คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 6 Touki Part VI : ลางร้ายและการหยุดงานชั่วคราว
ยังคงร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ ฉันคิดในใจพรางแอบยืนมองหญิงสาวคนหนึ่งในมุมของปราสาท
วันนี้ฉันก็มาทำงานตามที่ได้รับคำสั่งเหมือนเคย ตอนแรกๆก็เหนื่อยอยู่หรอกแต่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว
จากเมื่อก่อนที่ไปวันละโลกวันละดวง ปัจจุบันก็ไปหลายดวงได้แล้ว ฉันในตอนนี้อยู่ในโลก
เออ...ไม่บอกแล้วกันเดาเอาเองนะ หญิงสาวคนนั้นกำลังจะตักไปน้ำจากบ่อน้ำระหว่างทางเธอก็ร้องเพลงไปด้วยและชะโงกหน้าก้มมองลงเงาของตัวเองในบ่อน้ำ
สักพักก็มีชาบหนุ่มเข้ามาหาเธอ อืม...ฉันว่า ฉันแอบยืนมองหญิงสาวคนนั้นมาสักระยะแล้วหลังจากเดินดูรอบๆเมืองนี้
หัวใจของหญิงสาวคนนั้นก็ยังคงสองสว่างไม่เคยเปลี่ยน เอาละ! งั้นไปเลิกอื่นต่อเลยดีกว่า
ขณะที่จะหลบก้าวเดินออกไปก็รู้สึกบางอย่าง
"ความรู้สึกนี้มัน..."
ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆและหันไปทางทิศที่รู้สึก ภายในปราสาทนั้น
ราชินีคนนั้น...... ถ้าตามเนื้อเรื่องก็คงจะไม่เป็นอะไรมั้ง? แต่ว่าทำไมกันนะ ไอ้ความรู้สึกแปลกๆนี้? เอาเป็นว่าไว้ค่อยมาคิดแล้วกันจากนั้นฉันก็ออกเดินทางไปโลกอื่นต่อ
ดาวต่อมาที่ฉันมาสำรวจก็เป็นดวงดาวที่มีหญิงสาวหัวใจส่องสวางอีกคนหญิงคนนั้นกำลังทำงานอย่างขยันขันแข่ง
ฉันยิ้มโดยแอบหลบอยู่มุมหนึ่งของห้อง และจู่ๆก็เริ่มรับรู้บางสิ่งบางอย่างที่แปลกๆอีกแล้ว
อะไรกันความรู้ที่ไม่ค่อยดีนี้.... มันความรู้สึกอันนี้มันมาจากแม่เลี้ยงของหญิงสาวคนนั้น...
งั้นฉันน่าจะรีบๆไปสำรวจแต่ละดวงดาวให้เสร็จดีกว่า
จะได้ไปถามมาสเตอร์ทั้งสองได้เร็วขึ้น ฉันตันสินใจตรวจดูสภาพรอบๆของโลกนี้ก่อนจะไปโลกต่อไป
ในที่สุดก็มายังดวงดาวสุดท้ายที่จะทำการสำรวจในวันนี้
เฮ้อให้ตายสิ...ไม่ว่าโลกไหนๆก็มีบรรยากาสแปลกๆที่แทรกเข้ามาทั้งนั้น เกิดอะไรขึ้นกันนะ? อะ!?....หญิงสาวคนนั้น ฉันที่นั่งอยู่บนต้นไม้ก็ก้มหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ในบ้าน
บ้านที่อยู่ทามกลางป่าไม้ เธอกำลังทำความสะอาดพร้อมฮั่มเพลงไปด้วย หัวใจที่ส่องสว่างนั้น.....นั้นสินะถึงจะเริ่มมีบรรยากาศแปลกๆเกิดขึ้น
แต่หัวใจของหญิงสาวเหล่านั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนอา....หัวใจที่ส่องสวาง ที่มีแสงเจิดจ้ากว่าที่ใดๆรู้สึกตอนแรกที่เจอ3คนตอนนี้ก็ไปเจออีก รู้สึกมาสเตอร์เซฮานอร์ทเคยบอกว่าหญิงสาวเหล่านั้นคือเจ้าหญิงแห่งหัวใจ
ฉันเดินไปที่ส่วนอื่นของในป่าและรับรู้ถึงบรรยากาศ เค้าลางของความมืดที่รุนแรงกว่าที่อื่น
ฉันจึงวิ่งตามไปดูตามยรรยากาศที่รู้สึกได้และได้พบกับ อันเวิร์สที่ปรากฏระหว่างทาง
"อันเวิร์ส!"
ฉันเรียกคีย์เบลดออกมาแล้วค่อยฟันพวกมัน เพื่อไม่ให้มาขวางทาง
ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ฉันกล่าวกับตัวเองขณะที่ยังถือคีย์เบลดไว้ในมือ หันมามองตังปราสาทที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
นี้มัน!? ปราสาทของแม่มดในเรื่องนี้นี่ ฉันจ้องมองอย่างระแวง
แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง นั้นมัน!! มาสเตอร์เซฮานอร์ท! เขามาทำอะไรที่นี้กัน.....
