ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic-y-shinhwa : Power of love

    ลำดับตอนที่ #1 : part 1 การแต่งงาน...ที่น่าสงสัย

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 51


    ผู้ชายข้างผมอยู่ตรงนี้คือบอสจริง ๆ รึ …..

    .

    .

    .

     

    ดวงตาสีดำชวนฝัน ที่สาว สาวต่างหลงใหล ใบหน้าและรูปร่างที่แสนจะเฟอร์แฟก แค่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาก็กลับดูดีเสียจนผมเองยังนึกอิจฉา ผู้ชายที่ยืนข้างผมอยู่ตอน   จะมีก็เพียงวันนั้น...วันที่เขากลับมาหาผม วันที่ผมไม่เคยลืม  ชายหนุ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 ปี ก่อน

    .............

    ขณะที่เขามองชายร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงยีนขาด ๆ กับเสื้อยืดคอกลมสีขาวมน ๆ กำลังถูกรปภ. 3-4 คนลากเอาตัวออกไป สลับกับตัวเลขบอกการเลื่อนตัวของลิฟต์ที่ต่ำลงเรื่อย ๆ 

     

    ฟังจากเสียงผู้คนที่ซุบซิบกันอยู่หน้าลิฟต์  ชายคนนั้นคงมาตามหาเพื่อนใครสักคนที่รู้จัก ที่บังเอิญชื่อเดี่ยวกับผม  แต่...ไม่คิดสักนิดว่าจะเป็นตัวผมเอง  ก็เพราะผมเพิ่งจะมาทำงานเป็นแรก 

     

    แต่เมื่อลิฟมาจอดอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ขาของผมกำลังจะก้าวเข้าไป ร่างของผมก็กลับถูกกระชากอย่างแรง แต่มันก็เท่าไหร่เมื่อผมเห็นคนกระชากคือ ไอ้บ้าที่ถูกลากออกไปเมื่อกี้

    แอนดี้ ๆ เขาเรียกชื่อคนที่ชื่อเหมือนผมอีกแล้ว

    ผมไม่ใช่แอนดี้ของคุณหรอก

    แอนดี้ฉันไง ฉันเอง

    ฉันไหนเหล่า ผมไม่รู้จักคุณ

    พี่ไง พี่ชายที่นายรักมากที่สุดไงละ

    พี่ชาย !”   ผมเสยผมที่ยาวปิดปังดวงตาและใบหน้าเขาออก   แล้วเจ้าของดวงตาที่ผมเห็นจะเป็นใครไปไม่ได้

    .......

    ผมนั่งมองเข้าที่กำลังจิบกาแฟ ด้วยความรู้สึกดีใจ และประหลาดใจในเวลาเดี่ยวกัน นอกจากท่าทางวาวมาดเคร่งครึมตลอดเวลาของเขาที่ยังคงเหมือนเดิม ก็รูปลักษณ์เท่านั้นที่เปลี่ยนไปจากเดิมราวกับคนละคนมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาที่เกาหลี  ผมเฝ้ารอที่จะถามจนเขาจิบกาแฟหมดถ้วย การสนทนาจึงเริ่มขึ้น

    มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ฮะ

    เขายิ้มที่มุมปากให้ผมเหมือนจะพอใจในคำถาม และก็ไม่พอใจในเวลาเดี่ยวกัน

     ฉันมาหานายแทนที่จะถามว่า มาธุระอะไร กลับถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ

    พี่ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรฮะ แล้วพี่มาหาผมมีธุระอะไรฮะ

    ฉันมาหานายต้องมีธุระแล้วเหรอเดี่ยวนี้

    เปล่านะฮะ พี่มาหาผมได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว  แต่พี่ให้ผมถามผมก็ถามนะซิ

    ฉันกำลังจะเปิดบริษัทนำเข้าสินค้าเอเชียทีนี่

    อ้า~ก็ดีนี้ฮะ คนเก่งแบบพี่คงสำเร็จอยู่แล้ว

    แต่มันจะง่ายขึ้นถ้ามีนาย

    ผมแอนดี้ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง ผมจะช่วยอะไรพี่ได้

     มาเป็นเลขา ฯ ให้ฉันไง

    เลขา! หูผมคงไม่ได้ฝาดนะ  พี่จะให้ผมทิ้งตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดไปเป็นเลขา

    ฉันต้องการนายจริง ๆ แอนดี้”

    “เหตุผลละฮะ ผมอยากฟัง”

    “เพราะฉันรัก และไว้ใจนายมากที่สุดยังไงละ นายจะไม่มีวันทรยศฉันเหมือนคนอื่น”

    “เหตุผลแค่นีเหรอฮะ”

    “ไม่พอเหรอ...........บริษัทของฉันต้องยิ่งใหญ่ให้ได้ภายใน 3 ปี เพื่อ.....เพื่อ.

