยิ่งกว่า การตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เน้นโทนสีขาว และดำ ทั้งยังจัดแบ่งพื้นที่ให้บริการเครื่องดื่มสำหรับแขกและผู้อาศัย ผนวกเข้ากับการบริการที่มีกระทั้งพนังงานเปิดประตูและระบบรักษาความปลอดภัยที่มีทั้งเจ้าหน้าและกล้องวงปิด Residence แห่งนี้จัดว่ายอดเยี่ยมที่เดี่ยว น่าแปลกที่โฮสต์ผ่านงานสองเดือนจะมาอยู่ที่แบบนี้ได้ เอริคเก็บความสงสัยไว้
“มาพบใครค่ะ” เสียงพนักงานที่เคาเตอร์กล่าวถาม เมื่อเห็นเขาซึ่งเป็นคนแปลกหน้าเข้ามา ช่างโชคดีซะจริงที่เป็นผู้หญิง
“เอ่อ ผมมาหายุนโฮ เขาอยู่ห้องไหนครับ”
“คุณยุนโฮยังไม่กลับมาค่ะ แต่เพื่อนเขาน่าจะอยู่ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร ดิฉันจะได้โทรถามให้ว่าจะให้คุณขึ้นไปรอข้างบนหรือจะให้นั่งรออยู่ด้านล่าง” พนักงานสาวยิ้มหวาน
“ไม่ต้องหรอกครับผมรอด้านล่างดีกว่า เดี่ยวก็คงกลับมาแล้ว แต่ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย เพื่อนเขาเนี้ยมาอยู่นานหรือยัง”
“เกือบ ๆ สองสัปดาห์ได้มั้งค่ะ คุณ...ถาม” เธอสงสัยเขา
“เอ่อ ผมคิดว่าเพื่อนเขาอาจจะเป็นน้องชายผมนะ แบบว่าที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยเขาเลยหนีมาอยู่มากับเพื่อน แล้วผมก็คิดว่าน่าจะเป็นยุนโฮนี้แหละเพราะกับคนอื่นไปตามมาหมดแล้วไม่เจอ”
“งั้น ขอให้โชคดีนะค่ะ” เธออวยพรอย่างจริงใจ และดูจะเห็นใจอยู่นิดหน่อย เอริคจึงตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อ
“ขอบคุณครับ แต่ถ้าคุณจะเปลี่ยนจากคำอวยพรมาเป็นเบอร์ห้องของยุนโฮ มันคงจะดีกว่านี้ แม่ผมท่านเดิมที่ท่านก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว พอแอนดี้หนีมา เอ่อน้องชายผมนะครับท่านก็อาการทรุดมาก หมอบอกว่าอาจจะอยู่ได้มานาน ผมร้อนใจกลัวน้องจะกลับไปดูใจท่านไม่ทัน นี้ถ้าเขาไม่ยอมให้ผมขึ้นไปเจอก็ไม่รู้จะทำไง”
“แม้ ก็อยากช่วยนะค่ะแต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากใครต้องเดือนร้อนเพราะผม แค่คุณให้คนแปลกหน้าอย่างผมได้ระบายก็ขอบคุณมากแล้ว” สวนบทบาทผู้ชายและพี่ชายที่แสนดีในเวลาเดี่ยวกัน ก่อนจะหันหลังเดินไปนั่งค่อยที่โซฟาอย่างที่บอกไว้แต่แรก
