ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic-y-shinhwa : Power of love

    ลำดับตอนที่ #11 : part 11 สองเรา...อูด้ง

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 52


    เช้าวันใหม่หลังคริสต์มาสที่ค่อนข้างหนาวนิดหน่อย สิ่งแรกที่ผมจับคือโทรศัพท์ข้างกาย ที่หน้าจอยังแสดงข้อความล่าสุดที่ผมได้รับ

    หลังจากข้าวห่อไข่เมื่อคืนทำให้ผมนอนไม่หลับ ก็ได้ข้อความนี้แหละที่ทำให้ผมหลับสนิทได้จนถึงสว่าง ไม่ซิมันต้องบอกว่าเป็นเพราะชื่อคนส่งมากกว่า เพราะข้อความนั้น ผมแค่มองมันผ่านๆเท่านั้นเอง  เช้านี้ผมถึงได้มีโอกาส

    PM 11: 59,  yesterday
    Christmas Cold weather and warm feelings
    Season's Greetings --May love fill your life.
     Andy (^_^)V

     “ขอให้ความรักเติมเต็มชีวิตคุณ”  ขอพรให้กันแบบนี้ ผมจะแปลเจตนาคนส่งว่าไงดีละ   อยากให้ผมมีรักครั้งใหม่ หรือขอให้มีใครมารักผม   
     
    “เจ้าเด็กน้อยเอย..รักครั้งแรกมันลืมกันไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ” 
    ผมเกือบกดส่งข้อความนี้ตอบกับไป ดีที่คิดได้ซะก่อนว่าไม่สมควร จะเพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะผม
    เป็นฝ่ายบอกเลิก และขอให้เขาลืมเรื่องระหว่างเรา
    แล้วยังจะมีหน้าไปบอกแบบนั้นอีกได้ยังไง

    ผมส่ายหัวให้กับความงี่เง่าของตัวเอง ก่อนกดลบเปลี่ยนเป็นข้อความอวยพรทั่ว ๆ ไป ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันอยู่ ถ้ารู้เบอร์โทรศัพท์ของเขาก่อนหน้านี้ ผมคงส่งไปก่อนแล้วละ
     “Marry Christmas. Hope the season finds you in good cheer.”
    ผมดูจนแน่ใจว่ามันถูกส่งไปถึงมือผู้รับเป็นที่เรียบร้อย จากข้อความตอบกลับของเครือข่ายบริการจึงว่างโทรศัพท์ลงข้างหัวเตียงเหมือนเช่นทุกวัน เพื่อทำภาระของวันเป็นอันดับต่อไป

    ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำพร้อมกับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่าง ตามประสาชายโสดที่อยู่คนเดียว

    “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณอีมินอู” 
    เสียงแปลกปลอมในห้องนอนซึ่งไม่น่าจะมี ทำให้การเดินไปอาบน้ำต้องสะดุดลง และเจ้าตัวหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อหันกลับไปดู

    และเจ้าของเสียงก็เป็นตามขาด ผู้ขออาศัยร่วมชายคา 1 คืน ส่งยิ้มเริงร่าแบบที่น่าเอาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสีฟัน แต่ ณ ตำแหน่งที่ผู้ขออาศัยอยู่ตอนนี้ทำมินอูต้องขมวดคิ้ว

