ตอนที่ 12 : ► INFINITY TAPLET :: Ch.10 ◄ French toash

10
French toast
10.05 PM.
ฉันเดินเข้ามาภายในห้องนอนที่เงียบสงบสยบเสียงแอร์ ฉันมองไปบนเตียงอีกครั้ง ตอนนี้แท๊ปเล็ตได้นอนอยู่ใต้ผ้านวมหนา ฉันคิดว่าเขาคงจะหนาวมากแหงๆ ว่าแล้วฉันก็เดินไปปรับแอร์ให้อุ่นกว่าเดิม เอาจริงๆ มันก็ไม่หนาวอะไรมากหรอก แต่เพราะมีคนป่วยที่เอาแต่นอนขดอยู่ใต้ผ้านวมแบบนี้ไง -___-;;
ฉันตัดสินใจเปิดผ้านวมออก ก็ต้องพบกับแท๊ปเล็ตที่ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นแผงอกกว้างที่มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มตัวไปหมด นี่ตกลงนายหนาวหรือร้อนกันแน่เนี่ย เดาใจยากจริงๆ
ฉันเอาหลังมือไปอังที่หน้าผากของเขา ความรู้สึกอุ่นๆ พล่านสู่หลังมือของฉัน ตัวของเขาเริ่มอุ่นแล้ว...อีกไม่นานเขาคงจะหายเป็นปกติแล้วสินะ ฉันลอบมองใบหน้าที่เนียนใส เขายังคงหลับตาพริ้มด้วยใบหน้าที่ดูซื่อๆ ริมฝีปากที่ได้รูปชิดติดกันจนน่าสัมผัส พอดูเขานิ่งๆ แบบนี้แล้ว เขาก็ดูอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
จะมีใครเคยเห็นเขาในมุมนี้ไหมนะ?...
“เธอจะนอนแล้วเหรอ...”
ฉันสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยินเสียงของบุคคลที่นอนนิ่งอยุ่ จู่ๆ เขาก็ลืมตาแล้วถามฉัน โดยที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว
“อืม...” ฉันพยักหน้าให้เขา ทั้งๆ ที่ยังตกใจไม่หาย สายตาของเขามองฉันนิ่ง ฉันก็ได้แต่เลอะละทำอะไรไม่ถูก “นะ...นายยังไม่หลับหรือไง”
“ฉันหลับแล้ว” แล้วแท๊ปเล็ตก็ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง แล้วหันมามองฉันด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แต่เธอมาทำให้ฉันตื่น”
“โทษฉันอีกแน่ะ” ฉันเบ้หน้าใส่เขาทันที
“ฉันนึกว่าเธอจะหนีกลับคอนโดไปแล้ว”
ฉันเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียงเพื่อคุยกับแท๊ปเล็ต ฉันคุยกับคนเปลือยด้วยแหละ =w= น้ำเดาอย่าไหลเป็นพอ
“จะกลับได้ไงยังไม่ครบวันเลย”
“แคร์ด้วยหรือไง ไอ้วันที่ว่าเนี่ย เธออยากกลับไหมล่ะ?”
“ยะ...อยากกลับสิ ใครเขาก็อยากกลับบ้านตัวเองทั้งนั้นแหละ”
ฉันรู้ได้ว่าคำพูดกับใจฉันดูต่างกันเหลือเกิน ฉันก็อยากอยู่ที่นี่นะ แต่เพราะอะไรฉันยังไม่เข้าใจกับมันเลย...
ฉันก็อยากกลับคอนโดนะ...
