ตอนที่ 17 : ► INFINITY TAPLET :: Ch.15 ◄ Over you.
15
Over you.
-___-;; เฮ้อ~
นี่ฉันนั่งถอนหายใจรอบที่เท่าไรแล้วเนี่ย สามวันฉันยังไม่โผล่ออกจากคอนโดไปไหนเลย มีแต่เบสบอลที่เดี๋ยวนี้ดูขยันแปลกๆ ทั้งอาสาออกไปซื้อข้าวให้ ออกไปจ่ายค่าคอนโดให้ หรือแม้แต่ปัดกวาดเช็ดถู เบสบอลมันก็อาสาทำให้หมด เพียงเพราะมันบอกว่า ฉันจากที่นี่ไปนาน จนมันทำซะชินไปแล้ว
แหม...พูดยังกับว่าฉันไปจากที่นี่สองปีเต็ม
“เจ๊โบ ^__^” ฉันที่ยังนินทามันในใจไม่เสร็จ เบสบอลก็หมุนเก้าอี้เรียกชื่อฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ผมไม่ว่างช่วงนี้นะ ผมต้องเตรียมตัวแข่งขันเกมส์ออนไลน์ ถ้าผมแพ้ผมต้องขายขี้หน้าแคสเกมส์คนอื่นแน่ๆ...”
“เอาสั้นๆ -___-“
“ไปซักผ้าให้ผมหน่อยคร๊าบ ^0^”
“ก็แค่นั้น”
ฉันอยู่กับน้องชายผู้แสนงามมาตั้งแต่เกิด พอมันพล่ามอะไรยาวๆ ฉันก็พอจะจับไต๋มันออก ว่ามันพยายามหาข้ออ้างทำให้มันดูดีขึ้น และครั้งนี้ก็เช่นกัน มันก็ใช้ฉันทางอ้อมอีกตามเคย มันก็เลยยกเรื่องเกมส์ปัญญาอ่อนมาอ้าง
ฉันส่ายหน้าให้มันที่ยังยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปที่ตะกร้าผ้า ดีไปอย่างที่มันเป็นสุภาพบุรษพอที่จะไม่โยนซากกางเกงในหมายเลข 8 ไว้ให้ฉันซัก ไม่งั้นฉันต้องกลายเป็นบ้าแน่ๆ ที่ต้องมาซักกางเกงในให้ผู้ชายอายุอานามห่างจากฉันเพียงปีเดียวเนี่ย
“รักนะครับ เจ๊คนสวยอาหมวยของเบสบอล จุ๊บ! -3-“
เดี๋ยวแม่ปาตะกร้าแตก!
เบสบอลหันมาส่งจูบให้ฉันด้วยท่าทางกวนๆ ก่อนที่มันจะหันกลับไปเล่นคอมแล้วพูดอยู่คนเดียว ที่จริงมันก็พูดใส่ไมค์กับคนอื่นเนี่ยแหละ แต่มันใส่หูฟัง ฉันจึงไม่ได้ยินเสียงของฝั่งตรงข้ามที่มันพูดคุยด้วย
ฉันหยุดคิดเรื่องของน้องชายตัวเอง แล้วหันมาสนใจตะกร้าผ้าในมือ ว่าฉันจะเอามันลงไปยังไงดี ลิฟท์ฉันก็ยังไม่ได้จ่าย แต่เอาเถอะ ยอมเหนื่อยเดินลงไม่กี่ชั้น เรื่องแค่นี้สบายสำหรับฉันไปแล้ว T^T
“พ่อหนุ่มหล่อข้างล่างนี่ใช้ได้เลยเนอะ แหม...หล่อกว่าพระเอกดาราช่องสิบเจ็ดอีก”
“จริงๆ ด้วย หล่อกว่าพระเอกลิเกคณะบ้านหนองแคบอีก โอ๊ย~ ถ้าเป็นลิเกจริงๆ ฉันจะซื้อพวงมาลัยกับที่ดินให้แล้วเนี่ย”
ฉันชะงักฝีเท้าที่กำลังจ้ำอ้าวทันทีที่ได้ยินเสียงสองแม่บ้านขาเมาส์เจ้าประจำกำลังพูดถึงเรื่องผู้ชายที่ชอบแวะเวียนมาที่คอนโด และวันนี้คงเป็นอีกวันที่ป้าแกเมาส์เรื่องผู้ชายหน้าตาดี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาถ้าไม่ติดที่ว่าประโยคเมาส์ของป้าๆ แกดันไปคล้ายคลึงกับประโยคเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้าที่ฉันจะได้พบกับแท๊ปเล็ต แต่ช่างเถอะ! ผู้ชายที่ป้าแกว่าเยอะแยะจะตายไป ทำไมฉันต้องไปนึกถึงนายนั่นด้วยนะ