    “คุณมาทำอะไรที่เตียงผม”
    “ทำไมละท่าทางผมมันดูไม่ออกเหรอ นอนหนุนมอนแบบนี้ ห่มผ้าห่มแบบนี้ คุณไม่น่าจะดูไม่ออกนะ” นั้นซิ ผมเปลี่ยนคำถามใหม่ดีกว่า
    “คุณเข้ามาในห้องผมได้ไง”
    “ผมก็เดินเข้ามาเหมือนคุณนั้นแหละ” ดงวานขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง
    “ผมก็ไม่คิดหรอกว่าคุณจะคลานเข้ามา แต่ผมล็อคห้องไว้ คุณจะเข้ามาได้ยังไง และผมก็มั่นใจด้วยว่าไม่ทิ้งกุญแจไว้ข้างนอก”
    “อ๊ะ! นั้นนะ….คุณน่าจะทิ้งไว้นะผมจะได้ไม่ต้องงัดเข้ามา”
    “เฮ้ย!”
    “ไม่ต้องตกใจ ผมไม่โทษคุณหรอก ของแบบนี้มันลืมกันได้ ว่าแต่ห้องสวยดีนะ แถมอุ่นอีกตั้งหาก”
     ยังจะมีหน้ามายิ้มหวานอีก
    “เอาละ คุณตื่น ก็ออกไปจากห้อองผมได้แล้ว” ผมชี้มือไปที่ประตู ไล่ให้เขาออกไปไว้ ๆ
    “ทำไมละ คุณจะทำอะไร”
    “ก็อาบน้ำนะซิ  ตื่นเช้ามาคนเราก็ต้องอาบน้ำ หรือคุณไม่อาบ”
    “คุณก็ไปอาบซิ เสร็จแล้วผมจะได้ไปอาบบ้าง ระหว่างรอผมก็จะเก็บเตียงไปพลาง ๆก่อนแล้วกัน”
    “เอ่อ..นายนี้มัน....” ไม่รู้ว่จะอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้ยังไง
    “อ้าวทำไมคุณยังยืนอยู่อีกละ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกผมดูแลตัวเองได้ ถ้าผมเก็บเตียงแล้วคุณยังอาบน้ำไม่เสร็จ ผมก็จะไปเตรียมอาหารเช้าให้คุณก่อน รีบ ๆ ไป อาบเถอะ” 

     ผมลุกขึ้นมาเข็นเจ้าของห้องให้เข้าไปอาบน้ำ  แรก ๆ ก็ขัดขืนนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมเขาไปได้แต่โดยดี  ไม่รู้ว่าอยากอาบน้ำหรือรำคาญจะพูดกับผมกันแน่

    ผมผิวปากไปพร้อมกับเก็บเตียงไปอย่างมีความสุข ถ้ามีเวลามากกว่านี้ผมจะทำความสะอาดห้องให้ด้วย แต่ตอนนี้ต้องไปเตรียมอาหารเช้าให้เข้าก่อน ถ้าเขาเห็นความดีของผมบางละก็ ผมอาจไม่ต้องไปหาที่พักให้เปลืองเงินในกระเป๋าก็ได้   ถึงเราจะรู้จักกันแค่ 24 ชั่วโมงก็เถอะนะ 

    ดังนั้นวันนี้ผมจะแสดงฝีมือและพรสวรรค์ในการทำอาหารอย่างเต็มที แล้วก็จะไม่ให้พลาดเหมือนเมื่อคืน ก็ เพราะผมได้แอบลงไปซื้อของจากซุปเปอร์มาเตรียมไว้ก่อน และที่สำคัญผมจดบันทึกไว้ในสมองอันชาญฉลาดแล้วว่า "อีมินอูไม่ชอบข้างห่อไข่” เมื่อเขาไม่ชอบผมก็ไม่ทำ อัจฉริยะมั้ยละผมนะ (คิดยากมากเลยนะลุง) เลิกฟังผมโม้แล้วลงมือทำอาหารดีกว่า 555+ หัวเราะปิดท้ายตามสไตล์ลุง

