ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : part 17 ติดต่อกลับ
Part 17 ติดต่อกลับ
ณ รุ่งอรุณ คฤหาสถ์หลังงาม ภายนอกเงียบสงบ ๆ อุ่นอบจากแสงอาทิตย์ แต่ใต้ชายคากลับแตกต่าง มันแค่เกือบเงียบ และขาดซึ่งความสงบโดยสิ้นเชิง
ฝากฝั่งหนึ่งของคฤหาสถ์ชั้นสองชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังอยู่ในฐานะเหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่กำลังถูกชายร่างสูงบางบนเตียงอบรมสั่งสอนเหมือนแม่อย่างออกรสออกชาติ
“ไม่ต้องมาจับ” ร่างบางตะหวาดแว๊ด
“ให้ผมช่วยเถอะ พี่ลุกไม่ไหวไม่ใช้เหรอ”
“ไม่ต้องเลย ทีตอนทำละไม่คิด”
“ก่อนตอนนั้นมันอดใจไว้ไม่ไหว พี่อยากแต่งหวาบวิวออกมาทำไมละ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายนะโตแล้วต้องหัดมีความยับยั้งชั่งใจ ห้ามก็ต้องรู้จักฟัง ไม่ใช้ดึงดันจะทำท่าเดี่ยวเข้าใจไหม”
“ท่าเดี่ยวที่ไหนกัน”
“ทะลึ่ง!”
“คร้าบ ๆ เข้าใจคร้าบ แต่พี่ก็น่าจะห้ามผมให้จริงจังกว่านี้หน่อย”
“แก้ตัว ถ้าคิดจะหยุดนายก็ทำได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง ที่สำคัญครั้งแรกใครเขาหักโหมกันทำถึง 2 ครั้งซ้อนบ้าง”
“3 ตั้งหาก” โชว์นิ้วประกอบ แก้มป่อง ๆ ขึ้นสี
“จะกี่ครั้งก็ช่าง ต่อไปนี้ถ้านายจะมีอะไรต้องให้พี่พร้อมก่อน ถ้าขออนุญาตก็ต้องรอฟังคำตอบด้วย ในรุ่นขึ้นที่เป็นวันธรรมดาต้องไม่เกิน 1 ครั้ง เพราะต้องไปทำงานแต่เช้า แล้ววันหยุดก็...แล้วแต่พี่จะพิจารณา”
“แบบนี้ถ้าพี่ไม่มีลิมิต ผมก็แย่นะซิ”
“ฉันนะ ไม่ใช่นายจะได้หื่น”
“คร้าบ ที่นี้พี่จะให้ผมอุ้มไปอาบน้ำได้ยัง”
“ก็เร็ว ๆ ซิ เหนียวตัวจะแย่ วันนี้มีประชุมตอน 10 โมง ด้วย”
“ผมถึงปลุกพี่แต่เช้าไง” พูดเมื่ออุ้มคนร่างบางขึ้นมาแล้ว
“ป๊าบ!”
