คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : part 1 การแต่งงาน...ที่น่าสงสัย
ผู้ชายข้างผมอยู่ตรงนี้คือบอสจริง ๆ รึ
..
.
.
.
ดวงตาสีดำชวนฝัน ที่สาว สาวต่างหลงใหล ใบหน้าและรูปร่างที่แสนจะเฟอร์แฟก แค่สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาก็กลับดูดีเสียจนผมเองยังนึกอิจฉา ผู้ชายที่ยืนข้างผมอยู่ตอน จะมีก็เพียงวันนั้น...วันที่เขากลับมาหาผม วันที่ผมไม่เคยลืม ชายหนุ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 ปี ก่อน
.............
ขณะที่เขามองชายร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงยีนขาด ๆ กับเสื้อยืดคอกลมสีขาวมน ๆ กำลังถูกรปภ. 3-4 คนลากเอาตัวออกไป สลับกับตัวเลขบอกการเลื่อนตัวของลิฟต์ที่ต่ำลงเรื่อย ๆ
ฟังจากเสียงผู้คนที่ซุบซิบกันอยู่หน้าลิฟต์ ชายคนนั้นคงมาตามหาเพื่อนใครสักคนที่รู้จัก ที่บังเอิญชื่อเดี่ยวกับผม แต่...ไม่คิดสักนิดว่าจะเป็นตัวผมเอง ก็เพราะผมเพิ่งจะมาทำงานเป็นแรก
แต่เมื่อลิฟมาจอดอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ขาของผมกำลังจะก้าวเข้าไป ร่างของผมก็กลับถูกกระชากอย่างแรง แต่มันก็เท่าไหร่เมื่อผมเห็นคนกระชากคือ ไอ้บ้าที่ถูกลากออกไปเมื่อกี้
“แอนดี้ ๆ” เขาเรียกชื่อคนที่ชื่อเหมือนผมอีกแล้ว
“ผมไม่ใช่แอนดี้ของคุณหรอก”
“แอนดี้ฉันไง ฉันเอง”
“ฉันไหนเหล่า ผมไม่รู้จักคุณ”
“พี่ไง พี่ชายที่นายรักมากที่สุดไงละ”
“พี่ชาย !” ผมเสยผมที่ยาวปิดปังดวงตาและใบหน้าเขาออก แล้วเจ้าของดวงตาที่ผมเห็นจะเป็นใครไปไม่ได้
.......
ผมนั่งมองเข้าที่กำลังจิบกาแฟ ด้วยความรู้สึกดีใจ และประหลาดใจในเวลาเดี่ยวกัน นอกจากท่าทางวาวมาดเคร่งครึมตลอดเวลาของเขาที่ยังคงเหมือนเดิม ก็รูปลักษณ์เท่านั้นที่เปลี่ยนไปจากเดิมราวกับคนละคนมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาที่เกาหลี ผมเฝ้ารอที่จะถามจนเขาจิบกาแฟหมดถ้วย การสนทนาจึงเริ่มขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ฮะ”
เขายิ้มที่มุมปากให้ผมเหมือนจะพอใจในคำถาม และก็ไม่พอใจในเวลาเดี่ยวกัน
“ฉันมาหานายแทนที่จะถามว่า มาธุระอะไร กลับถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“พี่ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรฮะ แล้วพี่มาหาผมมีธุระอะไรฮะ”
“ฉันมาหานายต้องมีธุระแล้วเหรอเดี่ยวนี้”
“เปล่านะฮะ พี่มาหาผมได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่พี่ให้ผมถามผมก็ถามนะซิ”
“ฉันกำลังจะเปิดบริษัทนำเข้าสินค้าเอเชียทีนี่”
“อ้า~ก็ดีนี้ฮะ คนเก่งแบบพี่คงสำเร็จอยู่แล้ว”
“แต่มันจะง่ายขึ้นถ้ามีนาย”
“ผม” แอนดี้ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ผมจะช่วยอะไรพี่ได้”
“มาเป็นเลขา ฯ ให้ฉันไง”
“เลขา! หูผมคงไม่ได้ฝาดนะ พี่จะให้ผมทิ้งตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดไปเป็นเลขา”
“ฉันต้องการนายจริง ๆ แอนดี้”
“เหตุผลละฮะ ผมอยากฟัง”
“เพราะฉันรัก และไว้ใจนายมากที่สุดยังไงละ นายจะไม่มีวันทรยศฉันเหมือนคนอื่น”
“เหตุผลแค่นีเหรอฮะ”
“ไม่พอเหรอ...........บริษัทของฉันต้องยิ่งใหญ่ให้ได้ภายใน 3 ปี เพื่อ.....เพื่อ.”