ฉันจ้องมองมาสเตอร์ที่ทำตัวลับๆล่อๆก่อนจะเดินเข้าไป ฉันได้แต่ยืนตกตะลึงมองอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะปลีกตัวออกมา
อะไรกัน! ทำไมมาสเตอร์ถึงได้!? ฉันคิดอย่างนั้นพรางวิ่งออกมาและจะกดปุ่มชิ้นส่วนของชุดเกราะที่ไหล่
แต่ก็ต้องชักคีย์เบลดออกมาตั้งรับแทน เมื่อมีใครไม่รู้ใช้คีย์เบลดตีเข้ามา
"นายมัน!?"
ฉันอุทานขึ้นเมื่อพบกับผู้ชายประหลาดๆที่พบในวันนั้น
"ไง~~ ไม่ได้พบกันนานน่ะยัยอ่อน"
ฉันใช้คีย์เบลดของฉันปัดการโจมตีของอีกฝ่าย
และกระโดดถอยออกมาตั้งท่าป้องกัน
"โห ฝีมือพัฒนาขึ้นดีนี้"
ชายประหลาดคนนั้นพุ่งเข้ามาพร้อมกับโจมตีอย่างหนักหน่วง
โธ่เว้ย! จะป้องกันไม่ไหวอยู่แล้วนะ ฉันคิดอย่างนั้นระหว่างปัดการโจมตีออกไปด้วย เอะ!
อีกแล้ว....ช่วงเวลามัน...
"แต่ก็ยังอ่อนอยูดีนะ!!"
ชายประหลาดคนนั้นพุ่งเขามาโจมตีจากด้านหลัง เสร็จกัน!!
และในตอนนั้นเองที่ฉันขยับตัวไม่ได้ก็สามารถขยับตัวมาป้องกันได้พร้อมกับออร่าสีดำและสีขาวที่อยู่รอบตัว
ชายคนนั้นพูดราวกับว่ากำลังแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ
"เธอมีทั้งแสงสว่างที่บริสุทธ์และความมืดมิดอยู่ในตัวจริงๆด้วย"
ฉันตกใจกับออร่าของตัวเองที่อยู่ล้อมรอบขณะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง
แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าภาพมันเบลอๆขึ้น อะไรกันๆฉันขบี้ตาตัวเองก่อนสติจะดับวูบไป........
.
.
.
.
.
"เฮ้! ยัยอ่อนหัด ตื่นซะทีสิเฟ้ย!!"
เสียงของใครบางคนปลุกฉันให้ตื่นขึ้น
และเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับเด็กหนุ่มที่โจมตีฉันเมื่อกี้นี้ ผู้ชายประหลาดคนนั้น....
"นาย..."
ฉันปลือตาขึ้นมาอย่างยากลำบากและลุกขึ้นยืนก่อนจะสะบัดความงัวเงียของตัวเอง
อูย~
รู้สึกปวดหัวชะมัดเลย
ฉันกุมหัวของตัวเองพรางมองไปรอบๆนี้มัน.....ตรงสวนในland of departureนิ ทำไม ก็เมื่อกี้ฉันยังอยู่ในอีกโลกหนึ่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? หรือว่า! ฉันรีบหันไปหาเด็กหนุ่มประหลาดคนนั้น
แต่ก็ตกหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ
"นี้นาย..."
ออร่าสีดำประหลาดที่อยู่รอบตัวหมอนั้น มันช่างมีมากมายอย่างมหาศาลจนหน้าตกใจ
ทำไมหมอนั้นถึงมีความมืดอยู่ในตัวมากขนาดนี้ได้นะ? เด็กหนุ่มประหลาดคนนั้นมองฉันอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาพูดใกล้ๆ
"เห~~ อะไรกัน นี้เธอไม่ได้มีเพียงพลังแห่งแสงสว่างและความมืดมิดอยู่ในตัว..."
เด็กหนุ่มประหลาดเว้นช่วงคำพูดของตัวเอง
ก่อนจะเอ่ยต่อ
"...แต่เธอยังสามารถมองพลังทั้งความมืดและแสงสว่างที่อยู่ในตัวของคนอื่นได้รึนี้!"
ฉันมองเด็กคนนั้นอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเขา ก่อนจะนึกได้จะว่าไป.....ออร่าของเด็กคนนั้น
หมอนั้นไม่ได้ปล่อยออกแต่ฉันกลับมองเห็นอย่างนั้นเหรอนี้? อะไรกัน?
"และดูเหมือนว่าจะมีพลังม่กกว่านี้อีก หึหึ
สุดยอดๆ~~"
และแล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะที่ฉันยืนตกตะลึงที่ตัวเองสามารถรับรู้ความมืดและแสงสว่างของคนอื่นได้อย่างชัดเจน
ไม่ใช่แค่นู้สึกแปลกๆ หรือสังหรใจไม่ดีแบบคนอื่น แต่กลับมองเห็นถึงแม้ว่าอีกฝ่ายหรือคนอื่นจะไม่ได้เผยให้ชัดเจนก็ตาม
"แหม่ๆเธอเนี่ย สุดยอดไปเลยนะยัยอ่อน"
เด็กหนุ่มที่หัวเราะอย่างสะใจเสร็จแล้วก็หันมาพูดกับฉัน
ฉันหันมามองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ และก็ทวนความคิดในสิ่งที่เขาพูดอีกครั้ง เท่านั้นละสติของฉันก็ขาดผึงทันที
หน่อย! ว่าใครอ่อนกันหะ!