ฉันปัดความคิดทุกอย่างแล้วมุ่งหน้าลงไปชั้นล่างสุด พอฉันมาถึงหน้าร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ ฉันก็อดใจไม่ได้ที่จะมองหารถคันสีดำว่ามีมาจอดหน้าคอนโดหรือเปล่า แต่กลับไม่มีวี่แววรถคันดั่งกล่าวสักนิด ฉันเลยได้แต่ถอนหายใจพลางเดินเข้าร้านอย่างคอตก ฉันก็ลืมไป เขาจะมาหาฉันเพื่ออะไร ฉันจะหวังไปเพื่ออะไร คราวที่แล้วที่เขามาเพียงเพราะเขาทำตามหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายก็แค่นั้น...
หลังจากที่ฉันนำเสื้อผ้าในตะกร้าลงปั่นในตู้ซักผ้า ฉันก็นั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ยี่ห้อแซมซังซุปเปอร์แมน =w= ดูชื่อยี่ห้อก็พอจะรู้แล้วนะ ว่ามันทนทานมือมากแค่ไหน แทบจะปาหัวหมาแตกอะไรทำนองนั้น
“นั่งเล่นแต่มือถือแบบนี้ ไม่เบื่อเหรอ ^^”
O.,o!!
ฉันรีบเงยหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงของคนตรงหน้า ผู้ชายร่างสูงหุ่นนายแบบสวมเพียงเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำซีด เขาขยับแว่นสีชาเล็กน้อยพร้อมกับยืนมองฉันด้วยสีหน้ากวนๆ นี่มัน...
“ไปเปอร์!”
“เรียกชื่อฉันซะดังแบบนี้ แปลว่ายังจำฉันได้ไม่เปลี่ยนแปลงสินะ ^^”
“คะ คือฉันต้องรีบธุระ ขอตัวนะ...”
ฉันรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วทำท่าจะเดินออกจากร้านซักผ้า แต่ฉันกลับถูกผู้ชายนามว่าไปเปอร์ดึงแขนฉันไว้แน่น จนฉันไม่สามารถดิ้นหลุดจากน้ำมือเขาได้เลย
“บาโบ...” น้ำเสียงเรียบเย็น ทำเอาฉันรู้สึกใจไม่ดี ฉันค่อยๆ หันไปมองหน้าเขาอย่างช้าๆ “เธอหนีหน้าฉันแบบนี้ หมายความว่ายังไงกัน!”
“อะ เออ...”
น้ำเสียงสุดท้ายของไปเปอร์กระแทกเสียงจนฉัน ถึงกับสะดุ้งเฮือก ถึงมันจะเป็นน้ำเสียงคล้ายกระซิบและดูกดเสียงก็ตาม แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกกลัวและหวั่นใจแปลกๆ
ผู้คนรอบๆ ข้างที่นั่งรอเสื้อผ้าของตัวเองก็หันมามองที่ฉันกับไปเปอร์เป็นตาเดียว ตอนนี้แรงบีบจากข้อมือเริ่มทวีแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกปวดทันที
“ไปข้างนอกกับฉันซะ”
และนั่นคงเป็นคำสั่งที่ดุเดือดที่สุดของไปเปอร์ก็ว่าได้ จึงทำให้ฉันเดินตามแรงฉุดไปอย่างว่าง่าย เพราะถ้าฉันยังคงฝืนตัวเองไว้ มือของฉันต้องหักเป็นเสี่ยงๆ แน่
ไปเปอร์พาฉันมาถึงลานจอดรถของคอนโด รถสีขาวสะอาดยี่ห้อหรูจอดนิ่งดูเป็นสง่ากว่ารถคันอื่น ถ้าเป็นแต่ก่อนฉันคงอยากจะขึ้นไปข้างในให้รู้แล้วรู้รอด แต่ตอนนี้กลับไม่ เพียงเพราะเจ้าของของมันทำให้ฉันไม่ไว้ใจ ทำให้ฉันกลัวอย่างบอกไม่ถูก ฉันได้แต่มองหน้าผู้ชายร่างสูงที่จ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่วางตา ก่อนที่เขาจะเปิดประตูและผลักตัวฉันเข้าไปข้างในรถอย่างง่ายดาย ฉันที่พยายามจะเปิดประตูออกแต่กลับทำไม่ได้ เพราะเจ้าของได้ล็อกมันไว้เหมือนกับที่แท๊ปเล็ตเคยทำกับฉันก่อนหน้านี้ ทำให้ฉันได้แต่นั่งร้อนรนอยู่ในรถอึดอัดนี่!