    30 นาทีผ่านไป ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมสำหรับให้คิมดงวานลงมือ ผัด ๆ ต้ม ๆ ลวก  ๆ ซึ่งก็พอดีกับที่อีมินอูแต่งตัวเสร็จเดินออกมาจากห้อง
    “อาบน้ำเร็วนะครับ”  เห็นปั๊บต้องร้องทักทันที
    “นานกว่านี้ก็ตัวเปื่อยกันพอดี ว่าแต่คุณทำอะไร ทำไมของมันเยอะแยะ” มินอูยืนมองวัถตุดิบมากมาย ดูยังไงมันก็มากกว่าที่จะทำกินกันแค่ 2 คน
    “กิมชี จีแก ซัมกเยทัง พีบิมบับ ต๊อกโปกี”
    “คุณจะทำทั้งหมดนั้นเลยเหรอ” 
    “ก็ไม่เชิงหรอกนะ ยังมีของหวานอีกนะ”  ดงวานหันหน้ากลับไปคนแกงในหมอ  อย่างเพลิดเผลิน สีหน้ามีความสุขเหลือล้นที่ได้ทำอาหาร
    “คุณไม่คิดว่ามันเยอะไปหน่อยเหรอ”
    “ก็ผมไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร ทำหลายอย่างหน่อยคงจะมีซักอย่างที่คุณชอบ ลองชิมดูซิถูกปากมั้ย” ดงวานหันมายืนน้ำแกงที่เขาตังใจทำอย่างพิถีพิถันให้ชิม
    มินอูมองตอบกลับไปอย่างลังเล ไม่ได้รังเกียจว่าทัพพีนี้ส่งน้ำแกงใส่ปากดงวานมากก่อน แต่ท่าทางของดงวานทำให้มินอูอดนึกถึงคนตัวเล็กไม่ได้จริง ๆ 
     “ทำไมละ กลัวร้อนเหรอ งั้นเดี่ยวผมเป่าให้นะ” ดงวานหดแขนกลับก้มลงเป่าลมออกจากริมฝีปากเบา ๆ 3 – 4 ครั้ง มันใจว่าเย็นพอที่มินอูจะซดได้ จึนยื่นมือส่งไปใหม่พร้อมกับยิ้มกว้าง แต่เหมือนมินอูจะหลุดเขาไปอยู่ในภวังค์เสียแล้ว
    “แกงกิมจิเสร็จแล้ว พี่มาชิมหน่อยซิฮะ ว่าถูกปากมั้ย”
    “นายรู้แล้วนิว่าพี่ชอบแบบไหน”
    “กลัวร้อนซินะฮะ เดี่ยวจะปากพองหมดหล่อ มามาผมเป่าให้ ฟู่ว์ ฟู่ว์ ไม่ต้องกลัว”
    “ขี้เกียจเดิน”
    “มามะผมเดินมาป้อนให้ถึงที่แล้ว อ่าปากหน่อยซิฮะ แกงกิมจิฝีมือผมไม่มีโอกาสกินได้บ่อย ๆ นะ”


    “นี้ คุณ”
    “ฮะ..ว่าไง”
    “ทำไมไม่ชิมละ แกงกิมจิฝีมือเซฟชั้นหนึ่งอย่างผมไม่ได้หากินกันง่าย ๆ นะ รับรองนะว่าอร่อย สาบานให้ฟ้าผ่าเอริคเลย”  ลงทุนเอาเพื่อนมาเสียงชีวิต
    “เอริค  มันตายแล้วผมได้อะไรละ ดีไม่ดีมันตามมาหลอกหลอนอีก”
    “ไม่รู้สิ อันนี้มันเรื่องของคุณ อาจจะได้โอกาสละมั้ง”
    “คุณว่าไงนะ”
    “เปล่า ๆ ผมไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้พูดอะไรเลย  คุณไปนั่งเฮอะ ไม่ต้องชิมแล้วละผมเชื่อมั่นในฝีมือตัวเอง”
    มินอูเดินลงไปนั่งที่พร้อม ๆ กับสังเกตพฤติกรรมอันมีพิรุจ ซึ่งดงวานก็รู้ตัวอยู่เหมือนกัน เขาจึงพยายามไม่สบตามินอูหรือมองหน้าตรง ๆ
     “คุณไปรู้อะไรมาจากเอริค”
    “รู้  ร้อะไร ไม่มี ไม่มี  เอริคไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังซักกะติ๊ด”  ดงวานปฏิเสธเสียงสูง
    จากที่สงสัยกลายเป็นเชื่อ 100 %  เพียงแต่จะทำยังไงถึงจะรู้ว่าถูกเอาไปพูดถึงว่าอะไร
    “ไม่ได้เล่า ก็ไม่ได้เล่าซิ ทำไมต้องทำเสียงเหมือนคนทำความผิดแล้วโดนจับได้”
    “ผมทำแบบนั้นเหรอ ไม่น้า~”
    “ช่างมันเถอะ คุณทำแกงกิมจิเสร็จแล้วก็กินข้าวกันเถอะ ที่เหลือเก็บไว้ทำมื้ออื่น”
    “คุณจะให้ผมอยู่ที่นี้แล้วใช่มั้ย” 
    “อะไร ใครบอกคุณ”
    “ก็คุณว่าทำกินมื้ออื่น ผมก็ต้องอยู่ทำให้กินซิ ถ้าผมไม่ทำแล้วใครจะทำ คุณเองไม่อยู่แล้วละผมรู้ ท่าทางคุณไม่ชอบทำอาหารดูจากที่ปล่อยให้ของขาดตู้ผมก็รู้ ตกลงคุณให้ผมอยู่ใช่มั้ย”
    “กินข้าวจะได้ไปอาบน้ำ”
    “ให้ผมอยู่ที่นี้เถอะ นะ นะนะ   ถ้าคุณให้ผมอยู่ผมสัญญาจะทำความสะอาดบ้านให้ทุกวัน เตรียมอาหารให้กินทุกมื้อ ซักผ้ารีดผ้าให้ คุณจะให้ผมจ่ายค่าเช่าก็ได้นะ”
    “หยุดพูดมาก แล้วกินข้าวซักที”
    ด้วยประโยคนี้ ดงวานก็ปิดปากฉับ นั่งลงกินข้าวพร้อมกับมินอูโดยไม่ได้พูดอะไร นอกจากคอยชำเรืองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะ จนเมื่อกินอิ่มก็ขอตัวไปอาบน้ำแล้วก็พากันออกมาจากคอนโดราว ๆ เกือบ 9โมง

