คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : part 16 บทสรุปที่ 1
หลังจากกลับมากถึงบ้านผมก็ลากคนร่างบางมาที่ห้องตัวเอง แทนที่จะพากลับไปส่งห้อง เพราะไม่อยากจะเปิดโอกาสให้ได้หลบเลี่ยง
แต่จนแล้วจนรอดผมเองนี้แหละที่ดั้นพลั้งปากเสนอทางเลือก จนคนร่างบางได้ยืดเวลาออกไปอีกหลายนาที
ดังนั้นเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก ผมที่ยืนคอยอยู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงทวงถามออกไป แม้จะไม่ในทันที
เพราะร่างบางที่พอจะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างมีเพียงผ้าเช็ดตัวพื้นน้อยปิดส่วนล่างที่น่าจะเอาไปเช็ดผมแทนพื้นบน เห็นทุกส่วนสัดยั่วยวนจนเกือบลืมวัตถุประสงค์หลัก
“พี่พร้อมแล้วใช่มั้ย”
เขาเลิกคิวสูงมองผม
“ใจคอ นายจะไม่ให้ฉัน แต่ตัวก่อนเลยรึไง”
เสียงพูดช่างเป็นปกติ ผมฟังแล้วขัดหูขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ถ้าผมยังจะรอ ไม่แคล้วคงต้องรอต่อไปเรื่อย ๆ นะซิ”
“แล้วทำไม รอไม่ได้เหรอ หรือคำพูดพี่มันเชื่อไม่ได้”
เขาเดินมาใช้สายตาที่ทำให้ผมรู้สึกผิด เมื่อเห็นผมนิ่ง เขาก็จับลากให้มานั่งอยู่บนเตียง ออกคำสั่งให้ผมนั่งอยู่เฉย ๆ จนกว่าจะแต่ตัวเสร็จ แล้วก็ไปเลือกเสื้อผ้าในตู้อย่างสบายอกสบายใจ ทั้งที่ผมอกจะระเบิดอยู่แล้ว ผมเหมือนคนตาบอดที่ไม่รู้ไม่เห็นว่าเกิดอะไร แต่ก็ไม่ได้หูหนวกจนไม่ได้ยินว่าไอ้พวกเด็ก ๆ ที่ออกไปช่วยตามหาแอนดี้มันพูดอะไร
“เฮ้ยมันเกิดไรวะ”
“ก็ไอ้ผู้ชายหน้าหล่อ กับคุณชายหน้าสวยที่มาเฝ้าพี่จินบ่อย ๆ นะไปพลอดรักกันอยู่ข้างร้านอะดิ”
“มืด ๆ แคบ ๆ ไปทำอะไรกันได้วะ”
“ผู้ชายตัวใหญ่ ๆ 2 คน กับทางแคบ ๆ เนื้อแนบเนื้อมึงคิดว่าเขาทำอะไรกันละ”
“เขาก็ช่างสรรหาได้ทั้งตื่นเต้นบวกความเสียวดีพิลึก”
“อันนี้เสียวไม่ไม่เสียวไม่รู้โว้ย รู้แต่ครางกันให้ลั่น”
“รู้ดีเหมือนไปนั่งในเหตุการณ์”
“ในซอกไม่ส่งเสียงเล็ดลอดออกมา คุณคนน่ารักไปเห็นเหรอะ”
ดังนั้นถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายโดยไม่มีคำถาม
“เมื่อไหร่” ผมเลือกใช้น้ำเสียงที่คิดว่าแข็งที่สุด หงุดหงิดที่สุดเพื่อเขาจะรับรู้ถึงอารมณ์ผมบ้าง
“ก็เร็ว ๆ นี้แหละ” นิ่งสนิท
“ที่แอนดี้เห็นคงไม่ธรรมดาละซิ”
แผ่นหลังที่ขยับไปมาตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย นิ่งลง มันคงจี้ใจดำเข้าแล้วละซิ
“ทำไมในตู้ไม่มีเสื้อผ้าพี่เลยละ” ทำเป็นเฉไฉออกนอกเรื่อง ดูซิจะไปไกลได้แค่ไหน
“ก็นั้นมันตู้ผม มีเสื้อผ้าพี่ก็แปลก”
“นั้นซินะ งั้นฉันไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องเดี๋ยวมา”
“จะไปทั้งแบบนี้นะเหรอ ไม่ดีมั้ง พี่ใส่เสื้อผมก็ได้มีตั้งหลายตัว” ผมลุกขึ้นมาขวางทางไว้ได้ก่อน คิดจะหนีเหรอไม่มีทาง
เขาก็คงรู้ตัวอยู่บ้างละมั้งถึงไม่ได้พูดอะไรแต่หันหน้ากลับเข้าตู้ไปอย่างเก่า เลือกดูตัวนั้นตัวนี้ทั้งที่เมื่อกี้ก็น่าจะดูไปจนหมดทุกตัวแล้ว
“เลิกเถอะ”
“เลิกอะไร?” มีหันมาย้อนถาม
“พี่ก็รู้อยู่แก่ใจ”
“นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้จริง ๆ “ยังจะกล้าทำไขสือ
“ผมไม่ได้โง่นะถึงดูไม่ออกว่าพี่กำลังแกล้งทำ เพื่อจะปกปิดผม”
“แกล้ง! ปกปิดอะไร เปล่าซักหน่อย พี่ก็เป็นของพี่แบบนี้”
“ระหว่าพวกพี่สองคนไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย”
“เปล่า!”