"อย่ามาเรรยกคนอื่นว่าอ่อนนะ! ฉันโทคิ!!!
ชื่อ
โทคิต่างหากเล่า!"
"หึ งั้นเหรอ"
เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวอย่างไม่คอยสนใจเท่าไรนัก
และทำท่าจะเดินออกไป ฉันที่เห็นแบบนั้นก็รีบทวงชื่อของอีกฝ่ายทันที
"นายยังไม่ได้บอกชื่อเลยนะ!"
"ของแบบนั้นไม่จำเป็นหรอก..."
เด็กคนนั้นกล่าวอย่างเย็นชาและไม่สนใจ
"อะไรกันๆ นายไม่มีชื่อหรือไง~~"
ฉันว่าอย่างยียวนกวนประสาท
พอหมอนั้นได้ยินแบบนั้นก็รีบหันมามองทันที
"ว่าใครไม่มีชื่อกันหะ! ยัยบ้า!!"
"นายไง... "
ฉันยังคงไม่หยุดและกวนประสาทอีกฝ่ายต่อไป หมอนั้นทำท่าไม่พอใจอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันหน้าหลบและสร้างโพรงสีดำขึ้นมา
ก่อนจะเอ่ยอะไร
"วานิตัส... ชื่อของฉันคือวานิตัส"
"นั้นคือชื่อองนายสินะ ขอบคุณที่มาส่งนะวานๆ"
"เหๆ อย่ามาตั้งชื่อเล่นคนอื่นสิ!"
เด็กหนุ่ม--ไม่สิวานิตัสว่าก่อนจะสะบัดหน้าหนีและรีบก้าวเท้าหายเข้าไปในโพรงมืด.....
ฉันอมยิ้มกับภาพที่เห็นอยู่พักหนึ่งอะไรกัน เห็นนิสัยอย่างนั้นแต่ก็น่ารักดีเหมือนกันนิ
พอหลังจากนั้นฉันก็รีบเดินไปหามาสเตอร์เอลาคุสทันที และเราเรื่องบรรยากาศแปลกๆที่สัมผัสได้
เค้าลางที่รู้สึกไม่ค่อยน่าปลอดภัย แต่ฉันก็ไม่ได้เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวฉันในวันนี้เลย
เพียงแค่เก็บไว้เงียบๆ มาสเตอร์รับฟังอย่างเข้าใจก่อนจะปลอยให้ฉันออกมาเดินเล่นพักผ่อนได้
ฉ้นจึงตัดสินใจว่าจะไปหาอควาก่อนละกันนอกนั้นค่อยคิดทีหลัง แต่ก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่ดี
เรื่องนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องที่วานิตัสพูดแต่เป็นเหมือนฉันจะลืมอะไรไปบางอย่าง........ฉันที่มัวแต่เหม่อลอยก็ไปชนกับใครบางคนพอดี
"ข...ขอโทษ เทอร่า!?"
"ก็ฉันเองไง โทคิ มัวเหมออะไรอยู่ละหืม?"
เทอร่ากล่าวขณะปัดตัวเล็กน้อย และหันมาคุยกับฉันพร้อมกับลูบหัวไปด้วย
ความรู้สึกอบอุ่นนี้ รู้สึกเหมือนฉันมีพี่ชายเลยแฮะ ฉันอมยิ้มหน่อยๆและก็แปลกใจที่เห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขา
ความมืด......
ทำไมกัน?
"เป็นอะไรหรือเปล่าโทคิ?"
"ม...ไม่มีอะไร"
เทอร่าที่เห็นฉันเงียบไปสักพักก็เอ่ยถามขึ้น ฉันที่ได้ยินก็รีบสะดุ้งตัวและกล่าวปฏิเสธทันที
ก่อนจะรีบขอตัวเดินออกมาอย่างหว้าวุ่นในใจนี้มันอะไรกัน?.........เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่!? ฉันคั้งคำถามกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ทั้งที่ว่าการมองเห็นนั้น
ความมืดที่อยู่ในตัวเทอร่าทั้งๆที่ไม่น่าเป็นไปได้....จะว่าไปก็เคยได้ยินมาเหมือนกันนะว่า
โลกเราไม่ได้มีเพียงแสงสว่างหรือความมืดเพียงอย่างใดอย่างหนี่ง แต่ต้องมีทั้งสองสิ่งด้วยกัน
ถ้างั้น?เรื่องที่เทอร่ามีความมืดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก? จากนั้นฉันก็เริ่มตั้งคำถามขึ้นมาอีก ถ้าอย่างนั้นความมืดคืออะไร?
"เออ โทคิ?"
"หืม?"
ฉันหันไปยังต้นเสียงและพบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆฉันในตอนนี้คืออควา
ฉันหันสายหันขวาอยู่สักพักก็พบว่าตัวเองมาอยู่หน้าห้องของหญิงสาวเพื่อนสนิทซะแล้ว
"คือฉัน...."
"เข้ามาข้างก่อนสิ"
อควายิ้มก่อนจะพาฉันเข้ามาพวกเราสอฃคนพูดคุยกันเรื่องปกติ
ในขณะที่คุยกันอยู่นั้นหญิงสาวเธอจะหวีผมของฉันไปด้วย
"แล้วงานวันนี้เป็นไงบ้าง"
"ก็ดีค่ะ..."
