ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vampire : The Beginning

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : แวมไพร์ สคูล

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 48


    นับตั้งแต่วันที่ผมจำความได้ วันนั้นเป็นวันที่หนาวเหน็บและสุดแสนจะทรมานที่สุด เท่าที่เด็กอายุ 16 ทุกๆคนจะนึกได้ มันเริ่มจากตอนที่ผมกำลังนอนเล่นคิดถึง แอนนา อยู่บนเตียงผมสบายๆ จู่ๆหน้าต่างข้างเตียงก็เปิดขึ้น มีเงาตะคุ่มก้าวผ่านเข้ามา ผมมองมันไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก รู้สึกได้แต่เพียงความสยดสยองของสิ่งนั้น ผมมีความรู้สึกเสียวซ่านลึกไปจนถึงกลางใจ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับจะโดนแช่แข็งให้อยู่กับที่ ปากของผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับ มันขยับเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนในที่สุด มันมายืนอยู่ข้างๆเตียง และทันใดนั้นพื้นที่รอบๆก็กลายเป็นสีขาวโพลน หน้าต่างข้างเตียงก็ยังเปิดอยู่ ม่านที่หน้าต่างยังปลิวพริ้วไหวกับสายลม เสียงแมลงต่างๆที่พากันร้องแข่งกันภายในสวน แต่เจ้าตัวนั้นได้หายไปเสียแล้ว - - ผมไม่รู้ว่านั่นคือความฝันหรือไม่ แต่เท่าที่รู้ๆ มันเปลี่ยนชีวิตผมจากหน้ามือ เป็นหลังมือ



    - - - - -



        “เฮ้! เล็กซ์ นายกำลังหลับอยู่ในคาบของสุดโหด ฮาร์เวิร์ด นะ” คริสเพื่อนสนิทผมกระซิบบอกที่ข้างหู ขณะเดียวกับที่ผมอ้าปากหาวอย่างงัวเงีย “นายฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้วหรอ”

        “ช่ายยยยยยย” ผมลากเสียงยาวๆ

        “เฮ้อ…ฉันล่ะสงสารนายจริงๆ เรื่องไม่เป็นเรื่อง”

        “แต่นายจะ…”

        “เฮ้! พวกนายสองคน คิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ฮึ!” เสียงตะโกนดังมาจากหน้าห้อง

        “เล็กซ์ ฉันว่าเราซวยกันแล้วล่ะ” คริสกระซิบเบาๆ

        “เออ คงงั้น”

        “มิสเตอร์ เล็กซ์ สตีเวนสัน และ มิสเตอร์ คริส เฟอร์แดน!”

        “เอ่อ…ไม่มีอะไรครับอาจารย์ฮาร์เวิร์ด”

        “โกหกหน้าด้านๆ ทั้งสองคน ไปยืนคาบไม้บรรทัดหน้าห้อง ไป!” เสียงตะคอกดังกลับมา ตามมาพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเยาะจากเพื่อนๆทั้งห้อง



    ปัง…เสียงประตูห้องเลื่อนปิดตามหลังเหมือนจะเยาะเย้ยพวกผม



        “วันนี้มันซวยสุดกู่เลยจริงๆ” คริสบอกผมพลางทำหน้ามุ่ย

        “ไมอ้ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงงงๆว่าเพื่อนตัวดีของผมไปทำอะไรอีก

        “ก็เมื่อเช้าอ่ะดิ ตอนฉันกำลังฝึกอยู่ที่หอคอยซันฟอร์ด อุตส่าห์ผ่านไปถึงระดับที่สามได้แล้ว กลับเจอตัวอะไรรู้มั้ย” คริสพูดพลางบีบเสียงให้แหลมเล็ก

        “ไม่รู้” ผมพูดอย่างหมดอารมณ์

        “ก็ไอเจ้าคาเมร่อนไง”

        “หา! คาเมร่อนหลงมาอยู่ในระดับสามหรอ” ผมเบิ่งตากว้างและเกิดอาการณ์งงสุดขีด ช่าย ผมลืมบอกไป ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่ แวมไพร์ สคูล ในเมืองฮูกอน ทวีปเคียรอส เป็นโรงเรียนที่สอนวิธีการเอาตัวรอด การพบปะผู้คน(ที่เป็นมนุษย์จริงๆ) และการต่อสู้ ผมสนใจอย่างหลังสุดนี่แล่ะ เพราะงั้นผมถึงเลือกเรียนสาขา ไฟท์ติ้ง คอมแบท แต่คริสเพื่อนผมมันไม่สนใจเลย เอาแต่จะเรียนสาย เพอร์สพิเคเชียส อย่างเดียว หรือที่เรียกกันง่ายๆก็คือสายเวทย์มนต์น่ะแล่ะ

