ตอนที่ 36 : บทส่งท้าย [100%]


‘#คณิตติดเอฟ
1 แฮชแท็กมาแรงในทวิตเตอร์’
ผมมองหน้าจอมือถือก่อนจะสงสัยกับสิ่งดังกล่าวที่พี่สัจจะยื่นมาให้อ่าน
คนตรงหน้าดูดกาแฟ สายตาปลายมองไปที่นักศึกษาขาวๆ หุ่นดีๆ ที่เดินผ่านเมื่อครู่ แต่ผมไม่สนใจหรอก เพราะคนพวกนั้นเคยว่าผมไว้เยอะ ผมจำจนตายเลยนะจะบอกให้
“แล้วมันมีแฮชแท็กนี้ได้ไงอะครับ” ผมถามพี่สัจจะก่อนจะส่งมือถือคืน
“เพราะตั้งแต่มึงเล่นเฟซแล้วไปโพสท์อิแมวน้ำอุ๋งๆ นั่นแหละ คนเขาก็เลยเอาไปหวีดในทวิตเตอร์ และลงรูปที่สโมสรคณะศิลปกรรมเคยถ่ายมาลง คณะกูเขาถือ ว่าการที่ให้ใครโพกผ้าสัญเอกของตัวเอง แสดงว่าจองเป็นเจ้าของ รู้ยัง”
ผมเอียงคอขมวดคิ้วนึก และก็ทำให้ถึงบางอ้อในสิ่งที่พี่สัจจะหมายถึง
วันที่มีงานแบกะดิน พี่เอฟพูดแค่ว่าให้ผมโพกผ้าสัญเอกของปีหนึ่งเอาไว้ เพื่อที่จะให้ผมกลมกลืนไปกับปีหนึ่ง แล้วอาจารย์มาเห็นจะได้ไม่สงสัย ตอนนั้นผมก็โพกไปตามที่เขาบอก
แล้วทำไมเพิ่งมาบอกกันเล่า!
“อ๋อ แบบนี้สินะพวกพี่ทอยพี่ไจ๋ถึงได้รู้ว่าพี่เอฟคิดยังไงกับผมอะ”
“ตามนั้น ไอ้เอฟเป็นคนใจง่ายจะตาย มันอยู่กับใครใกล้นิดใกล้หน่อยก็เปิดใจรับมาหมด ระวังไว้เหอะ ปล่อยให้มันไปอยู่คอนโดคนเดียว ถ้าขืนมันสนิทกับคนข้างห้องขึ้นมา มึงจะหัวเน่านะ”
“นี่พี่ขู่ปะเนี่ย”
“กูพูดเรื่องจริง”
ผมสูดลมหายใจก่อนจะคว่ำปากลงแสดงถึงความหึงหวง ผมเพิ่งรู้ว่าไอ้ความหงุดหงิดที่เวลาไปเห็นพี่เอฟอยู่กับผู้หญิง หรือไปที่อื่นโดยไม่บอกผมมันคืออาการหึงหวง ผมก็นึกว่าตัวเองแค่โมโหแล้วห็หงุดหงิดที่เห็นอะไรขัดตาเท่านั้น
พอมาคิดดูดีๆ อาการหึงมันคงเป็นผมอยู่ ณ ขณะนี้นี่แหละ
“แล้วพี่เอฟเขาไปไหนอะ ผมไม่เจอเขามาหลายวันแล้วนะ”
“มันจมอยู่กับวิจัยงานมัน ไหนจะต้องส่งโลโก้สินค้าที่ต้องออกแบบอีก ทำใจหน่อยนะ มีแฟนเรียนศิลปกรรมน่ะ”
“ใครบอกว่าแฟนเล่า”
“ถ้ามึงยังปากแข็งอยู่แบบนี้ ระวังจะอดแดกนะครับ”
พอโดนขู่เข้ามากๆ ผมก็ชักจะไม่ไว้ใจปล่อยให้เขารอแล้วสิ แถมตอนนี้ผมก็เริ่มชัดเจนกับตัวเองแล้วว่าผมคิดยังไงกับพี่เขา เอาไงดี ผมควรจะไปบอกพี่เอฟเลยดีไหม
“น้องคณิตหรือเปล่าคะ!”
