ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vampire : The Beginning

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 : เรื่องเกิดในทางลับ

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 48


        ที่ แวมไพร์ สคูลในวันจันทร์ เป็นอะไรที่เหมือนกับอยู่ในเซ็นเตอร์ พอยต์ไม่มีผิด มีรถราวิ่งผ่านไปมา สลับกับมอเตอร์ไซค์อิเลคทรอนิคส์ที่ใช้เซนเซอร์เป็นระบบขับเคลื่อน นักเรียนส่วนมากจะไปรวมตัวกันที่ลานน้ำพุกลางแจ้ง บริเวณหน้าตึกเอ็มเมอร์ ซึ่งเป็นตึกใหญ่ของ แวมไพร์ สคูล มีความลับต่างๆมากมายในตึกนี้ ซึ่งคนนอกไม่อาจล่วงรู้ได้

        

        วันจันทร์เป็นวันที่เล็กซ์และคริสว่างทั้งวัน เพราะทางโรงเรียนได้เลื่อนวิชาเรียนส่วนมากของทั้งสองไปเป็นวันศุกร์ เล็กซ์จึงนัดคริสไปฝึกที่หอคอยซันฟอร์ดในชั้นที่สี่(ทั้งสองคนสามารถเคลียส์ชั้นที่หนึ่ง ถึง สามแล้วเมื่อกลางปีที่แล้ว) เพื่อฝึกความคล่องตัวเวลาใช้อาวุธ และความเคยชินต่ออาวุธ

        “เล็กซ์ นายยังใช้คัตเตอร์ เบลดอยู่หรือเปล่า” คริสถามขณะเดินไปที่หอคอย

        “ไม่แล้ว อันนั้นฉันเก็บเข้ากรุไปแล้ว ตอนนี้เราใช้นี่อยู่....” เล็กซ์พูดพลางหาบางอย่างในกระเป๋า

        “เคิร์ส แดกเกอร์! นายไปได้มีดแบบนั้นมาจากไหน...เค้าขายกัน ห้าหมื่นรอนเลยนะ!”

        “พ่อฉันส่งมาให้เมื่อตอนคริสมาสต์ มันเข้าได้ดีกับนิสัยฉันเลยละ ที่สำคัญมันยังติดอัญมณีเพิ่มความสามารถได้อีกตั้งสองเม็ด!”

        “ฉันล่ะอิจฉานายเลยว่ะ แต่อาวุธฉันก็ยังใช้ได้ดีนะ นี่ไง รัมเบิล สตาฟ เพิ่มอัตราการโจมตีของเวทย์มนต์สายไฟฟ้าที่ฉันถนัด”

        “ฉันก็กะจะไปซื้อ วินดี้ อมูเล็ทมาติดอยู่ แต่ราคามันนี่แพงหูฉี่” เล็กซ์บ่น

        “เม็ดละตั้ง สามหมื่นรอน นายไม่ว่าแพงก็บ้าแล้ว” คริสทำตาโตเมื่อพูดคำว่า สามหมื่นรอน

        “แต่ฉันอยากได้มากเลย มันทำให้การผสานระหว่าง วินดี้(ภูติประจำตัวของเล็กซ์) กับอาวุธฉันดีขึ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ต่อเม็ด ถ้าใส่สองเม็ดก็เป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์แน่ะ”

        “อืม ไว้วันเกิดนายฉันจะซื้อให้ ถ้ามีเงินเก็บพอ”

        “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงนายก็ต้องซื้อ Homing Necklace ใหม่อยู่ดี”

        “เออใช่ ฉันยังไม่ได้ซื้อใหม่เลย อันนั้นเพิ่มอัตราการโจมตีเวทมนต์สายฟ้าสามสิบเปอร์เซ็นต์ มากกว่ารัมเบิล สตาฟของฉันอีก”

        “อืม นายน่าจะรีบๆไปซื้อนะ เห็นเค้าว่ากันว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ราคาถูก แถมยังคุ้มอีก”

        “ฉันก็ว่างั้น ตอนนี้รีบเก็บเงินอยู่เนี่ย นั่นเห็นยอดหอคอยละ”