     

    คำพูดเขาหยุดลงเพียงเท่านั้น  แต่ไม่ว่ามันจะเพื่ออะไร น้ำใส ๆ ที่คลออยู่ในดวงตา อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยบอกให้ผมรู้ว่ามันเป็นเหตุที่เจ็บปวดไม่น้อยเล็ก  และไม่ว่าเข้าจะบอกให้ผมรู้หรือไม่ มันก็ไม่สำคัญ เพราะผมตัดสินใจตั้งแต่ได้ยินคำนั้น.......................

     

    3 ปี ที่ผมตัดสินใจทิ้งตำแหน่งผู้จัดการมาเป็นเลขา  เพราะคำว่า รักและไว้ใจ

    3 ปี ที่ผมยอมทิ้งอนาคต ทำตามความปรารถนาของเขา ด้วยเหตุผลที่เขาไม่เคยบอกให้รู้

     และมากกว่า 3 ปี ที่ได้แต่เฝ้ารอ จนมันก็สิ้นสุดลงอย่างไม่คาดฝัน

     

    ปัง ปัง ปัง มือใหญ่ทุบลงบนประตูไม่สีขาว อย่างไม่เกรงใจ ใคร  ราวกลับจะให้มันแหลกคามือ ถ้ายังไม่มีคนมาเปิด

     

    แอนดี้พาร่างเล็กในชุดเสื้อนอนสีขาวเดินงัวเงียจากเตียงไปเปิดประตูอย่างรีบเร่ง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่มีคนมาทุบประตูห้อง หากไม่เพื่อนโทรมาปลุก ประตูห้องคงได้พังแน่ ๆ  

     

    แอนดี้เอื้อมมือไปเปิดประตู ในขณะที่มือหนึ่งยังคงขยี้ตา

     

    บอส?  แอนดี้มองผู้มาเยื่อนด้วยความสงสัย ละคนแปลกใจ  

     

    ในขณะที่ผู้มาเยือน รีบแทรกตัวเข้ามาในห้องพร้อมสำรวจไปรอบ ๆ  2 เดือนมาแล้วที่ชายร่างสูงไม่ได้เหยียบห้องนี้เลย ด้วยเหตุผลบางประการ  แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม  มีก็แต่ภาพเหมือนสีน้ำมันอันใหญ่ตรงผนัง ดึงดูให้ต้องมองมันอย่างไม่วางตา

     

    แอนดี้เห็นว่าการมาของคนตรงนี้ย่อมต้องมีจุดประสงค์บาง แต่กลับไม่ยอมพูดออกมา เอาแต่จ้องมองรูปนั้นยังกับจะให้คนในภาพเดินออกมา  เขาจึงขยับเดินไปใกล้พลางเอ่ยถามอย่างถึงสาเหตุ

     

    “มีเรื่องอะไรหรือฮะ ถึงมาหาผมตั้งแต่ยังไม่สว่าง 

    ภาพนี้เขาให้นายมาเหรอดูเหมือนจะไม่ได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่

    ผมวาดให้พี่เขาเองละฮะ กะให้เป็นที่ระลึก แต่พี่เขาไม่เอากลับ บอกให้เขวนไว้ที่นี้

    นายคงจะชอบเขามากละซิ

     บอสถามผมเหรอฮะ?  แอนดี้ถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของคนถามทำให้เขาไม่แน่ใจ และคำตอบที่ได้ คือ ความเงียบ เงียบเสียงจนเขาทำตัวไม่ถูกทั้งที่อยู่ในห้องตัวเอง   นานเขาก็เริ่มชักอึดอัก ร่างเล็กจึงขยับตัวไปชงกาแฟดื่มเพื่อไล่ความง่วง  ปล่อยให้อีกคนมองรูปต่อไปก็แล้วกันเพื่อว่าคนในภาพจะพูดได้ขึ้นมา