“ปะ ไปเปอร์...นายจะพาฉันไปไหน”
T^T ฉันยอมเสี่ยงตายถามคำถามนี้ไปทันทีที่เขาขึ้นมาในรถด้านคนขับ คนถูกถามหันมายกมุมปากเหยียดๆ ใส่ฉัน ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วมุ่งหน้าออกจากคอนโดฉันทันที
“ฉันก็แค่อยากพาเธอไปกินข้าวแบบไอ้แท๊ปเล็ตบ้าง”
“แต่ฉันไม่ว่าง ฉันต้อง...”
“ฉันมีความลับของแท๊ปเล็ตจะมาบอก เธออยากรู้มันไหมล่ะ”
“...” ฉันหันไปมองเขาอย่างสงสัย นี่เขาต้องการอะไรจากฉันกัน!
“ฉันจะบอกมันให้เธอรู้เอง ^^”
เชื่อเลยว่าไอ้คำพูดแค่ไม่กี่คำจะสามารถทำให้ฉันนั่งรถมาถึงร้านอาหารไทยบ้าๆ นี่ได้ แม้ในรถจะมีแต่สถานการณ์อึดอัดเพราะฉันต้องทนฝืนสายตาที่มองมาเป็นระยะของไปเปอร์ ฉันเลยทำได้เพียงมองออกนอกหน้าต่างและปิดปากเงียบมาตลอดทาง
เมื่อไปเปอร์ลงจากรถ ฉันจึงรีบออกจากรถโดยไม่ต้องให้สุภาพบุรุษมาเปิดประตูให้เหมือนในหนัง ร้านอาหารไทยหรูตั้งอยู่กลางใจเมือง แถมอยู่แถวบริเวณโรงเรียนฉันด้วย แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาจะพาฉันมาที่นี่ทำไม ถ้าเขาจะคุยธุระจริงๆ ก็น่าจะคุยที่ร้านซักผ้าก็ได้นะ T_T
“นายมีอะไรก็ว่ามาสิ”
ฉันเปิดประเด็นทันทีที่ฉันและไปเปอร์เข้ามานั่งในร้าน ไปเปอร์ซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามกับฉันยักคิ้วให้ฉันก่อนทีนึง แต่ก็ยังไม่ยอมตอบฉันสักคำ แถมยังเปิดเมนูหน้าตาเฉยด้วย
ไอ้หมอนี่มันกวนประสาทยิ่งกว่าแท๊ปเล็ตเสียอีก!
“ผมขออาหารที่ขึ้นชื่อของทางร้านมาสักสิบอย่างครับ ^^”
ไปเปอร์หันไปสั่งพนักงานจดเมนู ก่อนจะหันมาส่งยิ้มพิมใจให้ฉัน ถ้าเป็นแต่ก่อนฉันคงจะละลายไปรวมกับน้ำในแก้ว แต่ตอนนี้ไม่!
แม้แต่เขินก็ไม่มี!
“นายต้องการอะไรกันแน่ ไปเปอร์!”
“จุ๊ๆ อย่าเสียงดังไป ฉันออกจะดังนะ ฮ่าๆ”
ขำตายล่ะ ไอ้ปลาหมอสองหัวเอ๊ย!