    มินอูพาผมมาดูคอนโดที่อยู่ใกล้กับบริษัทเอริคมาที่สุดเป็นแห่งแรก เป็นคอนโดที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เน้นรูป แบบเรียบง่าย เน้นวัสดุ โครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์รูปทรงเลขาคณิตเพื่อตอบสนองการใช้ประโยชน์พื้นที่สูงสุด ไม่สวยล้ำสมัยในขณะเดียวกันก็ไม่ตกยุค
    “ที่นี่เป็นไงบ้างละ”
    “ก็ดี”
    “ไม่ชอบเหรอ”
    “เปล่า”
    “นายจะเอาคอนโดนี้เลยก็ได้นะ”
    “.....”
    “ถ้านายไม่ชอบตรงไหนจะตกแต่งใหม่ก็ได้”
    “....”
    “ตกลงว่าไง เอามั้ย”
    “ไม่เอา เบื่อสีดำ”
    จบการสนทนาระหว่างผมกับมินอูเพียงเท่านี้สำหรับคอนโดแห่งแรก 
    ต่อไปคือคอนโดแห่งที่สองอยู่ไกลจากบริษัทเอริคออกมาอีกประมาณ 200 เมตร  แห่งที่สาม และแห่งที่สีก็เริ่มไกลออกมามากหน่อยแต่ก็ยังคงสไตล์โมเดิร์ม คงเป็นความชอบส่วนตัวของคนพามา แต่ที่ต่างคือบทสนทนามันเริ่มสั้นและห้วนมากขึ้นทุกทีๆ หมด 1 วัน กับคอนโดที่ห้ามันเลยเหลือแค่นี้
    “เอามั้ย”
    “ไม่”
    เมื่อผมปฏิเสธมินอูก็เดินนำลิ้ว ๆ ออกจากคอนโด มาแบบไม่สนใจว่าผมจะเดินตามทันหรือเปล่า ส่งสัยเพราะแรงโมโห นึก ๆ ดูผม แค่วันครึ่งผมก็ทำให้เขาไม่พอใจอยู่หลายเรื่องเลยนะเนี้ย กินราเมงในห้องหนังสือ ทำอาหารที่เขาไม่ชอบ งัดห้องนอน พูดไม่หยุด เทียบกับที่ผมพยามเอาใจจะได้ประหยัดเงินไม่ต้องซื้อคอนโดยังไถ่โทษได้ไม่ถึงครึ่ง โดนว่าจี้ใจดำนิดหน่อยยังทำประชดเข้าอีก