“เอ่อ..เดี่ยวค่ะ” พนักงานสาวเรียกเขา แล้วควักมือให้เขาไปหา
“ฉันก็ไม่รู้นะค่ะว่าจะใช่น้องชายคุณหรือเปล่า”
เธอพูดพร้อมกับส่งกระดาษที่มีหมายเลข และกล่องของขวัญมาให้ เอริคทำที่ว่าสงสัย
“เบอร์ห้องค่ะ บอกกับพนักงานลิฟล์ว่าคุณเอาของมาส่งให้มาดามปาร์คกยองลิมค่ะ พวกเขาอยู่ชั้นเดี่ยวกัน”
“ขอบคุณครับ” เอริคยิ้มปาดใจแถมให้ไปด้วย
“รีบไปเถอะค่ะ ฉันเห็นคุณยุนโฮเดินมาแล้ว”
เอริครีบไปตามเธอว่าและบอกกับพนักงานลิฟล์ตามที่เธอพูดทุกประการ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้มาปรากฎตัวอยู่ที่ชั้นเกือบจะบนสุดของ Residence เอริคมองหาห้องตามหมายเลขในกระดาษแล้วก็พบว่า มันเป็นห้องสุดท้ายตรงสุดทางเดิน อยู่ติดกับห้อง 6004 เจ้าของห่อของขวัญนี้เอง เอริคจับจ้องมันอย่างตื่นเต้น เมื่อพ้นประตูบานนี้แล้วเข้าก็จะได้พบกับแอนดี้คนรักของเขาแล้ว
แต่เมื่อจะกดออดเขาก็เกิดอาการลังเลขึ้นมา จังหวะนั้นเองยุนโฮก็ออกจากลิฟล์และกำลังเดินตรงมาทางเขาพอดี
เอริคหันไปกดออดห้องข้าง ๆ แทน และกรองเสียงผ่านเครื่อง เมื่อถูกถาม
“มาส่งของขวัญครับ”
ยุนโฮเดินผ่านหลังไปโดยไม่คิดสงสัย แต่คงมันใช่เพราะเอริคตบตาเก่งเพียงอย่างเดี่ยวแต่เพราะกุหลาบขาวช่อใหญ่ในมือของเด็กหนุ่มที่ตั้งใจจะเอามาให้ใครบางคน
ยุนโฮก้าวเข้ามาในห้องและกำลังจะปิดประตู ทว่าไม่สามารถปิดมันลงได้ เพราะขาของใครบางคน
“ไงไอ้รูปหล่อ”
เวลาเดี่ยวกันที่คลับของจอนจิน
แอนดี้เหม่อมองแสงไฟสาดแสงออกมาจากภายใน มือเล็ก ๆ สั่นสะท้านเกร็งแข็งไม่กล้าเปิดประตู
การติดสินใจที่จะกลับมาเหยียบที่นี่ครั้งเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่ามาาตั้งแต่ต้น แต่เพราะมีเรื่องบางอย่างอยากสะสาง ผนวกกับเวลาเกือบสองอาทิตย์มันคงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเอีกแล้วถ้าไม่ต้องเจอหน้าคน ๆ นั้น หากแต่ประตูบานนี้กลับทำให้ทุกอย่างกลับเริ่มต้นที่ศูยน์อีกครั้ง ทุกอย่างมันไหลกลับเข้ามาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น
เขาออกจากประตูไปยังไง และเกิดอะไรขึ้น
คืนนั้น..