     

    กาแฟ 2 ช้อน น้ำตาล 2 ช้อน  ตามด้วยน้ำร้อนแล้วก็ คอฟฟี่เมด  แอนดี้เพลิดเพลินกับการชนกาแฟราวกับตัวเองเป็นบาริสต้า มือเล็กค่อย ๆ เท คอฟฟี่เมดลงบนกาแฟสีเข้ม  เหมือนหิมะกำลังโปรยปรายลงสู่ดินในต้นฤดูหนาว

    แต่แล้วความเพลิดเพลินนั้นก็หยุดชะงักลง ดวงตาเล็กเบิกโตอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    แอนดี้ ! เราแต่งงานกันเถอะ นี้ถ้าเขากินกาแฟเข้าไปคงพ่นออกจนมาหมดปาก หรือไม่ก็ติดคอตาย แต่เพราะยังไม่ได้กินเข้าไปสักหยด เขาเลยมีอาการเหมือนคนสมองไม่สั่งการ จนคนที่ดูรูปอยู่เมื่อเดินมาประชิดกายเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว

    “ฉันรักนาย”

    “พะ พี่ ว่าอะไรนะ”  แอนดี้ละล่ำละลักถาม

    “ฉันรักนาย แอนดี้ แต่งานกับฉันนะ” 

     

    มันจะข้ามขันไปไหมถ้าผมจะตอบตกลง ก็ผมไม่ได้เพิ่งจะรักเขา  เราไม่ได้เพิ่งจะรู้กัน แม้ผมจะเรียกเขาว่าบอสเพราะถูกสั่งให้เรียนในที่ทำงานติดปาก แต่เรารู้จักกันมานานสนิทกันจนบางที่อาจมากว่าพี่น้อง หรือเพื่อนสนิท  และเขาอาจเพิ่งจะเริ่มรู้ตัว

     

    ผมไม่ได้โง่นะที่จะไม่รู้ใครรัก ไม่รักผม

    ผมไม่ได้โง่ จนแยกแยะไม่ออกว่ามันเป็นรักแบบไหน

    และไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าใคร จริงใจ ไม่จริงใจกับผม

    .....................

     

    “คุณยินดีรับคุณอี ซอน โฮ เป็นคู่ชีวิต ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย จะขอสัตย์ซื่อต่อเขาตลอดไป จนกว่าความตายจะมาแยกจากกัน

     

    ครับ

    .

    .

    .

    คุณอี ซอน โฮ คุณอี ซอน โฮ

     

    ฮะ ฮะ รับครับแอนดี้หลุดจากภวังค์ตอบรับคำสาบานอย่างทุรักทุเร ถ้าเป็นงานแต่งงานจริง ๆ เขาคงต้องขายหน้าคนทั้งงานแน่ ๆ

     

    เจ้าบ่าวและเจ้าวแลกแหวน

     

    แอนดี้ส่งมือให้ชายที่เขาเพิ่งรับเป็นคู่ชีวิตสวมแหวงทองคำขาวที่สลักชื่อ Eric&Andy อย่างมึน ๆ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เจ้าบ่าวบรรจงจูบเบา ๆ บนแหวนที่นิ้วนาง ก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือแอนดี้สวมแหวน

     

     พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน ผมขอประกาศให้ คุณ มุนจองฮยอก และคุณอี ซอน โฮ เป็นคู่ชีวิต อนุญาตให้ให้ทั้งคู่จูบกันได้

     

    ในขณะที่ใบหน้าคมของเจ้าบ่าวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ความคิดของคนที่อยู่ในตำแหน่งเจ้าสาวก็ตีกันวุ้นวายเรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบันวงเวียนอยู่ในหัว ราวกลับการตัดสินใจครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผิดผลาดและต้องการให้เขาทบทวนมันใหม่

     

     ตัดสินใจดีแล้วเหรอที่ตอบตกลง

    มันเร็วเกินไปหรือเปล่าที่จะแต่งตอนนี้  

    ขอแต่งงานตอนตี 4 พาออกมาโบสถ์ตอนตี 5   

    ใจหนึ่งก็อยากปฏิเสธ....มันเร็วเกินไป

    อีกใจหนึ่ง...การที่จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารักคือ..สิ่งที่ปรารถนา

     