...กลับไปอยู่ในที่ที่ฉันควรอยู่ไง
“อีกไม่กี่วันแล้วสินะ” แท๊ปเล็ตจ้องฉันนิ่ง แต่แววตาของเขาดูซับซ้อนเกินที่ฉันจะเดาออก “เธอจะได้กลับสมใจแล้ว”
“นายนอนพักผ่อนเถอะนะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาเถียงฉันต่อ”
ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แล้วปัดมือเป็นเชิงให้เขาลงนอนไปตามเดิม แต่ฉันก็ต้องชะงักอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ แท๊ปเล็ตก็คว้ามือฉันแล้วดึงตัวฉันเข้าไปนอนทาบกับตัวเขาพร้อมกับมืออีกข้างที่ล็อกรอบเอวฉันไว้แน่น นั่นจึงทำให้ฉันไม่สามารถลุกหรือดิ้นหนีจากน้ำมือของเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว ฉันมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ แต่ก็ต้องหลบแววตาที่เขามองมาในระยะห่างแค่ไม่กี่เซน!
“นอนกับฉัน”
“นะ นายจะบ้าเหรอ =[]=”
ฉันถึงกับโวยวายเสียงดังยกใหญ่ คนที่ล็อกตัวฉันกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นเป็นเชิงไม่ให้ฉันเสียงดังไปมากกว่านี้ เขาขมวดคิ้วอย่างเบื่อหน่าย นายจะมาขอให้ฉันนอนกับนายง่ายๆ แบบนี้เหรอ ไอ้หัวบ๊วย! ฉันนึกว่านายจะดีตลอดไปนะ ที่แท้นายมันก็โรคจิต บ้ากาม...
“ฉันหมายถึง...นอนข้างๆ ฉัน” ฉันหยุดว่าแท๊ปเล็ตในใจแล้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจในความหมาย นายได้นอนเตียงกว้างๆ คนเดียวก็ดีอยู่แล้วนี่ จะมาให้ฉันนอนแย่งขัดขวางความสุขในการนอนของนายทำไมกันเล่า “นอนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันได้นอนใกล้เธอแล้ว...”
“…”
“ฉันรู้สึกอบอุ่นดี…”
วันต่อมา...
ฉันลืมตาขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่า ปราศจากสิ่งรอบข้าง มีแต่เตียงนอนและวัตถุที่ไม่มีชีวิต เมื่อฉันมองนาฬิกาในเวลานี้ก็เจ็ดโมงเช้ากว่าๆ สิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจไปกว่าทุกครั้งคือ แท๊ปเล็ต...ผู้ชายที่ไม่เคยตื่นเช้า ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตะวันโผล่ทางด้านไหน -*-
ฉันจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ก็เดินมาที่เรือนใหญ่ทันที และห้องที่ฉันจะเดินมาทุกครั้งก็คือห้องโถง และเมื่อไรที่ฉันมาห้องนี้ ทุกครั้งมันต้องมีแขกมาเยี่ยมเยือนแบบไม่ซ้ำหน้า...
และวันนี้ก็เป็นอีกวัน... -___-;
ผู้หญิงรูปร่างดีหุ่นสูงเพรียวนั่งไขว้ห่างอย่างดูดีอยู่บนโซฟาสีขาวที่ออกแบบดีไซน์เหมาะแก่ไฮโซอย่างเธอ ผิวขาวเนียนของเธอดูขับกับสีแดงเสื้อผ้าที่เธอใส่มันอยู่ ผมตรงสวย ใบหน้าถูกเติมแต่งโดดเด่นมาแต่ไกล ดูกี่ครั้งๆ ฉันก็ยังคงอิจฉาเธออยู่ร่ำไป...
ยัยมาร์ดีเดือด!!
“อ้าว! ยัยคนใช้มาทำความสะอาดห้องโถงเหรอ ^^”
คำทักทายของเธอยังคงจิกกัดฉันไม่เปลี่ยนแปลง สีหน้าที่ส่งยิ้มมาให้ฉันนั้น ดูยังไงมันก็คือยิ้มแสยะของความดูถูกอยู่ดี เหอะ! เจอยัยนี่ทีไรฉันล่ะหน่ายกับชีวิตจริงๆ
“อืม...มาปัดสิ่งอัปมงคลในชีวิตน่ะ ^__^”
“แกว่าใคร!”