หลังจากร่างเล็กที่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดจนสาแก่ใจและคงสมกับความโง่ของตัวเอง ทุกสิ่งอย่างมันดูช่างมือมนและไร้หนทาง ขาเล็กก้าววิ่งออกมา ทั้งที่ไม่รู้จะไปไหน หรือไปหาใคร สมองคิดเพียงไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ขาของตัวเองจะมีแรงวิ่ง ผ่านไป 1 กิโล 2 กิโล หรือ 3 กิโล เจ้าของร่างเล็กไม่ได้นับ แต่ที่แน่ ๆ คือเหนื่อยปานจะขาดใจทั้งที่ไม่มีใจจะให้ขาดอีกแล้ว
“เจ็บ ปวด ทรมาน” ไม่รู้จะสรรหาคำกิริยา หรือคำวิเศษที่ไหนมาบรรยายความรู้สึกของคนที่ยืนหายใจเหมือนคนใกล้จะจบน้ำตายนี้ได้ มันคงเหมือนเข็มซักพันเล่มพุ่งทิ่มแทงหัวใจดวงเล็ก ๆ นี้ให้เป็นแผลลึก และเมื่อถอนออกก็ยังคงสร้างความจำปวดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
“น่าสมเพศ” แอนดี้นึกกับตัวเอง
เขาว่าความรักทำให้คนเรากล้าหาญได้เท่า ๆ กับที่ทำให้เราโง่ และเขาคงจะเป็นอย่างหลัง แก้วน้ำที่มียาพิษรู้ทั้งรู้ว่าจะเป็นยังไงก็ยังดื่มเข้าไป เพียงเพราะมันมีน้ำหวานกลบเกลื่อนความขม มันไม่ฆ่าให้ตายในที่เดียวแต่ก็จะออกฤทธิ์ฆ่าเราอย่างช้าๆ เหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกที่นิด ๆ ในสุดก็หมด แต่ก่อนจะหมดลมคนโง่คนนี้ยังไม่วายจะหวังในสิ่งที่รู้ว่าไม่มีหวัง ว่าก่อนนาทีสุดของชีวิตจะได้รับการยิบยืนยาถอนพิษมาให้ แต่ผลสุดท้ายคือต่อล้มลงดิ้นทุรนทุรายขาดใจตายอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีวันให้ยาถอนพิษหนำซ้ำยังถูกเหยียบย้ำซ้ำเติมทั้งที่เหลือเพียงแค่วิญญาณ
“ความผิด มันความผิดเขาเหรอ” ร่างเล็กรำพึงรำพัน
เขาไปเสกไปสั่งให้ใครต่อใครรักหรือเกลียดเขาที่ไหน ถ้าทำได้เขาจะต้องคบกับพี่มินอูเพื่อเพราะอะไรกัน ทำไม่ต้องยอมมาเป็นเลขาที่ย่ำอยู่กับที่เมื่อก็รู้แล้วว่ามีวัตถุประสงค์ไม่บริสุทธิ์ ยอมแม้กระทั้งเป็นเครื่องมือไปทำร้ายคนอื่น
“โง่..โง่”
ทั้งหมดมันแค่ความโง่ ที่ไม่มีค่าอะไรอะไรเลย แม้แต่จะให้คน ๆ นั้น เหลียวมองยังทำไม่ได้
เจ้าของความโง่อันแสนไร้ค่า จะอยู่ทำไม ถ้าจะต้องรอให้เขามาเหยียบย้ำจนตายสู้ตายมันซะตรงนี้ไม่ดีกว่าเหรอ
“อ่ะ! คุณแอนดี้” เสียงของพนักทำให้แอนดี้หลุดจากภวังค์ คลายจากที่จับประตูขึ้นปาดน้ำที่ตังใจว่าจะไม่ให้มันไหลออกมาอีก
“จอนจินยังอยู่มั้ย” เขาพยายามปรับเสียงให้สั่นเครื่อให้เป็นปกติ
“ยังอยู่ครับ แต่คุณเอริคไม่อยู่แล้ว”
“ดีแล้วละ ขอบใจนะ” เขาตบบ่าเบา ๆ และรีบแทรกตัวเข้าไป
เด็กในร้านที่ยังไม่กลับมองคนที่เดินเขามาอย่างแปลกใจ และแปลกตากับภาพลักษณ์ที่แถบจะไม่หลงเหลือความน่ารักจากผมค่อนข้างยาวและปาดหน้ากลายเป็นผมสั้นเปิดหน้าผากเล็กน้อย ยิ่งเมื่ออยู่ในชุดสูทแบบนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งดูมาดแมนและมีเสน่ห์สมชาย