ผมสะดุ้งตกใจรวมไปถึงพี่สัจจะที่ตกใจไม่แพ้กัน ผู้หญิงสองคนวิ่งมาที่โต๊ะผมก่อนจะแสดงสีหน้าตกอกตกใจ ทำเอาผมต้องเบิกตารอฟังคำตอบ
“ครับ…”
“เรารีบไปหาเอฟด่วนเลยนะ ตอนนี้เอฟเลือดออกเยอะมากเลย อยู่ที่หน้าห้องออกแบบชั้นสามน่ะ รีบไปด่วนเลย พี่ไม่รู้จะเรียกใครให้ช่วยแล้ว”
“หา…”
ผมรีบดีดตัวเองลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อพี่เอฟ
“กูต้องไปด้วยปะ” พี่สัจจะที่ลุกขึ้นก็เอ่ยถาม
“พี่เขาโดนอะไรเหรอครับ”
ผมถามด้วยความร้อนใจ มือกำกระเป๋าสะพายเตรียมวิ่งไปอีกตึกแล้วเนี่ย
“น้องคณิตไปดูเองเถอะ พี่กลัวเลือดอะ ก็เลยหาคนมาช่วย ที่ตึกไม่มีใครอยู่เลย ยังไงน้องรีบไปดูทีนะ”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองพี่สัจจะที่พยักเพยิดให้ผมรีบไป ผมรีบวิ่งลัดเลาะจากตึกตัวเองไปที่ตึกคณะศิลปกรรมในทันที
ทำไมเขามาเรียนแล้วไม่บอกผมเลยล่ะ ปกติเขาต้องโทรมาบอกผมสิถ้าจะมาอะ แม้ว่าวันนี้เขาจะเงียบๆ แล้วเจอแต่พี่สัจจะอย่างเดียวก็เถอะ
ผมรีบขึ้นบันไดไปที่ชั้นสามก่อนจะมองหน้าห้องออกแบบที่พี่คนนั้นว่า แต่พอมาถึงก็กลับไม่พบใคร มีแต่ความว่างเปล่ากับตึกโล่งๆ ที่ไม่มีแม้แต่เสียงคนหายใจ
มีแต่เสียงหอบของผมนี่แหละ
“โอ้ย!”
O_O
ผมเบิกตากว้างเมื่ออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายร้องดังออกมาจากห้องหนึ่ง ผมรีบหาต้นเสียงและเปิดไปทีละห้องก็กลับไม่พบพี่เอฟเลย จนมาถึงห้องสุดท้าย มันดูเป็นห้องที่มืดสุดๆ เพราะไฟที่ระเบียงทางเดินมันไปไม่ถึง บวกกับมันเงียบมากจนผมไม่กล้าผลีผล่ามวิ่งเข้าไป
“พี่เอฟ!”
ผมตะโกนเรียกเพื่อให้เขาขานรับ แต่ก็เปล่าประโยชน์
“…”
“พี่แกล้งผมหรือเปล่าเนี่ย”
ผมรีบกดเบอร์โทรออกไปหาพี่เอฟทันที แต่สิ่งที่ได้คือพี่เอฟปิดเครื่อง…
“…”
“พะ…อุบ!”
ไม่ทันที่จะได้ก้าวเข้าไปในห้องนั้น ตัวของผมก็ถูกใครบางคนดึงเข้ามาอีกห้องนึงแถมยังปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้องโวยวายอีก ผมพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดเขา แต่พอหันไปมองก็พบว่าคนที่ทำคือ ไอ้ตัวดีที่ทำให้ผมต้องวิ่งหอบมาถึงที่นี่นี่แหละ
“ไฮ”
พี่เอฟปล่อยผมเป็นอิสระ ผมยืนประชันหน้ากับเขาและพบว่าเขาใส่แว่นมาด้วย แถมยังใส่รีเทนเนอร์อีก
“พี่เล่นอะไรเนี่ย” ผมรีบวิ่งเข้าไปหาเขาก่อนจะดึงมือมาดู ก็พบว่านิ้วของเขาพันพลาสเตอร์เอาไว้เล็กๆ “มือพี่ไปโดนอะไรมาอะ แผลใหญ่ไหม เจ็บหรือเปล่า”
ผมถามพลางพลิกมือไปมา เจ้าตัวไม่ตอบแถมยังมาหัวเราะเยาะผมอีก
“ไม่เจ็บ”
“แล้วพี่หัวเราะอะไรอะ นี่ผมเป็นห่วงนะ” ผมว่าเสียงดุ “แล้วมือพี่ไปโดนอะไรมา”
“เข็มเย็บผ้า”
“…”
“ไอ้แมวน้ำหน้าโง่ของมึงมันตูดขาดอะ กูก็เลยต้องมานั่งเย็บเอง ดูดิเลือดไหลเลย”
“เลือดไหลเลยเหรอ…”
พลั่ก!