        หอคอยซันฟอร์ดตั้งอยู่ในป่าบัลด๊อกซ์ มีบรรยากาศที่เงียบ สงบ และร่มเย็น มีมอนส์เตอร์อาศัยอยู่ไม่มากนัก เพราะเป็นเขตสงบ จึงมีการจัดสรรพื้นที่บางส่วนเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์และแวมไพร์ พูดถึงแวมไพร์...สมัยนี้แวมไพร์ไม่ดูดเลือดมนุษย์กันแล้ว แต่ที่เรียกกันว่าแวมไพร์นั้น เพราะว่าร่างที่โตเต็มที่จะสามารถงอกปีก และบินได้ และส่วนใหญ่จะมีนิสัยรักสงบ จึงไม่แปลกนักที่จะเห็นแวมไพร์กับมนุษย์อยู่ร่วมกันได้ แต่ก็มีแวมไพร์บางประเภท เช่นสายพันธ์นอสเฟอร์ราตู ที่มีใบหน้าผิดแปลกจากมนุษย์ธรรมดา ซึ่งต้องแยกตัวออกไปอยู่ตามลำพัง เพราะมีใบหน้าที่น่ากลัวนั่นเอง จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

        

        หอคอยซันฟอร์ดมีอยู่สิบชั้น ระดับความยากจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนชั้น ซึ่งถ้าสามรถฝึกถึงระดับที่สิบ จะสามารถกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัวได้ และสามารถงอกปีก ฟัน และเล็บ ออกมา ช่วยเพิ่มสามารถในการต่อสู้ สำหรับสาย เพอร์สพิเคเชียส เมื่อฝึกจนถึงระดับสูงสุดแล้ว จะมีพลังเวทเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และความสามารถในการร่ายเวทย์จะเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม ซึ่งยากที่จะหาคู่ต่อสู้ได้

        “ถึงแล้ว ไปชั้นสี่กัน”

        ทางเดินของหอคอยเป็นหินเก่าๆที่สร้างโดยนักสถาปัตยกรรมผู้หนึ่ง ซึ่งถือว่าขึ้นชื่อมากในด้านการวางแบบแปลนหอคอย จึงไม่แปลกที่หอคอยแห่งนี้จะมีทางเดินลับซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งเล็กซ์และคริสหาเจอแค่สองทางเท่านั้น คือทางเดินที่ซ่อนอยู่หลังรูปปั้นเสือดาวหน้าทางเข้าหอคอย ทางนี้เชื่อมไปถึงชั้นที่สี่ของหอคอย และสองคือทางใต้บันไดเวียน ที่เชื่อมชั้นเจ็ดของหอคอย

        “เข้าทางลับกันเล็กซ์” คริสพูดพลางใช้เวทย์มนต์ที่ตนถนัด เคลื่อนรูปปั้นเสือดาว “ชิฟต์!”



    รูปปั้นเสือดาวค่อยๆเคลื่อนออก เผยให้เห็นถึงทางเดินลับด้านหลังรูปปั้น!



        “ไปกัน!” คริสพูดพลางเดินนำเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรงอะไรทั้งสิ้น สิ้นคำของคริส รูปปั้นเสือดาวก็เลื่อนเข้ามาที่เดิมของมันอย่างรวดเร็ว!



    ครืด...ตุบ!



        “เฮ้! คริส นายเป็นอะไรหรือเปล่า” เล็กซ์ตะโกนอยู่ด้านหน้ารูปปั้น

        “ฉันไม่เป็นไร ว่าแต่ทำไมมันเคลื่อนมาปิดที่เดิมของมันล่ะ”

        “ฉันก็ไม่รู้ พอฉันเดินเข้ามาเสร็จ มันก็เลื่อนมาอยู่ที่เดิม!” คริสตอบกลับมา “ฉันจะลองเลื่อนมันใหม่ดู...ชิฟต์!”



    ไม่มีวี่แววว่ารูปปั้นหินจะขยับ



        “ชิฟต์...ชิฟต์...ชิฟต์!” รูปปั้นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

        “คริส! งั้นฉันจะไปรอนายบนชั้นสี่ละกัน นายรีบๆขึ้นไปนะ” เล็กซ์ตะโกนด้วยเสียงร้อนรน

        “ไม่ต้องห่วง ทางนี้ฉันชำนาญแล้ว!” คริสตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ฉันไปถึงก่อนนายแน่! พนันได้เลย! ไลท์!”