“จอนจิน” คนเดียวในร้านที่ง้วนอยู่กับการโทรศัพท์เลยไม่สังเกตเห็น
“แอนดี้ ! พี่แค่นี้ก่อนนะเดี่ยวผมโทรกับ”
“คุยกับพี่ฮเยซองอยู่เหรอ”
“อืม นายดูเปลี่ยนไปเยอะนะ”
“ไม่หรอก ก็ปกติ”
ปากบอกปกติแต่รอยยิ้มมันแห้งแล้งซะจนไม่อยากจะนึกว่าเพราะอะไร
“เมื่อไหร่จะกลับมา พวกเราเป็นห่วงมากนะ” จอนจินถามหลังพาคนตัวเล็กหลบสายตาผู้คนเข้ามาในห้องทำงาน
“ฝากบอกพี่เขาด้วยแล้วกันว่าฉันสบายดี ไม่ต้องห่วง สวนเรื่องกลับยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก่อนหน้านี้ เสียงราบเรียบเหมือนคนไร้หัวใจ แบบนี้ยิ่งผิดปกติไม่รู้กำลังคิดอะไร
“แล้วกับอีกคนละ เข้าตามหานายให้วุ่น ยุนโฮเล่าให้ฟังรึเปล่า”
คนตัวเล็กส่ายหัว แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าไม่ได้เล่าหรือไม่อยากบอกว่าเล่ากันแน่
“พี่เอริคโทรมไปเยอะเลย ไม่คอยได้นอนเท่าไหร่เพราะมาเฝ้ายุนโฮ วันนี้ก็เมาหลับแต่พอยุนโฮมันกลับก็หายตามออกไปอีก”
“เหรอ”
“ทำเสียงแบบนี้ไม่ห่วง ไม่สนใจ หรือตรงกันข้าม ” จอนจินลองถาม
“เลิกพูดเรื่องคนอื่นเถอะ ฉันมานี้เพราะอยากให้นายช่วยดูอะไรให้หน่อย” แอนดี้เปลี่ยนเรื่องมันซะ
“อะไร”
จอนจินรับซองเอกสารสีน้ำตาลที่ยื้นส่งมา และเปิดมันออกดู เอกสารในซองเป็นรูปถ่ายพร้อมประวัติของบุคคลคุ้นเคยกันดี อิมฮารยอน
“ใช่คนเดี่ยวกันกับคนที่นายตามมาให้ฉันเจอวันนั้นหรือเปล่า”
“ภาพในรูปถ่ายดูหนุ่มกว่าแต่ก็ไม่ผิดแน่”
“เขาเป็นหนึ่งในคนที่ลักพาตัวน้องชายพี่ฮเยซองไป แล้วก็บอกกับนายว่าตายไปแล้ว”
“ใช่ แล้วประวัตินี้มันเกี่ยวอะไร” แบบว่าภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะแข็งแรง
“เป็นทะเบียนประวัติของญาติหรือผู้ปกครองที่เอาเด็กมาฝากไว้ที่โบสถ์”
“เขาไม่ได้รับเฉพาะเด็กกำพร้าหรอกเหรอ”
“โบสถ์นี้เขาสอนหนังสือด้วย นายอย่าไปสนใจรายละเอียดนักเลยดูชื่อเด็กที่เอาไปฝากไว้ดีกว่า”
“อี ซอน โฮ แล้วไง”
แอนดี้ควักบัตรประจำตัวมาให้ดู
“ชื่อเหมือนกัน แล้วไง”
“หลวงพ่อบอกว่าเขาเป็นคนมาฝากฉันไว้แต่ไม่มารับกลับตั้งแต่วันแรก”
“ที่นายหายไปเพราะเรื่องนี้ด้วยเหรอ”
“ก็ด้วย”
“นายกำลังสงสัยว่าน้องพี่ฮเยซองอาจจะเป็นนายหรือเปล่า” จอนจินส่ายหัวไม่เชื่อ ยังเชื่อคำพูดของคิมฮารยอนอยู่ อีกอย่างมันอาจแค่บังเอิญเพราะชื่อก็ไม่ใช่ชื่อน้องของพี่ฮเยซอง
แอนดี้จึงดึงเอกสารอีก2 ใบที่เหลือในซองออกมาจนหมดและว่างเรียงกันบนโต๊ะจะได้เทียบกันให้ชัด ๆ
ใบแรกเป็นใบเกิดของเด็กชายที่ชื่อ อี ซอน โฮ ระบุว่าเกิดวันที่ 21 มกราคม 1981 กรุ๊ปเลือด A