คำพูดเขาหยุดลงเพียงเท่านั้น แต่ไม่ว่ามันจะเพื่ออะไร น้ำใส ๆ ที่คลออยู่ในดวงตา อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยบอกให้ผมรู้ว่ามันเป็นเหตุที่เจ็บปวดไม่น้อยเล็ก และไม่ว่าเข้าจะบอกให้ผมรู้หรือไม่ มันก็ไม่สำคัญ เพราะผมตัดสินใจตั้งแต่ได้ยินคำนั้น.......................
3 ปี ที่ผมตัดสินใจทิ้งตำแหน่งผู้จัดการมาเป็นเลขา เพราะคำว่า “รักและไว้ใจ”
3 ปี ที่ผมยอมทิ้งอนาคต ทำตามความปรารถนาของเขา ด้วยเหตุผลที่เขาไม่เคยบอกให้รู้
และมากกว่า 3 ปี ที่ได้แต่เฝ้ารอ จนมันก็สิ้นสุดลงอย่างไม่คาดฝัน
ปัง ปัง ปัง มือใหญ่ทุบลงบนประตูไม่สีขาว อย่างไม่เกรงใจ ใคร ราวกลับจะให้มันแหลกคามือ ถ้ายังไม่มีคนมาเปิด
แอนดี้พาร่างเล็กในชุดเสื้อนอนสีขาวเดินงัวเงียจากเตียงไปเปิดประตูอย่างรีบเร่ง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่มีคนมาทุบประตูห้อง หากไม่เพื่อนโทรมาปลุก ประตูห้องคงได้พังแน่ ๆ
แอนดี้เอื้อมมือไปเปิดประตู ในขณะที่มือหนึ่งยังคงขยี้ตา
“บอส?” แอนดี้มองผู้มาเยื่อนด้วยความสงสัย ละคนแปลกใจ
ในขณะที่ผู้มาเยือน รีบแทรกตัวเข้ามาในห้องพร้อมสำรวจไปรอบ ๆ 2 เดือนมาแล้วที่ชายร่างสูงไม่ได้เหยียบห้องนี้เลย ด้วยเหตุผลบางประการ แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มีก็แต่ภาพเหมือนสีน้ำมันอันใหญ่ตรงผนัง ดึงดูให้ต้องมองมันอย่างไม่วางตา
แอนดี้เห็นว่าการมาของคนตรงนี้ย่อมต้องมีจุดประสงค์บาง แต่กลับไม่ยอมพูดออกมา เอาแต่จ้องมองรูปนั้นยังกับจะให้คนในภาพเดินออกมา เขาจึงขยับเดินไปใกล้พลางเอ่ยถามอย่างถึงสาเหตุ
“มีเรื่องอะไรหรือฮะ ถึงมาหาผมตั้งแต่ยังไม่สว่าง”
“ภาพนี้เขาให้นายมาเหรอ” ดูเหมือนจะไม่ได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่
“ผมวาดให้พี่เขาเองละฮะ กะให้เป็นที่ระลึก แต่พี่เขาไม่เอากลับ บอกให้เขวนไว้ที่นี้”
“นายคงจะชอบเขามากละซิ”
“บอสถามผมเหรอฮะ?” แอนดี้ถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของคนถามทำให้เขาไม่แน่ใจ และคำตอบที่ได้ คือ ความเงียบ เงียบเสียงจนเขาทำตัวไม่ถูกทั้งที่อยู่ในห้องตัวเอง นานเขาก็เริ่มชักอึดอัก ร่างเล็กจึงขยับตัวไปชงกาแฟดื่มเพื่อไล่ความง่วง ปล่อยให้อีกคนมองรูปต่อไปก็แล้วกันเพื่อว่าคนในภาพจะพูดได้ขึ้นมา
กาแฟ 2 ช้อน น้ำตาล 2 ช้อน ตามด้วยน้ำร้อนแล้วก็ คอฟฟี่เมด แอนดี้เพลิดเพลินกับการชนกาแฟราวกับตัวเองเป็นบาริสต้า มือเล็กค่อย ๆ เท คอฟฟี่เมดลงบนกาแฟสีเข้ม เหมือนหิมะกำลังโปรยปรายลงสู่ดินในต้นฤดูหนาว