อควาถามฉันขึ้นมา ฉันจึงตอบออกไปและหันมาหาเธอ แต่หญิงสาวก็หันฉันให้กลับไปด้วยที่ว่าทำผมไม่ถนัด
พวกเราพูดคุยกันอยู่สักพักจนในที่สุด
"เอาละ เสร็จแล้ว"
อควายิ้มพรางมองผมที่เปียที่มัดให้ฉันอย่างเรียบร้อย
หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจ
"จะว่าไปคืนนี้จะมาดูดาวด้วยหรือเปล่า?"
ฉันมองผมของตัวเองในกระจบก่อนที่จะหันมาถามอย่างสงสัย
"ไม่ละ วันนี้มีธุระนะเทอร่าก็ด้วย"
อควาพูดพรางสายหัวปฏิเสธ
"แล้วบอกเวนหรือยังว่า กลับมาแล้วนะ"
"ยังเลยค่ะ"
อควาถามและลูบหัวของฉันน้อยๆ ฉันตอบไปอย่างตามตรง
อควายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเองรอเวลาให้มืดแล้วค่อยไปสถานที่ดูดาวกับเวนละกัน
ทั้งอควาและเทอร่านอกจากทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนสนิทของฉันกับเวนแต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาทั้งสองก็ทำหน้าที่เปรียบเสมือนพี่สาวและพี่ชายของฉันอีกด้วย
ฉันงีบหลับไปพักหนึ่งและลุกขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นท้องฟ้ามืดลงและเริ่มมีหมู่ดาวปรากฏก็เดินออกมาและไปสถานที่ประจำทันที
และเห็นเด็กหนุ่มผมสีทองคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อมองฟ้าอยู่ เมื่อฉันเดินไปถึงก็เอ่ยเรียกชื่อของอีกฝ่าย
"เวน"
"โทคิ!"
เวนทัสที่นั่งเหมอมองฟ้าอยู่ก็สะดุ้งตกใจก็ถลันตัวกระโดดไปด้านหลังทันที
ฉันขำนิดๆกับท่าทีของเขาก่อนจะทิ้งตัวลงไปนั่งข้างๆ เวนที่เพิ่งตกใจเมื่อกี้พอเห็นฉันหัวเราะเขาก็หัวเราะเช่นกันพรางเอามือเกาหัวตัวเอง
เอ๋?.......รู้สึกว่า ทำไมหูของเวนดูแดงผิดปกติจัง? ฉันสังเกตุท่าทีของเขาก่อนจะปฏิเสธตัวเองให้เลิกคิดแล้วหันมาถามเด็กหนุ่มทันที
"อะไรกันเห็นฉันตกใจขนาดนั้นเลยหรือ?"
ฉันว่าไปอย่างยิ้มๆ
"ก...ก็ไม่หรอก แปลกใจนะที่โทคิมาดูด้วย"
เวนทัสตอบออกไปและเงยหน้ามองดวงดาวอีงครั้ง
"ปกติเดี๋ยวนี้โทคิมีงานต้องทำ ก็เลยมาดูด้วยกันบ่อยๆเหมือนไม่ได้แล้ว
ก็เลยรู้สึกเหงานิดหน่อย"
ฉันไม่พูดอะไรและรู้สึกว่าตัวเองผิดขึ้นมา ที่ทำเหมือนผิดสัญญา
ก็เลยได้แต่รับฟังอยู่เงียบๆ ฉันก้มหน้าลงต่ำกอดเขาตัวเองและหรี่ตาลงพร้อมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ขอโทษนะ"
เวนทัสที่ได้ยินที่ฉันพูดก็หันมามอง
เด็กหนุ่มที่เห็นอย่างนั้นก็รีบพูดแก้เก้อเพื่อไม่ให้ฉันรู้สึกผิด
"ม...ไม่ใช่ความผิดของเธอซะหน่อย ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอด้วย
และเข้าใจดี"
เวนทัสพูดพร้อมกับจับไหล่มองฉัน
"อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ดูคนเดียวด้วย มีทั้งเทอร่ากับอคว่าอีก"
เวนทัสกล่าวขึ้นมา ก็จริงนะช่วงที่ฉันไม่ค่อยว่างมาดูด้วยไม่ได้ก็ลองเสนอให้เวนไปชวนอควากับเทอร่ามา
จนตอนนี้จากที่เคยดูกันสองคน ก็เป็นสามแต่ถ้าวันไหนฉันไม่ติดอะไรมาดูด้วนได้ก็เป็นสี่คน
วันนี้ก็เช่นกันที่จริงมันควรเป็นสี่คน แต่ด้วยที่พวกเขาทั้งสองติดธุระวันนี้ ฉันกับเวนจึงมาดูด้วยกันสองคน.......เหมือนเมื่อก่อน
ฉันเงยหน้าจึ้นมาสบตากับเด็กหนุ่ม เขายิ้มให้กับฉันก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างที่ทำให้หน้าของเขาเริ่มขึ้นสีขึ้นมา
"แต่ฉันดีใจนะ ที่ตอนไหนที่เธอว่างก็มาดูด้วยกันเสมอ...."