ยัยมาร์รีบดีดตัวลุกขึ้นยืนเหมือนเข้าแถวเคารพธงชาติ นี่ใครไปกดปุ่มเด้งเธอหรือเปล่าเนี่ย เล่นทำเอาฉันผงะตกใจกลัวนิดๆ เลย ตาของยัยมาร์จ้องเขม็งมองมาที่ฉันราวกับนางร้ายในละคร ฉันอมยิ้มนิดๆ เพราะพยายามกั้นหัวเราะเอาไว้ ดูหน้ายัยนี่สิ หมดสวยเลยอะ ฮ่าๆ
“ไม่ได้ว่าเลยนะ ร้อนตัวทำไมเนี่ย”
“นังชะนีฝีริดสีดวง! แกมาตบกับฉันตัวต่อตัวมา!”
ยัยมาร์ยกแขนขึ้นเหนือหัวตั้งการ์ดพร้อมจะฟาดมาที่ใบหน้าฉันได้ทุกเมื่อ คำด่าแสนเจ็บ (?) ไปถึงทรวงอกเหมือนลมตีไหลย้อน - -* พุ่งตรงกระแทกหน้าฉันเต็มๆ ทำตัวไม่เหมือนผู้หญิงเลยยัยนี่ กุลสตรีน่ะสะกดเป็นไหม?
อ๋อ...แล้วนี่มานั่งจับแท๊ปเล็ตใช่ไหม เจ้าของบ้านหายไปตั้งแต่เช้าเป็นเพราะเธอกินไปแล้วสินะ น่ากลัวจริงๆ
“ไม่หรอกค่ะ ^^” ฉันเลี่ยงที่จะเถียงกับเธอ แล้วเดินไปรอบๆ ห้อง เพื่อจะเจอซากกระดูกแท๊ปเล็ตสักชิ้น -__-;; เมื่อฉันเห็นยัยมาร์สงบอารมณ์ตัวเอง ฉันจึงหันไปถามเธอด้วยน้ำเสียงปกติ “แล้วเธอเห็นแท๊ปเล็ตไหม?”
“หึ! ที่แกก็ไม่ใช่คนพิเศษอะไรมากมายของแท๊ปเล็ตสินะ แม้กระทั่งเขาอยู่ไหน แกยังไม่รู้เลย”
“เธอรู้หรือไงล่ะ”
“ฉันจะบอกแกทำไม”
-__-; ย้อนเหรอวะ! ได้ทีขี่แมวไล่เลยยัยนี่ ยัยมาร์กอดอกเบ้ปากเชิดยโสโอหังกะละมังถังแตก เอาจริงๆ ยัยนี่ก็น่าหมั่นไส้จนฉันอยากจะเข้าไปกัดหูให้ขาดอยู่แล้วนะ
ฉันถอนหายใจใส่หน้ายัยนี่ไปทีนึง แล้วเดินเลี้ยวไปที่ครัวเพื่อไปหาอะไรกิน ในตอนเช้าแบบนี้ดันมาเจอนางมารร้ายเข้าให้ มาเสมือนมานอนรอตั้งแต่หัวค่ำ นับถือเจ๊แกจริงๆ
เคร้ง!