“ตีผมมั้ย”
“ไม่มีอะไร หมั่นไส้เฉย ๆ”
ถึงจะยอมก้าวออกมารับความรักของคนจอนจิน แต่ไม่ว่ายังไงฮเยซองก็คือฮเยซองอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางอ่อนข้อให้ใครเด็ดข้างถึง ๆ คน ๆ จะอยู่ข้างบนก็เถอะ
ขณะที่อีกฝากฝั่งส่งเสียงดังปึงปังและข้าวของในห้องกระจัดกระจาย
หลังจากลืมตาคิดมาจนเกือบตลอดทั้งคืน เอริคก็เที่ยวรื้อหาพาสปอร์ตของแอนดี้ทุกที่ที่คิดว่าคนตัวเล็กอาจจะเก็บมันไว้ ทั้งในตู้ กระเป๋าเสื้อผ้า ลิ้นชักโต๊ะ แม้กระทั้งใต้ที่นอน ซึ่งคงไม่มีใครหน้าไหนเก็บมันไว้ในนั้น ทั้งนี่ก็เพราะมั่นใจว่าแอนดี้ไม่ได้เอาไปด้วย เป็นคนบอกให้แอนดี้เก็บไว้ที่นี่ และจำได้ว่าเห็นมันแว๊บ ๆ อยู่ในห้องที่ไหนซักแห่งก่อนจะออกไปที่คลับด้วยกัน แต่ก็ไร้วี่แวว
ร่างใหญ่มองไปรอบ ๆ รวบรวมสติและตั้งต้นหาใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เอริคค่อย ๆ หามันอย่างใจเย็น ดูอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่มองผ่าน ๆ อีก แล้วสายตาคมก็สะดุดเข้ากับ
“ไดอารี่” สมุดบันทึกเล่มสีครีม มันถูกวางในจุดที่ไม่ว่าใครก็มองเห็นได้ชัดเจน หน้าหนึ่งถูกขั้นไว้ด้วยหนังสือเล่มเล็ก ขนาดไม่ถึงฝามือ เอริคผลิกหน้าไดอารี่ที่ถูกขั้นจึงพบว่ามันคือพาสปอร์ตของทั้งเขาและของแอนดี้ คนตัวเล็กคงเสียบมันไว้เพราะความรีบและแม้จะลืมก็จะหาเจอเพราะเปิดเขียนแทบทุกวัน
เมื่อหาของที่ต้องการเจอแล้วร่างใหญ่ก็จัดการย้ายมันซะ เพราะหากแอนดี้กลับมาเอามันตอนที่เขาไม่อยู่อย่างน้อยแอนดี้ก็จะต้องเสียเวลาหา และหากหาไม่เจอแอนดี้ก็ต้องรอเอาจากเขาเอง หลังจากซ้อนเป็นที่เรียบร้อยก็เหลือสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกสองเรื่องใหญ่
เรื่องแรกคือโทรเช็คกับสถานทูตว่าแอนดี้มาติดต่อทำพาสปอร์ตใหม่หรือเปล่า ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่ได้ติดต่อ ใด ๆ จากเขา เอริคจึงบอกให้เจ้าหน้าที่ไม่ทำเรื่องให้หากแอนดี้มาติดต่อ
“เสียใจค่ะ เราไม่สามารถทำตามคำขอของคุณได้” เจ้าหน้าที่สาวกรอกคำพูดไปตามสาย
“แต่พาสปอร์ตเขาอยู่กับผม”
“ทางเราก็ต้องทำตามหน้าที่นะค่ะ เอาเป็นว่าเราจะประสานงานให้เขาไปรับพาสปอร์ตคืนกับคุณก่อน” เจ้าหน้าที่อธิบาย
“เขาไม่มีทางมารับคืนเด็ดขาด เพราะเขายังโกรธผมอยู่ โกรธมาก ๆ ด้วย”
“นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ คุณต้องไปเคลียร์กันเลขาของคุณเอง” เจ้าหน้าพยายามพูดให้เข้าใจ
“ถ้าเขาทำใหม่ได้ แล้วที่อยู่กับผมมันจะมีประโยชน์อะไรละ”
“อันนั้นมันก็เรื่องของคุณค่ะ ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่ดี”
“ใจดำ คุณต้องเป็นพวกสาวแก่ ทึนทึก ถึงไม่เห็นใจผม”