“’งั้นก็ไม่เห็นมีอะไรจะเล่าไม่ได้ จริงมั้ย”
“มี มีซิ นายยังใจร้อนอยู่นี้ไง พี่ถึงไม่อยากเล่าให้ฟังตอนนี้”
“เพราะผม เข้าใจหาข้ออ้างนิ”
“มันเรื่องจริง ถ้านายไม่ใจร้อน คงไม่รีบลากพี่มาที่นี้ และถ้านายใจเย็นลงแล้วบ้าง คงไม่รีบถามตั้งแต่พี่ยัง..โป้อยู่แบบนี้”
“ได้ ๆ ผมไม่เถียงพี่ก็ได้ เรื่องผมใจร้อน แต่ถ้าพี่เป็นผม พี่จะไม่อยากรู้บ้างเหรอว่าเรื่องจริง ๆ มันเป็นตามปากชาวบ้านเขาว่าหรือเปล่า ”
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่านายไปได้ยินอะไรมา แต่ถ้าพี่เป็นนายพี่จะใจเย็นกว่านี้ และเชื่อต่อเมื่อได้ยินจากปากนายเท่านั้น “
“ใครจะเป็นไปทำได้ ต่อให้พูดเองก็เถอะ”
“ทำไมจะทำอย่างที่พูดไม่ได้ ก็นายเป็น...
“ผม เป็นอะไร ตอบให้ดี ๆ ละ”
“ช่างมันเถอะ นายไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เพราะพี่เองปิดบังนายอยู่หลายเรื่อง”
“เรื่องที่ว่าคงไม่พ้นกับพี่เอริคละซิ”
“พี่ไม่อยากจะพูดกับนาย พรุ่งนี้รอให้นายใจเย็นก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“จะไปไหนละ” ผมชุดข้อมือไหว แต่เขาก็สะบัดมันออก ผมจึงคว้ามันกลับมาใหม่
“ไปใส่เสื้อนะซิ หนาวจะตายอยู่แล้ว“ เขาทำตาดุ ผมเลยมองตอบอย่างท้าทาย ออกแรงดึงให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด จะได้หนีไปไหนไม่ได้
“ตรงนี้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปที่อื่น หรือกลัว”
“ฮึ นายมีอะไรให้พี่ต้องกลัว”
“ถ้าไม่มีก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหนี”
“นี้นายคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนเด็ก ๆ ใครกันที่เดินตามฉันยังกับลูกหมา”
“งั้นก็เริ่มซิ ใส่มันตรงนี้เลย หรือต้องให้ลูกหมาอย่างผมช่วยถอดก่อน”
ผมไม่ได้ทิ้งช่วงให้เขาได้ตอบ แต่กระตุกผ้าเช็ดตัวที่เอวส่งลงไปกองกับพื้น
“นายจะทำไรนะ” ได้ท่าทางตกใจที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น
“ผม ก็จะช่วยพี่ใส่เสื้อผ้าไงละ แต่ก่อนใส่ผมจะช่วยทำที่พี่ค้างกับพี่เอริคไว้ให้ก่อน”
“อย่านะ!”
เขาร้องห้าม ขณะผมบดเบียดร่างกายกำย่ำเข้าหาจนหลังไปพิงกระจกเงาบนตู้เสื้อผ้า บังคับมอบจูบให้ทั้งที่เขาพยามยามทั้งดันทั้งผลัก หลบซ้ายหลบข้ามแต่ไม่สำเร็จ เขาเม้มปิดปากเน้นไม่ยอมให้ให้อวัยวะในช่องปากผมล่วงลำเข้าไปด้านได้
ผมจำถอนริมฝีปากออกด้วยความโมโห และทุบกำปั้นลงไปที่ตู้
ปัง!
