ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : part 15 สิ่งที่เกิดขึ้นกับป๋า
ใต้แสงไฟสลัว
ผมมองผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นและมันคงหยาดลงเป็นสายอาบแก้มทั้งสองข้างก่อนหยดกระทบกับยอดหญ้าเล็ก ๆ บนพื้นสีเขียวเข้มจนชื้นแฉะ ด้วยภาพตรงหน้าที่เลือนลางหากมั่นช่างแจ่มชัดในความรู้สึกของผมพอ ๆ กับภาพความเป็นจริง
ริมฝากที่ห่างออกจากกันนั้น ถ้าไม่เพราะร่างบางผลักเขาคงจะจูบอยู่แบบนั้นตราบเท่าที่ความโหยหายังไม่สิ้นสุด พอ ๆ ที่จะไม่หันมามองหากว่าอีกคนไม่ได้กำลังมองผมอยู่ เหมือนกับตอนนี้ที่เขายังคงรัดร่างบางไว้แนบตัวด้วยอ้อมแขนที่เคยโอบรัดผมหลายต่อหลายครั้ง
เป็นคนอื่นคงวิ่งหนีตั้งแต่วิแรก แต่ทำไมนะผมยังจะ...
รอ...ให้เขามาพูดแก้ด้วย ที่ก็รู้ว่ามันจะโกหก
หวัง...ให้เขามารั้งตัวไว้ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันอาจไม่จริงใจ
ให้...แม้แต่โอกาสที่เขาไม่ต้องการ
.
.
เจ็บ...ผมเจ็บมากกว่าครั้งไหน ๆ
ปวด...จนฝืนทนต่อไปไม่ได้
ตาย...ผมอยากหายไปจากตรงนี้
........
.................
..
โฮสต์คลับมีชื่อ อาบไปด้วยแสงไฟสีเหลืองนวล ลูกค้ามากมายก่อหน้าถูกขอให้ออกไปก่อนเวลาอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ด้วยคำขอร้องอย่างสุภาพจากหนุ่มหล่อ ทุกคนจึงออกไปแต่โดยดีและพนักงานที่เหลือจึงเริ่มทำความสะอาด เว้นไว้จากการทำความสะอาดเพียงเฉพาะโต๊ะที่
ชายร่างใหญ่หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาคมคายนั่งดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงลงกะเพาะแก้วแล้วแก้วเล่าโดยไม่มีที่ท่าว่าเมาหรือเปล่งเสียงพูดอะไร กับชายร่างบางที่หล่อไม่แพ้กันแต่ออกจะติดไปทางสวยมากกว่าที่ออกอาการผุดลุกผุดนั่งอย่างกระวนกระวาย มองประตูบ่อยกว่าเข็มวิวิ่งชนครบรอบใน 1 นาทีซะอีก ทั่งคู่อยู่แบบนั้นไม่ว่าพนักงานจะเช็ดพื้นหน้าไปมากี่หน ยกเครื่องมาเสิร์ฟเพิ่มให้กี่ที และต่างไม่รู้ว่าจะอยู่แบบนี้ด้วยกันไปอีกนานเท่าไหร่กว่าสิ่งที่รออยู่จะกลับมา
ราว 1 ชั่วโมงที่ความเงียบครอบครุมคนทั้งคู่ เพราะพนักงานต่างก็กลับกันจนหมด และเข็นนาฬิกาบอกว่ากำลังจะเข้าเช้าวันใหม่
กริ้งงงง~
เสียงกระดิ่งหน้าประตูส่งสัญญาณดัง บอกถึงการมาเยือนแต่นั้นไม่ใช่แขก ฮเยซองพาร่างบางของตัวไปยังประตูอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นจอนจินโผล่ประตูเข้ามาพร้อมกับโฮสต์ที่ออกไปด้วยกัน ขณะที่เอริตเจ้าของร่างใหญ่เพียงหันมองแล้วกลับหันไปกระดกน้ำเมาในมือเข้าปากอย่างเก่า
“จอนจิน แอนดี้ละ” ทันทีที่ถึงตัวก็บอกถึงจุดมุ่งหมาย ชะเงอมองผ่านโฮสต์คนอื่น ๆ ที่อาจจะบังคนตัวเล็กซะมิดเพราะสูงกว่าหลายเซนต์
“แอนดี้ละ แอนดี้” เมื่อไม่เห็นก็ถามย้ำลงไปอีกครั้ง
จอนจินก็ได้ตอบคำถามในทันทีเขามองสบตากับฮเยซองด้วยท่าทีอึกอักก่อนหันไปสั่งเด็ก ๆ ด้านหลัง ให้ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปได้ แล้วเดินเลี่ยงไปยังโต๊ะที่เอริคนั่งอยู่ สำหรับคำตอบนี้เขาคิดว่าเอริคควรได้ยินด้วย และต้องชัดเจนมากที่สุด
เขานั่งลงยังฝั่งตรง แล้วเริ่มพูดโดยเน้นทุกคำอย่างชัดเจน
“ผมไม่เจอเขา ไม่มีใครเจอแอนดี้ซักคน”
จอนจินมองปฏิกิริยาของเอริคอย่างผิดคาด ร่างหน้าเพียงชายตาขึ้นมองแล้วก็สนใจกับแก้วเหล้าในมือต่อเหมือน เดิม
ไม่รู้ว่าระหว่างทั้งสามคนเกิดอะไรขึ้นแต่จอนจินก็อยากลุกขึ้นไปเวียงกำปั้นใส่ซักหมัด คนที่ตัวเองเคยประกาศปาว ๆ ว่าเป็นเมียหายไปทั้งคนยังนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้
กับฮเยซองไม่บอกอะไรก็ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่นิด ๆ
“นายหาดีแล้วเหรอ” ฮเยซองถามอย่างกระวนกระวาย
“พี่คิดว่าผู้ชาย 20 คนจะหาได้ทั่วแค่ไหนละ”
“จอนจิน ทำไมนายพูดกับพี่แบบนี้”
“ผมหงุดหงิดที่หาแอนดี้ไม่เจอนะ”
“รู้งี่ฉันน่าจะออกไปตามด้วย นายจะได้ไม่ต้องมาอารมณ์เสียใส่ฉัน”
“พี่คิดว่าผมอยากอารมณ์เสียใส่พี่เหรอ”
“ก็ดูที่นายทำซิ ฉันถามแต่นายดันเดินเลี่ยง แล้วยังมาหงุดหงิด ทั้งที่ฉันถามดี ๆ”
“แล้วที่พี่ทำละ ไปทำอะไรกันไว้ แอนดี้ถึงได้วิ่งร้องไห้ออกไปแบบนั้น ไม่อธิบายสักคำเร่ง ๆ แต่ให้วิ่งตามออกไป”
จอนจินรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ปล่อยแอนดี้ไปตอนนั้น
“ที่นายหงุดหงิดก็เพราะเรื่องนี้”
“เป็นพี่จะหงุดหงิดมั้ยละ เป็นคนเดี่ยวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลับหลังเรา”
“ถึงบ้านแล้วบ้านเมื่อไหร่ฉันจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้เรามาคิดก่อนเถอะว่าแอนดี้จะไปอยู่ไหน” เป็นครั้เงแรกที่ฮเยซองเป็นฝ่ายยอม จอนจินจึงยอมที่จะพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
“บ้างทีเราสองคนอาจเป็นห่วงเขามาเกินไป แอนดี้ก็ไม่ใช่เด็ก ๆ เขาคงดูแล้วตัวเองได้”
“ถ้าเขาอยู่ในสภาวะที่ปกติก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ทั้งฮเยซองและจอนจินจนปัญญาที่จะคิดตามหาว่าคนตัวเล็กจะไปอยู่ไหนได้ แอนดี้มาอยู่เกาหลีนาน 2 เดือนก็จริง แต่ไม่รู้จักกับใครนอกจากเขาทั้งสองคน เรื่องสถานที่อย่าไปพูดถึง วัน ๆ หาทางออกจากห้องนอนได้หรือเปล่าเถอะ
เมื่ออยู่ที่นี้ก็ไม่ทำให้นึกออก และแอนดี้ก็คงไม่มีทางย้อนกลับมา
“ผมว่าเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ บางทีแอนดี้อาจจะอยู่ที่บ้าน” จอนจินออกความเห็น
“นายคิดว่าแอนดี้จะกลับไปที่บ้านเหรอ” ฮเยซองขอค้านกับเห็นนี้ เป็นเขาไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด
“อย่างน้อยถ้าเขาจะออกนอกประเทศก็ต้องไปเอาพาสปอร์ตละ”
“อเมริกา” พูดออกมาพร้อมกัน
ไม่น่าเชื่อว่าประโยคที่จอนจินพูดออกไปงั้น ๆจะจุดประกายที่แห่งใหม่ให้ค้นหา จอนจินควักโทรศัพท์โทรเช็กทุกสายการบิน ฮเยซองโทรกลับไปที่บ้านเช็กดูว่าแอนดี้กลับไปที่บ้านหรือเปล่า เมื่อแม่บ้านบอกว่ายังไม่กลับอย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าแอนดี้ยังอยู่ในประเทศ ฮเยซองกำชับให้แม่บ้านโทรหาเขาทันทีถ้าแอนดี้กลับมา
เอริคแค่ชำเลืองมองคนทั้งคู่ หลังจากที่ต่างก็ว่างโทรศัพท์กันไปแล้ว
“ว่าไง แอนดี้โทรจองตั๋วเครื่องบินไว้มั้ย”
จอนจินส่ายหัวเป็นการตอบ ก่อนจะออกปากชวนให้กลับบ้านกันไปก่อนอีกครั้ง ซึ่งฮยเซองก็เห้นด้วยแล้ว เขาทำดีที่สุดแล้วกับการตามหาคนตัวเล็กบางที่ควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของที่เป็นแฟนทำมันบ้าง อันที่จริงเอริคควรเป็นฝ่ายตามหาตั้งแต่ต้น