“ขอโทษนะค่ะ ว่ากันแบบนี้ คิดเหรอค่ะว่าฉันจะช่วย ขออนุญาตวางสายถ้าคุณไม่มีธุระจะสอบถามอะไรอีก”
“เดี่ยวครับ เดี่ยว ผม...ของถามคำถามสุดท้าย ถ้าคุณยังไม่ช่วยผมก็ไม่เซ้าซี้ และจะถอนคำพูดที่ว่าคุณ”
“ได้ค่ะ แต่หวังว่ามันจะไม่ไร้สาระ และเกี่ยวกับงานนะค่ะ”
“ระหว่างของที่อยากได้ กับของที่รัก คุณจะเลือกหยิบอย่างไหนก่อน”
“แนะนำให้เปลี่ยนคำถาม ถ้ามิเช่นนั้นฉันจะว่างสาย”
“อย่า ๆ ๆ ตอบผมมาเถอะ”
“ก็ต้องของที่อยากได้ซิคุณ ของที่รักมันอยู่กับเราอยู่แล้วนิ คุณจะอยากรู้คำตอบฉันไปทำไม”
“ผมอยากรู้เพราะผมดันเผลอไปหยิบของที่อยากได้ ของที่รักมันเลยวิ่งหนีหายไป”
“เอ่อ...คุณก็หามันซิ”
“ผมก็กำลังตามหาอยู่ แต่...มันคงจะหามันไม่เจอ ถ้าคุณ...ไม่ช่วย”
“เอ่อ...เลขาคุณ...เป็น...ผู้ชาย” กำลังคิดว่าตัวเองอาจเช็คผิด
“ใช่ครับ ว่าไงคุณยอมช่วยผมมั้ย”
“เอาเบอร์ติดต่อคุณมาแล้วกันค่ะ ถ้าเขามา คุณก็มาระงับไว้เองแล้วกันฉันจะพยายามถ่วงเวลาไว้ให้”
นั้นคงถือเป็นความกรุณาอย่างที่สุดแล้วที่เจ้าหน้าจะให้ได้ เอริคจึงให้เบอร์โทรศัพท์ และกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก แม้จะมีเพียงแค่ 1 ใน 100 ของความคิดที่จะโทรบอก แต่มันก็ถือว่ามันเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญสำหรับเขา เพราะหากแอนดี้เดินทางกลับอเมริกาได้เหมือนไหร่เขาอาจจะไม่มีวันได้คนตัวเล็กคืนกลับมา
เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องแรกเอริคก็รอเวลาให้ตะวันลับขอบฟ้า และปรากฏกายขึ้นที่คลับของจอนจินเมื่อเวลาร้านเปิด เพื่อจัดการกับเรื่องที่สอง ซึ่งขณะที่เดินเข้ามาเอริคก็พบว่ามีใครบางคนมาถึงก่อนแล้ว โดยที่เขาไม่ได้นัดไว้ เพราะตั้งแต่คืนวานเขาเพิ่ง ๆ จะได้เจอกันตอนนี้แหละ
“เอริค! นายมาทำอะไรที่นี้” ฮเยซองเอ่ยทัก
“ไงมานั่งอยู่คนเดี่ยว จอนจินมันไปไหนซะละ”
“อยู่ข้างใน คุยธุระอยู่”
“อ้อ” เอริคเดินนั่งลงที่เก้าอี้
“นี่นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันนะ”
“นี่นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันนะ”
“คนของฉันหายที่นี่ ก็เลยมา”
“ยังกล้าพูด ว่าเขาเป็นของนายได้อีกนะ”
“ก็มันเรื่องจริง แล้วนายละเคลียร์กับจอนจินมันเรียบร้อยแล้ว”
“ก็อย่างที่เห็น แล้วนายได้โทรไปหามินอูรึยัง”
“ยัง แล้วก็ไม่คิดจะโทรด้วย”
“ทำไม กลัวมันบินมาต่อยหน้า หรือมาเอาคนของมันคืน”
“กลัวอย่างหลังมากกว่า”
“ถามจริงเถอะ ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่านายรักเขา รักมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”
“ทำพูดรู้ดีเหมือนเป็นฉันเองเลยนะ”
“ทำไมจะไม่รู้ละ ก็คืนนั้นนายกอดฉันแต่เรียกชื่อเขา”
“คืนนั้น??”