แต่แล้วความเพลิดเพลินนั้นก็หยุดชะงักลง ดวงตาเล็กเบิกโตอย่างไม่น่าเชื่อ
“แอนดี้ ! เราแต่งงานกันเถอะ” นี้ถ้าเขากินกาแฟเข้าไปคงพ่นออกจนมาหมดปาก หรือไม่ก็ติดคอตาย แต่เพราะยังไม่ได้กินเข้าไปสักหยด เขาเลยมีอาการเหมือนคนสมองไม่สั่งการ จนคนที่ดูรูปอยู่เมื่อเดินมาประชิดกายเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว
“ฉันรักนาย”
“พะ พี่ ว่าอะไรนะ” แอนดี้ละล่ำละลักถาม
“ฉันรักนาย แอนดี้ แต่งานกับฉันนะ”
มันจะข้ามขันไปไหมถ้าผมจะตอบตกลง ก็ผมไม่ได้เพิ่งจะรักเขา เราไม่ได้เพิ่งจะรู้กัน แม้ผมจะเรียกเขาว่าบอสเพราะถูกสั่งให้เรียนในที่ทำงานติดปาก แต่เรารู้จักกันมานานสนิทกันจนบางที่อาจมากว่าพี่น้อง หรือเพื่อนสนิท และเขาอาจเพิ่งจะเริ่มรู้ตัว
ผมไม่ได้โง่นะที่จะไม่รู้ใครรัก ไม่รักผม
ผมไม่ได้โง่ จนแยกแยะไม่ออกว่ามันเป็นรักแบบไหน
และไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าใคร จริงใจ ไม่จริงใจกับผม
.....................
“คุณยินดีรับคุณอี ซอน โฮ เป็นคู่ชีวิต ไม่ว่าจะมั่งมีหรือยากจน สุขหรือทุกข์ เจ็บป่วยหรือสุขสบาย จะขอสัตย์ซื่อต่อเขาตลอดไป จนกว่าความตายจะมาแยกจากกัน”
“ครับ”
.
.
.
“คุณอี ซอน โฮ คุณอี ซอน โฮ”
“ฮะ ฮะ รับครับ” แอนดี้หลุดจากภวังค์ตอบรับคำสาบานอย่างทุรักทุเร ถ้าเป็นงานแต่งงานจริง ๆ เขาคงต้องขายหน้าคนทั้งงานแน่ ๆ
“เจ้าบ่าวและเจ้าวแลกแหวน”
แอนดี้ส่งมือให้ชายที่เขาเพิ่งรับเป็นคู่ชีวิตสวมแหวงทองคำขาวที่สลักชื่อ Eric&Andy อย่างมึน ๆ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เจ้าบ่าวบรรจงจูบเบา ๆ บนแหวนที่นิ้วนาง ก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือแอนดี้สวมแหวน
“พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน ผมขอประกาศให้ คุณ มุนจองฮยอก และคุณอี ซอน โฮ เป็นคู่ชีวิต อนุญาตให้ให้ทั้งคู่จูบกันได้”
ในขณะที่ใบหน้าคมของเจ้าบ่าวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ความคิดของคนที่อยู่ในตำแหน่งเจ้าสาวก็ตีกันวุ้นวายเรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบันวงเวียนอยู่ในหัว ราวกลับการตัดสินใจครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผิดผลาดและต้องการให้เขาทบทวนมันใหม่
ตัดสินใจดีแล้วเหรอที่ตอบตกลง
มันเร็วเกินไปหรือเปล่าที่จะแต่งตอนนี้
ขอแต่งงานตอนตี 4 พาออกมาโบสถ์ตอนตี 5
ใจหนึ่งก็อยากปฏิเสธ....มันเร็วเกินไป
อีกใจหนึ่ง...การที่จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารักคือ..สิ่งที่ปรารถนา