ใบสองเป็นใบเกิดของน้องชายฮเยซอง ระบุเกิดวันที่ 21 ธันวาคม 1981 กรุ๊ปเลือด O
เมื่อเทียบกับบัตรประจำตัวที่แอนดี้ควักให้ดูที่แรก เกิดวันที่ วันที่ 21 มกราคม 1981 กรุ๊ปเลือด O
ถ้าหลวงพ่อของแอนดี้ไม่ได้โกหก ดูจากวันเกิดแอนดี้ ลี กับ อี ซอนโฮ เป็นคน ๆ เดี่ยวกัน แต่กรุ๊ปเลือดนี้มันยังไง ลูกนกสับสน
กุญแจดอกเดียวที่ไขปริศนาได้คงมีแต่อิมฮารยอนเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ซะแล้วนี้สิ
กลับไปที่ห้อง 6005
เอริคนั่งบนโซฟาจับจองเหมือนเป็นเจ้าของห้องที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นเน้นโทนสีขาวเป็นหลักและโทนสีดำเป็นรอง ขณะที่เจ้าของห้องตัวจริงยืนคุมเชิงอยู่ห่าง ๆ พร้อมกับจัดดอกไม้เข้าแจกันไปด้วยเพราะมันก็ไม่เหลืออะไรจะให้ทำแล้วนอกจากนอน ซึ่งจะปล่อยให้แขกนั่งหัวโดอยู่ก็ไม่ได้ ขี้ขลานจะไล่ไปก็ไม่ยอมกลับ
ทันที่ที่ย่างเท้าเข้ามาในห้องนี้เขารู้ได้ เกือบสองอาทิตย์คนตัวเล็กอาศัยอยู่ที่นี้ไม่ผิดแน่ ทั้งจากรองเท้าเดินในบ้านที่จอดทิ้งไว้มีกว่า 1 คู่ และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ยังคละคลุ้ง บ่งบอกว่าถึงคนตัวเล็กจะไม่อยู่แต่ก็เพิ่งออกไปไม่นาน เขาจะรอ รอจนกว่าคนตัวเล็กจะกลับมา แล้วจะพากลับไปให้ได้ไม่ปล่อยให้อยู่ในถ้ำเสือนี้เด็ดขาด
ถึงยุนโฮจะเด็ก และเด็กกว่าเขามาก แต่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน สัญชาตญาณมันบอกว่าไม่ควรปล่อยให้อยู่ใกล้คนของเขานาน
“เมื่อไรคุณจะกลับไปซักที มันดึกมาแล้วหัดเกรงใจคนอื่นไปซะบ้าง” ยุนโฮเริ่มโวยขึ้นอีกครั้ง เมื่อเสียบ ๆ ปัก ๆ ดอกไม้ไปหมดช่อแล้ว
“ก็บอกแล้วว่าจะรอแอนดี้”
“คุณเห็นเขาอยู่ที่นี้รึไงถึงจะยังจะรอ”
“ไม่เห็นแต่รู้ว่าอยู่ หรือนายจะปฏิเสธ”
ยุนโฮมองขวาง เอริคก็มองตอบในรูปแบบเดียว
“คงไม่ เพราะหอบดอกไม่ช่อใหญ่มาด้วย” เอริคเดิมมาดึงดอกกุหลาบขาวในแจกัน เขาดมมันก่อนจะพูดอะไรต่อ
“คิดว่าของแบบนี้จะทำให้แอนดี้ปลื้มนายได้รึไง เด็กซะจริง ๆ”
“ก่อนตัดสินคุณน่ารอดูผลลับมันซะก่อน”ยุนโฮคว้ามันกลับไว้ในแจกันอย่างเก่า
“ฉันก็รอดูอยู่นี้ไง แต่จะทันได้ดูรึปล่า เพราะฉันจะพาเขากลับทันที่ที่มาถึง”
“เป็นห่วงตัวคุณจะถูกตะเพิดออกไปจะดีกว่า” ยุนโฮยิ้มเหยียด ก่อนจะยกเอาแจกันไปตั้งไว้ใกล้ประตูหมายให้คนเข้ามาเปิดปั๊บก็เห็นทันที
เป็นครั้งแรกที่เอริคถูกกระทำใส่เช่นนี้ กับมินอูที่เคยปะฝีปากกันเพราะเรื่องทำนองนี้หรือแม้แต่ฮเยซอง นอกจากคำพูดเสียดสี ถากถางให้เจ็บปวดแล้ว ก็ไม่เคยทำท่าทางดูถูก สมประมาทหรือท่าทายอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า แล้วหมอนี้มันเป็นใคร แค่ไม่กี่อาทิตย์มันกล้ายิ่งผยอง ไม่ใช่ว่าแอนดี้...