ฉันนั่งวิเคราะห์ประมวลผลในคำพูดและท่าทีของเวน
จนในที่สุดก็วิเคราะห์ได้เมื่อได้ยินคำพูดในประโยคสุดท้ายของเด็กหนุ่ม
"ฉันชอบที่มาดูดาวกับเธอ ขอบคุณนะโทคิ"
เวนทัสกล่าวทั้งที่หน้าแดงขึ้นๆเลยจนสุดท้ายก็ยิ้มออกมาก่อนจะหันหน้าหลบทั้งที่หน้ายังคงแดงระเรืออยู่แบบนั้น
และฉันเองก็ไม่เข้าใจท่าทางของอีกฝ่ายเท่าไรนัก
ตึกตัก
ตึกตัก
ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ? ฉันก้มหน้าพรางกอดตัวเองแน่นฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นไม่เป็นระบบ
ไอ้ความรู้สึกแบบนี้...ทั้งท่าทางของเวนก็ด้วย มันเหมือนกับกรณีของเรกะและชินเลยแฮะ
กรณีของพวกเขาทั้งคู่..... ม...ไม่หรอกมั้ง!? ฉันสะบัดความคิดนั้นออกไปและเหลือบมองเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆฉัน เวนยังคงหลบหน้าหันไปทางอื่นโดยไม่พูดอะไร
ทุกอย่างเงียบลงไม่ได้พูดอะไรและมีความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ พวกเรานั่งเงียบกันอยู่นานจนในที่สุด
"อ...เออ ถ้ามีกล้องดูดาวก็คงจะดีนะ จะได้ส่องดูดาวได้"
"กล้องดูดาวเหรอ?"
และแล้วก็เป็นฉันเองที่เอ่ยแก้เก้อขัดทำลายบรรยากาศที่อบอุ่นนี้
ความอบอุ่นที่แทบจะละลายเพราะความรู้สึกที่ไม่เข้าใจของตัวเอง เวนที่ได้ยินที่ฉันเอ่ยก็หันมาให้ความสนใจและเอ่ยถาม
ฉันจึงอธิบายให้เด็กหนุ่มฟัง
"โห สุดยอดไปเลยนะกล้องดูดาวเนี่ย!"
เวนทัสพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
เขาดูสนใจมันมาก ฉันที่มองแล้วก็ยิ้มนิดๆกับท่าทีที่เหมือนเด็กของเจ้าตัว และฉันก็นึกอะไรบางอย่างออก
"แล้วเวนอยากได้กล้องนั้นหรือเปล่าละ?"
"แน่นอน อยากได้สิ"
เวนทัสหันมาพูดยิ้ม
ฉันเองก็ยิ้มตอบ จากนั้นก็หันไปให้ความสนใจกับหมู่ดาวกันต่อ โดยยังพูดคุยกันต่อไปเรื่อยๆ
"นี้โทคิ โลกที่เธอเคยอยู่มันเป็นแบบไหนกันเหรอ?"
"เออ..."
จู่ๆเวนก็เอ่ยคำถามขึ้นมา ทางฉันเองก็พอได้ยินก็ถึงกับตอบไม่ถูก
และนึกคำที่เคยบอกกับพวกอควาและเทอร่า คำที่ตกลงกับมาสเตอร์เอลาคุสเอาไว้ ฉันอ้ำอึ้งไปอยู่พักหนึ่งด้วยที่ว่านึกไม่ออก...แย่แล้ว!
"ขอโทษที่ถามนะ ไม่ต้องตอบก็ได้"
"....?"
"ถึงจะล้มสลายไปแล้ว แต่เธอก็มีที่นี้นะ"
เวนทัสหันมามองฉันอีกครั้ง
"มีทั้งฉัน เทอร่า อควา และก็เธอ โทคิ พวกเราจะอยู่ที่นี้ด้วยกันเนอะ"
เวนทัสยิ้มออกมาหลังจากที่พูดจบ
อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ...?
"นั้นสิ"
ฉันตอบ เวนเองก็ดูดีใจกับคำตอบของฉัน แต่แล้วหน้าก็ถอดสีเมื่อฉันพูดบางอย่างออกมา
นั้นสินะอยู่ด้วยกัน........ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น....
"แต่ขอโทษนะ ยังไงฉันก็...คงต้องตามหาคนที่อาจเหลือรอดจากดาวบ้านเกิดฉัน
ถึงแม้ว่า...สักคนก็ยังดี"
ฉันยิ้มออกมาทั้งๆที่ภายในรู้สึกเจ็บ เจ็บที่ว่าการอยู่ที่นี้อาจจะหมดลง
เจ็บที่จำเป็นต้องโกหก แต่ว่าฉันคงอยู่ที่นี้ตลอดไปไม่ได้ ยังมีเรื่องที่ฉันต้องทำอยู่
และฉันเองสักวันก็ต้องกลับไปหาเรกะ ชิน เพื่อนทั้งสองและครอบครัวของฉันอีกด้วย ขอโทษนะ....