    ด้วยเหตุนี้ผมจึงพยามเร่งฝีเท้าให้ทันเพื่อสารความสัมพันธ์ไม่เช่นนั้นความหวังที่จะไม่ต้องเสียตังซื้อคอนโดอาจจะดับไปเลยก็ได้ จากการเดินเริ่มจะเปลี่ยนเป็นการวิ่ง ไม่น่าเชื่อขาสั้น ๆ จะเดินเร็วได้ขนาดนี้ แถมผู้คนก็ทำไมอยู่ ๆ ถึงเยอะแยะขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ ในระหว่างที่ผมวิ่งตามจึงต้องระวังไม่ให้คลาดสายตาจากแผ่นหลังของเขา และนั้นแหละที่ทำให้สังเกตชุดของมินอูมันผิดปกติ  ผมวิ่งเต็มสปีดด้วยความอยากรู้ หลบผู้คนที่เดินไปมารวดเร็วปานสายฟ้าแล็บในที่สุดผมก็ตามเขาทัน อันที่จริงผมก็วิ่งเท่าเดิมนั้แหละพอดีเขาหยุดเดินก็เลยทัน แต่พอผมถึงตัวเขาปั๊บมินอูก็ออกเดินปุ๊บให้ผมได้พักก่อนได้มั้ย
    “วันนี้คุณไม่ได้ใส่ชุดบาทหลวง” พูดในขระที่ยังหอบ และสาวเท้าก้าวให้ทัน
    “ก็ไม่ได้ใส่ แล้วทำไม”
    “เป็นพระก็ต้องใส่ชุดพระซิ”
    “ก็ผมไม่ใช่พระ ถึงได้ไม่ใส่” เขาเป็นฝ่ายรวนผมซะแล้ว
    “แต่เมื่อวานคุณใส่”
    “ก็ใช่นะผมไม่เถียง”
    “แล้วทำไม ตอนนี้ถึงไม่ใส่”
    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่พระ”
    “แต่เมื่อวานคุณเป็น”
    “เมื่อวานก็ไม่ได้เป็น ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้เป็น”
    “คุณยิ่งพูดผมก็ยิ่งงง”
    “คุณก็หยุดถามซิจะได้ไม่งง”
    “ก็ผมอยากรู้  เอริคบอกว่าคุณเป็นพระ แต่คุณบอกว่าไม่ใช่”
    “เอริค! มันนะตัวดีเลยทีรู้ว่าผมไม่ใช่พระ”
    ผมหยุดก้าวเท้าอย่างกะทันหัน ใครพูดจริง ใครพูดหรอก เอริคหรือมินอู ไม่มีเหตุผลที่ทั้งคู่จะโกหกผมซะด้วย

    เมื่อรู้สึกว่าคู่สนทนาหยุดเดิน ผมจึงหยุดเดินและหันกลับไปมอง  ดงวานยืนอยู่ห่างจากผมพอสมควร
    “ดงวาน” เป็นครั้งแรกที่ผมเอ่ยชื่อเขา แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ยิน ยังยืนงงอยู่ที่เดิม  ผมเลยต้องเป็นฝ่ายไปพาเขามา
    “คนหิว  มักจะคิดอะไรไม่ออกเสมอ เราไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ” ผมเอ่ยพลางกอดคอเข้ามาในร้านใกล้ ๆ มีแมวควักตั้งไว้สำหรับเรียกลูกค้า ป้ายหน้าร้านทำจากผ้าสีน้ำเงินเขียนด้วยตัวอักษรสีขาว ภายในใช้ไม้เป็นวัสดุสำคัญในการตกแต่ง โต๊ะท่านอาหารเป็นโต๊ะสูง แต่ยกพื้นที่นั่งให้สูงขึ้นสำหรับนั่งเข่า ปูพื้นด้วยเสื่อทาตามิมีเบาะรองนั่งแต่เว้นช่องว่างใต้โต๊ะสำหรับให้ลูกค้าได้ยืดขาหากเมื่อยจากการนั่งเข่าเป็นเวลานาน 
       