ฮเยซองและจอนจินเตรียมลุกพร้อมที่จะกลับ แต่เอริคยังไม่ทันจะได้ลุก
กริ่งงง~ เสียงกระดิ่งหน้าประตูดัง พร้อมกับการมาของคนที่เพิ่งถูกเอ่ยชื่อ ดวงตาทั้ง 3 คู่มองไปยังที่เดียว
“พี่กับเพื่อน ๆ ยังไม่กลับกันอีกเหรอ” เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อไม่แพ้เอริค แต่มีสเน่ห์ไปกันคนละอย่างเอ่ยถามพร้อมก้าวเดินเข้าไปหา
“จอนจิน เด็กนี่วิ่งตามแอนดี้ไปตอนนั้น”
เด็กหนุ่มทำหน้าสงสัย
“แอนดี้ เพื่อนพี่ ที่หน้าตาน่ารัก ๆ นะเหรอ”
“ใช่ ๆ นายวิ่งเขาออกไปใช่มั้ย” ฮเยซองถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจในความความจำ ตอนมันมืดเห็นหน้าไม่ชัดนักหรอก อาจจะไม่ใช่เด็กคนนี้ก็ได
“ใช่ผมเองแหละ แต่ผมตามเขาไปไม่ทันหรอก ขาสั้น ๆ แบบนั้นวิ่งเร็วอย่าบอกใครเลยละ”
“ยุนโฮ ทำไมนายถึงกลับมาช้า” จอนจินถามสงสัยว่าตามไม่ทันทำไมเพิ่งกลับมา
“ผมใช่แรงเยอะนะ หิวก็เลยหาอะไรกิน พี่ก็รู้ผมนะกะเพาะใหญ่กว่าคนปกติ ไม่มีอะไรถามผมแล้วใช้มั้ย ผมจะได้ไปเอากระเป๋าแล้วกลับบ้าน”
“งั้นนายก็ไปเถอะยุโฮ”
“ผมขอตัวนะครับ อ้อ ! ผมคลาดกับเพื่อนพี่ตรง ๆ แถว ๆ สถานีรถไฟ อาจจะนั่งไปที่ไหนซักที่ก็ได้ละมั้ง” เด็กหนุ่มบอกก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังร้านหยิบเอากระเป๋าสะพายข้างแล้วเดินกลับออกไปทางประตู
เข้าสู่ทางตัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน คนแรกที่เดินขึ้นห้องไปอย่างเงียบ ๆ คือเอริค คนต่อมาที่กำลังจะตามไปเข้าห้องของตนบาง คือฮเยซอง แต่ถูกจอนจินจูงมือลากไปอีกห้อง
ปัง จอนจินปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา
“พี่จะอาบน้ำก่อน หรือจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังก่อน” ยังคงไม่ที่ฮเยซองพูดไว้ที่ร้าน
“ถ้ามันจะทำให้นายใจเย็นขึ้นซักนิก ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
“ได้ แต่ต้องที่นี่นะ นี่ผ้าขนหนู เชิญครับ”
จอนจินโยนผ้าเช็ดตัวให้
.............
..............................
...............................................................
เมื่อถึงห้อง ภายใต้ใบหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการหายไปของคนตัวเล็กทว่าภายในเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
เอริคก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่น ที่ทุกคืนจะมีคนตัวเล็กแนบกาย มอบความอุบอุ่นให้แก่กัน และกัน แต่คืนนี้จะมีเขาเพียงคนเดี่ยว
ร่างใหญ่หลับตา มือหนากวาดโกยผ้าห่มและหมอนสูดดมกลิ่นอายของตัวเล็กที่ยังคงติดอยู่อย่างระมัดระวัง กลัวว่ามันจะจางหายไปหากสูดดมแรง ๆ ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้าสู่หวงความคิด
ฮเยซอง หรือ แอนดี้
ร่างบางเจ้าของใบสวยที่ดูยิ่งเข้าถึงอย่าง ไม่เคยสนใจใครและมีจัดว่ามีเพื่อนน้อย สิ่งที่อยู่ข้างกายเสมอมัก คือ ตำราเรียนเล่มหนาหรือไม่ก็หนังสือจากห้องสมุดเกี่ยวกับการบริหารเล่มโต ๆ ซึ่งดูเหมือนเขาจะสามารถอ่านจบได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเพียงข้ามวันหนังสือเหล่านั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นเล่มใหม่
ทว่าสิ่งที่ดึงดูความสนใจไม่ใช่ใบหน้าสวย ๆ ตำราเล่มใหญ่สิ่งพวกนั้นทำได้แค่ดึงสายตาให้หันมอง แต่ดวงตาที่ฉายความเหงาลึก ๆ ดวงตาที่เหมือนกับเขา นับเป็นจุดเริ่มต้นของแรงกระตุ้นให้เขาอยากทำความรู้จักเจ้าของใบหน้าสวยดวงตาเศร้านั้นเหลือเกิน อยากรู้เพราะอะไร
และด้วยฝีมืออีมินอูเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมซึ่งไมว่าจะหญิงหรือชายขอให้สวยและน่ารักก็จะรู้จักไปซะหมด ก็ช่วยให้มันเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
“ซอง” เพื่อนตัวเล็กของเขาเรียกชื่อสั้น ๆ ซึ่งเจ้าของชื่อก็เงยหน้าจากหนังสือขึ้นมายิ้มรับ
“เห็นนายกำลังทำรายงานวิชาการบริหารความเสี่ยงอยู่ใช่ป่ะ ฉันเลยพาผู้ช่วยมือหนึ่งมาให้”
ดวงตาเรียวเหลือบแลเขาที่อยู่หลังมินอู
“หมอเนี้ย!” สีหน้าไม่เชื่อว่าเขาจะช่วยได้
“ใช่หมอเนี้ยแหละ อาจจะดูพวกฮิปฮอปไม่ได้เรื่อง แต่เป็นที่หนึ่งของเอกเลยนะ วิชานี้ก็ได้เอบวกมาแล้วด้วย”
“ยินดีได้รู้จัก ผมเอริค”
“ผมชินฮเยซอง ขอบคุณในความมีน้ำใจ แต่ผมไม่ต้องการ นายก็ด้วยนะมินขอบใจที่เสียเวลา” ปิดหนังสือในมือ เดินหนี
“เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าบอกว่าบริษัทที่นายเลือกศึกษาเป็นของพ่อฉัน นายคิดจะสนใจบ้างมั้ย”
“พ่อนาย ไม่อยากเชื่อ” มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ขอโทษนะที่ฉันแต่งตัวได้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่รับรองได้ว่าไม่ได้โกหก”
“จริงซอง มินอูคนนี้ยืนยันได้ เพียงแต่ริคมันเป็นลูกเมียน้อยเท่านั้นแหละ”
“ลูกเมียน้อย ชิ”
“ฉันช่วยนายหาข้อมูลมาได้ก็แล้วกัน ว่าไง”
“หวังว่านายจะไม่สร้างปัญหามาให้”
แต่ความเป็นเพื่อนนั้นมันไม่ง่ายเลย แม้รายงานฉบับนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งแน่นอนมันต้องได้ A+ อย่างไม่ต้องสงสัย กว่าฮเยซองจะยอมรับเขาเป็นเพื่อน เขาก็ต้องใช่เวลาถึง 1 ปี เต็ม ๆ แต่ในแบบที่ไม่คอยจะลงลอยกันเท่าไหร่
ทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้...ฮเยซองจะบ่นว่าจะอึดอัด ถ้านั่งลงข้างกันละก็จะขยับหนีในทันที
เห็นกำลังทำหน้าเหงา ๆ ตาเศร้า ๆ ก็พยามทำเรื่องตลกให้อารมณ์ดี ....จะได้คำพูดกลับมาว่า “ไร้สาระ” แล้วก็เดินหนีไปนั่งเศร้าที่อื่น
พยายามทำตัวน่ารักในแบบที่ชอบ... “ปัญญาอ่อนรึไง”
ไม่มีอะไรถูกใจเลยซักอย่าง ชอบฮเยซองที่เป็นแบบนี้มันรู้สึกท้าทายดี ก็เลยยังตื้อไม่เลิก เพราะรู้ดีว่าไม่ได้เกลียด คนเราถ้าลองเกลียดกันจริง ๆ คงไม่ย้ายมาอยู่อพาทเม้นเดียวกันตามคำเชิญง่าย ๆ และคงไม่
RRRRRRRRRR
“ซองงี่ ฉันหิวข้าวลงมาทำอะไรให้กินหน่อย”
“มีมือมีเท้าก็หากินเองซิ”
“อยากกินฝีมือนาย น่า~ รีบลงมานะเขาจะรอ”
“อย่ามาอ้อนซะให้ยาก ฉันไม่ว่างอ่านหนังสืออยู่”
“นึกว่าสงสารลูกนกตาดำ ๆ ”
“อย่างนายเป็นลูกนกไม่ได้หรอก”
“ลูกหมีก็ได้อ่ะ ขนนุ่ม ๆ น่ารัก น่ากอด”
“’งั้นก็ไปกินน้ำผึ้งซิไป๊! ตืด ๆ ๆ ”
โดนตัดสายทิ้งไปแบบดื้น ๆ
หลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที ฮเยซองจะลงมาพร้อมอาหารสด อาหารแห้งเต็มสองมือ ถึงปากจะบ่นแต่ก็ลงมาทุกครั้ง
ก๊อก ๆ ๆ
“ทำไมไม่กดรหัสเข้ามาละ”
“เห็นของมั้ยเนี้ยจะกดยังไง เอารับของไปซิ” โยนของให้ เดินตัวปลิวเข้าครัว
“จะกินะไรละ จะได้รีบ ๆ ทำ รีบ ๆ ไป”
“อะไรก็ได้ที่นายทำ”
เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุข เราสนิทมากขึ้น รู้จักนิสัยของกันและกันมากเพราะอยู่ด้วยกันบ่อย เขาจึงเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างกับฮเยซองโดยไม่ปิดบังส่วนหนึ่งก็อยากให้รู้ อีกส่วนหนึ่งอยากให้ฮเยซองเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยเล่า
มันยิ่งกระตุ้นให้อยากรู้ อยากเป็นคนที่ได้รับความไว้ใจจนเล่าทุกอย่างให้ฟังได้ และไม่รู้เมื่อไหร่กันที่เกิดอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา คงเป็นวันนั้นละมั้ง
“ซองนี้รูปใครนะ น่ารักดีนะ”
“นายอย่าเที่ยวมายุ่งกับของบนโต๊ะคนอื่นจะได้มั้ย” ฉวยเอารูปภาพจากเขาไป และเก็บไว้ในสมุดไดอารี่อย่างทะนุทะนอม
“ก็เห็นมันว่างอยู่ก็หยิบขึ้นมาดูแค่นั้น ทำไมต้องหงุดหงิด”
“ฉันกลัว นายจะทำยับนะสิ”
“คนสำคัญเหรอ“
“ใช่สำคัญมาก คนสำคัญที่ไม่มีวันลืม”
“เด็กเนี้ยนะ”
“ตอนนี้ก็น่าจะ 20 กว่า แล้วละ” อายุพอ ๆ กับเรา
“นานขนาดนั้นยังเอาออกมาดู รูปปัจจุบันไม่มีหรือไง”
“ถ้ามีฉันก็เอาออกมาดูแล้วนะซิ”
“เอริค”
“ไร”
“นายว่าโตแล้ว เขาจะหน้าตาเหมือนเดิมมั้ย”
“คนเราโตแล้วหน้าก็เปลี่ยนกันได้ ถามไม”
“เรียนจบเมื่อไหร่จะกลับไปตามหาเขา”
“รักมากนักรึไง”
“ไม่นับพ่อกับแม่ คนนี้เป็นคนที่รักมากที่สุดในโลก อยากเจอ อยากคุย อยากเล่าเรื่องของฉันให้ฟัง”
มั่นไส้
“กันฉันนายก็เล่าได้”
“กับนายจะเล่าให้ฟังไปทำไมกัน”
“ก็เพื่อนายจะอยาก”
“’งั้นนายว่าโตขึ้น เขาจะน่ารักแบบนี้ไหม” ยิ้มแย้มอารมณ์ดี
ภาพวาดดินสอถูกยืนมาให้ดู เขามองแค่ผ่าน ๆ
“ไม่รู้ ไม่อยากออกความเห็น”
“นายดูให้มันดี ๆ ซิ ฉันไม่เคยให้ใครดูมาก่อนเลยนะ”
ภาพยังคงถูกยืนไว้อย่างเดิม เขาก็เลยรับมาดูแบบงั้น ๆ แล้วก็แกล้งยึดไว้ซะเลย
“นายวาดเองใช่ป่ะ”
“อืม เป็นไง”
“’งั้นนายก็วาดใหม่แล้วกัน อันนี้ฉันขอ”
“ได้ไง”
“ก็มันน่ารักดี ตาสวย ปากสวย น่าจูบนะเนี้ย”
“อย่านะ นายเป็นเกย์รึไง”
“แค่ภาพเนี้ยนะ หวงไปได้จะหน้าแบบนี้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าจูบนายเจอดีแน่”
“จ๊วบบ~” ต่อหน้าต่อตาจะ ๆ
“ป๊าบ!” โดนเตะที่ก้นไป 1 ที เขาก็เลยวิ่งหนีกลับห้องยึดเอาไว้ไม่คืน แต่ฮเยซองก็มาทวงทุกวัน ทำให้เขารู้สึกเกลียดคนในรูปวาดขึ้นมานิด ๆ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แต่กลับคนที่ฮเยซองอยากทำทุกอย่างที่อยากให้ทำกับเขา แค่พอพูดถึงก็ให้ยิ้มจนหน้าบาน
สักวันเขาจะทำให้ฮเยซองต้องลืมผู้ชายในรูปนี้ คนที่คิดถึงแต่สัมผัสไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร รอยยิ้มจะมีไว้เพื่อเขา
และโอกาสนั้นก็เข้ามา
พ่อของฮเยซองเสียอย่างกระทันหัน ข้างกายไม่เหลือใครนอกจากเขา เราเมาด้วยกันทั้งคู่แต่เขามีสติและไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นให้หลุดลอย
แต่ยังไม่ทันจะเท่าไหร่ ฮเยซองเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ไม่มีการบอกล่วงหน้า ไม่มีกล่าวลากับเพื่อนคนไหน หายตัวไปและทิ้งทุกอย่างไว้แบบคาราคาซัง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเราในคืนนั้น
เขาเสียใจ สิ่งที่ทำลงไปวันนั้นอาจเป็นสาเหตุให้ฮเยซองกลับไปอย่างกระทัน การไม่มีฮเยซองอยู่ทำให้เขารู้สึกเหงาอีกครั้ง
แต่ทว่าก็เหมือนมีสิ่งมาชดเชย เพื่อนของเขาพาใครคนนึงเข้ามาในชีวิต คนที่ที่มีความเหมือนอยู่ในความแตกต่าง และช่างดึงดูตั้งแต่ในวินาทีแรก...ยากที่จะละสายตา
ตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกเป็นวันที่เขากำลังนอนหลับพักสายตาใต้ร่มไม้ใหญ่รกทึบหลังอาคารเรียน 5 ชั้น ปราศจากผู้คนรบกวน กับหนังสือ “Business combination control under competition law” ที่ถูกกางไว้ครึ่งหน้าพักว่างไว้ที่หน้าอก และเพื่อนตัวเล็กของเขาก็เข้ามารบกวนเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พิเศษ
เพราะปกติมินอูไม่เคยพาใครมาให้รู้จัก โดยเฉพาะกับคนตัวเองหมายตาเอาไว้
“เอริค หนีมาปรีกวิเวกอยู่นีเอง” เสียงแหวกอากาศอยู่ตรงหน้า
“มีอะไรละ ปกติไม่เห็นหน้าฉันก็ไม่ตายนี้หว่า” ลุกขึ้นนั่งสนทนาด้วยอย่างขัดอารมณ์กำลังนอนเผลอ ๆ
“แกนี้ช่างรู้ทัน มีคนจะแนะนำให้รู้จัก และก็จะฝากให้ช่วยดูหน่อยนะ”
“ใคร! อีกละ”
“แอนดี้มานีซิ นี่พี่เอริค เพื่อนพี่”
เด็กหนุ่มเชื้อชาติเกาหลี แต่คาดว่าจะสัญชาติอเมริกัน ตัวเล็กผิวขาวละเอียด ใบหน้าน่ารัก ดวงตาสวย ริมฝีปากน่า...แต่รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ยังไง
“สวัสดีฮะ พี่เอริค”
“อ๊ะ หวัดดี คนนี้นะเหรอ นึกว่าจะหน้าตาดีกว่านี้ซะอีก”
“ขอโทษนะฮะที่ผมหน้าตาไม่ดีนะ แต่ดูเหมือนใครจะชอบผมมากกว่าคนหน้าคนตาดีอย่างพี่ซะอีก”
“มาถึงก็ปากดีเลยนะเรา ปีหนึ่งไม่ใช่รึ มินอู แก่เอาไอ้เด็กนี้ไปไกล ๆ เลย ไม่รับฝากโว้ย ของ ๆ ใครก็ดูแลกันเอาเอง”
“ทำเป็นหงุดหงิด แก่ไปว่าเขาก่อนก็สมควร”
“รู้จักกันมากี่วันวะ เข้าข้างกันเลยนะ”
“ก็เหมือนนายกับฮเยซองแหละวะ สนิทกันจนลืมกรู”
“ใครหรือฮะ ฮเยซอง”
“เพื่อนพี่อีกคนนะ แต่เขาไม่อยู่แล้วละ ไว้เขามาที่นี่จะพามารู้จักนะ” มินอูมันยิ้มจนตาปิด เห็นแล้วมั่นใส่ คนยิ่ง..
“โตจนปานนี้ต้องให้คนอื่นคอยดู”
“ผมก็ไม่ได้อยากซักหน่อย”
“แอนดี้เป็นเด็กที่โบสถ์ฉันเอง เทอมที่แล้วเกเรไปหน่อย ฝากไว้ชั่วคราวเท่านั้นแหละ เทอมเดียว”
“เขาก็บอกอยู่ว่าไม่อยาก จะเอามาฝากทำไมยุ่งยากน่ารำคาญ”
“ไม่ฝาก ก็โดนหมาคาบไปแดกอ่ะดิ แค่พาเดินคนจ้องตาเป็นมัน” มันเดินมากระซิที่หู
“ให้กรูเป็นไม้กันหมาว่างั้น” เขากระซิบตอบ
“นะฝากหน่อย” กลับมาพูดตามปกติ
“เขาไม่อยากก็อย่าไปรบกวนเลยฮะ ผมดูแลตัวเองได้ ”
“ไม่ได้หรอก เกิดนายโดนหลอกไปมอบเหล้าอีกทำไง”
“ผมคอแข็งหรอกน่า~ วันนั้นโดนยาตั้งหาก”
แบบนี่นี้เอง
“มาทิ้งไว้กับฉันไม่กลัวฉันหลอกไปปล้ำบางรึไง”
“นายคงไม่นอกใจ ซองกี้หรอกจริงมั้ย”
“เออ”
“แอนดี้ นายต้องอยู่ติดเอริคมันตลอดนะรู้มั้ย ถ้ามันติดเรียน...เอ่อ..นายก็ลงเรียนวิชาเดียวกับมันให้หมดเลย”
“ห๊า แบบนั้นผมก็ตายกันพอดีซิฮะ”
“งั้นเลิกเรียนก่อนก็ไปรอหน้าห้องเรียนแล้วกันนะ”
“จะสั่งเสียกันอีกนานไหม มีเรียนไม่ใช่รึไง ถ้าจะอีกนานก็ไปสั่งเสียกันให้เสร็จไกลๆ”
“เออเสร็จเดี๋ยวนี้แหละ ไปไหนก็ห้ามไปคนเดี่ยวเด็ดขาดเอาเอริคไปด้วยกลับบ้าน ถ้าพี่ติดเรียนก็ให้เอริคไปส่งนะรู้มั้ย”
“ฮะ” รับปากแบบเซ็ง ๆ คนตัวเล็กมันก็คงรำคาญเหมือนกัน พอมินอูไปมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนอะไรถอนใจก็ยังน่ารัก ถ้าฮเยซองมาเห็นคงจะ...