        “แล้วนายเจอคาเมร่อนแล้วนายทำไงอะ” ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

        “ถามได้ ก็หนีสิ เวทย์สายฟ้าของฉันทำอะไรมันได้ซะที่ไหนล่ะ ถ้าเป็นนายก็ว่าไปอย่าง” คริสตอบแบบเหนื่อยเต็มทน “และไอที่ว่าซวยก็นี่หลังจากนั้นแล่ะ คือว่า Homing Necklace ของฉันหาย!”

        “Homing Necklace! หนึ่งหมื่นห้าพันรอนบินหายไปกับสายลม!” ผมพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

        “ใช่ดิ กว่าฉันจะหามันมาได้ เลือดตาแทบกระเด็น แต่มันดันกลับมาหายเนี่ยสิ ซวยมั้ยล่ะเนี่ย”



    ออด…



        “เฮ้อ…เอาเหอะ ไว้ฉันจะไปช่วยหา ออดดังแล้ว ต้องรีบไป”

        “อืม โอเคเล็กซ์ แล้วเจอกันคาบห้า”

        “แล้วเจอกัน”



    วินาทีนั้นร่างของผมและคริสก้อไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว



        “แฮ่กๆ เกือบไม่ทันแล้วมั้ยล่ะวิชา ไฟท์ติ้ง คอมแบท”

        “มิสเตอร์ เล็กซ์ สตีเวนสัน” เสียงตะโกนของอาจารย์นัปป้า ครูประจำวิชานี้ ดังขึ้น

        “มาครับ!” ผมขานรับ ทันทีที่วิ่งผ่านประตูห้อง

        “โอเค มากันครบทุกคนแล้วนะครับ…ผมจะเริ่มล่ะนะ เชิญนักเรียนทุกคนนำอาวุธประจำตัวออกมาวางไว้ และฟังผมพูดให้ดีๆนะ” อาจารย์นัปป้าพูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆชั้นเรียน “ตั้งแต่วันนี้ไป ผมจะให้ทุกคนไปฝึกที่ หอคอยซันฟอร์ดที่ระดับ 2 นักเรียนทุกคนต้องผ่านไปถึงระดับที่ 5 ให้ได้ ภายในเวลา หนึ่งเดือน มิเช่นนั้นแล้ว ผมจะถือว่าคุณหมดคุณสมบัติที่จะเป็นแวมไพร์สาย ไฟท์ติ้ง คอมแบท”

        เสียงโอดครวญของนักเรียนที่อยู่ในห้องดังขึ้น…ระดับที่ 5 อาจารย์นัปป้าคงจะพูดอะไรผิดไปแน่ๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้ แค่หนึ่งเดือน จะให้พวกเราทุกคนฝึกที่หอคอยซันฟอร์ดไปจนถึงระดับที่ 5 อาจารย์คงพูดอะไรผิดไปแน่ๆ

        “เอ่อ..อาจารย์คะ” ในที่สุด แคลร์ ซีลิงตัน ผู้หญิงที่ตัวเล็กที่สุดของห้องก็เอ่ยขึ้นอย่างหวาดระแวง“ดิฉันคิดว่า การที่พวกเราจะผ่านหอคอยซันฟอร์ด จากระดับที่สอง ไประดับที่ห้าในเวลาหนึ่งเดือน เป็นงานที่สุดหินทีเดียวนะคะ…”

        อาจารย์นัปป้าเลิกสายตาขึ้น และมองไปทางเธออย่างช้าๆ พร้อมกับสายตาของนักเรียนทั้งชั้นแสดงความเห็นด้วย ยกเว้นผม เพราะยังไงๆผมก็ผ่านระดับที่สามตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว แล้วอีกแค่ระดับเดียวจะกลัวอะไรเนอะ

        “ผมว่าผมยังพูดไม่จบนะ…ผมบอกให้ทุกคนไปฝึก แต่ผมไม่ได้บอกว่าจะให้พวกคุณไปกันแค่คนเดียว” อาจารย์นัปป้าเอ่ยขึ้น “ในที่นี่ ผมจะให้นักเรียนไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามถึงห้าคน โดยให้พวกเธอไปจับกลุ่มกันเอาเอง และจะใช้อาวุธอะไรก็ได้ ตามแต่จะชอบ”