O_O ทันทีที่เท้าเหยียบเข้ามาในครัว จู่ๆ ก็ดันเกิดเสียงบางอย่างดังขึ้น เหมือนเสียงเหล็กกระแทกอะไรบางอย่าง ฉันรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าครัวแบบไม่รีรอ เมื่อเข้ามาตรงจุดเกิดเสียงฉันก็พบกับแท๊ปเล็ตกำลังก้มเก็บอะไรบางอย่างขึ้นมาจากพื้น ฉันที่มองเขาทางด้านหลังก็สังเกตเห็นว่าเขาใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววซะด้วย
-___- อีตานี่ไม่ใช่แท๊ปเล็ตแน่ๆ
“นายทำอะไรอยู่น่ะ -0-“
ทันทีที่ฉันทักเขา ตะหลิวในมือก็หล่นเป็นรอบที่สอง หน้าตาของเขาเหวอจนฉันอดขำไม่ได้ ท่าทางร้อนรนของเขาดูตลกอย่างไม่น่าเชื่อ ผมเพล้าฟูตั้งแบบคนไม่ได้ตั้งใจเซ็ตกับเสื้อผ้าธรรมดาดูติดดิน แต่พอเขาสวมมันกลับดูดีและดูคลาส แต่ที่แปลกตาไปนั่นก็คือ ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายคิตตี้เนี่ยแหละ
แอ๊บแบ๊วเชียว =w=
“ธะ เธอเข้ามาทำอะไรน่ะ ใครใช้ให้เธอเข้ามาฮะ!”
ขึ้นเสียงใส่ฉันอีกแน่ะ - -* แท๊ปเล็ตดูตกอกตกใจไปเล็กน้อยก่อนจะก้มลงเก็บตะหลิวที่หล่นพื้นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันแอบมองของบนเคาน์เตอร์ที่ไม่มีอะไรมากนอกจากไข่ ขนมปัง และผักบล็อกโคลี่ที่หั่นละเอียดไว้แล้ว
ใครใช้ให้เขาหันผักเละเทะแบบนั้นกัน
“ไม่มีใครใช้ให้ฉันเข้ามา ฉันแค่ต้องการเข้ามาหาอะไรกินแค่นั้น” ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ เคาน์เตอร์พลางจ้องเขาเขม็ง “แล้วนายล่ะ...กำลังทำอะไรอยู่ไม่ทราบ ^^”
ฉันมองเขาอย่างจับผิดก่อนจะเคลื่อนสายตามองที่ผ้ากันเปื้อนของเขาเป็นเชิงล้อเลียน แท๊ปเล็ตกรอกตาไปมาเหมือนกำลังหาข้ออ้างก่อนจะเอามือแก้ผ้ากันเปื้อนออก แต่ไม่ทันที่เขาจะถอดออก ฉันก็คว้ามือเขาไว้เป็นการห้ามไม่ให้เขาถอดมันออก
“ทำอะไรของเธอน่ะ”
“อย่าถอดออก” ฉันสั่งเขาแล้วเดินอ้อมไปข้างหลังเขา โดยที่เขาไม่คิดจะขัดขืนฉันแม้แต่นิดเดียว “แบบนี้น่ารักดี ^^”
เมื่อฉันผูกผ้ากันเปื้อนให้เขาเสร็จ ก็เดินมายืนอยู่ข้างหน้าเขาอีกครั้งพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้เขาไป ใบหน้าของแท๊ปเล็ตดูเหมือนเลือดจะสูบฉีดแบบรวดเร็ว เพราะตอนนี้หน้าเขาแดงกล่ำจนฉันเผลอผงะไปเล็กน้อย
“อะ...เออ”
“นายยังไม่หายป่วยอีกเหรอ เมื่อคืนฉันก็คิดว่าอาการนายดีขึ้นซะแล้วอีก”
ฉันรีบถามพลางเอาหน้ามืออังที่หน้าผากเขาเหมือนปกติ เอ๊ะ! ตัวก็อุ่นๆ นี่นาไม่ร้อนอะไรมาก ดูเขาทำหน้าสิ -__-;;
“ฉันหายแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”
เขาปัดมือฉันแล้วหันไปทำของบนเคาน์เตอร์ ปล่อยให้ฉันยืนงงเป็นยายหลงกรุงอะไรทำนองนั้น
“ใครบอกนายว่าฉันเป็นห่วง หลงตัวเองเป็นบ้า”
“แล้วแต่เธอเหอะ -__-“
เขาหันมาค้อนฉันก่อนจะหันไปจัดของตามเดิม เชอะ! หยิ่งเข้าไปเลยนะ อย่าให้รู้นะว่านายเขินน่ะ จะล้อนายยันหลานบวชเลยเหอะ
“นายจะทำอะไรกินเหรอ ให้ฉันช่วยไหม?”