“กับพี่เอริคคิดจะร้องห้ามบางไม่ คิดจะทำแบบนี้บางหรือเปล่า” ตะคอกใส่เสียงดังทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้
ก็ผมรู้สึกว่ามันอยู่ไกลเหลือกัน เขารังเกียจสัมผัสของผม แต่ยิ้มรับของพี่เอริคซินะ
“พี่ไปเถอะ จะไปไหนก็ไป”
...............
............................
....................................
การที่เขาปล่อยมือจากผม ทำไม่มันทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าที่เห็นเขาไม่เชื่อใจ
ทำไมรู้สึกปวด แทนที่จะรู้สึกโล่งอก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจ แต่กำลังหวงผมอยู่หรอกเหรอ
“จิน!” ผมเข้าหาแต่เขาก็ถอยหนี
“ผมบอกให้พี่จะไปไหนก็ไปไง”
“พี่ ก กับเอริคเราไม่ได้มีอะไรกันที่คลับ”
“จะไปมีอะไรกันที่ไหน ใครจะเห็น ผมไม่อยากรู้”
“จิน” ผมเดินไปใกล้แตะมือเบา ๆ ไปที่ไหล่
“อย่ามาถูกตัวผม ถ้าพี่ไม่อยากไปที่อื่นก็ไปแต่งตัวซะให้เรียบร้อย ผมเหนื่อยแล้วจะนอน”
เขาหลับล้มตัวลงนอนหันหลังให้และไม่สนใจ แม้ว่าผมจะยืนมองเขาอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนก็ตาม
“จินไม่ว่านายจะหลับหรือตื่น อย่าทำกับพี่แบบนี้ซิ พี่จะเล่าทุกอย่างที่นายอยากรู้ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์และเรื่องที่คลับ”
“จะมาเล่าอะไร หนวกหูน่ารำคาญ”
“พี่กับเอริคเราเคยมีอะไรกันครั้งหนึ่ง”
“จะกี่ครั้งมันก็เรื่องของพี่ ผมไม่รับรู้”
“แต่พี่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง พี่เมาจำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกตัวพี่ก็นอนกับเขาอยู่บนเตียงไม่ได้สวมใส่อะไรเลยซักชิ้น”
“
”
เขาไม่พูด ผมก็เลยเล่าต่อของผมไปเรื่อย ๆ
“พี่โกรธแม้จะบอกว่า ทั้งหมดเพราะเขาบอกรัก พี่ก็เลยกลับโดยไม่บอกให้เขารู้ จนเวลามันผ่านเป็นปี”
“พี่กลับไปหาเขา” จอนจินผลิกตัวลุกขึ้นนั่งมองมาที่ผม
“ใช้ พี่หายโกรธเอริค และก็คิดว่าอยู่กับคนที่เขารักเราก็ยังดีกว่าต้องอยู่คนเดียว แต่พี่ก็กลับไปเจอข่าวลือระหว่างเอริคกับเด็กคนนึง ดูท่าว่าจะเป็นจริงซะด้วย ที่แรกก็ไม่ได้คิดจะแย่ง แต่พอรู้ว่าพี่มาเขาก็ลืมเด็กคนนั้นไปเลย”
“แต่พี่ก็แย่ง แล้วก็ทำมันสำเร็จอย่างสวยงาม ขนาดตามพี่กลับมาที่โซลด้วย”
“มันแค่เกือบสำเร็จ คืนที่เขาหุนหันกลับไป เรากำลังจะมีอะไรกันเป็นครั้งที่สอง เขาเรียกชื่อของเด็กคนนั้น ถึงมันฟังไม่ชัดแต่ยังไงก็เป็นคำว่า ฮเยซองไปไม่ได้”
“พี่เคยเห็นเด็กคนนั้นหรือเปล่า” ที่แรกก็ทำท่ารำคาญ แต่ก็กลับฟังอย่างตั้งใจ
“ไม่เคยเห็นหน้าใกล้ ๆ เห็นแต่ไกล ๆ แถมไม่รู้สึกแต่กลับชอบซะอีก บางที่ถ้าเห็นไกล ๆ ก็อาจตกหลุมรักตั้งแต่ตอนนั้น”
“ตั้งแต่ตอนนั้น? พูดเหมือนพี่เพิ่งตกหลุมรักไปเมื่อเร็ว ๆ”