เวนทัสมองฉันโดยไม่พูดอะไร
สีหน้าของเด็กหนุ่มแลดูหม่นลงเล็กน้อย เขาพยายามปรับสีหน้าของตัวเองและหันมายิ้มให้
"งั้นเหรอ...ถ้างั้นเมื่อถึงเวลานั้นฉันจะช่วยด้วย"
"ขอบคุณนะ"
ฉันตอบทั้งๆที่ฝืนยิ้มอยู่อย่างนั้น
"ฉันชอบนะช่วงเวลาแบบนี้ ที่นี้กับทุกคน"
ฉันพูดออกมาอย่างแผ่วเบา เวนยิ้มให้และก็บอกว่าเขาเองก็ด้วย
จริงอยู่ว่าเรื่องดวงดาวบ้านเกิดอะไรนั้นถึงจะเป็นเรื่องโกหก แต่ว่าความรู้สึกที่ว่าชอบที่นี้มันเป็นเรื่องจริงนะ
สถานที่ที่ได้อยู่กับพวกเขา สถานที่ที่ฉ้นไม่อยากจาก...ฉันเหลือบตาไปมองอีกฝ่ายก่อนจะรีบหันหลบหนี
ดูเหมือนเขาเองก็สงสัยกับท่าทีเมื่อกี๋ของฉันเหมือนกัน จากนั้นฉันก็ปรับอารมณ์ของตัวเองและหันไปมองกลุ่มหมู่ดาวที่มีมากมายบนฟากฟ้าร่วมกับเวนอีกครั้ง
ตอนนี้พวกเราไม่ได้พูดอะไรแล้วแต่อาจจะมีบ้างเป็นบางคำ พวกเรานั่งดูอยู่ตรงนั้นอย่างยางนานและฉันเองก็เผลอหลับไป
.
.
.
ที่นี้มัน.....ที่ไหนกัน? ฉันเดินในพื้นที่ที่ฉันไม่รู้จัก ที่พื้นดินเต็มไปด้วยก้อนดินและทราย
ที่นี้ไม่มีแม้แต่เงาของต้นไม้หรือสิ่งมีชีวิต ฉันเดินไปรอบๆและพบกับบางอย่างที่น่าประหลาดใจ
มันคือซากของคีย์เบลด!? ซากของคีย์เบลดมากมายที่ถูกปักเอาไว้นี้มัน!.....ในขณะที่ฉันจ้องมองมันอยู่ๆก็รู้สึกได้ถึงลางไม่ดีและเมื่อหันหลังกลับไปก็พบกับ
เวน อควา และ เทอร่า ฉันดีใจที่พวกเขาก็อยู่กับฉันด้วยแต่เมื่อฉันวิ่งไปหาพวกเขากลับแตกสลายหายไป
ฉันยืนตื่นตกใจกับภาพที่เห็น และแล้วความมืดก็ลายล้อมเข้ามา!?
.
.
.
ฉันลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ ฉันหอบหายใจอย่างยากลำบาก
พยายมตั้งสติและมองสำรวจรอบๆห้อง ก็พบว่าฉันมาอยู่ในห้องของอควา? ฉันหันซ้ายหันขวาและพบกับอควาที่เดินเข้ามา
"อรุณสวัสดิ์จ๊ะ โทคิ"
"อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะ"
ฉันตอบออกไป จากนั้นก็ถามอควาถึงสาเหตุที่ฉันมานอนในห้องของเธอ
อควาตอบมาว่าเมื่อคืนหลังจากที่ไปธุระกับเทอร่าคุยกับมาสเตอร์เซฮานอร์ทและมาสเตอร์เอลาคุสเสร็จแล้ว
ทั้งอควาและเทอร่าก็มาที่ที่พวกเราดูดาวกันเป็นประจำและพบว่าทั้งฉันและเวนทัสต่างก็นอนหลับอยู่
พวกเขาทั้งสองก็เลยตัดสินใจอุ้มกลับมาโดยอควาพาฉันมาที่ห้องของเธอ และเทอร่าเป็นฝ่ายพาเวนไป
"ไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดีนะ"
อควาว่ายิ้มขำๆ ฉันรับยิ้มพรางหัวเราะเบาๆ และไม่นานฉันก็เดินออกมาจากห้องของเธอ
และเดินเข้าห้องของตัวเองที่อยู่ข้างๆกับอควา และนึกถึงความฝันเมื่อคืน... ฉันควรบอกปัญหาเหล่านั้นให้มาสเตอร์ฟังไหมนะ? ฉันนั่งพินิจวิเคราะห์อยู่ในห้องของตัวเอง
แล้วเรื่องที่รู้สึกลืมอะไรไปบางอย่างนี้มันอะไรกัน? ทั้งๆที่เรื่องความฝันก็จำได้แท้ๆ แต่มีบางอย่างที่ฉันลืมไป
เฮ้อ~~ ช่างเถอะ ฉันพึมพำกับตัวเองและเดินไปหามาสเตอร์เอลาคุสเพื่อเล่าให้มาสเตอร์ฟัง
และด้วยเหตุนี้เองงานของฉันจึงถูกยกเลิกไปก่อน และแทนที่ด้วยการให้ฉันอยู่ที่นี้เฉยๆหรือจะฝึกก็ได้
ฉันในตอนนี้ที่ว่างไม่มีอะไรทำจึงเลือกจะไปฝึกฝนกับอควา ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกฝึกกับเธอนะเหรอ? นั้นก็เพราะว่าอควา ถ้าเทียบกับพวกเราสี่คนแล้ว
ทั้งฉัน เธอ เวน และ เทอร่า อควาถือว่าเป็นผู้ใช้คีย์เบลดที่เก่งที่สุดในหมู่พวกเรา
และด้วยที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันจึงขอฝึกกับเจ้าตัวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย การโจมตีของอควานั้นดูสงบนิ่งและเฉียบขาดในเวลาเดียวกัน
ท่าทางและเทคนิคของเธอดูอ่อนนุ่มราวกับสายน้ำเหมือนชื่อของเธอ ฉันพยายามตั้งรับหรือหลบหลีกการโจมตีเหล่านั้น
พร้อมกับหาทางส่วนกลับ และโจมตีให้เยือกเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแล้วการฝึกวันนี้ก็สิ้นสุดลง
"อควานี้สุดยอดไปเลยนะ! เก่งสุดๆเลยละ"
ฉันพูดกล่าวอย่างตื่นเต้น
อควาเห็นท่าทีของฉันก็ยิ้มเอ็นดู
"ขอบคุณนะ โทคิเองก็เก่งเหมือนกัน"
อควาเอ่ยออกมาพรางเอามือลูบหัวของฉันเบาๆ ฉันกับเธอพูดคุยเล็กน้อยหลังจากที่ฝึกเสร็จและตัดสินใจกันว่าจะลองไปหาเทอร่ากับเวนทัสกันบ้าง
ฉันกับเธอเดินไปสวนและก็เห็นชายและเด็กหนุ่มทั้งสองคนต่างก็ฝึกฝนเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างฝึกโดยการโจมตีสู้กันเอง
ฉันมองและสังเกตุรูปแบบเทคนิคของพวกเขาแต่ละคน เทอร่าการโจมตีของเขาจะหนักหน่วง และแข็งแกร่งเหมือนกับผืนดิน
ส่วนเวนเองเทคนิคการเคลื่อนไหวในการโจมตีเองก็รวดเร็วดุจสายลม อควา เทอร่า และก็เวน.......สายน้ำ
ผืนดิน สายลม แต่ละคนจะแตกต่างออกไป ฉันเองถึงจะเรียนรู้คีย์เบลดได้เร็วก็เถอะ แต่ก็ยังเป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปอยู่ดี
สักวันฉันเองก็คงมีเทคนิคเป็นของตัวเองบ้าง ฉันมองมือซ้ายของตัวเองและกำมืออย่างมุ่งมัน
เอาละ!!ต้องพยายามต่อไปอีก!
"โทคิ!/อควา!"
"เวน เดี๋ยงสิ!"
เวนทัสที่เห็นฉันกับอควานั่งดูอยู่เด็กหนุ่มก็ดีใจรีบวิ่งมาหาทันที
ทางเทอร่าเองเมื่อเห็นเวนไม่สนใจการฝึกวิ่งมาหาพวกเราชายหนุ่มก็รีบวิ่งตาม เวนหลบหลีกเทอร่าที่ตามมาด้วยการวิ่งเป็นวงกลมรอบๆฉันกับอควาบางทีก็คอยหลบหลังพวกเราบ้างจนเทอร่าตามจับไม่ทัน
พวกเราสองคนมองท่าทีของพวกเขาและอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เวนที่เห็นพวกฉันหัวเราะก็หยุดวิ่งยืนมองอย่างสงสัยก่อนจะเอามือไขว้หลังและหัวเราะออกมาเช่นกัน
เทอร่าเองก็หยุดวิ่งและยิ้มหน่อยๆกับพวกเราที่หัวเราะอยู่ พวกเราทั้ง4คนนั่งอยู่ด้วยกันและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ดูเหมือนว่าเวนกับเทอร่าจะแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้ฉันไม่ได้ไปไหน ฉันก็เลยเล่าว่ามาสเตอร์เอลสคุสให้หยุดก็เพราะ
เออ....ฉันชะงักไปเล็กน้อย เออ...พ.....พักผ่อนก่อนนะ แล้วค่อยไปคราวหลัง จากนั้นเวนก็ให้ฉันเล่าถึงประสบการณ์ต่างๆที่ฉันได้ไปโลกอื่น
ฉันจึงเล่ามันอย่างคราวๆ ต่อจากนั้นเทอร่ากับเวนจะไปฝึกกันต่อ อควาก็จะเข้าไปในตัวอาคารฉันเองก็ว่าจะตามอควาไปด้วยแต่พอนึกอะไรได้จึงขอตัวออกมาก่อน
ฉันว่าฉันอยากไปRadiant
Gardenนะ!