ฉันเขยิบไปข้างๆ เขาแล้วถามด้วยความอยากรู้ ของแค่นี้จะไปทำอะไรได้เนี่ย มีแค่ไม่กี่อย่างถ้ากินดิบๆ มีหวังจองห้องน้ำกันแทบไม่ทัน
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวออกมาเป็นอ้วกแมวอีก”
“อ้วกแมวบ้านนายน่ะสิ อันนั้นป้าสมรศรีช่วยทำอีกแรงนะยะ”
“เหรอ~”
เหมือนประชดแกมไม่เชื่อ -*- ให้ถ่ายคลิปอัดรายการให้ดูเป็นหลักฐานด้วยไหมไอ้บ้า
แท๊ปเล็ตไม่ตอบว่าเขาจะทำอะไร แต่กลับหันไปเปิดตู้เย็นแล้วเอาของออกมาเพิ่ม ทั้งนมสด ชีสและเบคอน ฉันเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัยปนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเท่าไรที่เห็นท่าทางทะมัดทะแม่งของเขา แท๊ปเล็ตอินฟินิตี้แอบมาทำอาหารนะคุณ~!!
“บอกหน่อยดิ จะทำอะไรกินอ่ะ *0*”
“เฟรนช์โทสต์”
อ๋อ...อะไรวะ -___-?
เฟรนช์โทสต์เหมือนเฟรนฟรายต์หรือเปล่า ช่วยอธิบายให้บาโบผู้อ่อนต่ออาหารทั้งหลายแหล่ด้วยจ้า
“คือ...”
“คือขนมปังชุบไข่ทอด -___-“ แท๊ปเล็ตหันมามองฉัน พร้อมกับอธิบายถึงสรรพคุณไอ้ขนมปังทอดกรอบอะไรนี่ “บางคนจะเอาไปทำเป็นของหวานทานเล่น ก็คือขนมปังอบเนยอะไรทำนองนั้น มีทอปปิ้งเช่นผลไม้ แยมหรือเยลลี่ต่างๆ ส่วนที่ฉันจะทำวันนี้คือเฟรนช์โทสต์ที่มีเนื้อสัตว์ตกแต่งหน้า กินคู่กับซอสมะเขือเทศ มันจะมีรสชาติคล้ายพิซซ่า กรอบนอกนุ่มใน เธอเคยกินไหมเนี่ย”
“หึ” ฉันส่ายหน้าพัลวัน
“อืม เดี๋ยวทำให้กิน”
ดูจากที่เขาอธิบายให้ฉันฟังแล้ว มันก็ทำไม่ยากนะ เป็นอาหารที่ใช้ของใช้นิดหน่อย กินแล้วอิ่มท้องอะไรประมาณนั้น
ฉันยืนดูเขาที่ตอนนี้เริ่มตีไข่ไก่ผสมกับนมสด แล้วใส่เกลือกับพริกไทยลงไปนิดหน่อย เขาตีจนมันเข้ากันก่อนจะเทใส่ถาด แล้วนำขนมปังสองแผ่นชุบไข่ไก่ผสมนมสดที่เขาทำไว้ เขานำขนมปังออกมาพักทิ้งไว้แล้วหันมาตั้งกะทะใส่เนยลงไปไม่มาก และเอาขนมปังที่พักไว้ลงทอดจนมีหน้าตาเหลืองสุก ก่อนเขาจะตักมันใส่จาน
“อยากช่วยทำไหม”
แท๊ปเล็ตหันมาถามฉันในขณะที่ฉันยังมองเขาทำอย่างตั้งใจ เขาดูถนัดคล่องแคล่วจนฉันไม่อยากเชื่อสายตาจริงๆ นะ คิดดูสิเขาทำฉันอึ้งไปตั้งหลายนาที ถ้าฉันทอดขนมปังนี่นะ ไม่เหลืองหรอก ดำสถานเดียว
รับประกันได้จากเบสบอลสุดหล่อ ^^;