“นี่ นายนะ”
“พูดกับผมเหรอ”
“อยู่กัน 2 คนจะพูดกับแมวที่ไหนละ มีเรียนรึเปล่า”
“ที่หลังพี่ก็เรียกชื่อซิ จะได้รู้ว่าคุยด้วย ไม่แล้ว” เรียกพี่ก็ไม่เห็นจะเคารพ
“เล่นบาสเป็นมั้ย”
“ก็ได้อยู่”
“งั้นก็ตามมา ทีมฉันขาดไปคน”
การรับฝากชั่วคราวเริ่มตั้งแต่วันนั้น และแอนดี้ก็ทำให้เขาอึ้งรายเรื่อง คนตัวเล็กเล่นบาสได้เก่งผิดขาด กีฬาอื่น ๆ มันก็เป็นสารพัด ผิดกับรูปร่างเหมือนฮเยซองที่บอบบางเหมือนผู้หญิงแต่เก่งเทควันโด และน่าอึ้งสุด ๆ คือความว่าง่ายของมัน แอนดี้ปฏิบัติตามคำสั่งของไอ้แมวน้ำทุกอย่าง ทั้งที่มันก็มีท่าทีไม่พอใจกับคำสั่งพวกนั้นตั้งแต่แรก แต่คำสั่งของเขาต้องขัดก่อนถึงจะทำซิน่า ต้องให้บังคับ หรือไม่ก็ใช่กำลัง และถ้าผมชนะมันจะทำปากยืน หน้างอ น่ารักดี บางครั้งก็แค่อยากจะแกล้งเล่นเฉย ๆ
“แอนดี้ ไปกดน้ำมาให้หน่อยซิ”
“ทำไม่ต้องทำด้วย มีมือมีเท้าไปเองดิ อ่านหนังสืออยู่ไม่ว่าง”
“ว่างแล้วนี้ไง จะไปไม่ไป” ดึงหนังสือออกจากมือมัน
“ไปก็ได้”
......
แต่หลัง ๆ เหมือนคนตัวเล็กจะรู้ทันว่าเขาแกล้ง ลวดลายมันน้อยลงแต่เหตุผลมันนะ
“แอนดี้ ไปซื้อโค๊กให้หน่อยซิ”
“เอากี่กระป๋องฮะ”
“2 ก็ได้ เพื่อนายด้วย” คนตัวเล็กปิดหนังสือในมือ ลุกขึนจะเดิน
“ทำไมวันนี้ใช้ง่าย”
“ขี้เกียจนะ มันเปลืองน้ำลาย ยังไงผมก็ขัดใจพี่ไม่ได้อยู่ดี”
ตั้งแต่นั้นมันก็ยอมทุกอย่างและด้วยเหตุนี้ผ่านไปนึงเดือนก็กลาย “แอนดี้เด็กของเอริค” ก็แพร่สะพัดไปทั้งมหาลัย เกือบครบเทอม “ปาท่องโก้ริคดี้” สัญญากำลังจะหมด เจ้าของใกล้จะมารับคืนไปแล้ว เขารู้สึกใจหาย ไม่พอใจตอนที่เขาเอามันมาฝากแต่พอคนฝากจะมาเอาคืนก็เกิดไม่อยากจะให้คืนให้ จะบอกว่าไงละ เขาไม่เหงาแม้ว่าจะอยู่คนเดียวแค่นึดถึงร้อยยิ้มของมัน เสียงหัวเราะ และหน้างอ ๆ เวลาที่เขาแกล้ง แอนดี้ทำให้เขาลืมเรื่องของฮเยซองไปได้เยอะที่เดียว ยิ่งตอนใกล้จะปิดเทอม
“พี่เอริค เปิดประตูหน่อย” ในมือถือของพะลุงพะลัง
“ทำไมไม่กดรหัสละ”
“มีมือที่ไหนละ จะให้เอาปากจิ้มเหรอไงฮะ”
“แล้วนี้มาทำไมเนี้ย หอบอะไรมาด้วยเยอะแยะ”
“เสื้อผ้ากับอาหารนะ ขออยู่ด้วยซักอาทิตย์นะฮะ แค่สอบเสร็จก็ได้ พอดีที่โบสถ์มีเด็กเพิ่มก็เลยว่าจะออกมาหาที่อยู่เอง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้”
“ทำไมไม่ไปอยู่มินอูละ หมอนั้นคงเปิดประตูรับทันที”
“ไม่เอาอ่ะ พี่เขาชอบมองผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย อยู่กับพี่สบายใจกว่า ให้อยู่เหอะนะแลกกับทำอาหารแล้วก็ทำความสะอาดให้”
“ถ้ามันรู้ต้องลากนายกลับแหง่ ๆ”
“ไม่หรอกถ้าผมมีเหตุ”
แล้วก็จริงที่มันว่า แอนดี้อ้างเรื่องห้องเล็ก มินอูก็เลยเถียงไม่ออก 1 อาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน เขาถึงรู้ที่เป็นแบบนั้นเพราะแอนดี้เหมือนฮเยซองหลายอย่าง เช่น ความอบอุ่น ความอ่อนโยน เก่งทั้งเรื่องอาหาร ทำความสะอาด และดวงตาเหงา ๆ ซึ่งเขาไม่เคยเห็นเลยเพราะแอนดี้มันจะปิดไว้ด้วยร้อยยิ้มและความร่าเริงต่อหน้าผู้คนเสมอต่างกับฮเยซองตรงนี้ และการแสดงออกด้วย
เวลาที่เขาไปนั่งแอนดี้จะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ขยับนี้ ถึงเขาทำยังไงเขยิบเขาไปให้ชิดจับมือ หรือโอบไหล่ก็จะนั้งอยู่แบบนั้น
เขาทำเรื่องตลก ....แอนดี้จะหัวเราะจนท้องขัดท้องแข็ง ทำเอาเขาต้องหัวเราะตามไปด้วย
และพอทำท่าน่ารัก...แอนดี้ก็จะทำมันได้น่ารักกว่า
เขาไม่ได้เศร้าเลยที่การแอนดี้มีอะไรเหมือนฮเยซองแต่กลับดีใจมากกว่า วันที่ไม่มีสอบตรงกับเขาคลุกอยู่กับแอนดี้ เล่นเกมส์ ทำอาหาร ดื่มด้วยกันบางครั้งก็ไปเที่ยว ผมลืมฮเยซองไปตั้งแต่ตอนนั้น และสารภาพว่าเขาชอบ ชวนให้อยู่ด้วยกัน
แอนดี้เพียงตอบรับเรื่องอยู่ด้วย ส่วนเรื่องสารภาพคนตัวเล็กขอความั่นใจจากผม จนผ่านไปอีก 1 เทอม เขากำลังจะจบการศึกษา
ฮเยซองก็กลับมา เขาค่อย ๆ ห่าง แอนดี้ที่ละนิด ๆ จนไม่รับรู้ถึงความเป็นไป พอฮเยซองกลับเกาหลีอีก ผมก็พบว่า แอนดี้กับมินอูเป็นแฟนกันไปแล้ว และย้ายไปอยู่ห้องเดียวกัน เขารู้สึกหน้าชาตอนที่รู้ข่าว แต่ให้ทำไง
มินอูชอบแอนดี้ เขารู้ตั้งแต่ต้น
สำหรับแอนดี้ที่ชอบมินอู ถึงไม่ระแคะระคายแต่ทั้งคู่ก็รู้จักมาก่อนเขา
และเขาเองก็ยังเป็นคนปล่อยทิ้งแอนดี้ไว้คนเดียว สรุปคือเขาเลือกที่จะเสียแอนดี้และกลับไปรักฮเยซอง จึงไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปขวาง ถึงจะมองอย่างไม่ชอบใจอยู่บ่อยครั้ง
วันนี้ไม่ต่างจากวันนั้นเลย ไม่...วันนี้จะไม่เหมือนวันนั้น
แอนดี้นายอยู่ไหน....
.....................................................
ตู๊ดดดดดด ตู๊ดดดดดดดด ตู๊ดดดดดดด
“แอนดี้ทำไมรับโทรศัพท์ซักที”
“มินอู นายไว้โทรตอนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ กะให้ทางนั้นมันเช้าก่อน หรือสายสักหน่อยนะ”
“ไม่ละ เมื่อเช้าตื่นมาใจคอไม่ดีเลย”
“จะเป็นห่วงเขา ก็เป็นห่วงตัวนายซะก่อนเถอะ ยังไม่กินไรเลยตั้งแต่เช้า”
..