เอริคพุ่งตัวไปกระชากไหล่ให้เด็กเมื่อวานซืนหันกลับมา
เกร็ก!
เพล้ง!!
ลูกบิดประตูขยับ ขณะแจกกันสัมผัสกับพื้น และกำปั้นลอยกว้างผ่านอากาศ
ผั๊วะ!
“แอนดี้” เอริค/ “พี่!”ยุนโฮ
สีหน้าต่างก็ตกใจ แต่คนที่ตกใจที่สุดเห็นจะไม่พ้นเอริคเพราะหมัดที่พุ่งออกไปไม่ตรงกับคนที่ต้องการให้รับ
“แอนดี้ นายเป็นอะไรหรือเปล่า” สองมือประคองหน้าคนตัวเล็กที่สะบัดเพราะแรงหมัด ถามอย่างห่วงใย นิ้วมือลูบบริเวณช้ำตรงมุมปาก แต่คนตัวเล็กกลับเอาแต่มองไม่พูดอะไรซักคำ
ผมรีบกลับมาเพราะกลัวจะเจอคน ๆ นี้ ที่นั้น กลับต้องมาเจอเขาที่นี้ ไม่ว่าจะหนี้ไปไหนก็คงไม่พ้น
ต่อให้หลบยังไงสักวันก็ต้องได้เจอ แต่...
ทำไมต้องเป็นตอนนี้ ตอนที่ผมยังลืมเขาไม่ได้ แล้วยิ่งมาทำดีเป็นห่วงเป็นใย
ยังอยากได้อะไรจากผมอีก ผมไม่มีอะไรให้พี่อีกแล้ว
“ยุนโฮ ดอกกุหลาบพวกนี้”เอริคมองใบหน้าที่แปลกไปเพราะทรงผมถอยออกจามือเขาที่ละน้อย นายเปลี่ยนไปแค่ทรงผมใช่มั้ยแอนดี้
“ผมกะจะเอามาเซอร์ไพรพี่แต่มัน...ถูก...”