แต่การทบทวนเรื่องราวมากมายภายในเวลาไม่กี่วิ เป็นเรื่องยาก ริมฝีปากหนาจึงประกบเข้ากับริมฝีปากอิ่มก่อนได้ข้อสรุป
และราวกับสวรรค์ แสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ส่องผ่านกระจกสเตนกลาสเกิดเป็นแสงสีรุ่งส่องสว่างไปยังคู่รักที่กำลังจูบสาบานเป็นคู่ชีวิต
บาทหลวงผู้ทำพิธียิ้มอย่างยินดี แม้บางเวลาจะเห็นแววความเศร้าและความห่วงใยจากสายตาคู่เล็กนั้น
เป็นพิธีแต่งงานที่สวยงาม และช่างดูศักดิ์สิทธิ์กว่าคู่ไหน ๆ ที่เคยทำพิธีมาก แม้จะดูประหลาดไปบางที่คู่แต่งงานเป็นชายทั้งคู่ แต่ความรักไม่มีคำว่าเพศ หรือชนชั้นมากวางกัน ขนาดสวรรค์ยังเป็นใจให้เขาทั้งคู่ได้แต่งานกัน
แต่!....มันคงน่าประทับใจมากกว่า...ถ้า...ร่างใหญ่ไม่สอดใส่ลิ้นเข้าไปควานหาความหวานจากโพรงปากเล็กอย่างร้อนแรงต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า และที่สำคัญ...มันต่อหน้าผมด้วย
ผมจึงรีบลากเจ้าบ่าวหมาด ๆ ออกมาซะก่อนที่อีกคนจะขาดใจตาย และทันทีออกมาพ้นสายตาของคนตัวเล็ก
“ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่านายสองคนรักกัน” ผมเริ่มต้นในสิ่งที่คาใจเป็นเรื่องแรก
“แอนดี้รักฉันนายก็รู้” ผมถามไม่ตรงคำตอบ หรือมันตอบไม่ตรงกันถาม ฉันเป็นคนบอกแกเองทำไมจะไม่รู้ บาทหลวงคิดในใจ (เป็นพระ เป็นเจ้าไม่ควรใช่คำไม่สุภาพนะค่ะ แม้จะแค่คิดก็เถอะ)
“เรื่องนั้นฉันรู้ก่อนนายซะอีก แต่ที่ฉันไม่เข้าใจ คือ นายรักแอนดี้แบบอยากจะแต่งงานด้วยตั้งแต่ตอนไหน”
“ฮึ นายอิจฉาฉันเหรอ”
“อิจฉา ถ้าฉันคิด คงไม่ตื่นมาทำพิธีให้ตั้งแต่ยังไม่สว่างหรอก นายมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่าถึงทำแบบนี้”
“ที่นายลากฉันมาทั้งที่ยังจูบอยู่ เพื่อที่จะถามแค่นี้ใช่ไหม” .
.
..
บาทหลวงนิ่ง ใช่ความคิด
“ถ้าใช่ นายจะตอบคำถามฉันไหมละ”
“ฉัน ไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามนาย” พูดจบร่างใหญ่ทำท่า เดินกลับเข้าโบสถ์ทิ้งให้คู่สนทนามองตามอย่างขัดใจ
.
..
“เอริค ! ฉันขอคุยกับแอนดี้ก่อนได้ไหม”
“ในฐานะอะไรละ แฟนเก่างั้นเหรอ”
แม้เขาไม่ได้เห็นสายตาของเอริคอย่างชัดเจน แต่เขาก็รู้ดีว่ามันทิ่มแทงเขามากเพียงใด เขาจะเตือนหรือคุยกับแอนดี้ในฐานะอะไร ไม่ว่าจะพี่ชาย หรือแฟนเก่า สิ่งที่แอนดี้ตัดสินใจไปแล้วไม่มีทางเปลี่ยนง่าย ๆ
เมื่อไม่มีทางอื่น เขา เขียนบางอย่างลงในกระดาษชิ้นเล็กที่ถือติดมือมาอย่างรีบเร่งส่งให้เอริค อย่างน้อยข้อความบางอย่างนี้มันอาจจะช่วยเตือนสติเพื่อนเขาได้บ้าง
--------------------------ket_dd..&..ket2d-------------------------------
ความคิดเห็น