จบไปแล้วอีกหนึ่งตอนรู้สึกเหมือนออกตลาดไปไกลยังไงไม่รู้
ผมมองผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นและมันคงหยาดลงเป็นสายอาบแก้มทั้งสองข้างก่อนหยดกระทบกับยอดหญ้าเล็ก ๆ บนพื้นสีเขียวเข้มจนชื้นแฉะ ด้วยภาพตรงหน้าที่เลือนลางหากมั่นช่างแจ่มชัดในความรู้สึกของผมพอ ๆ กับภาพความเป็นจริง
ริมฝากที่ห่างออกจากกันนั้น ถ้าไม่เพราะร่างบางผลักเขาคงจะจูบอยู่แบบนั้นตราบเท่าที่ความโหยหายังไม่สิ้นสุด พอ ๆ ที่จะไม่หันมามองหากว่าอีกคนไม่ได้กำลังมองผมอยู่ เหมือนกับตอนนี้ที่เขายังคงรัดร่างบางไว้แนบตัวด้วยอ้อมแขนที่เคยโอบรัดผมหลายต่อหลายครั้ง
เป็นคนอื่นคงวิ่งหนีตั้งแต่วิแรก แต่ทำไมนะผมยังจะ...
รอ...ให้เขามาพูดแก้ด้วย ที่ก็รู้ว่ามันจะโกหก
หวัง...ให้เขามารั้งตัวไว้ ทั้งที่ก็รู้ว่ามันอาจไม่จริงใจ
ให้...แม้แต่โอกาสที่เขาไม่ต้องการ
.
.
เจ็บ...ผมเจ็บมากกว่าครั้งไหน ๆ
ปวด...จนฝืนทนต่อไปไม่ได้
ตาย...ผมอยากหายไปจากตรงนี้
........
.................
..
โฮสต์คลับมีชื่อ อาบไปด้วยแสงไฟสีเหลืองนวล ลูกค้ามากมายก่อหน้าถูกขอให้ออกไปก่อนเวลาอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ด้วยคำขอร้องอย่างสุภาพจากหนุ่มหล่อ ทุกคนจึงออกไปแต่โดยดีและพนักงานที่เหลือจึงเริ่มทำความสะอาด เว้นไว้จากการทำความสะอาดเพียงเฉพาะโต๊ะที่
ชายร่างใหญ่หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาคมคายนั่งดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงลงกะเพาะแก้วแล้วแก้วเล่าโดยไม่มีที่ท่าว่าเมาหรือเปล่งเสียงพูดอะไร กับชายร่างบางที่หล่อไม่แพ้กันแต่ออกจะติดไปทางสวยมากกว่าที่ออกอาการผุดลุกผุดนั่งอย่างกระวนกระวาย มองประตูบ่อยกว่าเข็มวิวิ่งชนครบรอบใน 1 นาทีซะอีก ทั่งคู่อยู่แบบนั้นไม่ว่าพนักงานจะเช็ดพื้นหน้าไปมากี่หน ยกเครื่องมาเสิร์ฟเพิ่มให้กี่ที และต่างไม่รู้ว่าจะอยู่แบบนี้ด้วยกันไปอีกนานเท่าไหร่กว่าสิ่งที่รออยู่จะกลับมา
ราว 1 ชั่วโมงที่ความเงียบครอบครุมคนทั้งคู่ เพราะพนักงานต่างก็กลับกันจนหมด และเข็นนาฬิกาบอกว่ากำลังจะเข้าเช้าวันใหม่
กริ้งงงง~
เสียงกระดิ่งหน้าประตูส่งสัญญาณดัง บอกถึงการมาเยือนแต่นั้นไม่ใช่แขก ฮเยซองพาร่างบางของตัวไปยังประตูอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นจอนจินโผล่ประตูเข้ามาพร้อมกับโฮสต์ที่ออกไปด้วยกัน ขณะที่เอริตเจ้าของร่างใหญ่เพียงหันมองแล้วกลับหันไปกระดกน้ำเมาในมือเข้าปากอย่างเก่า
“จอนจิน แอนดี้ละ” ทันทีที่ถึงตัวก็บอกถึงจุดมุ่งหมาย ชะเงอมองผ่านโฮสต์คนอื่น ๆ ที่อาจจะบังคนตัวเล็กซะมิดเพราะสูงกว่าหลายเซนต์
“แอนดี้ละ แอนดี้” เมื่อไม่เห็นก็ถามย้ำลงไปอีกครั้ง
จอนจินก็ได้ตอบคำถามในทันทีเขามองสบตากับฮเยซองด้วยท่าทีอึกอักก่อนหันไปสั่งเด็ก ๆ ด้านหลัง ให้ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปได้ แล้วเดินเลี่ยงไปยังโต๊ะที่เอริคนั่งอยู่ สำหรับคำตอบนี้เขาคิดว่าเอริคควรได้ยินด้วย และต้องชัดเจนมากที่สุด
เขานั่งลงยังฝั่งตรง แล้วเริ่มพูดโดยเน้นทุกคำอย่างชัดเจน
“ผมไม่เจอเขา ไม่มีใครเจอแอนดี้ซักคน”
จอนจินมองปฏิกิริยาของเอริคอย่างผิดคาด ร่างหน้าเพียงชายตาขึ้นมองแล้วก็สนใจกับแก้วเหล้าในมือต่อเหมือน เดิม
ไม่รู้ว่าระหว่างทั้งสามคนเกิดอะไรขึ้นแต่จอนจินก็อยากลุกขึ้นไปเวียงกำปั้นใส่ซักหมัด คนที่ตัวเองเคยประกาศปาว ๆ ว่าเป็นเมียหายไปทั้งคนยังนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้
กับฮเยซองไม่บอกอะไรก็ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่นิด ๆ
“นายหาดีแล้วเหรอ” ฮเยซองถามอย่างกระวนกระวาย
“พี่คิดว่าผู้ชาย 20 คนจะหาได้ทั่วแค่ไหนละ”
“จอนจิน ทำไมนายพูดกับพี่แบบนี้”
“ผมหงุดหงิดที่หาแอนดี้ไม่เจอนะ”
“รู้งี่ฉันน่าจะออกไปตามด้วย นายจะได้ไม่ต้องมาอารมณ์เสียใส่ฉัน”
“พี่คิดว่าผมอยากอารมณ์เสียใส่พี่เหรอ”
“ก็ดูที่นายทำซิ ฉันถามแต่นายดันเดินเลี่ยง แล้วยังมาหงุดหงิด ทั้งที่ฉันถามดี ๆ”
“แล้วที่พี่ทำละ ไปทำอะไรกันไว้ แอนดี้ถึงได้วิ่งร้องไห้ออกไปแบบนั้น ไม่อธิบายสักคำเร่ง ๆ แต่ให้วิ่งตามออกไป”
จอนจินรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ปล่อยแอนดี้ไปตอนนั้น
“ที่นายหงุดหงิดก็เพราะเรื่องนี้”
“เป็นพี่จะหงุดหงิดมั้ยละ เป็นคนเดี่ยวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลับหลังเรา”
“ถึงบ้านแล้วบ้านเมื่อไหร่ฉันจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้เรามาคิดก่อนเถอะว่าแอนดี้จะไปอยู่ไหน” เป็นครั้เงแรกที่ฮเยซองเป็นฝ่ายยอม จอนจินจึงยอมที่จะพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
“บ้างทีเราสองคนอาจเป็นห่วงเขามาเกินไป แอนดี้ก็ไม่ใช่เด็ก ๆ เขาคงดูแล้วตัวเองได้”
“ถ้าเขาอยู่ในสภาวะที่ปกติก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ทั้งฮเยซองและจอนจินจนปัญญาที่จะคิดตามหาว่าคนตัวเล็กจะไปอยู่ไหนได้ แอนดี้มาอยู่เกาหลีนาน 2 เดือนก็จริง แต่ไม่รู้จักกับใครนอกจากเขาทั้งสองคน เรื่องสถานที่อย่าไปพูดถึง วัน ๆ หาทางออกจากห้องนอนได้หรือเปล่าเถอะ
เมื่ออยู่ที่นี้ก็ไม่ทำให้นึกออก และแอนดี้ก็คงไม่มีทางย้อนกลับมา
“ผมว่าเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ บางทีแอนดี้อาจจะอยู่ที่บ้าน” จอนจินออกความเห็น
“นายคิดว่าแอนดี้จะกลับไปที่บ้านเหรอ” ฮเยซองขอค้านกับเห็นนี้ เป็นเขาไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด
“อย่างน้อยถ้าเขาจะออกนอกประเทศก็ต้องไปเอาพาสปอร์ตละ”
“อเมริกา” พูดออกมาพร้อมกัน
ไม่น่าเชื่อว่าประโยคที่จอนจินพูดออกไปงั้น ๆจะจุดประกายที่แห่งใหม่ให้ค้นหา จอนจินควักโทรศัพท์โทรเช็กทุกสายการบิน ฮเยซองโทรกลับไปที่บ้านเช็กดูว่าแอนดี้กลับไปที่บ้านหรือเปล่า เมื่อแม่บ้านบอกว่ายังไม่กลับอย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าแอนดี้ยังอยู่ในประเทศ ฮเยซองกำชับให้แม่บ้านโทรหาเขาทันทีถ้าแอนดี้กลับมา
เอริคแค่ชำเลืองมองคนทั้งคู่ หลังจากที่ต่างก็ว่างโทรศัพท์กันไปแล้ว
“ว่าไง แอนดี้โทรจองตั๋วเครื่องบินไว้มั้ย”
จอนจินส่ายหัวเป็นการตอบ ก่อนจะออกปากชวนให้กลับบ้านกันไปก่อนอีกครั้ง ซึ่งฮยเซองก็เห้นด้วยแล้ว เขาทำดีที่สุดแล้วกับการตามหาคนตัวเล็กบางที่ควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของที่เป็นแฟนทำมันบ้าง อันที่จริงเอริคควรเป็นฝ่ายตามหาตั้งแต่ต้น
ฮเยซองและจอนจินเตรียมลุกพร้อมที่จะกลับ แต่เอริคยังไม่ทันจะได้ลุก