    แต่การทบทวนเรื่องราวมากมายภายในเวลาไม่กี่วิ เป็นเรื่องยาก  ริมฝีปากหนาจึงประกบเข้ากับริมฝีปากอิ่มก่อนได้ข้อสรุป

     

    และราวกับสวรรค์ แสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ส่องผ่านกระจกสเตนกลาสเกิดเป็นแสงสีรุ่งส่องสว่างไปยังคู่รักที่กำลังจูบสาบานเป็นคู่ชีวิต

     

     

     

     

    บาทหลวงผู้ทำพิธียิ้มอย่างยินดี แม้บางเวลาจะเห็นแววความเศร้าและความห่วงใยจากสายตาคู่เล็กนั้น

     

    เป็นพิธีแต่งงานที่สวยงาม และช่างดูศักดิ์สิทธิ์กว่าคู่ไหน ๆ ที่เคยทำพิธีมาก แม้จะดูประหลาดไปบางที่คู่แต่งงานเป็นชายทั้งคู่ แต่ความรักไม่มีคำว่าเพศ หรือชนชั้นมากวางกัน ขนาดสวรรค์ยังเป็นใจให้เขาทั้งคู่ได้แต่งานกัน

     

    แต่!....มันคงน่าประทับใจมากกว่า...ถ้า...ร่างใหญ่ไม่สอดใส่ลิ้นเข้าไปควานหาความหวานจากโพรงปากเล็กอย่างร้อนแรงต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า และที่สำคัญ...มันต่อหน้าผมด้วย

     

    ผมจึงรีบลากเจ้าบ่าวหมาด ๆ ออกมาซะก่อนที่อีกคนจะขาดใจตาย และทันทีออกมาพ้นสายตาของคนตัวเล็ก

     

    ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่านายสองคนรักกัน ผมเริ่มต้นในสิ่งที่คาใจเป็นเรื่องแรก

    แอนดี้รักฉันนายก็รู้ผมถามไม่ตรงคำตอบ หรือมันตอบไม่ตรงกันถาม ฉันเป็นคนบอกแกเองทำไมจะไม่รู้ บาทหลวงคิดในใจ (เป็นพระ เป็นเจ้าไม่ควรใช่คำไม่สุภาพนะค่ะ แม้จะแค่คิดก็เถอะ)

    เรื่องนั้นฉันรู้ก่อนนายซะอีก แต่ที่ฉันไม่เข้าใจ คือ นายรักแอนดี้แบบอยากจะแต่งงานด้วยตั้งแต่ตอนไหน

    ฮึ นายอิจฉาฉันเหรอ

    อิจฉา ถ้าฉันคิด คงไม่ตื่นมาทำพิธีให้ตั้งแต่ยังไม่สว่างหรอก นายมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่าถึงทำแบบนี้ 

    “ที่นายลากฉันมาทั้งที่ยังจูบอยู่ เพื่อที่จะถามแค่นี้ใช่ไหม .

    .

    ..

    บาทหลวงนิ่ง ใช่ความคิด

    “ถ้าใช่ นายจะตอบคำถามฉันไหมละ”

     ฉัน ไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามนาย พูดจบร่างใหญ่ทำท่า เดินกลับเข้าโบสถ์ทิ้งให้คู่สนทนามองตามอย่างขัดใจ

    .

    ..

    เอริค ! ฉันขอคุยกับแอนดี้ก่อนได้ไหม

     ในฐานะอะไรละ แฟนเก่างั้นเหรอ  

     

    แม้เขาไม่ได้เห็นสายตาของเอริคอย่างชัดเจน แต่เขาก็รู้ดีว่ามันทิ่มแทงเขามากเพียงใด  เขาจะเตือนหรือคุยกับแอนดี้ในฐานะอะไร ไม่ว่าจะพี่ชาย หรือแฟนเก่า  สิ่งที่แอนดี้ตัดสินใจไปแล้วไม่มีทางเปลี่ยนง่าย ๆ  

     

    เมื่อไม่มีทางอื่น เขา เขียนบางอย่างลงในกระดาษชิ้นเล็กที่ถือติดมือมาอย่างรีบเร่งส่งให้เอริค  อย่างน้อยข้อความบางอย่างนี้มันอาจจะช่วยเตือนสติเพื่อนเขาได้บ้าง

     

    --------------------------ket_dd..&..ket2d-------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×