“ก็คืนที่นายโมโหแล้วกลับอเมริกาไง”
“นี้คงรู้กันหมดทั้งนาย ทั้งไอ้มิน ยกเว้นฉัน จอนจินมันรู้ด้วยมั้ยเนี้ย” รู้สึกอนาถตัวเองต้องให้คนอื่นมาบอก
“พี่ฮเยซองผมเสร็จธุระแล้ว เรากลับกันได้แล้วละ” อายุยืนพูดถึงก็มา แถมมีเด็กที่ชื่อยุนโฮมาด้วย แต่แยกกันไปอีกทาง เมื่อเห็นเอริค
“ไง” ทักแบบง่าย ๆ
“พี่ จะมาทำอะไรพี่ฮเยซองอีก” มันตั้งท่าเหมือนหมาห่วงเนื้อ ก่อนจะโค้งคำนับซะสวยงาม
“ขอโทษนะครับ พี่ฮเยซองเป็นแฟนผมแล้ว กรุณายามายุ่งกับแฟนผมอีก”
“ฉันไม่ทำอะไรที่รักของนายหรอกนะ แค่มาตั้งต้นหาแอนดี้เท่านั้นแหละ”
“’งั้นฉันขอตัวละนะเอริค แล้วพรุ่งนี้จะช่วยตามแอนดี้อีกแรง”
“อืม ขอบใจ...เดี่ยวซอง” เรียกคนที่เดินไปแล้วให้อยู่ก่อน
“มีไร”
“คืนนั้น เราไม่ได้มีอะไรกันหรอก ฉันแค่ถอดเสื้อผ้านายแล้วพาขึ้นมานอนบนเตียง”
ฮเยซองเงียบไปราวอึดใจก่อนจะพูดส่วนตอบกลับมา
“รู้แล้วละน่า~”
“คิก ๆ”
“หัวเราะอะไรจิน โป๊ก!”
หลังฮเยซองลากเอาจอนจินออกไปโดยใช้มือดึงหูไว้ข้างหนึ่ง เอริคก็อดนึกถึงตัวเองไม่ได้ว่าหากเขาก้าวเข้าหาแอนดี้เหมือนอย่างฮเยซองก้าวหาจอนจินบ้าง วันนี้ข้างกายเขาคงมีคนให้หยอกล้อเล่นด้วย มีเสียงใส่ ๆ พูดเอาอดเอาใจอยู่ไม่ห่าง และได้เห็นร้อยยิ้มสดใสชวนให้อารมณ์ดี ยิ่งนึกความรู้สึกดี ๆ ที่มีแอนดี้อยู่ใกล้ ๆ ก็หลั่งไหลพรั่งพรูเหมือนธารน้ำตกที่ไม่มีวันเหือดแห้ง
เขานั่งจมดิ่งอยู่ในห่วงของความคำนึง จนแขกเริ่มแน่นร้าน เสียงพูดคุยเบา ๆ เริ่มดังขึ้น เอริคถึงรู้สึกตัว เห็นทีเขาคงต้องย้ายที่นั่ง และเก้าอี้หน้าเคาร์เตอร์เป็นที่ ๆ ถูกเลือกเพราะมันอยู่ใกล้ทางเข้าออกของร้าน และสามารถมองเห็นคนในร้านได้ทั่วทุกโต๊ะแค่เพียงหมุนเก้าให้หันหน้าออกจากเคาเตอร์
“เตกีล่า แก้ว” เขาสั่งบาร์เทนเดอร์ ไม่ช้าของที่สั่งก็ถูกส่งมา
“ยุนโฮ เด็กนั้นทำงานที่นี้นานรึยัง”
“คุณเอริคถามผมเหรอครับ”
“ตรงนี้มีแค่ฉันกับนายจะถามใคร”
“เกือบปี”
“มีคนรักหรือเปล่า”
“เท่าที่รู้ยังไม่มี แต่น่าจะมีคนที่ปิ๊งอยู่”
“ใคร? รู้มั้ย”
“คุณก็น่าจะรู้อยู่ คุณถึงมา”
“รู้มั้ยนิสัยเป็นยังไง”
“ไฮเปอร์ ตรงต่อเวลา อ่อนโยน ปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า และไม่ชอบแพ้ใคร”
“รู้นิสัยขนาดนี้ รู้ที่อยู่ของเด็กนั้นด้วยหรือเปล่า”
“ไม่รู้ครับ แล้วก็คิดว่าไม่มีใครรู้ด้วย”