กริ่งงง~ เสียงกระดิ่งหน้าประตูดัง พร้อมกับการมาของคนที่เพิ่งถูกเอ่ยชื่อ ดวงตาทั้ง 3 คู่มองไปยังที่เดียว
“พี่กับเพื่อน ๆ ยังไม่กลับกันอีกเหรอ” เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อไม่แพ้เอริค แต่มีสเน่ห์ไปกันคนละอย่างเอ่ยถามพร้อมก้าวเดินเข้าไปหา
“จอนจิน เด็กนี่วิ่งตามแอนดี้ไปตอนนั้น”
เด็กหนุ่มทำหน้าสงสัย
“แอนดี้ เพื่อนพี่ ที่หน้าตาน่ารัก ๆ นะเหรอ”
“ใช่ ๆ นายวิ่งเขาออกไปใช่มั้ย” ฮเยซองถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจในความความจำ ตอนมันมืดเห็นหน้าไม่ชัดนักหรอก อาจจะไม่ใช่เด็กคนนี้ก็ได
“ใช่ผมเองแหละ แต่ผมตามเขาไปไม่ทันหรอก ขาสั้น ๆ แบบนั้นวิ่งเร็วอย่าบอกใครเลยละ”
“ยุนโฮ ทำไมนายถึงกลับมาช้า” จอนจินถามสงสัยว่าตามไม่ทันทำไมเพิ่งกลับมา
“ผมใช่แรงเยอะนะ หิวก็เลยหาอะไรกิน พี่ก็รู้ผมนะกะเพาะใหญ่กว่าคนปกติ ไม่มีอะไรถามผมแล้วใช้มั้ย ผมจะได้ไปเอากระเป๋าแล้วกลับบ้าน”
“งั้นนายก็ไปเถอะยุโฮ”
“ผมขอตัวนะครับ อ้อ ! ผมคลาดกับเพื่อนพี่ตรง ๆ แถว ๆ สถานีรถไฟ อาจจะนั่งไปที่ไหนซักที่ก็ได้ละมั้ง” เด็กหนุ่มบอกก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังร้านหยิบเอากระเป๋าสะพายข้างแล้วเดินกลับออกไปทางประตู
เข้าสู่ทางตัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน คนแรกที่เดินขึ้นห้องไปอย่างเงียบ ๆ คือเอริค คนต่อมาที่กำลังจะตามไปเข้าห้องของตนบาง คือฮเยซอง แต่ถูกจอนจินจูงมือลากไปอีกห้อง
ปัง จอนจินปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา
“พี่จะอาบน้ำก่อน หรือจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังก่อน” ยังคงไม่ที่ฮเยซองพูดไว้ที่ร้าน
“ถ้ามันจะทำให้นายใจเย็นขึ้นซักนิก ฉันจะไปอาบน้ำก่อน”
“ได้ แต่ต้องที่นี่นะ นี่ผ้าขนหนู เชิญครับ”
จอนจินโยนผ้าเช็ดตัวให้
.............
..............................
...............................................................
เมื่อถึงห้อง ภายใต้ใบหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับการหายไปของคนตัวเล็กทว่าภายในเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
เอริคก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่น ที่ทุกคืนจะมีคนตัวเล็กแนบกาย มอบความอุบอุ่นให้แก่กัน และกัน แต่คืนนี้จะมีเขาเพียงคนเดี่ยว
ร่างใหญ่หลับตา มือหนากวาดโกยผ้าห่มและหมอนสูดดมกลิ่นอายของตัวเล็กที่ยังคงติดอยู่อย่างระมัดระวัง กลัวว่ามันจะจางหายไปหากสูดดมแรง ๆ ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้าสู่หวงความคิด
ฮเยซอง หรือ แอนดี้
ร่างบางเจ้าของใบสวยที่ดูยิ่งเข้าถึงอย่าง ไม่เคยสนใจใครและมีจัดว่ามีเพื่อนน้อย สิ่งที่อยู่ข้างกายเสมอมัก คือ ตำราเรียนเล่มหนาหรือไม่ก็หนังสือจากห้องสมุดเกี่ยวกับการบริหารเล่มโต ๆ ซึ่งดูเหมือนเขาจะสามารถอ่านจบได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเพียงข้ามวันหนังสือเหล่านั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นเล่มใหม่
ทว่าสิ่งที่ดึงดูความสนใจไม่ใช่ใบหน้าสวย ๆ ตำราเล่มใหญ่สิ่งพวกนั้นทำได้แค่ดึงสายตาให้หันมอง แต่ดวงตาที่ฉายความเหงาลึก ๆ ดวงตาที่เหมือนกับเขา นับเป็นจุดเริ่มต้นของแรงกระตุ้นให้เขาอยากทำความรู้จักเจ้าของใบหน้าสวยดวงตาเศร้านั้นเหลือเกิน อยากรู้เพราะอะไร
และด้วยฝีมืออีมินอูเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมซึ่งไมว่าจะหญิงหรือชายขอให้สวยและน่ารักก็จะรู้จักไปซะหมด ก็ช่วยให้มันเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
“ซอง” เพื่อนตัวเล็กของเขาเรียกชื่อสั้น ๆ ซึ่งเจ้าของชื่อก็เงยหน้าจากหนังสือขึ้นมายิ้มรับ
“เห็นนายกำลังทำรายงานวิชาการบริหารความเสี่ยงอยู่ใช่ป่ะ ฉันเลยพาผู้ช่วยมือหนึ่งมาให้”
ดวงตาเรียวเหลือบแลเขาที่อยู่หลังมินอู
“หมอเนี้ย!” สีหน้าไม่เชื่อว่าเขาจะช่วยได้
“ใช่หมอเนี้ยแหละ อาจจะดูพวกฮิปฮอปไม่ได้เรื่อง แต่เป็นที่หนึ่งของเอกเลยนะ วิชานี้ก็ได้เอบวกมาแล้วด้วย”
“ยินดีได้รู้จัก ผมเอริค”
“ผมชินฮเยซอง ขอบคุณในความมีน้ำใจ แต่ผมไม่ต้องการ นายก็ด้วยนะมินขอบใจที่เสียเวลา” ปิดหนังสือในมือ เดินหนี
“เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าบอกว่าบริษัทที่นายเลือกศึกษาเป็นของพ่อฉัน นายคิดจะสนใจบ้างมั้ย”
“พ่อนาย ไม่อยากเชื่อ” มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ขอโทษนะที่ฉันแต่งตัวได้ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่รับรองได้ว่าไม่ได้โกหก”
“จริงซอง มินอูคนนี้ยืนยันได้ เพียงแต่ริคมันเป็นลูกเมียน้อยเท่านั้นแหละ”
“ลูกเมียน้อย ชิ”
“ฉันช่วยนายหาข้อมูลมาได้ก็แล้วกัน ว่าไง”
“หวังว่านายจะไม่สร้างปัญหามาให้”
แต่ความเป็นเพื่อนนั้นมันไม่ง่ายเลย แม้รายงานฉบับนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งแน่นอนมันต้องได้ A+ อย่างไม่ต้องสงสัย กว่าฮเยซองจะยอมรับเขาเป็นเพื่อน เขาก็ต้องใช่เวลาถึง 1 ปี เต็ม ๆ แต่ในแบบที่ไม่คอยจะลงลอยกันเท่าไหร่
ทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้...ฮเยซองจะบ่นว่าจะอึดอัด ถ้านั่งลงข้างกันละก็จะขยับหนีในทันที
เห็นกำลังทำหน้าเหงา ๆ ตาเศร้า ๆ ก็พยามทำเรื่องตลกให้อารมณ์ดี ....จะได้คำพูดกลับมาว่า “ไร้สาระ” แล้วก็เดินหนีไปนั่งเศร้าที่อื่น
พยายามทำตัวน่ารักในแบบที่ชอบ... “ปัญญาอ่อนรึไง”
ไม่มีอะไรถูกใจเลยซักอย่าง ชอบฮเยซองที่เป็นแบบนี้มันรู้สึกท้าทายดี ก็เลยยังตื้อไม่เลิก เพราะรู้ดีว่าไม่ได้เกลียด คนเราถ้าลองเกลียดกันจริง ๆ คงไม่ย้ายมาอยู่อพาทเม้นเดียวกันตามคำเชิญง่าย ๆ และคงไม่
RRRRRRRRRR
“ซองงี่ ฉันหิวข้าวลงมาทำอะไรให้กินหน่อย”
“มีมือมีเท้าก็หากินเองซิ”
“อยากกินฝีมือนาย น่า~ รีบลงมานะเขาจะรอ”
“อย่ามาอ้อนซะให้ยาก ฉันไม่ว่างอ่านหนังสืออยู่”
“นึกว่าสงสารลูกนกตาดำ ๆ ”
“อย่างนายเป็นลูกนกไม่ได้หรอก”
“ลูกหมีก็ได้อ่ะ ขนนุ่ม ๆ น่ารัก น่ากอด”
“’งั้นก็ไปกินน้ำผึ้งซิไป๊! ตืด ๆ ๆ ”
โดนตัดสายทิ้งไปแบบดื้น ๆ
หลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที ฮเยซองจะลงมาพร้อมอาหารสด อาหารแห้งเต็มสองมือ ถึงปากจะบ่นแต่ก็ลงมาทุกครั้ง
ก๊อก ๆ ๆ
“ทำไมไม่กดรหัสเข้ามาละ”
“เห็นของมั้ยเนี้ยจะกดยังไง เอารับของไปซิ” โยนของให้ เดินตัวปลิวเข้าครัว
“จะกินะไรละ จะได้รีบ ๆ ทำ รีบ ๆ ไป”
“อะไรก็ได้ที่นายทำ”
เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุข เราสนิทมากขึ้น รู้จักนิสัยของกันและกันมากเพราะอยู่ด้วยกันบ่อย เขาจึงเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างกับฮเยซองโดยไม่ปิดบังส่วนหนึ่งก็อยากให้รู้ อีกส่วนหนึ่งอยากให้ฮเยซองเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยเล่า
มันยิ่งกระตุ้นให้อยากรู้ อยากเป็นคนที่ได้รับความไว้ใจจนเล่าทุกอย่างให้ฟังได้ และไม่รู้เมื่อไหร่กันที่เกิดอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา คงเป็นวันนั้นละมั้ง
“ซองนี้รูปใครนะ น่ารักดีนะ”
“นายอย่าเที่ยวมายุ่งกับของบนโต๊ะคนอื่นจะได้มั้ย” ฉวยเอารูปภาพจากเขาไป และเก็บไว้ในสมุดไดอารี่อย่างทะนุทะนอม
“ก็เห็นมันว่างอยู่ก็หยิบขึ้นมาดูแค่นั้น ทำไมต้องหงุดหงิด”
“ฉันกลัว นายจะทำยับนะสิ”
“คนสำคัญเหรอ“
“ใช่สำคัญมาก คนสำคัญที่ไม่มีวันลืม”
“เด็กเนี้ยนะ”
“ตอนนี้ก็น่าจะ 20 กว่า แล้วละ” อายุพอ ๆ กับเรา
“นานขนาดนั้นยังเอาออกมาดู รูปปัจจุบันไม่มีหรือไง”
“ถ้ามีฉันก็เอาออกมาดูแล้วนะซิ”
“เอริค”
“ไร”
“นายว่าโตแล้ว เขาจะหน้าตาเหมือนเดิมมั้ย”
“คนเราโตแล้วหน้าก็เปลี่ยนกันได้ ถามไม”
“เรียนจบเมื่อไหร่จะกลับไปตามหาเขา”
“รักมากนักรึไง”
“ไม่นับพ่อกับแม่ คนนี้เป็นคนที่รักมากที่สุดในโลก อยากเจอ อยากคุย อยากเล่าเรื่องของฉันให้ฟัง”
มั่นไส้
“กันฉันนายก็เล่าได้”
“กับนายจะเล่าให้ฟังไปทำไมกัน”
“ก็เพื่อนายจะอยาก”
“’งั้นนายว่าโตขึ้น เขาจะน่ารักแบบนี้ไหม” ยิ้มแย้มอารมณ์ดี
ภาพวาดดินสอถูกยืนมาให้ดู เขามองแค่ผ่าน ๆ
“ไม่รู้ ไม่อยากออกความเห็น”
“นายดูให้มันดี ๆ ซิ ฉันไม่เคยให้ใครดูมาก่อนเลยนะ”
ภาพยังคงถูกยืนไว้อย่างเดิม เขาก็เลยรับมาดูแบบงั้น ๆ แล้วก็แกล้งยึดไว้ซะเลย
“นายวาดเองใช่ป่ะ”
“อืม เป็นไง”
“’งั้นนายก็วาดใหม่แล้วกัน อันนี้ฉันขอ”
“ได้ไง”
“ก็มันน่ารักดี ตาสวย ปากสวย น่าจูบนะเนี้ย”
“อย่านะ นายเป็นเกย์รึไง”
“แค่ภาพเนี้ยนะ หวงไปได้จะหน้าแบบนี้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“ถ้าจูบนายเจอดีแน่”
“จ๊วบบ~” ต่อหน้าต่อตาจะ ๆ
“ป๊าบ!” โดนเตะที่ก้นไป 1 ที เขาก็เลยวิ่งหนีกลับห้องยึดเอาไว้ไม่คืน แต่ฮเยซองก็มาทวงทุกวัน ทำให้เขารู้สึกเกลียดคนในรูปวาดขึ้นมานิด ๆ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แต่กลับคนที่ฮเยซองอยากทำทุกอย่างที่อยากให้ทำกับเขา แค่พอพูดถึงก็ให้ยิ้มจนหน้าบาน
สักวันเขาจะทำให้ฮเยซองต้องลืมผู้ชายในรูปนี้ คนที่คิดถึงแต่สัมผัสไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร รอยยิ้มจะมีไว้เพื่อเขา
และโอกาสนั้นก็เข้ามา
พ่อของฮเยซองเสียอย่างกระทันหัน ข้างกายไม่เหลือใครนอกจากเขา เราเมาด้วยกันทั้งคู่แต่เขามีสติและไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นให้หลุดลอย
แต่ยังไม่ทันจะเท่าไหร่ ฮเยซองเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ไม่มีการบอกล่วงหน้า ไม่มีกล่าวลากับเพื่อนคนไหน หายตัวไปและทิ้งทุกอย่างไว้แบบคาราคาซัง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเราในคืนนั้น
เขาเสียใจ สิ่งที่ทำลงไปวันนั้นอาจเป็นสาเหตุให้ฮเยซองกลับไปอย่างกระทัน การไม่มีฮเยซองอยู่ทำให้เขารู้สึกเหงาอีกครั้ง
แต่ทว่าก็เหมือนมีสิ่งมาชดเชย เพื่อนของเขาพาใครคนนึงเข้ามาในชีวิต คนที่ที่มีความเหมือนอยู่ในความแตกต่าง และช่างดึงดูตั้งแต่ในวินาทีแรก...ยากที่จะละสายตา
ตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกเป็นวันที่เขากำลังนอนหลับพักสายตาใต้ร่มไม้ใหญ่รกทึบหลังอาคารเรียน 5 ชั้น ปราศจากผู้คนรบกวน กับหนังสือ “Business combination control under competition law” ที่ถูกกางไว้ครึ่งหน้าพักว่างไว้ที่หน้าอก และเพื่อนตัวเล็กของเขาก็เข้ามารบกวนเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พิเศษ
เพราะปกติมินอูไม่เคยพาใครมาให้รู้จัก โดยเฉพาะกับคนตัวเองหมายตาเอาไว้
“เอริค หนีมาปรีกวิเวกอยู่นีเอง” เสียงแหวกอากาศอยู่ตรงหน้า
“มีอะไรละ ปกติไม่เห็นหน้าฉันก็ไม่ตายนี้หว่า” ลุกขึ้นนั่งสนทนาด้วยอย่างขัดอารมณ์กำลังนอนเผลอ ๆ
“แกนี้ช่างรู้ทัน มีคนจะแนะนำให้รู้จัก และก็จะฝากให้ช่วยดูหน่อยนะ”
“ใคร! อีกละ”
“แอนดี้มานีซิ นี่พี่เอริค เพื่อนพี่”
เด็กหนุ่มเชื้อชาติเกาหลี แต่คาดว่าจะสัญชาติอเมริกัน ตัวเล็กผิวขาวละเอียด ใบหน้าน่ารัก ดวงตาสวย ริมฝีปากน่า...แต่รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ยังไง
“สวัสดีฮะ พี่เอริค”
“อ๊ะ หวัดดี คนนี้นะเหรอ นึกว่าจะหน้าตาดีกว่านี้ซะอีก”
“ขอโทษนะฮะที่ผมหน้าตาไม่ดีนะ แต่ดูเหมือนใครจะชอบผมมากกว่าคนหน้าคนตาดีอย่างพี่ซะอีก”
“มาถึงก็ปากดีเลยนะเรา ปีหนึ่งไม่ใช่รึ มินอู แก่เอาไอ้เด็กนี้ไปไกล ๆ เลย ไม่รับฝากโว้ย ของ ๆ ใครก็ดูแลกันเอาเอง”
“ทำเป็นหงุดหงิด แก่ไปว่าเขาก่อนก็สมควร”
“รู้จักกันมากี่วันวะ เข้าข้างกันเลยนะ”
“ก็เหมือนนายกับฮเยซองแหละวะ สนิทกันจนลืมกรู”
“ใครหรือฮะ ฮเยซอง”
“เพื่อนพี่อีกคนนะ แต่เขาไม่อยู่แล้วละ ไว้เขามาที่นี่จะพามารู้จักนะ” มินอูมันยิ้มจนตาปิด เห็นแล้วมั่นใส่ คนยิ่ง..
“โตจนปานนี้ต้องให้คนอื่นคอยดู”
“ผมก็ไม่ได้อยากซักหน่อย”
“แอนดี้เป็นเด็กที่โบสถ์ฉันเอง เทอมที่แล้วเกเรไปหน่อย ฝากไว้ชั่วคราวเท่านั้นแหละ เทอมเดียว”
“เขาก็บอกอยู่ว่าไม่อยาก จะเอามาฝากทำไมยุ่งยากน่ารำคาญ”
“ไม่ฝาก ก็โดนหมาคาบไปแดกอ่ะดิ แค่พาเดินคนจ้องตาเป็นมัน” มันเดินมากระซิที่หู
“ให้กรูเป็นไม้กันหมาว่างั้น” เขากระซิบตอบ
“นะฝากหน่อย” กลับมาพูดตามปกติ
“เขาไม่อยากก็อย่าไปรบกวนเลยฮะ ผมดูแลตัวเองได้ ”
“ไม่ได้หรอก เกิดนายโดนหลอกไปมอบเหล้าอีกทำไง”
“ผมคอแข็งหรอกน่า~ วันนั้นโดนยาตั้งหาก”
แบบนี่นี้เอง
“มาทิ้งไว้กับฉันไม่กลัวฉันหลอกไปปล้ำบางรึไง”
“นายคงไม่นอกใจ ซองกี้หรอกจริงมั้ย”
“เออ”
“แอนดี้ นายต้องอยู่ติดเอริคมันตลอดนะรู้มั้ย ถ้ามันติดเรียน...เอ่อ..นายก็ลงเรียนวิชาเดียวกับมันให้หมดเลย”
“ห๊า แบบนั้นผมก็ตายกันพอดีซิฮะ”
“งั้นเลิกเรียนก่อนก็ไปรอหน้าห้องเรียนแล้วกันนะ”
“จะสั่งเสียกันอีกนานไหม มีเรียนไม่ใช่รึไง ถ้าจะอีกนานก็ไปสั่งเสียกันให้เสร็จไกลๆ”
“เออเสร็จเดี๋ยวนี้แหละ ไปไหนก็ห้ามไปคนเดี่ยวเด็ดขาดเอาเอริคไปด้วยกลับบ้าน ถ้าพี่ติดเรียนก็ให้เอริคไปส่งนะรู้มั้ย”
“ฮะ” รับปากแบบเซ็ง ๆ คนตัวเล็กมันก็คงรำคาญเหมือนกัน พอมินอูไปมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนอะไรถอนใจก็ยังน่ารัก ถ้าฮเยซองมาเห็นคงจะ...