    มินอูกอดคอพาดงวานเข้ามานั่งยังส่วนที่ถูกกันไว้เป็นห้องสำหรับลูกค้า 2 – 3 คน เพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่นานสาวน้อยสายเลือดเอเชียในชุดกิมโมโน ก็เข้ามาเสิร์ฟน้ำชาซึ่งเป็นบริการพิเศษของทางร้าน พร้อมส่งเมนูและรอรับออร์เดอร์จากลูกค้า หน้าเก่าหนึ่งและหน้าใหม่อีกหนึ่ง
    มินอูเปิดดูเมนูอยู่ครู่หนึ่งก็หันมาสั่ง
    “โชยุราเมง”
    “เหมือนเดิมเลยนะค่ะ father เปิดเมนูทุกหน้าแต่สั่งเหมือนเดิม”
    “รู้ว่าสั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง เธอก็ยังส่งเมนูมาให้ทุกครั้ง”
    “ก็หนูคิดว่าเพื่อfather จะเปลี่ยนบ้าง กินอาหารเดิม ๆ ฝังอกฝังใจอยู่กับคนเดิม ๆ ไม่รองเปิดใจดูบ้าง คนนี้ก็ไม่เลวนะค่ะ   ไม่น่ารักแต่ก็หล่อดี หรือว่าเป็นแฟนใหม่ ปกติไม่เคยพาใครมา”
    “เป็นเด็กเป็นเล็กทำเป็นรู้มาก รีบเอาออเดอร์ไปให้คุณป้าได้แล้ว”
    “แล้วที่มากับfatherละค่ะ”
    “นั้นซิ คุณจะกินอะไรละ” 
    “เอ่อ....เหมือนคุณก็แล้วกัน” มั่วแต่ฟังเขาคุยกันเลยยังไม่ได้ดูเมนู
    “คิดถูกแล้วละค่ะ นี้นะเป็นเมนูเด็ดสูตรของที่ร้านเลยละค่ะ”
    “รีบไปได้แล้วมัวแต่ฝอย”
    “ค่ะ ๆ รอสักครูนะค่ะ” ออกไปไม่ถึงวิ
    “father ค่ะ ปีนี้หนูเข้ามหาลัยแล้วนะ ไม่ใช้เด็กสักหน่อย ไปละค่ะ” ยังไม่ทันได้ปิดประตู
     “father ค่ะ”
    “อะไรอีก”
    “พาแฟนใหม่มาเดทที่เดี่ยวกับแฟนเก่ามันไม่ดีนะค่ะ ไปจริง ๆ ละค่ะ”
    “คุณไม่ต้องไปสนใจที่มิซาโกะพูดหรอก เธอยังเด็กอยู่นะ”
    “อ้อ! ครับ ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้วละ” 
    “แถวนี้เป็นย่านของคนเอเชียมีทั้งร้านอาหารไทย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ร้านอาหารสัญชาติอเมริกันก็พอมีอยู่เหมือนกันแต่หายากอยู่ซักหน่อยและต้องเดินไปไกล คุณจะมาอยู่แถวนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
    “อ่ะ ครับ”
    “คุณหน้าแดงไม่สบายหรือเปล่า”
    “ผมหน้าแดงเหรอ” ยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้าง “ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ” หุนหันรีบเดินออกไป
    “รู้ แล้วเหรอว่าห้องน้ำไปทางไหนนะ”
    ............................................
    “ขอโทษนะครับห้องน้ำไปท่านไหน” เพราะไม่ได้ถามทางมาจากมินอู เลยต้องอาศัยพนักงงาน
    “อ้าว! คุณแฟนใหม่”  พนักงานตั้งเยอะแยะทำไมต้องเป็นยายนี้
    “ห้องน้ำเดินตรงไปอยู่ทางซ้ายมือนะค่ะ”
    “ขอบคุณครับ” โล่งอก
    .
    .,
    .,,
    ดงวานเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากหายไปหลายนาที
    “เรียบร้อยดีนะค่ะ คุณแฟนใหม่” ยายนี้อีกแล้ว
    “ครับ” รีบไปให้พ้น ๆ ดีกว่า
    “คงไม่สบายใจซินะค่ะ ที่ father เขาพามาเดทที่เดี่ยวกับแฟนเก่านะค่ะ หายไปในห้องน้ำตั้งนาน”
    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ คุณมิซาโกะเขาใจผิดแล้วละ”
    “คุณแฟนใหม่ เป็นคนดีจริง ๆ นะค่ะ ฉันจะเชียร์คุณเต็มที่เลย”  ต้องรีบแก้ความเข้าใจผิดโดยด่วน อันดับแรกคงต้องให้เลิกเรียกว่าคุณแฟนใหม่ซะก่อน อายแขกในร้าน
    “ผมชื่อ คิมดงวาน เรียกผมว่าดงวานเถอะครับ”
    “ค่ะ พี่ดงวาน ฉันเรียกพี่นะค่ะ เพราะหลังจากนี้เราคงได้เจอกันบ่อย แล้วพี่ก็เรียกชื่อฉันเชย ๆ ก็ได้ค่ะ”
     “ครับ เอ่อ...พี่กับมินอูเราเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน”
    “ค่ะ”
    เฮ้อ~ ดูเหมือนว่าจะเข้าใจนะ
    “เป็นรักแรกพบซินะค่ะพี่ งั้นวันนี้ก็เป็นเดทครั้งแรกว้าว! น่าตื่นเต้นจัง” ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเจอตัวเองอีกคนเลยละ
    “ไม่ใช่แบบนั้น ผมกำลังจะบอกว่าที่มิซาโกะ คิดอยู่มันเป็นไปไม่ได้”
    “พี่ดงวานอย่างเพิ่งสิ้นหวังซิค่ะ ถึง father เขาจะลืมพี่แอนดี้ยังไม่ได้ แต่มิซาโกะเชื่อว่าวันนึง father ต้องลืมได้ค่ะ อย่างกังวลให้มากนะค่ะ มิซาโกะบอกแล้วว่าจะเชียร์เต็มที่” หันไปเขียนอะไรยุกยิก
    “นี้ค่ะเบอร์โทรศัพท์มิซาโกะ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับ father โทรถามได้ทุกเวลา มิซาโกะรู้ทุกเรื่อง  เก็บใส่กระเป๋าไว้ให้ดี ๆ นะค่ะอย่าให้ father รู้ รีบกลับเข้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวfather จะสงสัย”
    .
    ..
     “คุณโอเคดีใช่มั้ย”
    “อืม” นั่งลงประจำที่
    “แต่หน้าคุณยังแดงอยู่เลยนะ”
    “ผมไม่เป็นไร แค่เริ่มเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไงตอนผมพูดมาก ๆ”
    “งั้นก็ดีคุณจะได้พูดน้อยลงหน่อย และฟังให้มากขึ้น”
    “โชยุราเมงได้แล้ววค่ะ”   
    “ขอบคุณครับ” ดงวาน/มินอู
    “งั้นวันนี้เราหยุดหาที่พักแค่นี้เถอะ”
    “ทำไมละ”
    “ท่าทางคุณคงไม่มีอารมณ์จะดูที่ไหนแล้วละ”
    “แล้ววันนี้ผมจะนอนไหนละ”
    “ก็ที่เดิมแหละ”
    15 นาที หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ
    “คุณจะพักผ่อนก่อนมั้ย หรือจะให้ผมสอนงานคุณเลย”
    “ผมขอพักก่อนดีกว่า”
    “งั้นก็ตามสบายนะ ถ้าง่วงก็ไปนอนในห้องผมได้”
    “ทำไมละ เมื่อเช้าผมคิดว่าคุณไม่พอใจซะอีก”
    “ผมแค่ไม่ชอบให้ใครเข้าห้องมาโดยไม่ไดรับอนุญาต”
    “งั้นผมไปนอนนะ”
    “อาบน้ำก่อนละ”
    ...............................................
    วันที่สอง
    เมื่อคืนผมไม่ได้โทรหามิซาโกะแม้จะคิดว่าเขาอาจจะตอบคำถามของผมได้  เพราะอะไรนะเหรอครับ ประการแรกผมยังไม่ได้เตรียมใจฟังมิซาโกะพูดนอกเรื่อง ประการที่สองผมไม่มีเวลา หลังจากพักผ่อนไม่กี่ชั่วโมงเขาก็เริ่มสอนงานผมทันที  กว่าจะเลิกก็เกือบสว่าง วันนี้ผมเลยตื่นสาย แต่มีคนที่สายกว่า ก็คนสอนนั้นแหละไม่ใช่ใครที่ไหน สอนคนโง่ทางธุรกิจอย่างผมคงเสียพลังงานน่าดู (เฉพาะเรื่องนี้ที่ผมรับว่าโง่)
    มินอูยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงครับหรือเรียกว่านอนดิ้นมากกว่าตัวไปทางผ้าห่มไปทาง ผมเนี้ยต้องตื่นขึ้นมาห่มผ้าห่มให้ทั้งคืน ไม่รู้ฝันว่าเต้นอยู่รึไง โชคยังดีที่ไม่ถึงขนาดฝาดแขนฝาดขามาทางผม