        เฮ้อ…กลุ่มละสามถึงห้าคน สบายละ ทีนี้จะได้อยู่กลุ่มเดียวกับแอนนาแล้ว ผมนั่งเหม่อลอยไปเรื่อยๆจนอาจารย์นัปป้าพูดขึ้นมาอีกรอบ

        “โอเคครับ งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วเจอกันครับ” อาจารย์นัปป้าพูดพลางเก็บหนังสือ ผมไม่เห็นว่าจะได้ใช้หนังสืออะไรเลยในการเรียนวิชานี้ แต่อาจารย์นัปป้าจะพกหนังสือเล่มนี้อยู่กับตัวตลอด “และเอ้อ…วันศุกร์หน้าขอให้ทุกคนไปเจอกันที่หอคอยซันฟอร์ดนะครับ” อาจารย์รีบหลบหน้าออกไป พร้อมด้วยคำพูดทิ้งท้าย “ขอให้โชคดีครับ”

        ผมเลยเดินไปหาแอนนา เธอกำลังจ้ออย่างสนุกสนานอยู่กับ คริสติน และ เอมิลี่ เพื่อนสาวทั้งสองของเธอ ทั้งสามคนนี้เป็นแวมไพร์สาย ไฟท์ติ้งคอมแบทเหมือนกับผม เพียงแต่มีธาตุรับใช้คนละธาตุเท่านั้นเอง แอนนาจะถนัดในการใช้ภูติสายไฟ คริสตินจะมีภูติสายน้ำเป็นมือขวา และเอมิลี่ผู้ที่ใช้ภูติสายดิน(เป็นสายที่มีกำลังมากที่สุด ในบรรดาทุกสาย เน้นกำลังเป็นหลัก) ส่วนผมน่ะสายลม(คงเพราะผมหนีเก่งด้วยมั้ง อิอิ)

        “อ้าวนั่น เล็กซ์ นี่” คริสตินพูดขึ้นขณะกำลังดึงอะไรออกจากกระเป๋าเธอ

        “เป็นไงมั่งจ๊ะเล็กซ์  ถ้าให้ฉันเดาเธอจะมาชวนชั้นอยู่กลุ่มเดียวกับเธอล่ะสิท่า” แอนนาพูดกับผมอย่างรู้ใจ

        “ช่ายแล้ว รู้ดีจังนะยายตัวยุ่ง” ผมพูดพลางหัวเราะคิกคัก

        “ชั้นว่าแล้ว” เอมิลี่ยิ้มให้ผม และหันไปคุยกับแอนนาต่อ “เธอจะว่าไงล่ะแอนนา กลุ่มเราจะได้มีครบสี่ธาตุไง”

        “รับได้อยู่แล้วล่ะ อย่างน้อยก็มีผู้ชายซักคนในกลุ่ม เอามาเป็นเบ๊พวกเราซะเลย” แอนนาพูดพลางปล่อยก๊ากครั้งใหญ่ เธอนี่…ตัวแสบเลยล่ะ

        “โอเคๆ งั้นเป็นอันว่าเรามีกลุ่มแล้วนะ อย่าเปลี่ยนใจไล่เราออกซะล่ะ” ผมพูด “งั้นเราไปล่ะ เดี๋ยวไม่ทันคาบหน้า” ผมลาสามสาว และวิ่งขึ้นบันไดวนไปชั้นที่เจ็ดสิบ มันเป็นชั้นที่ผมต้องเรียนต่อคาบหน้า บันไดวนของที่นี่จะสูงมาก ทำให้นักเรียนแต่ละคนเหนื่อยก่อนที่จะขึ้นไปถึงชั้นบนๆ ลิฟต์ก็มีอยู่แค่ตัวเดียว เลยทำให้ทุกคนต้องแย่งกันใช่ แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ทางโรงเรียนได้สั่งซื้อเครื่อง กราวิตี้ อินเวอร์ชั่น เพื่อใช้ควบคุมแรงดึงดูดเมื่ออยู่บนบันได เจ้าเครื่องนี้มีหน้าที่ลดแรงโน้มถ่วงเวลาวิ่ง-ลงบันไดวน แต่นักเรียนจะสามารถขอความสามารถของเจ้าเครื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อ มีรายงานการเข้าชั้นเรียนที่สม่ำเสมอ ไม่โดดเรียนไปที่อื่น ทางโรงเรียนถึงจะยอมอัปเกรดรองเท้าให้ รองเท้าของพวกผมสามารถทำอะไรได้หลายๆอย่าง แต่ไว้จะอธิบายให้ฟังละกัน ตอนนี้ผมต้องรีบวิ่ง(เดี๋ยวจะไม่ทันคาบต่อไป)