“จอนจินละ”
บาร์เทนเดอร์ส่ายหัว
“ในใบสมัคร”
“มีครับ แต่...ก็ไม่ใช่ที่อยู่จริง ๆ เพราะบางครั้งก็มีลูกค้าที่ทำตัวไม่ดีบ้าง ถ้าคุณอยากรู้ก็ต้องสืบเอง”
ไม่ต้องบอกขาก็เองก็คิดเองได้
เอริคนั่งรอกระทั้งร้านปิดและแอบตามเด็กที่ชื่อยุนโฮนั้นออกไป แต่ดูเหมือนว่าทางนั้นจะรู้ตัว จึงแกล้งเดินวกไปวนมา เข้าซอยโน้นออกซอยนี้ เข้ารถไฟออกรถไฟเป็นว่าเล่น จนในที่สุดก็คลาดไปจนได้ ที่ซ้ำร้ายก็คือเขาหาทางกลับบ้านไม่ถูก กว่าจะงมทางเจอเล่นเอาเกือบสว่าง จากที่เมื่อวานไม่ได้นอนเมื่อกลับมาถึงก็หลับเป็นตาย ตื่นอีกทีเอาก็ ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไปที่คลับ
เป็นอย่างนี้อยู่เป็นอาทิตย์กว่า เขาก็ยังไม่รู้ว่ายุนโฮพักอยู่ที่ไหน แต่มันก็ใช่จะไร้ประโยชน์จากที่ได้สังเกตของยุนโฮที่มาช้าแต่กลับเร็วเสมอ เส้นทางกลับไม่ซ้ำกันซักวัน ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับเขา ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะเลิกตาม และไม่มีวันไอ้เด็กที่ชื่อยุนโฮจะฉลาดกว่าเอริคมุนคนนี้ได้
ก่อนวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่สอง
“คุณเอริคครับ คุณเอริค ร้านปิดแล้วครับ” บาร์เทนเดอร์พยายามเขย่าคนที่สิ้นฤทธิ์เพราะซดแอลกฮอล์ไปหลายแก้ว แต่ก็ทำได้เพียงกระตุ้นให้เจ้าของชื่อส่งเสียงครางอย่างขัดอารมณ์ ออกมาเท่านั้นเอง
“ยุนโฮ!” บาร์เทนตะโกนเรียก เมื่อเห็นเดินออกมา
เจ้าของชื่อก็แวะมาที่เคาเตอร์
“มีอะไรหรอกพี่ ผมกำลังรีบกลับ”
“ช่วยพาคุณเอริคไปนอนที่โซฟาหน่อยซิ”
“ทำไมพี่ไม่ไปทำเองละ ก็รู้อยู่ผมไม่ชอบขี้หน้าเขา”
“เก็บของไม่เห็นรึ พาคุณเอริคไปนอนที่โซฟาแล้วจะรีบกลับบ้านก็รีบไป”
จำต้องทำแม้จะไม่ชอบใจ ก็เลยบ่นมันซะหน่อย
“คนอะไร ตามได้ทุกวัน พาวนจนจะทั่วโซลแล้วไม่รู้จักเข็ด”
“วันนี้คุณเอริคก็ตามนายไปไม่ได้แล้วไง”
หูดีจริง ๆ บ่นเบา ๆ ยังอุตส่าได้ยิน
“เสร็จแล้ว ผมกลับละนะพี่”
“อืม พรุ่งนี้อย่ามาสายละ”
บาร์เทนเดอร์สั่งกำชับ มองตามยุนโฮออกไปจนกระทั้งพ้นประตูร้าน แล้วก็หันมาทำความสะอาดงานของตัวเองต่อเพียงไม่กี่น่าที่ จอนจินก็เดินมาหา
“นี่เอริคละ เมื่อกี้ยังอยู่นิ”
“ผมให้ยุนโฮพาไปนอนที่โซฟาครับ”
“โซฟาตัวข้างหน้านี้นะเหรอ ไม่เห็นจะมีใครเลย”
.......................