“นายไม่กลัวอาหารนายออกมาเหมือนอ้วกแมวหรือไง =w=”
“กลัว”
“อ้าว”
“แต่อยากให้เธอมีส่วนร่วม”
เขาไม่พูดเปล่า เขาจัดการตั้งกระทะใหม่ทันทีก่อนจะดึงมือฉันให้เขยิบไปใกล้ๆ หน้าเตา เออ...ถ้าให้บรรยายสภาพตอนนี้ คือแท๊ปเล็ตอยู่ข้างหลังฉันแล้วเหมือนโอบเอาไว้ไม่มีผิด ทำไมต้องชิดฉันขนาดนี้ด้วยเนี่ย
เขินนะเฟ้ย >w<
“ทำอะไรต่ออ่ะ” ฉันถามเขาทันที
“ใส่เบคอนลงไปในกะทะ”
“อ้าว แล้วไม่ใส่น้ำมันเหรอ”
เริ่มต้นของการทำอาหารร่วมกันฉันก็เริ่มเถียงผู้สอนทันที ฉันเงยหน้ามองแท๊ปเล็ตที่ถอนหายใจรดหัวฉันซะเฮือกใหญ่ ใครจะไปรู้เล่าว่ามันไม่ต้องใส่น้ำมันน่ะ
“พอเบคอนเริ่มส่งกลิ่นหอมเธอก็ใส่บล็อกโคลี่หั่นละเอียดลงไป เติมเกลือ น้ำตาล พริกไทยนิดหน่อย พอบล็อกโคลี่สุกได้ที่ เธอค่อยตักราดขนมปังที่เราพักไว้ในชาม เข้าใจไหม”
ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ แท๊ปเล็ตผงะออกจากตัวฉันแล้วเดินไปยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวแทนพลางกอดอกมองฉันอย่างเข้มงวด นี่ทำอาหารเช้านะไม่ใช่ทำแข่งขันนาซ่า จ้องกันขนาดนี้ กินหัวฉันไปเลยไหม?
พอบล็อกโคลี่สุกได้ที่อย่างที่แท๊ปเล็ตว่าแล้ว ฉันก็จัดการตักราดบนขนมปังทันที กลิ่นหอมยั่วยวนชวนน้ำตาไหล เอ๊ย! น้ำลายไหล หน้าตาน่ากินและดูดีใช่ได้ ฉันยกจานขึ้นมาเชยชม แหม...มันน่าอัพรูปลงเฟสบุ๊คอะไรเช่นนี้ =w=
“ฝีมือฉัน ช่างงดงาม~!”
“ไปกินที่โต๊ะอาหารในห้องโถงกันป่ะ”
แท๊ปเล็ตดึงมือฉันพร้อมกับคว้าจานไปถือเอง แต่ฉันก็ยื้อเขาไว้ก่อน
“นายไม่ทำเผื่อสุดที่รักนายหรือไง”
“สุดที่รัก?” เขาขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามอย่างชัดเจน “ใคร?”
“ยัยมาร์นั่นไง” ฉันตอบห้วนๆ เหอะ ใครจะไปอยากพูดชื่อยัยนี่กัน
“มาร์?” แท๊ปเล็ตทวนชื่อยัยนั่นพลางขมวดคิ้วรอบที่สอง “อยู่ข้างนอกเหรอ”
“อืม ตอนนายเข้ามาในครัวนายไม่เห็นยัยนั่นนั่งอยู่ที่ห้องโถงหรือไง”
“เปล่า สงสัยเพิ่งมามั้ง...” เขาก้มหน้ามองเฟรนช์โทสต์ในจานที่มีควันลอยส่งกลิ่นหอมไปทั่ว “เรากินกันแค่สองคนนี่แหละ...ไม่ต้องสนคนอื่น”
ฉันรีบก้มหน้าทันทีที่ได้ยินคำว่าสองคน คะ คือฉันก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยนะ แต่ว่า....