    ว่าแต่ตอนนี้ผมควรจะทำอะไรก่อนดีนะ  เอาเป็นทำความสะอาดบ้านก่อนแล้วกัน เรื่องอาหารรอให้เขาตื่นจะได้ถามว่าอยากกินอะไรน่าจะดีกว่า  ผมเริ่มทำความสะอาดในส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นที่ใช้เป็นห้องรับแขกในตัว โดยปัดกวาดฝุ่นตามโต๊ะ ตู้ โซฟา ชั้นวางหนังสือ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ภาพแขวน ประตู.
    “ประตู...ประตูห้องน้ำเหรอ ไม่ใช่ละมั้ง” ข้างนอกจะมีทำไมตั้งสองห้อง
    “หรือจะเป็นประตูระเบียง” มันก็ควรทำจากกระจกซิ ไม่ใช่ไม้ แถมมีชื่อติดไว้ด้วย
    “แอนดี้”  ชื่อคุ้น ๆนะ เหมือนได้ยินที่ไหน อาจจะเป็นห้องนอนหรือเปล่า  ลองเปิดดูจะเป็นไรรึเปล่าหนอ แค่เห็นว่าเป็นห้องอะไรแล้วก็ปิดคงไม่เป็นไร มือผมยื่นอกไปบิดลูกปิดประตู
    .
    ..
    ...   
    ล็อค!
    ไว้ถามหลังจากเขาตื่นก็แล้วกัน ผมผละออกจากประตูพยามไม่คิดว่ามันจะเป็นห้องอะไร แต่เจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นกุญแจห้องซะนี้
    “ไม่เอา ๆ เขาไม่ชอบใครเข้าห้องโดยไม่ไดรับอนุญาต”  ทำความสะอาดต่อแล้วกัน
    30 นาทีผ่านไป ห้องนั่งเล่น ถูกทำความสะอากเรียบร้อย
    .
    .
    25 นาทีต่อมา ห้องครัวก็สะอาดเอี่ยม
    .
    .
    และอีก 20 นาที ห้องน้ำด้านนอกก็สะอาดตามมาติดๆ เหลือแต่ห้องนอนของมินอูกับห้องนั้นเท่านั้น
    “เมื่อไหร่จะตื่นซะทีอยากรู้ว่าห้องอะไร”