“ไม่เร็วนักหรอก เสียงที่ฟังไม่ชัดตอนนั้น คือ คำว่า แอนดี้ พี่รู้ก็ตอนไปเจอมินอูที่อเมริกา น่าโมโหนะที่ผูกพันกันจนเรียกชื่อออกมาไม่รู้ตัว แต่ดันให้เป็นแค่เลขา ฯ”
“พี่มาเล่าให้ผมฟังทำไม” ผมเผลอยิ้มออกมาเลยทำให้เขาโมโห
“เล่าให้นายรู้ว่า จริง ๆ มันเป็นเพราะนาย”
“จะเล่าหรือไม่เล่าก็ดูจะเป็นเพราะผมไปซะหมด”
“จะเชื่อหรือไมก็ตามใจนาย แต่มันเพราะนายไม่สนใจพี่ ทั้งที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแทนทีจะกอดให้หายคิดถึง แต่นายกลับคำนับพี่ซะอย่างสุภาพ เรียกแต่คุณชาย ๆ ทำตัวห่างเหินซะยังกับคนไม่เคยสนิทกันมาก่อน นายทำให้พี่เหงารู้ตัวรึเปล่า” ผมเลยไปหาเอากับแอนดี้ยังไงละ
จอนจินนั่งเงียบไปอึดใจ
“พี่หนาวมั้ย”
“ไม่หนาวละมั้ง” ก็เห็นอยู่เสื้อผ้าไม่มีซักชิ้น นอกผ้าเช็ดตัวที่เก็บกู้ขึ้นมา
เขาดึงมือผมลงนั่งไปบนที่นอน สองแขนกอดผมจากด้านหลัง ไอ้ร้อนจากตัวเขามันอุ่นกว่าผมห่มเยอะ
“ผมขอโทษ ก็ผมทนไม่ได้นี้ที่แฟนผมจะไปกอดจูบกับคนอื่น” เขาทิ้งคางไว้บนไหล่ผม
“พี่ไปเป็นแฟนนายเมื่อไหร่กัน”
“ตั้งแต่ที่เราจูบกันเมื่อวานนั้นแหละ อย่าบอกว่าพี่ลืม” ทำเอียงคอมอง
“ทึกทักเอาเองตั้งแต่แรก ทำไมตอนเอริคมันถามไม่ตอบมันไปละว่าเป็นแฟนกันจะได้ไม่ต้องเกิดเรื่อง”
“ผิดด้วยเหรอที่ยากให้คนที่เรารักเป็นคนบอกคนที่แอบรักกับคนรักเก่าของเข้าว่าเราเป็นแฟนกัน”
“ไม่ผิด แต่อย่างฟังไม่ถูกเวลา”
“อะไร ๆ ก็เพราะผมทั้งนั้นเลย ผมอย่ารู้ว่าที่คลับมาเกิดอะไร จะเพราะผมอีกเหรอเปล่า”
“เอริคพูดเรื่องที่พี่เพิ่งเล่าให้นายนั้นแหละ แต่ไอ้บ้านั้นดันใช้คำไม่น่าฟังเอาซะเลย”
“ยังมีมากว่านั้นอีกใช่รึเปล่า”
“นายได้ยินมาว่าไงละ” ผมขยับหน้าเขา
“พวกนั้นพูดว่าพวกพี่พลอดรักกัน แล้วพี่ก็ครางเสียงดังด้วย”
“พี่อยากรู้ไอ้พวกนั้นมันมีใครกันบ้างจะไปตั้นหน้า เถียงกันเสียงดังลั่นได้ยินเป็นเสียงครางเข้าไปได้ไง แล้วนายทำไมถึงได้ไปเชื่อเป็นตุเป็นตะ”
“ก็แล้วทำไมแอนดี้ต้องวิ่งหนีไปแบบนั้น”
“พี่บีบให้เอริคต้องพูดสิ่งตรงข้ามกับหัวใจมัน แล้วมันก็ปล้ำจูบพี่นะซิ แอนดี้คงเดินมาได้ยินและเห็นพอดี พี่ถึงเป็นห่วงแอนดี้นักไง’”
“พี่คิดว่าเป็นความผิดของพี่เหรอ”
“แล้วมันไม่ใช่รึไง”
จอนจินจับให้หน้าผมจูบที่หน้าผากเป็นการปลอบประโลม และจูบอีกทีที่ริมฝีปากเป็นการให้กำลังใจ
“มันไม่ใช้ความผิดของพี่หรอก มันเป็นความผิดของคนโลภที่ใจแคบตั้งหาก”
“หมอนั้นไม่ใช่พวกใจแคบหรอก เป็นพวกทิฐิสูงแพ้คนอื่นไม่ได้”
“เพราะผมอีกแล้วซิเนี้ย”
“หลงตัวเอง” มันแพ้ตัวเองตั้งหาก แล้วล่ำ ๆ ว่าจะแพ้คนตัวเล็กที่หายไปอีกด้วย
“แต่ผมยังแพ้พี่เอริคอยู่อย่างนะ”
“อะไร?”
“เพื่อให้เป็นการชนะอย่างสมบูรณ์แบบ”
“อะไร?”
“ไหน ๆ พี่ก็ไม่ใส่อะไรแล้ว”
ความคิดเห็น