“นี่นายจะพาฉันมาป่วนประสาทเล่นหรือไง ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ว่าง!”
“เดี่ยวเธอได้ว่างแน่ ถ้าฉันพาเธอมาเพื่อบอกความลับของวิศวะ”
“ใครคือวิศวะ? -___-“
“แท๊ปเล็ต ^^”
แล้วแกจะพูดชื่อจริงนายนั่นให้เข้าใจยากไปเพื่ออะไร นี่จะกวนประสาทฉันให้ตายชักน้ำลายฟูมปากไปตรงนี้เลยหรือไง ใครก็ได้ฆ่ามันที T^T
“นายจะพูดอะไรก็รีบๆ พูดซะ ฉันจะกลับไปซักผ้า!”
“ว้าว~ อาหารน่ากินทั้งนั้นเลย”
นายนี่ไม่สนใจฉันอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ พนักงานเสริฟนำอาหารที่ไปเปอร์สั่งมาวางไว้บนโต๊ะ อาหารไทยที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ฉันขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นอาหารแต่ละอย่างเหมือนกับเมนูที่ฉันเคยสั่งตอนไปกินข้าวกับแท๊ปเล็ตที่ร้านแซ่บหลายเปี้ยบ นี่ไปเปอร์จงใจหรือมันบังเอิญกันแน่!
“ถ้านายไม่พูดอะไร ฉันกลับก่อน...”
“ไม่กินอาหารด้วยกันหน่อยเหรอ”
“ไม่!” ฉันตอบโดยไม่ต้องคิดให้เมื่อยสมอง
“อืม ก็ดี ความลงความลับไม่ต้องรู้มันแล้วเนอะ”
จากที่ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก็ต้องนั่งลงทันที แพ้ไอ้หมอนี่ตลอดเลยอ่ะ T_T แต่แทนที่เขาจะบอกความลับนั่นกับฉัน กลับเป็นว่าฉันต้องมานั่งดูเขาซดน้ำแกงอย่างเอร็ดอร่อย นี่มันเกิอะไรขึ้น! มันว่างมากถึงขนาดพาฉันมานั่งดูมันกินข้าวเลยเหรอ~
แกร๊ง~!
ฉันหันไปมองที่ประตูร้านทันทีที่ได้ยินเสียงกระดิ่งแขวนหน้าประตูดังขึ้น นั่นจึงเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน แต่มันจะดีมากถ้าลูกค้าที่ไม่ใช่...
“แท๊ปเล็ตขา~ วันนี้จะกินอะไรดีคะ?”
เสียงคะขาเจื้อยแจ้วฟังแล้วขนลุกดังออกมาจากปากผู้หญิงข้างๆ แท๊ปเล็ต เธอเกาะเขาแน่นยังกับปลิงแม่น้ำนามว่า มาร์ตี้ -*- วันนี้เธอแต่งตัวเดรสสั้นสีเขียวสว่างจนฉันแสบตาทันทีที่มองไป ผู้ชายข้างๆ เธอทำหน้าเซ็งเป็ดเล็กน้อย ก่อนที่สายตาของเขาจะมาปะทะเข้ากับสายตาของฉันที่จ้องมองเขาอยู่ นั่นจึงทำให้ฉันหลบสายตาตกใจของเขาทันที
“หึ! ทำไมทำหน้าซีดแบบนั้นล่ะ ^^”
คำพูดหยอกล้อของผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉันที่กำลังซัดข้าวเหมือนอดยากมาสามชาติกว่าถามฉันขึ้น ดีใจก็ดีใจนะที่ได้เจอแท๊ปเล็ต แต่พอเห็นผู้หญิงที่กับเขาด้วยแล้ว ใจฉันกลับหวั่นๆ และสั่นแปลกๆ ความรู้สึกมันจุกอยู่ที่หน้าอก มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ...
“ฉัน...”
“อ้าว...ไปเปอร์!!”