    ดงวานพยายามตัดความอยากรู้ เดินเอาเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเก็บเขาที และเดินกลับมานั่งที่โซฟา เปิดทีวีดูจะได้ไม่ฟุ้งซ่านแต่ก็ไม่วายคอยมองว่าเมื่อไหร่ประตูห้องจะเปิด ผ่านไป 10 นาทีก็แล้ว 20 นาทีก็แล้ว ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    แกร็ก!  แอ๊ดดด~
    “ทำอะไรนะ”
    เฮือก! ทำไม่ไม่รออีกซักนิดนะเรา
    “ผ..ผม เพิ่งเห็นว่ามีตรงนี้อีกห้องเลยจะเข้าไปทำความสะอาดให้นะ”
    “ไม่ต้องหรอก”
    ปัง! เขาเดินมาปิดประตูทั้งที่มือผมยังจับคาลูกบิด เรียกว่าโดนจับได้คาหนังคาเขา 
    “ห้องนี้ไม่คนอยู่ ทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้งก็พอ อีกสองวันถึงจะครบกำหนด”
    “ทำไมคุณไม่ให้ผมนอนห้องนี้ละ แทนที่จะให้ไปนอนเบียดกับคุณ”
    “คุณไม่ได้จะอยู่ที่ถาวรนะ ไม่พรุ่งนี้ มะรืนนี้คุณก็ต้องไปอยู่ที่อื่น อีกอย่างผมขี้เกียจทำความสะอาด”
    “นั้นนะ ต้องทำความสะอาดเหรอ แค่เอาเสื้อใส่ตู้ก็นอนได้แล้วละมั้ง”
    “คุณมาทำอาหารเถอะผมหิวแล้ว จะได้ต่อจากเมื่อวาน”
    “เจ้าของห้องเขาไปไหนละ”
    “จะทำมั้ย”
    “คุณอยากกินอะไรละ”
    “ต๊อกโปกี”
    ............................................... ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×