        สิ้นเสียงคริส ก็มีเสียงออกวิ่งอย่างรวดเร็ว สลับกับเสียงย่ำเท้าของอะไรซักอย่างที่ดูจะมีขนาดใหญ่มโหฬาร เล็กซ์ไม่รู้ว่านั่นจะเป็นตัวอะไร แต่สิ่งที่เขาทำได้คือขอให้คริสไปถึงชั้นที่สี่อย่างปลอดภัย

        

    ตึ่กๆ



        “ธันเดอร์....” ประจุไฟฟ้าสีเหลืองขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้นที่ รัมเบิล สตาฟ “โบลท์!” สายฟ้าทั้งหมดพุ่งเข้าไปที่สัตว์ประหลาดตัวเขื่องที่กำลังไล่ตามคริส และ บึ้ม! เกิดเสียงระเบิดขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว!

        “ตายไม๊วะนั่น”

        “ก๊าซซซซซซซ!!!!”

        “ไม่ตายอีก หน็อยแน่ อิเล็คทริคช๊อก!” เกิดลูกบอลสายฟ้าสี่ลูกขึ้นเหนือพื้นที่คริสยืน และพุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาดตัวนั้นในทันที! เลือดสีเขียวสดไหลพรากเหมือนสายน้ำ เสียงโอดครวญของสัตว์ประหลาดดังกึกก้องไปทั่วทางเดิน และแล้วเสียงของเจ้าสัตว์อสูรกายก็หายไป!

        “ตายแล้วแหง” คริสหยุดดีใจได้ซักพักก็....

        “ก๊าซซซซซซซ!!!!” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้น! “เมเทออร์ สไตรค์!” ลูกไฟสีแดงเจิดจ้า ผุดขึ้นในอุ้งเล็บของเจ้าสัตว์ประหลาดและตรงเข้าหาคริสทันที!

        “เฮ้ย สัตว์ประหลาดบ้าร่ายเวทย์ได้อีก!” “ธันเดอร์ ชิลด์!” เกราะสายฟ้าขนาดใหญ่ผุดขึ้นด้านหน้าคริส! ทันทีที่ลูกไฟกระทบกับเกราะ ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ เกิดกลุ่มควันกลุ่มใหญ่ขึ้นในอุโมงค์ ในทันทีที่เจ้าอสูรกายพุ่งเข้ามาและกระแทกคริสเข้าที่หน้าท้องอย่างจัง! คริสทรุดลงกับพื้นในทันที เลือดสีแดงไหลออกมาจากปากและดูท่าว่าจะไม่มีวันหยุด! มันแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียดน่ากลัว และทันใดนั้น!

        “วินดี้! คัสโตดี้!” แสงสีขาวปกคลุมไปทั่วร่างคริส แผลตามตัวคริสเริ่มสมานกัน “เวิลล์วินด์!” วินดี้เริ่มร่ายเวทย์ที่ตนถนัดใส่เจ้าอสูรกาย ทันทีกับที่เล็กซ์พุ่งออกไปพร้อมกับ เคิร์ส แดกเกอร์! “วินด์ สไตรค์” เกิดแสงสีฟ้าครามขึ้นที่มีดของเล็กซ์ ส่องประกายเจิดจ้าทำให้มองเห็นหน้าเจ้าสัตว์ประหลาด “แก...คาเมร่อนนี่เอง! วันนี้แกตาย!”



    ฉึก!



        ในทันใดที่เคิร์ส แดกเกอร์ปักเข้าที่อกของคาเมร่อน เสียงร้องโหยหวนอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นทันที เลือดสีเขียวของคาเมร่อน ไหลพรากไปตามทางที่มันเดินไป แต่ในทางลับนี้ไม่มีทางหนี มันจึงเสียเลือดไปเรื่อยๆ ตาของมันปูดโปนออกมา เผยให้เห็นเส้นเลือดฝอยสีเขียวที่พร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ! ทันใดนั้น เล็กซ์โผล่มาทางด้านหลัง และ



    เบิร์ค!



        วินาทีนั้น ความมืดปกคลุมทั่วร่างของคาเมร่อน และกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมีตาที่ปูดโปนตอนนี้ได้สลายไปแล้ว เลือดสีเขียวสดเจิ่งนองอยู่บนพื้น ปรากฏให้เห็นถึงความน่ากลัวของเคิร์ส แดกเกอร์ และบนพื้นนั้นเอง...!