จู่ๆ เสียมแหลมๆ ก็มาขัดคำพูดของฉันขึ้น เธอเดินเข้ามาทักไปเปอร์ขึ้น ยัยมาร์นั่งลงโดยที่ไม่มีใครเชิญยัยบ้านี่สักนิด นั่นจึงทำให้แท๊ปเล็ตจำใจนั่งลงแบบเลี่ยงไม่ได้
“มาร์ตี้~ มากินข้าวเหรอ? ><”
ฉันอ้าปากไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกอดกันกลมเหมือนสนิทกันมากก็ไม่ปาน ท่าทางดีใจออกนอกหน้าแบบนั้นมันคืออะไรกันฮะ ระหว่างที่ทั้งสองคนนี้คุยกันอย่างถูกปากถูกคอ ผู้ชายที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือของฉัน มองฉันนิ่งไม่พูดจาราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาคงลืมฉันแล้วจริงๆ แม้แต่การทักทายก็ไม่คิดจะเอ่ยขึ้นมา แล้วฉันจะไปมีสิทธิอะไรไปทักทายเขาก่อนล่ะ
‘ถ้าเธอกลับไปอยู่ในที่ๆ เธออยู่ประจำ เธอยังจะคุยกับฉันอยู่ไหม?’
‘คุยสิ...ถ้านายทักฉันก่อนนะ ^^’
‘เธอจะไม่ห่างเหินกับฉัน เหมือนตอนที่ยังไม่รู้จักกันใช่ไหมบาโบ’
...
“ไปเปอร์ นี่แฟนฉัน เขาชื่อแท๊ปเล็ต ><”
O_O!
ฉันหยุดความคิดทุกอย่างในอดีตทันที เมื่ออยู่ๆ มาร์ตี้ก็แนะนำตัวแท๊ปเล็ตให้ไปเปอร์รู้จัก ฉันรู้ว่าสองคนนี้รู้จักกันดีอยู่แล้ว... แต่ประโยคแรกนั่นหมายความว่ายังไงกัน เสียงเยาะเย้ยและใบหน้าแห่งชัยชนะเย้ยฉันอย่างจงใจ ฉันเลื่อนสายตาไปมองแท๊ปเล็ตที่ไม่ปฏิกิริยาอะไรเลย นี่ก็แปลว่าที่ยัยมาร์พูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริงสินะ...
...นายเป็นคนสำคัญสำหรับเธอไปแล้วสินะ
“หึๆ ฉันรู้จักไอ้หมอนี่ดี นายแบบกิ๊กก๊อกแบบนี้ มาร์เอามันไปได้ยังไง”
“บ้า! ไม่ถึงขนาดนั้น ฉันเพิ่งคบๆ กันไม่นานนี่เอง ว่าแต่นายเถอะ เอายัยคนใช้มาในที่หรูๆ แบบนี้ได้ไง อายเขาตาย”
ฉันไม่สนว่าสองคนนี้จะจิกกัดหรือดูถูกอะไรฉัน แต่ความรู้สึกแปลกๆ สำหรับฉันก็คือ แท๊ปเล็ตไม่มีการตอบโต้หรือโมโหที่ไปเปอร์พูดดูถูกเขาสักนิด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น เขาเป็นอะไรไปหรือเปล่า
“เฮ้ย~ นี่ชื่อบาโบ เป็น...” ไปเปอร์จงใจพูดเว้นวรรคให้ฉันเป็นบ้าเล่น นี่เขาจะพูดอะไรแพลงๆ อีกหรือเปล่า “เป็น...คนรู้ใจ”
“นายคบกับยัยนี่งั้นเหรอ?”
“ใช่ เพิ่งคุยกัน ...’อย่างเปิดเผย’”
คำเน้นคำสุดท้าย ไปเปอร์จงใจกระแทกใส่หน้าแท๊ปเล็ตอย่างจัง ทำไมฉันถึงไม่ห้ามให้ไปเปอร์พูดเรื่องบ้าๆ นี่ ทำไมฉันปล่อยให้เขาทำแบบนั้นไป...ฉันคงอยากสะใจพอๆ กับที่มาร์ตี้สะใจฉัน ฉันทำร้ายตัวเองไปเพื่ออะไรกัน... ทำไม...