“คราวหน้านายก็ถือของให้ระวังหน่อยซิ”
พูดกับเด็กนั้น หากแต่แอนดี้ยังมองหน้าเขา นายกำลังฟืนทำเป็นไม่สนใจ...ใช่มั้ย
“แอนดี้” เอริคเอื้อมมือไปจับแขน
คนตัวเล็กบิดแขนหลบ
“เรามาช่วยกันเก็บเถอะยุนโฮ ทิ้งไว้แบบนี้พื้นไม้จะพังหมด”
“แต่ผมว่าพี่น่าจะทำ...แผลก่อน” ยุนโฮชี้ไปตรงมุมปากแอนดี้
“ยุนโฮ”
“ครับ! งั้นผมจะเป็นคนเก็บเศษกระเบื้องกับดอกกุหลาบทิ้ง ส่วนพี่ก็รอเช็ดแล้วกัน”
“ช่วยกันเก็บจะเร็วกว่านะ ดอกกุหลาบก็ไม่ต้องทิ้ง เดี่ยวเราเอาปักแจกันใหม่ ถึงมันจะช้ำบ้างแต่นายให้ ฉันจะเก็บมันไว้ทุกดอก”
ขณะที่เขาสองคนเก็บเศษกระเบื้องที่ละชิ้น ช่วยกันเก็บดอกไม้ที่ละดอก ประสานตากัน ยิ้มให้กัน หยอกล้อกัน เอริคเป็นเหมือนอากาศธาตุที่มองไม่เห็น แอนดี้เลือกวิธีลงโทษเขาแบบนี้เอง เมื่อเขามองความรักของคนตัวเล็กไร้ค่า คนตัวเล็กจึงมองมันแบบเดียวกับผม
แต่แอนดี้คงลืมอะไรไปบางอย่าง เขาไม่เคยมองคนตัวเล็กไร้ตัวตนเลยสักครั้ง เพราะเขารู้สึกว่ามีอยู่ด้วยเสมอไม่ว่าจะเห็นหรือไม่เห็น ดังนั้นแอนดี้จะมองผมไม่มีตัวตนไม่ได้
“แอนดี้! เรามีเรื่องต้องคุยกัน” มือหนาดึงแขนฉุดคนตัวเล็กขึ้นมาจากพื้น อีกคนมันรีบเด้งมาจับแขนเขาไว้ทันที
“คุณจะเอาพี่แอนดี้ไปไหน”
“ไม่เป็นไรพี่เองก็มีอะไรจะพูดกับเขาเหมือนกัน”
เพราะแอนดี้พูดมันถึงยอมปล่อยมือ
ที่หน้าระเบียง
“ทำไมทำกับพี่แบบนี้”
“ผมทำอะไรคุณ”
“นายทำหมือนพี่ไม่มีตัวตน แล้วยังจะไป...กับเด็กนั้น”
“เด็กนั้น...ยุนโฮนะเหรอ...ก็เขาเป็นแฟนผม”
“แฟน! นายใช่คำนี้ทั้งที่ยัง...ได้ยังไง” เอริคยกมือข้างซ้ายให้เห็นแหวนแต่งงาน
“แล้วที่กับผม คุณยังทำได้ คุณทำทำไม....ถ้าตอบไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นที่ผมจะตอบคำถามคุณ”
“นายเปลี่ยนไป นายไม่ใช่แอนดี้ที่พี่รู้จัก”
“บางครั้งถ้าเป็นคนดีและมันต้องเจ็บ ผมก็จะรองเป็นคนเลวอย่างคุณบ้าง”
“ใช่...ใช่ พี่มันเลว และนายอย่างคนเลวคนนี้ทำยังไงนายถึงจะเหมือนเดิม”
“ทำยังไง คุณก็ลองคิดดูซิ ใช่เวลาที่คุณขับรถกลับบ้านคิดดู”
ร่างเล็กเปิดประตูระเบียง เหลียวมองเขาก่อนจะเข้า
“อ้อ! แหวนนี้มันถอดไม่ออก ผมถอดได้เมื่อไรจะคืนให้คุณ”
“พี่ไม่รับคืน มันสลักชื่อนายมันก็จะเป็นของนายไปตลอดชีวิต”
“น่าเสียดายนะ ถ้าผมจะต้องทิ้งมัน”
“เดี่ยว! พี่จะไม่ไปไหน เมื่อนายให้พี่คิด พี่คิดจะอยู่ที่นี้”
แอนดี้หันกลับมามองเขาเต็มตัว แว๊บหนึ่งในดวงตานั้น เขาเห็นแววตาเศร้าก่อนกลับไปแข็งกร้าวอย่างเดิม
“พี่จะอยู่ที่นี้ ถ้านายย้ายพี่ก็จะตามไป”
“ถ้าอยู่ได้ก็อยู่ แต่บอกไว้ก่อนว่าคุณเป็นคนอื่น ยุนโฮเป็นแฟนผม ถ้าคุณทำอะไรเขา ผมอาจะเกลียดคุณมากกว่าเดิม”
ความคิดเห็น