    - - - - -



    พอมาถึงชั้นที่เจ็ดสิบ ผมก็เจอคริสยืนรอผมอยู่บริเวณหน้าห้องเรียนพอดี ผมก็พอจะเข้าใจเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงไม่ยอมเข้าไปในห้องถ้าไม่มีใครเข้าไปด้วย

    “เฮ้ยเล็กซ์ นายเกือบสายซะแล้ว นั่นอ่ะ เดวี่มาแล้ว” คริสพูดพลางชี้มือไปที่อาจารย์ที่ประจำวิชานี้ ชื่อของเค้าคือ เดวิด แต่พวกเราเรียกเดวี่ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ก็ท่าทางเค้ามันยังไงไม่รู้สิ ต้วมเตี้ยม ตุ้งติ้ง ผมกับคริสเลยเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ซะเลย

    “เข้าห้องสิฮ้า มิสเตอร์ เฟอร์แดน กับ มิสเตอร์ สตีเวนสัน” ผมกับคริสเดินตามอาจารย์เดวี่เข้าไปในห้อง และนั่งลงบนที่นั่งที่คิดว่าไกลที่สุดจากเขา

        “วันนี้นะฮ้า…” ครูเดวี่เริ่มพูด “ครูจะสอนวิธีการออกเสียงภาษาฝรั่ง หรือภาษาอังกฤษน่านแล่ะฮ่ะ” น้ำเสียงของอาจารย์เดวี่ ทำเอาผมเกือบอ้วก คริสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆถึงกับหัวเราะตัวงอ “อย่างแรกนะฮ้า คำว่า ออฟเซอร์เวชั่น ทุกคนพูดตามครูนะฮ้า…..ออฟเซอร์เวชั่น”

    “ออปเซอเวช่าน” เสียงนักเรียนเปล่งเสียงพูดพร้อมกัน    

    “ไม่ใช่ค่ะๆ คำว่า ออฟ ต้องมีเสียง ฟ และเซอร์ ต้องมี ร เรือ ด้วยนะฮ้า” อาจารย์เดวี่ พยายามอธิบายเสียงอันแหลมเล็กของเขาทำเอาผมแสบแก้วหูไม่ใช่น้อย “นักเรียนลองพูดสิคะ”

    “ออฟเซอเวชั่ง”

    “ออฟเซอร์เวชั่นค่ะ ไม่ใช่ออฟเซอเวชั่ง ไหนพูดพร้อมกันอีกรอบสิคะ”

    “ออปเซอร์เวชั่น”

    “จะดีแล้วค่ะ เหลือแต่ตรง ออฟ นะค้า เอ้า นักเรียนทุกคนพูดใหม่สิค้า”

    “เฮ้อ เราโตกันแล้วนะ ทำไมต้องมาทำอะไรไร้สาระอย่างงี้ด้วย” ผมคิดพลางพูดไปเรื่อยๆ “ออฟเซอร์เวชชั่น….ออฟเซอเวอร์ชั่น…ออฟเซอร์เวชั่น!”

    “อุ้ย ตะกี้ใครพูดฮ้า” ครูเดวี่พลันทอดสายตาไปรอบๆห้อง

    คริสเมื่อเห็นดังนั้น ก็รีบดึงมือของผมที่วางอยู่ให้สูงขึ้น แต่ผมไม่ยอม เจ้าเพื่อนตัวดีเลยบอกครู

    “เล็กซ์ ครับครู” คริสพูดพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ร้อน

    “เล็กซ์ สตีเวนสัน” ครูเดวี่พูด “เล็กซ์ สตีเวนสัน ใช่มั้ยคะ”

    “ครับครู ตะกี้ผมพูดครับ” ผมโดนต้อนซะจนมุม เลยต้องโอเคตามๆไป

    “งั้นไหนลองพูดให้ครูฟังสิคะ” ครูเดวี่พูดพลางทำตาหยาดเยิ้มมาที่ผม ทำเอาผมขนลุกซู่เลย วิชานี้จะอีกยาวนานซักแค่ไหนนะ แค่คิดผมก็หนาวแล้ว…
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×