“ขอตัวนะ -___-“
อยู่ๆ แท๊ปเล็ตก็ลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปข้างนอกทันที ฉันมองตามหลังเขาไปอย่างรู้สึกผิด ใช่! ทุกอย่างฉันผิดเอง ผิดที่มากับไปเปอร์เพราะอยากรู้เรื่องของแท๊ปเล็ต ผิดที่ไม่คิดจะห้ามคำพูดบ้าๆ เมื่อกี้ที่เขาตอกใส่หน้าแท๊ปเล็ต ผิดที่ฉันเป็นห่วงนาย ผิดที่ฉันรู้สึกเสียใจที่นายเป็นแฟนกับยัยบ้านี่!
“หึ! เป็นไงล่ะ ยัยอดีตผู้โชคดี ^^”
เสียงยิ้มเยาะจากยัยมาร์พูดกระทบฉันทันทีที่แท๊ปเล็ตออกไปแล้ว ฉันส่ายหน้าอย่างเอือมๆ และไม่สนใจว่ายัยนี่จะพูดด่าทออะไรฉัน เพราะคนที่ฉันสนใจมีเพียงคนเดียว...คนที่เดินออกไปนอกร้านเมื่อกี้
“นี่ไงความลับของแท๊ปเล็ต ^^”
ฉันหันไปมองหน้าไปเปอร์ที่พูดประโยคเมื่อกี้ออกมา คิ้วของฉันขมวดเป็นปมจนแก้ไม่ออก มันหมายความว่ายังไงกันแน่!
“หมายความว่ายังไง”
“แท๊ปเล็ตเป็นแฟนกับมาร์ตี้แล้ว นี่คือความลับขั้นสูงสุด ฮ่าๆ”
เสียงหัวเราะของไปเปอร์และยัยมาร์ประสานเสียงกันอย่างน่ากลัว นี่หมายความว่าทั้งสองจงใจปั่นหัวฉันเพื่อความสนุกว่างั้น มาให้ฉันรู้แค่ว่าแท๊ปเล็ตมีแฟนแล้วเนี่ยนะ!
บ้า! บ้าไปแล้วแน่ๆ!
“นายพาฉันมาฟังเรื่องบ้าๆ แค่นี้น่ะเหรอ...”
“ใช่ เนี่ยแหละความลับของวิศวะ ^^”
“เหอะ ฉันก็บ้ามานั่งฟังเรื่องไร้สาระตั้งสองชั่วโมง นี่ฉันมานั่งรอฟังไปเพื่ออะไร!”
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเหลืออด ฉันเกลียดคนตรงหน้าฉันอย่างถาวร เพียงเพราะนิสัยเลวๆ ของเขา ฉันมันโง่หลงเชื่อคนง่าย หลงเชื่อคนแบบไปเปอร์ ทั้งๆ ที่แท๊ปเล็ตคอยย้ำเตือนเสมอว่าเขาเป็นคนอันตราย เขาหลอกลวงฉันแล้วเอาความลับของแท๊ปเล็ตมาอ้างอย่างหน้าไม่อาย
เสียงหัวเราะของทั้งสองไล่ตามหลังฉันมาเรื่อยๆ ฉันรู้สึกผิดกับตัวเอง ฉันไม่คิด ไม่ไตร่ตรองเอง...
“จำเอาไว้! แท๊ปเล็ตเป็นแฟนฉัน อดีตผู้โชคดีกิ๊กก๊อกแบบเธอน่ะ อย่าหวังอะไรลมๆ แล้งๆ อีก อ่อ...ที่สำคัญ อย่ายุ่งกับแฟนฉันจะดีที่สุด ถือซะว่ามันคือการขอร้องของฉัน!”
“…”
“จำเอาไว้ซะ!”
เสียงทิ้งท้ายของยัยมาร์เป็นจังหวะเดียวกับน้ำตาที่ไหลออกมา ฉันเปิดประตูร้านออกไปโดยไม่หันกลับไปมองสองคนนั้นอีก ฉันไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ฉันใช้ชีวิตแบบเดิม เป็นบาโบคนเดิมที่ไม่เคยรู้จักใคร ให้ฉันอยู่แบบไม่มีแท๊ปเล็ตอยู่ในสมอง ฉันจะได้ไม่ต้องทนฝืนเจ็บแบบนี้อีก...