        “เฮ้ยนั่น Homing Necklace!” เล็กซ์ยิ้มอย่ามีเลศนัยขณะเดินไปเก็บ Homing Necklace

        “เล็กซ์! นายอยู่ไหน!” เสียงคริสดังมาตามทางเดิน

        “ทางนี้ๆ คริส ข้ามีอะไรจะให้นายแน่ะ!”

        “นายจะให้อะไรฉัน แล้วนายเป็นยังไงบ้าง สัตว์ประหลาดล่ะ หายไปไหนแล้ว!” คริสรัวคำถามมาใส่เล็กซ์

        “ข้าจัดการมันเรียบร้อยแล้ว ว่าแต่นี่ไง Homing Necklace ของนาย! ข้าสงสัยว่าไอเจ้านี่มันจะกินของๆนายเข้าไปแหงเลย พอมันตายแล้วฉันก็เห็นมันตกอยู่” เล็กซ์พูดพลางยื่น Homing Necklace ให้คริส

        “ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นมัน มิน่าล่ะ สายฟ้าทำอะไรมันไม่ได้เลย เวทย์สายอื่นฉันก็ไม่รู้ซะด้วย ว่างๆต้องกลับไปให้วินดี้สอนเวทย์สายลมซะแล้ว” คริสพูดพลางเกาหัว “แผลนายล่ะเป็นไงบ้าง”

        “ข้าไม่เป็นไรหรอก ไม่โดนซักแผล!”

        “สมกับเป็นนายเลย ถ้านายได้ วินดี้ อมูเล็ท มาจะเป็นยังไงเนี่ย ฉันคงเทียบนายไม่ติด”

        “ไม่หรอก” เล็กซ์หัวเราะคิกคัก

        “ไปชั้นสี่กัน!” เล็กซ์พูดพลางเดินนำไป “ให้ข้านำนะ ถ้าเจอตัวอะไรนายร่ายเวทย์สนับสนุนฉันละกัน”

        ทางเดินเริ่มมืดลงเพราะเวทย์ไลท์ ที่คริสร่ายเมื่อตอนเข้ามาเริ่มเสื่อมอำนาจ จึงทำให้บรรยากาศวังเวงกว่าปรกติ มีกลิ่นสาบของหนูอุโมงค์ลอยมาตามลม บวกกับกลิ่นคาวเลือดของคาเมร่อนที่ติดอยู่บนเสื้อของทั้งคู่ ทำให้บรรยากาศในตอนนี้เหมือนกับอยู่ในนรกขุมที่สิบแปด

        “ทำไมตอนนายเข้ามา นายเข้ามาเร็วจังเล็กซ์” คริสพูดน้ำเสียงสั่นๆ เพราะความหนาวในอุโมงค์

        “ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกว่าขามันจะไปเอง แต่ข้าว่ามันเริ่มหนาวแล้วล่ะ รีบๆไปกันเหอะ ก่อนจะแข็งตาย”

        “อืม วิ่งๆ”

        ทางเดินของอุโมงค์ใต้ดินเริ่มแคบลง จนเหลือเนื้อที่สำหรับคนเดินไปได้แค่คนเดียว

        “ตะกี้นายมาทางนี้หรอเล็กซ์”

        “อืมใช่ ทำไมหรอ”

        “ฉันว่ามันแปลกๆ”

        “แปลกยังไงล่ะคริส”

        “ฉันว่า.....” “อิเลคทริคช๊อก!” ลูกพลังสายฟ้าตรงเข้าไปที่เล็กซ์ตรงๆ แต่เค้าหลบได้! “นายไม่ใช่เล็กซ์!”

        “หึหึ...รู้งี้แล้ว ก็ตายซะ” “เบิร์ค!” ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมร่างคริส และวินาทีนั้น!

        “ฉันไม่หลงกลท่ากระจอกๆหรอก....อันทวิสต์!” ทันใดนั้น ความมืดก็แตกสลาย และมีแสงสว่างเข้ามาแทนที่! “เจอนี่หนอ่ยเป็นไง ธันเดอร์ สตอร์ม!” สายฟ้านับสิบสาย พุ่งลงมาอย่างบ้าคลั่ง สายฟ้าทุกสายผ่าเข้าใส่ร่างของเล็กซ์ตัวปลอมอย่างเต็มแรง จนในที่สุด!