“นี่ นายนะ”
“พูดกับผมเหรอ”
“อยู่กัน 2 คนจะพูดกับแมวที่ไหนละ มีเรียนรึเปล่า”
“ที่หลังพี่ก็เรียกชื่อซิ จะได้รู้ว่าคุยด้วย ไม่แล้ว” เรียกพี่ก็ไม่เห็นจะเคารพ
“เล่นบาสเป็นมั้ย”
“ก็ได้อยู่”
“งั้นก็ตามมา ทีมฉันขาดไปคน”
การรับฝากชั่วคราวเริ่มตั้งแต่วันนั้น และแอนดี้ก็ทำให้เขาอึ้งรายเรื่อง คนตัวเล็กเล่นบาสได้เก่งผิดขาด กีฬาอื่น ๆ มันก็เป็นสารพัด ผิดกับรูปร่างเหมือนฮเยซองที่บอบบางเหมือนผู้หญิงแต่เก่งเทควันโด และน่าอึ้งสุด ๆ คือความว่าง่ายของมัน แอนดี้ปฏิบัติตามคำสั่งของไอ้แมวน้ำทุกอย่าง ทั้งที่มันก็มีท่าทีไม่พอใจกับคำสั่งพวกนั้นตั้งแต่แรก แต่คำสั่งของเขาต้องขัดก่อนถึงจะทำซิน่า ต้องให้บังคับ หรือไม่ก็ใช่กำลัง และถ้าผมชนะมันจะทำปากยืน หน้างอ น่ารักดี บางครั้งก็แค่อยากจะแกล้งเล่นเฉย ๆ
“แอนดี้ ไปกดน้ำมาให้หน่อยซิ”
“ทำไม่ต้องทำด้วย มีมือมีเท้าไปเองดิ อ่านหนังสืออยู่ไม่ว่าง”
“ว่างแล้วนี้ไง จะไปไม่ไป” ดึงหนังสือออกจากมือมัน
“ไปก็ได้”
......
แต่หลัง ๆ เหมือนคนตัวเล็กจะรู้ทันว่าเขาแกล้ง ลวดลายมันน้อยลงแต่เหตุผลมันนะ
“แอนดี้ ไปซื้อโค๊กให้หน่อยซิ”
“เอากี่กระป๋องฮะ”
“2 ก็ได้ เพื่อนายด้วย” คนตัวเล็กปิดหนังสือในมือ ลุกขึนจะเดิน
“ทำไมวันนี้ใช้ง่าย”
“ขี้เกียจนะ มันเปลืองน้ำลาย ยังไงผมก็ขัดใจพี่ไม่ได้อยู่ดี”
ตั้งแต่นั้นมันก็ยอมทุกอย่างและด้วยเหตุนี้ผ่านไปนึงเดือนก็กลาย “แอนดี้เด็กของเอริค” ก็แพร่สะพัดไปทั้งมหาลัย เกือบครบเทอม “ปาท่องโก้ริคดี้” สัญญากำลังจะหมด เจ้าของใกล้จะมารับคืนไปแล้ว เขารู้สึกใจหาย ไม่พอใจตอนที่เขาเอามันมาฝากแต่พอคนฝากจะมาเอาคืนก็เกิดไม่อยากจะให้คืนให้ จะบอกว่าไงละ เขาไม่เหงาแม้ว่าจะอยู่คนเดียวแค่นึดถึงร้อยยิ้มของมัน เสียงหัวเราะ และหน้างอ ๆ เวลาที่เขาแกล้ง แอนดี้ทำให้เขาลืมเรื่องของฮเยซองไปได้เยอะที่เดียว ยิ่งตอนใกล้จะปิดเทอม
“พี่เอริค เปิดประตูหน่อย” ในมือถือของพะลุงพะลัง
“ทำไมไม่กดรหัสละ”
“มีมือที่ไหนละ จะให้เอาปากจิ้มเหรอไงฮะ”
“แล้วนี้มาทำไมเนี้ย หอบอะไรมาด้วยเยอะแยะ”
“เสื้อผ้ากับอาหารนะ ขออยู่ด้วยซักอาทิตย์นะฮะ แค่สอบเสร็จก็ได้ พอดีที่โบสถ์มีเด็กเพิ่มก็เลยว่าจะออกมาหาที่อยู่เอง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้”
“ทำไมไม่ไปอยู่มินอูละ หมอนั้นคงเปิดประตูรับทันที”
“ไม่เอาอ่ะ พี่เขาชอบมองผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย อยู่กับพี่สบายใจกว่า ให้อยู่เหอะนะแลกกับทำอาหารแล้วก็ทำความสะอาดให้”
“ถ้ามันรู้ต้องลากนายกลับแหง่ ๆ”
“ไม่หรอกถ้าผมมีเหตุ”
แล้วก็จริงที่มันว่า แอนดี้อ้างเรื่องห้องเล็ก มินอูก็เลยเถียงไม่ออก 1 อาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน เขาถึงรู้ที่เป็นแบบนั้นเพราะแอนดี้เหมือนฮเยซองหลายอย่าง เช่น ความอบอุ่น ความอ่อนโยน เก่งทั้งเรื่องอาหาร ทำความสะอาด และดวงตาเหงา ๆ ซึ่งเขาไม่เคยเห็นเลยเพราะแอนดี้มันจะปิดไว้ด้วยร้อยยิ้มและความร่าเริงต่อหน้าผู้คนเสมอต่างกับฮเยซองตรงนี้ และการแสดงออกด้วย
เวลาที่เขาไปนั่งแอนดี้จะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ขยับนี้ ถึงเขาทำยังไงเขยิบเขาไปให้ชิดจับมือ หรือโอบไหล่ก็จะนั้งอยู่แบบนั้น
เขาทำเรื่องตลก ....แอนดี้จะหัวเราะจนท้องขัดท้องแข็ง ทำเอาเขาต้องหัวเราะตามไปด้วย
และพอทำท่าน่ารัก...แอนดี้ก็จะทำมันได้น่ารักกว่า
เขาไม่ได้เศร้าเลยที่การแอนดี้มีอะไรเหมือนฮเยซองแต่กลับดีใจมากกว่า วันที่ไม่มีสอบตรงกับเขาคลุกอยู่กับแอนดี้ เล่นเกมส์ ทำอาหาร ดื่มด้วยกันบางครั้งก็ไปเที่ยว ผมลืมฮเยซองไปตั้งแต่ตอนนั้น และสารภาพว่าเขาชอบ ชวนให้อยู่ด้วยกัน
แอนดี้เพียงตอบรับเรื่องอยู่ด้วย ส่วนเรื่องสารภาพคนตัวเล็กขอความั่นใจจากผม จนผ่านไปอีก 1 เทอม เขากำลังจะจบการศึกษา
ฮเยซองก็กลับมา เขาค่อย ๆ ห่าง แอนดี้ที่ละนิด ๆ จนไม่รับรู้ถึงความเป็นไป พอฮเยซองกลับเกาหลีอีก ผมก็พบว่า แอนดี้กับมินอูเป็นแฟนกันไปแล้ว และย้ายไปอยู่ห้องเดียวกัน เขารู้สึกหน้าชาตอนที่รู้ข่าว แต่ให้ทำไง
มินอูชอบแอนดี้ เขารู้ตั้งแต่ต้น
สำหรับแอนดี้ที่ชอบมินอู ถึงไม่ระแคะระคายแต่ทั้งคู่ก็รู้จักมาก่อนเขา
และเขาเองก็ยังเป็นคนปล่อยทิ้งแอนดี้ไว้คนเดียว สรุปคือเขาเลือกที่จะเสียแอนดี้และกลับไปรักฮเยซอง จึงไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปขวาง ถึงจะมองอย่างไม่ชอบใจอยู่บ่อยครั้ง
วันนี้ไม่ต่างจากวันนั้นเลย ไม่...วันนี้จะไม่เหมือนวันนั้น
แอนดี้นายอยู่ไหน....
.....................................................
ตู๊ดดดดดด ตู๊ดดดดดดดด ตู๊ดดดดดดด
“แอนดี้ทำไมรับโทรศัพท์ซักที”
“มินอู นายไว้โทรตอนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ กะให้ทางนั้นมันเช้าก่อน หรือสายสักหน่อยนะ”
“ไม่ละ เมื่อเช้าตื่นมาใจคอไม่ดีเลย”
“จะเป็นห่วงเขา ก็เป็นห่วงตัวนายซะก่อนเถอะ ยังไม่กินไรเลยตั้งแต่เช้า”
..
จบไปแล้วอีกหนึ่งตอนรู้สึกเหมือนออกตลาดไปไกลยังไงไม่รู้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น