ฉันเดินออกมานอกร้าน พร้อมกับเก็บความเจ็บต่างๆ ไว้ ฉันต้องกลับมาเป็นบาโบคนเข็มแข้งคนเดิม ฉันต้องอดทนกับเรื่องบ้าๆ นี่ให้ได้ เขามีเจ้าของแล้ว เจ้าของที่จะร่วมชีวิตกับเขาตลอดไป ไม่ใช่แค่เวลาห้าวันห้านาทีแบบฉัน...
“ที่ไอ้เปอร์พูดมันคือเรื่องจริงหรือเปล่า...”
“…”
จู่ๆ เสียงผู้ชายที่ฉันคุ้นหูก็เอ่ยทักขึ้นจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันหันไปมองบุคคลนั้นอย่างอัตโนมัติ เขายืนมองฉันด้วยแววตาต้องการคำตอบ แต่ฉันกลับไม่ตอบอะไรเขาไปแม้แต่คำเดียว เพราะเวลานั้น คำพูดของยัยมาร์วนเวียนเต็มหัวฉันไปหมด ฉันไม่ควรยุ่งกับเขา ไม่ควรอยู่ใกล้เขา...
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ”
“ฉันมีสิทธิตอบด้วยหรือไง”
“แล้วทำไมเธอจะตอบฉันไม่ได้ ก็เรา...”
“เราไม่เคยรู้จักกัน ฉันคือผู้โชคดีคนนึงที่ตอนนี้มันคืออดีตไปแล้ว นายคือนายแบบชื่อดัง ที่ฉันเผลอไปเปิดเจอในนิตยสาร ฉันคือผู้หญิงธรรมดาที่อาศัยคอนโดอยู่กับน้องชายคนเดียว”
“…”
“ฉันเป็นคนสำคัญของไปเปอร์ ส่วนนายเป็นคนสำคัญของมาร์ตี้”
“…”
“กลับไปหาเธอซะเถอะ เธอคงหิวข้าวแย่แล้ว”
เชื่อไหม...
ว่าคำพูดที่ฉันพูดออกไปทั้งหมด...มันเหมือนทรมานใจตัวเองยังไงก็ไม่รู้
--------------------------------------------------------------------
13 / 05 / 56
:: บทนี้มันเกิดอะไรขึ้น -___-
เจ๊มาร์กับอิเปอร์มาจากไหน...??
รู้สึกลางไม่ดีเท่าไร เมื่อสองคนนี้โผล่มา 555
นิสัยพอๆ กัน ไรท์แต่งเองยังชอบคำพูดคำจา ดูซะใจเวลาแบบ ใส่อารมณ์เข้าไป
เจ็บจี๊ดดี (คนเขียนแม่งโรคจิตนี่หว่า 555)
อย่างไรก็ตาม...
กว่าจะอัพบทนี้ได้ ติดธุระแบบยาวนานมาก ตัวเองอยากอัพแทบตาย
แบบดูในโทรศัพท์แฟนคลับเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก 55
ไอ้ตอนแรกนึกว่าจะลดหายเหมือนเวลาดองไว้สองสามวัน แต่แปลกที่มันเพิ่มๆ ขึ้น ><
ขอบคุณนักอ่านคนใหม่ๆ ที่หลง (?) เข้ามา
ยังไงก็ฝากไว้ด้วยยย
ใกล้จะจบแล้ว เหลืออีกแค่ 5 บทกว่าๆ เท่านั้นเอง
><
กำลังทำการรีไรท์ตอนจบนะฮับๆ
::แอดแฟบและกดโหวต เพื่อคุณงามความดีตามหน้าตาของคุณ ><::
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไมถึงทำแบบนี้ เสียจายยยย T^T
อัพไวไวนะคะ เป็นกำลังใจให้ ^^
แล้วก็ถ้าไม่เป็นการรบกวนล่ะก็สนใจแลกแบนเนอร์กันไหมเอ่ย?
ถ้าสนใจล่ะก็จิ้มเลย >0<
สู้ๆ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 17 พฤษภาคม 2556 / 19:36
ไรเตอร์จะใจร้ายไปแล้วนะ
:(
มาอัพต่อน้าาาาาาาาาาาาาาาาาา
อยากรู้จัง...