ขณะเดี่ยวกัน ณ อีกซีกโลก
มินอูไม่สามารถติดต่อหาแอนดี้ได้กว่า 1 สัปดาห์แล้ว ความกังวลใจในตอนแรกจึงเพิ่มพูนเหมือนแก้วน้ำที่ถูกเติมอยู่เรื่อย ๆ จนปริ่มใกล้ล้นออกมาเต็มที แม้ว่าคนที่อยู่ด้วยในเวลานี้จะพยามเอาน้ำในแก้วนั้นออกบ้าง ไม่นานแก้วใบนั้นก็กลับมีน้ำเต็มขึ้นมาใหม่ทุกครั้งไป
ใช้ว่าดงวานจะไม่เข้าใจความรู้สึกของมินอู คนที่รักกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันออกมายอมต้องเป็นห่วงกันเป็นธรรมดา และยิ่งเคยคบหาเป็นแฟน เลิกลาไปทั้งที่ยังรักความเป็นห่วงก็ต้องมากกว่าปกติ แต่ทางนั้นเขาก็มีคนเป็นห่วงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มันกลายเป็นเรื่องที่อดไม่ได้ที่จะไม่พอใจ และอยากให้อีกคนเข้าใจความรู้สึกของเขาบ้าง
“มินอู ฉันจะพามันหวานไปเดินเล่น นายจะไปด้วยมั้ย” ลองดูอีกครั้ง แม้ไม่มีสักครั้งทำได้สำเร็จ
“ไม่ละ นายไปเถอะ”
“เราไม่ได้พามันหวานไปเดินเล่นด้วยกันนานแล้วนะ”
“เหรอ”
“ฉันคิดว่ามันคงอยากให้นายไปด้วย”
มินอูมองมันหวานที่กระดิกหางดิก ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาและย่อตัวลง ลูบหัวมันเบา ๆ อย่าเอ็นดู
“มันหวาน วันนี้ไปเดินเล่นกับแม่แก่ก่อนนะ แล้วไว้พรุ่งนี้พ่อจะไปด้วย”
“พรุ่งนี้มันมากี่ครั้งแล้วละ”
คำพูดประชดกระตุ้นให้มินอูต้องเงยหน้าขึ้นมามอง หากแต่จะทำได้แค่นั้นอีกหรือเปล่า
“ต้องไปด้วยแล้วซินะ” มินอูยิ้มอ่อนโยน
เป็นแบบนี้ทุกที พอผมแสดงอารมณ์ไม่พอใจ มินอูก็จะยิ้มอย่างอ่อนโยน และก็ทำสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ จะรู้บางไหมว่าทำแบบนั้นแล้วคนฟังเจ็บมากกว่าดีใจ
“ไม่อยากไปก็ไม่ต้องฟืนหรอก จะเสียเวลาติดต่อแอนดี้เปล่า ๆ”
ผมทิ้งคำพูดเอาไว้ แล้วก็พามันหวานออกมา ก็มินอูนะถึงจะออกมากับผมแต่ใจเขาไม่ได้ได้อยู่กับผมเลยนี้น่า ไม่ว่าจะกินหรือนอนก็นึกถึงแต่คนที่มีเจ้าของไปแล้ว ทั้งที่ติดต่อไม่ได้ก็ยังโทรไปที่เบอร์เดิมซ้ำ ๆ ถ้าผมเป็นฝ่ายติดต่อไม่ได้บ้าง เขาจะกระวนกระวายเหมือนอย่างนี้บางรึเปล่า คงไม่ซินะ
เอ๊ะ แต่จะว่าไป ก็มีครั้งหนึ่งที่มินอูตามออกมานิ แต่มันคงแค่บังเอิญละมั้ง
เฮ้อ~ เสี้ยวหนึ่งของหัวใจ ไม่มีที่ว่างให้ผมอยู่บ้างเลยรึไง
“ถามตัวเองไปก็เปล่าประโยชน์” ใครมันเข้ามาพูดในความคิดผม
“มิซาโกะ!”