แท๊ปเล็ตดึงมือฉันในขณะที่ฉันยังหาคำแก้ตัวในใจไม่เสร็จ เราสองคนเดินออกจากครัวไปที่ห้องโถงทันที พอมาถึงห้องโถง ยัยมาร์ก็รีบดีดตัวลุกจากโซฟาแล้วมองมาที่แท๊ปเล็ตด้วยสายตาจับผิด
แท๊ปเล็ตปล่อยมือฉันก่อนที่เขาจะเดินไปวางจานที่โต๊ะคู่โซฟา ฉันรู้สึกเหมือนตัววูบชาเมื่อเขาปล่อยมือฉัน นี่มันเกิดบ้าอะไรเนี่ย ที่จริงนายนี่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวฉันอยู่แล้วนี่
เหอะ! เธออย่าสำคัญตัวเองไปหน่อยเลยบาโบ
“แท๊ปเล็ต~!” ยัยมาร์สวมวิญญาณผีป่านางไม้เรียกชื่อแท๊ปเล็ตในขณะที่เขานั่งลงบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อย สีหน้าของเขาเหมือนคนเซ็งโลกผสมเหมือนคนท้องอืดท้องเฟ้ออี้ไม่ออกอะไรประมาณนั้น “มาร์คิดถึงแท๊ปจนขาดใจดิ้นเลยค่ะ เมื่อวานกว่าแท๊ปเล็ตจะกลับมา ก็ตกเย็นแล้ว มาร์ขอโทษนะคะที่มาร์รอแท๊ปไม่ได้ มาร์ติดธุระน่ะค่ะ”
พูดเหมือนเขาขอร้องให้เธอรองั้นแหละ - -+ ฉันไม่เห็นแท๊ปเล็ตจะเปิดปากบอกให้เธอรอสักคำ หลงตัวเองระยะสุดท้ายเข้าขั้นโคม่ารุนแรงแล้วนะเธอ ฉันมองแท๊ปเล็ตที่พยายามแกะมือของยัยมาร์ที่ตอนนี้เกาะแขนเขาแน่นราวกับผีขนุนขอเกาะเพื่อจะเอาส่วนบุญในตัวแท๊ปเล็ต -__-
“มาทำไมอีกเนี่ย” แท๊ปเล็ตไม่สนใจคำพูดที่ร่ายยาวของยัยมาร์มาตั้งแต่ต้น แต่กลับหันไปทำหน้าเซ็งถามคำถามเจ็บใจแทน
“มาร์แค่จะมาคุยกับแท๊ปว่ายัยนี่ใช่ไหมที่ทำให้แท๊ปตีตัวออกจากมาร์”
“ไม่เกี่ยว” แท๊ปเล็ตรีบแทรกทันที เขาหันมามองหน้าฉันพอดีกับจังหวะที่ฉันมองเขาพอดี “ฉันเคยใกล้ชิดเธอด้วยเหรอ?”
แท๊ปเล็ตหันไปถามยัยมาร์ด้วยหน้าซื่อๆ ฉันถึงกับหลุดหัวเราะทันทีที่แท๊ปเล็ตถามยัยนั่นไป ยัยมาร์หน้าซีดลงทันที ดูเหมือนเสียงอะไรบางอย่างแตกดังเพล้งจนเสียงมันโครมครามกึกก้องไปทั่วห้องโถงเลยนะ ยัยมาร์หันมาค้อนฉันแปปนึง ฉันเลยแกล้งเสมองไปทางอื่นทำเหมือนไม่เห็นอะไร
“นี่แก แกก็แค่ผู้โชคดีคนหนึ่งอะนะ หัดเจียมเนื้อเจียมตัวอย่าหยิ่งยโสโอหังให้มาก สักวันแกก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เพราะคนที่จะมาอยู่ที่นี่ก็คือฉัน...ไม่ใช่แก!”