คิดว่าต้องมีอะไรที่ฉันไปทำที่นั้น ถึงแม้ว่าจะโดนมาสเตอร์เอลาคุสสั่งว่าช่วงนี้อย่าไปไหนทั้งนั้นหากไม่จำเป็น
แต่ฉันว่าฉันมีธุระบางอย่างที่นั้นละ! เพราะงั้นคงไม่เป็นหรอกถ้าจะออกไปนะ ฉันไม่ว่าเปล่าเอื้อมมือไปแตะชิ้นส่วนชุดเกราะที่อยู่บนไหล่ขวาให้งานจากนั้นก็โยนคีย์เบลดขึ้นไปบนฟ้าเพื่อแปรเปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่เหมือนกับมอเตอร์ไบค์และออกเดินทางตามเส้นทางระหว่างกลางจนมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าRadiant Garden ฉันคลายชุดเกราะให้เป็นเหมือนและคืนสภาพคีย์เบลด
ฉันมายืนอยู่กลางสวนที่พื้นถูกปูด้วยกระเบื้องสีฟ้าอ่อยและจะมีทางเดินอยู่สีทิศ ข้างๆเส้นทางเดินจะมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมอยู่ด้วย
ฉันตัดสินใจกะว่าจะเดินไปยังเป้าหมายของธุระส่วนตัวในทันที แต่ก็ต้องมาแวะระหว่างทางเมื่อเจอกับเพื่อนทั้งสองนั้นคือ
ลี และ ไอซะ
"ไงโทคิ! วันนี้จะมาเล่นด้วยเหรอ!?"
เด็กหนุ่มที่ชื่อลีเอ่ยขึ้นมา
ลีนั้นมีดวงตาสีเขียวฟ้าและก็มีผมสีแดง ทรงผมของเจ้าตัวขอบอกไว้เลยว่าเหมือนเม่นเลยละ
"เปล่าหรอก พอดีมาเอาของนะ"
ฉันว่าต่อดูเหมือนว่าลีจะดูหง่อยลงกับคำตอบที่ได้รับแต่สุดท้ายก็มาร่าเริงอีกครั้ง
"งั้นครั้งหน้านะ!"
"อืม แน่นอน"
"เยี่ยม! จำเอาไว้ด้วยละสัญญาแล้วนะ"
ฉันพยักหน้ารับ
สักพักไอซะก็หันถามฉันต่อ ไอซะนะเป็นเด็กหนุ่มดวงตาที่มีดวงตาสีเดียวกับลี แต่ผมของเขาเป็นสีฟ้า
"เออ...โทคิของที่ฝากเอาไว้คงจะเป็นอันนั้นสินะ?"
"ใช้แล้วละ"
ฉันตอบ
"งั้นตอนนี้อยู่ที่บ้านนั้นเธอคงรู้ใช่ไหม? ว่าที่ไหน"
"อืม! แน่นอนสิแล้วเจอกันนะ"
ฉันยิ้มก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับโบกมือลาฉันเดินเข้าไปตามซอยและมาเยือนถึงบ้านหลังหนึ่ง
เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับกองหนังสือบางส่วนที่อยู่บนพื้น และก็มีโต๊ะขนาดไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่จนเกินไปตั้งอยู่และก็มีเก้าอี้อยู่สองตัว
"หนูโทคิใช่ไหม?"
เสียงเรียกนั้นมาจากชายสูงวัยที่มีเคราสีขาวยาวลงมา
ใส่แวนตาวงกลม และส่วมใส่เสื้อสีฟ้ามีหมวกแหลมๆสีฟ้าที่ใส่อยู่บนหัว จากลักษณะการแต่งตัวก็บอกได้แล้วว่าคือพ่อมด
เขาคือพ่อมดเมอร์ลินนั้นเอง
"ใช่ค่ะ"
ฉันว่าพรางโค้งตัวเอ่ยทักทาย
"มาเอาของสินะ รอแปปหนึ่ง"
พ่อมดเมอร์ลินกล่าวก่อนจะหายเข้าไปในห้องหนึ่ง ฉันยืนรออยู่ครู่หนึ่งและก็ตัดสินใจหาอะไรทำแก้เซ็งดีกว่าก็เลยหันซ้ายหันขวาไปเจอกับหนังสือเล่มเดียวที่ตั้งอยู่บนชั้นเก็บของ
ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆนี้มัน?....หมีพูนี้นา? ฉันว่าพรางจะเอื้อมมือไปแตะแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีอีกเสียงเอ่ยขัดขึ้น
"ผมว่าอย่าไปแตะจะดีกว่านะป้าาาา"
ฉันหันไปหาต้นต่อเสียงอย่างหัวเสีย ทำไมนะเหรอ? ไม่ใช่เพราะโดนขัดหรอกนะแต่ว่า.............ใครสั่งใครสอนให้มาเรียกว่าป้ากันหะ!!!
อายุยังไม่ขึ้น30เลย!!แถมยังไม่ถึง20เลยด้วยซ้ำ!! ฉะนที่กำลังจะหันไปต่อว่าอีกฝ่ายแต่แล้วก็ต้องตกใจกลับเด็กผู้ชายที่น่าจะอายุน้อยกว่าฉันสักสิบปี
แต่ทว่าใบหน้าของเด็กคนนั้นกลับเหมือนใคีบางคน
"ชิน!?"
**************************************************************************
[To be Continue]
ยังคงขี้เกียจวาดหน้าปกต่อไป ป.ล. ปกตอน5ได้แล้วแต่ไม่ได้เอามาลง....
ชื่อตอนลางร้ายและการหยุดงานชั่วคราว เห้นชื่อตอนนี้แต่ไม่ได้หยุดจริๆนะเออ =w=
ส่วนตอนที่9คาดว่าอีกหลายอาทิตย์กว่าจะมาลงนะ (มีภารกิจ?แต่งฟิคร่วมกับเพื่อนในอีกidหนึ่งแต่จะกลับมาลงต่อจ้า!!!)
ความคิดเห็น