“อย่ารู้ก็ไปถามเจ้าตัวเขาดิ ถอนหายใจไปได้ประโยชน์อะไรละ”
“รู้เหรอ ว่าถอนหายใจอะไร”
“เรื่อง คนในห้องใช่มั้ยละ”
“พูดทำเป็นรู้ดี”
“ถ้าไม่ใช้ พี่จะมายืนสงบนิ่งอยู่หน้าประตูทำไม ไม่รีบพามันหวานมันไปเดินเล่น ให้มิซาโกะรออยู่ที่สวนสาธารณะตั้งนาน”
“รอ ทำไมต้องรอ ไม่ได้นัดไว้ซะหน่อย”
“ไปถามคนข้างในดิ ว่าให้มิซาโกะไปรอทำไม”
“คนข้างใน”
“แน๊ะ! ยังมาทำหน้างง กลับเข้าไปซิ เดี่ยวมันหวานมิซาโกะพาไปเดินเล่นเอง พวกผู้ใหญ่นี่ต้องให้เด็กช่วยอยู่เรื่อย จริง ๆ เลย“
มีบ่นก่อนจะดึงเอาสายจูงจากมือผมไป มันยังไงกันละเนี้ย คนข้างใน ?
ผมติดสินใจเปิดประตูกลับเข้ามา ก็เจอกลับคำถามแทนที่ผมจะได้ถาม
“ทำไมไปเร็วนักละ”
“เอ่อ เจอมิซาโกะระหว่างทาง เลยอาสาพาไปเดินเล่นแทน”
“เหรอ” ยายนั่นมั่วละมั้งเนี้ย
“เข้ามาข้างในซิ ยืนทำไมอยู่หน้าประตู”
“ติดต่อแอนดี้ได้แล้ว เหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอก ทางนั้นติดต่อมากว่า”
มิน่าถึงหันมาสนใจคนอื่นได้
“ก็บอกว่าสบายดี”
“แล้วไม่บอกเลยเหรอว่าทำไมนายติดต่อไม่ได้”
“เขาบอกว่าโทรศัพท์หาย แต่คิดว่าคงไม่ใช่แค่นั้น เขาฝากข้อความถึงนายด้วย อยากฟังมั้ยละ”
“ถึงฉัน”
มินอูจูงมือผมไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ คิดอะไรของเขา
“อยู่ ๆ มาฝากข้อความถึงผมทำไม” คิดไประหว่างเดิน
พอถึงโต๊ะคอม ฯ เขาก็จับผมนั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนตัวเขาเองก็ยืนอยู่ข้างหลังท้าวโต๊ะคร่อมตัวผม แล้วก็เปิดคลิปอะไรซักอย่าง แต่ผมนะไม่มีสมาธิจะดูนักหรอก ก็ลมหายใจของเขามันเป่าลดหัวผมอยู่
“สวัสดีฮะ พี่มินอู แล้วก็พี่ดองวาน ที่ผ่านมาติดต่อผมไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยนะฮะ พอดีโทรศัพท์ผมหาย โทรไปถามที่ศูนย์ถึงรู้ว่าพี่โทรหาผมตั้งหลายครั้ง ไม่รู้พี่มีปัญหาเรื่องงานรึเปล่า ถ้าใช่ตอนนี้ต้องขอให้ติดต่อผมผ่านทางเมลล์ไปก่อนนะฮะ แล้วก็สบายใจได้ ไม่ต้องเป็นห่วงผมอยู่ทางนี้มีความสุขดี พี่มินอูเป็นห่วงแค่คนที่อยู่ด้วยก็พอฮะ เขาคงจะกังวลถ้าพี่ไม่สบายใจ ส่วนพี่ดงวานผมฝากดูแลพี่มินอูด้วยนะฮะ อย่าให้เขาทำอะไรที่ไม่เข้าท่า มันไม่ใช่เป็นความผิดเขา ผมเป็นคนตัดสินใจเอง บ๊าย บาย นะฮะ ไว้ผมได้โทรศัพท์แล้วจะติดต่อกลับไปใหม่”
คลิปวีดิโอจบแค่นี้ พร้อม ๆ กับความกระจ่างในใจผม ถ้าแอนดี้ไม่พูดเขาคงจะไม่สนใจผมเลย ส่วนเรื่องฝากอย่าหวังเลยว่าจะดูแลให้ เชอะ
“สบายใจแล้วซินะ” ผมถาม ก็เห็นเขาเงียบมองจองหน้ากำลังยิ้มของคนในคลิปอยู่ได้
“หนักใจมากกว่า”
“อะไร ก็เขาติดต่อมาแล้วนี้”
“นายว่ามันไม่แปลกเหรอ ทำไมต้องบอกด้วยว่าตัวเองมีความสุข ของแบบนี้ถ่ายคลิปส่งมามันเห็นกันอยู่แล้ว”
ก็จริงแฮะ ถ้าเป็นจดหมายหรือข้อความธรรมดาก็ว่าไปอย่าง
“ยิ้มก็เหมือนฝืน ๆ ดวงตามันไม่บ่งบอกเลยว่ามีความสุขอย่างที่ปากพูด”
“ช่างสังเกตจังนะ”
“นายไม่เห็นเหมือนฉันเหรอ” จะว่าไปมันก็จริง
“แล้วไง”
“อยากไปดูให้เห็นกับตา”
“งั้นก็รีบไปซะซิ” ผมปัดแขนเกะกะออกแล้วลุกขึ้นเดินออกมา
“เป็นไร อยู่ ๆ ก็ไม่พอใจ ขึ้นมา”
“เปล่า”
“ปฏิเสธได้ไง ก็เห็นอยู่ ก่อนหน้านี้ก็เป็น”
“สนใจด้วยเหรอ นึงว่าสนใจแต่แอนดี้ซะอีก” ไม่รู้ผมกลายเป็นช่างประชดประชันตั้งแต่เมื่อไหร่
“โกรธมากมั้ย”
มาจับมือผมไว้ทำไม อย่างไปไหนก็รีบ ๆ ไปซะ
“ขอโทษนะ ที่หลังจะไม่กังวลอะไรให้มากจนลืมนายอีก”
“ไม่ต้องเหรอ คนมันสำคัญเทียบกันไม่ได้”
“นายหึงเหรอ” พูดออกมาน่าตาเฉย เขาใจที่ตัวเองพูดรึเปล่าเนี้ย
“จะหึงทำไมฉันกับนายไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“มันก็จริง งั้นเราไปเก็บเสื้อผ้ากันเถอะ”
“ไปไหน”
“โซลไง”
“ใครบอกว่าจะไปด้วย อยากไปก็ไปคนเดียวซิ”
“อย่าดื้อได้มั้ย” อะไรกัน ยังไม่ทันไรก็กลับมาดุอีกแล้ว
................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น