คำพูดแสนเจ็บพุ่งตรงใส่หน้าฉันพร้อมกับนิ้วของเธอที่ชี้หน้าฉันอย่างไม่ใยดี แท๊ปเล็ตใช้มือของตัวเองปัดมือของยัยมาร์ลง เขามองหน้ายัยมาร์แบบไม่ค่อยเชื่อว่าคนอย่างเธอจะกล้าพูดคำแรงๆ นี่ได้ คิดดูสิวันแรกยัยนี่ก็พาฉันอึ้งไปกับประโยคแสนกล้าของเธอ วันนี้ก็พาฉันอึ้งไม่แพ้วันนั้นเลย
แรง! จริงรับประกันสามเดือน =w=;
“มาร์ ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นออกไป หัดเกรงใจบาโบบ้างสิ!” แท๊ปเล็ตโวย
“บาโบ…หึ! คนที่ทำให้แท๊ปเปลี่ยนไปน่ะเหรอ!”
ยังไม่วายหันมาจิกตาใส่ฉัน -__-
“ฉันไม่ได้เปลี่ยน ฉันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว”
“ไม่จริง!”
“แล้วแต่จะคิดเถอะ” แท๊ปเล็ตยุติการทะเลาะโดยการไม่สนใจว่ายัยมาร์จะพูดอะไร เขาหยิบจานเฟรนช์โทสต์ที่ตอนนี้คงเย็นไปหมดแล้ว ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงปกติ “ไปที่โต๊ะอาหารกัน ฉันหิวแล้ว”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ฉันกลับอดไม่ได้ที่จะหันไปยักคิ้วให้ยัยมาร์ด้วยท่าทางกวนๆ เธอเหวี่ยงฉันไว้เยอะนะมาร์ แค้นนี้ต้องชำระ หึหึ
แต่ไม่ทันที่ฉันจะก้าวเท้าไปที่โต๊ะอาหาร จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังเหมือนคนวิ่งกรู่เข้ามาในบ้าน ทำให้ฉันต้องหันไปมองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว
“บาโบ!!! / พี่โบ!!! ><”
------------------------------------------------------------
30 / 03 / 56
อัพจบแล้ว =w= เมื่อวานดองไป 20% มาเติมให้พร้อมกับแก้คำผิดเสร็จสรรพ
ติดภารกิจนิดหน่อย วันนี้เลยจัดเต็ม อัพจบเสียที
ทิ้งปริศนาใครมาอีกแล้ว รู้ดี สองคนนี้ใคร 555
ใกล้จะครบห้าวันแล้ว TT
ทำไงดี ยืดเวลาดีไหม? ยัยมาร์มาทำอะไร บทมีแค่นี้เหรอเนี่ย 555
เค้าสวีตกันในครัว ซื่อบื้อไม่รู้หนาวรู้ร้อนซะงั้น :)
เรื่องของพิกเล็ต คงอัพช้านิดนึง อยากอัพเรื่องนี้ให้จบ TT
เรื่องแท๊ปเล็ตนี้จบที่บท 22 มั้งนะ
กะไว้แค่นี้ น่าจะ 22 ฮ่าๆ ดูสั้นและยาวนาน -,,-
ส่วนเรื่องเดชา ยังไม่ได้แต่ง รออีกนิด กำลังศึกษาประวัติศาสตร์
หาเรื่องลำบากให้ตัวเองอยู่ 5555
รอนะครับ
เม้น+โหวต ชอบเม้นที่เพิ่มเรื่อยๆ และยอดแฟนที่อัพถี่ทุกวันนน ><
วันไหนยอดถี่ จะอัพแบบด่วยและเร็วจี๋~!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สนุกดีๆ55
ติดตามอยู่
ขอให้ญาติหายไวๆค่าาาาา
แท๊ปเล๊ตใส่ของหวานแหวว ด้วย?
น่ารักอ่ะ *0*