    ไลท์นิ่ง วะลูทท์!



        ลูกบอลกลมๆที่อัดประจุสายฟ้าแรงสูงจากอากาศ เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นๆ ในมือคริส ยิ่งคริสยกมันสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ลูกบอลพลังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเมื่อมันใหญ่ที่สุด คริสก็ขว้างมันออกไป!

        “ข้าจะฟันมันให้ขาดเลย!” เล็กซ์ตัวปลอมแยกเขี้ยว พลางเงื้อ เคิร์ส แดกเกอร์ออกมา แต่ลูกพลังนั้นมาเข้ามาใกล้ตัวมันเหลือเกิน ทันทีกับที่มีเสียงระเบิด!



    บึ้ม!



        ลูกบอลสายฟ้าปะทะกับร่างของเล็กซ์ตัวปลอมอย่างจัง! สายฟ้าเป็นล้านๆโวลท์พุ่งผ่านทะลุร่างไปทั่วทั้งร่างของเล็กซ์ตัวปลอม สายฟ้า...ในที่สุดอัดร่างของเล็กซ์ตัวปลอมจนแหลกเหลว ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นดี กระดูกทุกชิ้นป่นปี้กลายเป็นผุยผงลอยไปกับอากาศ ยกเว้นเคิร์ส แดกเกอร์ที่หล่นอยู่ข้างๆ

        “หน็อย! คิดมาหลอกให้ฉันเดินวนไปวนมา นึกว่าฉันไม่รู้หรอ แต่ก็โชคดีได้ เคิร์ส แดกเกอร์อีก รวยเละแน่เรา” คริสเดินไปยิ้มไป จนออกจากอุโมงค์

        “เป็นไงมั่งอ่ะคริส กว่านายจะออกมา ไหนว่าจะมาก่อนฉันไง” เล็กซ์รีบวิ่งเข้ามาสมทบ

        “พอดีมีเรื่องนิดหน่อย ฉันได้นี่มาด้วย เคิร์ส แดกเกอร์!” คริสรีบโชว์ไอเทมที่พึ่งเก็บได้

        “โห! นายไปได้มายังไงเนี่ย” เล็กซ์ทำตาโต “ติดอัญมณีได้สามก้อนแน่ะ!”

        “งั้นนายก็เอา เคิร์ส แดกเกอร์ของนายมาให้ฉัน แล้วนายเอา เคิร์ส แดกเกอร์ที่ฉันได้มาไป มันติดอัญมณีได้มากกว่าอันนึง ราคาคงไม่เพิ่มซักเท่าไหร่หรอก”

        “มันจะดีหรอ”

        “ดีซิ ก็เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ”

        “งั้นก็ได้ ฉันขอรับไว้ละกัน” เล็กซ์พูดพลางยื่นหมูยื่นแมวกับคริส “ขอบใจนายมากนะ ฉันจะไม่ลืมเลย!”

        “ไม่เป็นไรๆ แต่ว่า...ฉันได้ Homing Necklace ของฉันคืนมาด้วยล่ะ!” คริสพูดพลางทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นในอุโมงค์ให้เล็กซ์ที่ยืนขมวดคิ้วฟัง

        “แต่ฉันไม่เข้าใจว่า มันรู้ได้ไงว่านายทำ Homing Necklace หาย และ ทำไมมันใช้ท่าเหมือนฉันทุกอย่าง” เล็กซ์พูดด้วยความงุนงง “และจุดประสงค์ของมันคืออะไร...แต่โชคดีแล้วที่นายไม่เป็นอะไรมาก เจ้าคนที่มาวันนี้ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย นายปลอดภัยฉันก็ดีใจแล้ว!”

        “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเอาอะไรกับฉัน แต่ว่าครั้งหน้า น่าจะมีพวกเก่งๆมาอีกแน่เลย พวกเราไปฝึกกันดีกว่า จะได้ไม่น้อยหน้าคนที่หวังร้ายพวกเรา!”

        “อืม…เอางั้นก็ได้ ไปกัน!”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×