“อ๊ากกกก” ผมฟาดไปที่ต้นแขนพี่เอฟอย่างหมั่นไส้ “ตีกูทำไมเนี่ย”
“พี่ส่งคนไปหลอกผมว่าพี่เลือดออกเหรอ”
“ก็ถ้าไม่หลอกแล้วจะรีบมาหาไหมอะ”
“ทำไมจะไม่รีบ แค่พี่บอกว่าอยากเจอผมยังไงผมก็ต้องมาหาพี่อยู่แล้วปะ”
“ก็อยากเห็นสีหน้าคนเป็นห่วงนี่นา”
พี่เอฟเอามือมาวางบนหัวผมก่อนจะลูบเบาๆ
“ไม่มาหาผมเลย ไหนว่าคิดถึงจะมาหาผมบ่อยๆ ไง” ผมทวง
“แล้วไมเราไม่มาหาพี่บ้างล่ะ”
ผมสตั้นกับสรรพนามที่พี่เอฟแทนตัวเองเมื่อกี้ มันไม่ชินเว้ยยยยยย
“ไม่เอาสรรพนามนี้ มันขนลุก!”
“ชอบฮาร์ดคอว่างั้น เรียกพี่ๆ เราๆ ไม่ชอบ ชอบดุๆ เหรอ”
ว่าไม่พอเจ้าตัวยังเดินเข้ามาแถมยังต้อนผมจนหลังชิดกำแพงห้องอีก พอมองรอบๆ ห้องนี้น่าจะเป็นห้องสำหรับวาดรูปที่จะมีอุปกรณ์ตั้งกลางห้อง แล้วให้นักศึกษานั่งล้อมอุปกรณ์ดังกล่าว แต่ในตอนนี้มันจะกลายเป็นห้องนรกสำหรับผม เพราะไอ้คนตรงหน้ากำลังใช้สายตาลวนลามรูปร่างผมอยู่เนี่ย
“อย่ามาหื่นกามใส่ผมนะ ไม่งั้นผมไม่ตอบตกลงคบกับพี่จริงๆ ด้วย”
ผมขู่ แต่จริงๆ คือต่อให้เขาจะหื่นหรือไม่หื่นผมก็ยอมคบกับเขาอยู่ดีแหละ แค่กำลังเล่นแง่ให้เขาทรมานเล่นๆ
“ไม่เอาดิ”
“งั้นถอยไปเลย”
“โห ไรอะ ทีจูบยังมาจูบก่อนเลย ทีแบบนี้มาห่วงตัว”
เมื่อไรจะหยุดพูดเรื่องวันนั้นซะทีฟะ!!!
“แล้วพี่อยากเจอผมทำไมอะ พี่อะไรหรือเปล่า ทำไมเรียกมาที่นี่”
ผมถามด้วยความอยากรู้ ดูท่าว่าสิ่งที่ผมถามจะถูกใจคนตรงหน้าสุดๆ พี่เอฟยืนตัวตรงก่อนจะบิดไปบิดมาคล้ายคนกำลังเขิน
“จะมาเอาคำตอบ”
“คำตอบ?”
“คบกันไหม”
ดูเหมือนจะเป็นการขอคบแบบง่ายๆ สั้นๆ ได้ใจความและไม่ซับซ้อน แต่สถานที่มันไม่มีคนทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์เลยเหรอครับ” ผมแกล้งถาม เจ้าตัวส่ายหน้า “แล้วก็ขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”
“งั้นรอแปบนึงนะ”
ไม่รู้ว่าพี่เอฟจะทำอะไร จู่ๆ เขาก็พรวดพราดออกจากห้องไปปล่อยเอาไว้ให้ผมยืนตรงนี้คนเดียว
ผ่านไปห้านาทีก็ยังไม่มีท่าทีว่าเจ้าตัวจะกลับมา ผมเลยเดินออกจากห้อง ก่อนจะชะเง้อพี่เอฟว่าเขาอยู่ไหน แต่ก็กลับไม่มีวี่แววที่จะเห็นเขาเลย
นี่เทกูเลยเหรอ…
ผมถอนหายใจให้กับความอินดี้ของพี่แก ก่อนจะก้าวลงบันได แต่แล้วก็มีบางสิ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดและยืนฟังเสียงที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้…
‘จบแล้วที่เสาะหา ได้มาพบตัวจริงซะที ชีวิตต่อจากนี้ คงจะดีถ้ามีแต่เธอ
ก่อนจะนอนอยากเจอเธอเป็นคนสุดท้าย คนแรกของเช้าถัดไปฉันก็อยากเห็นเธอ
เช้าก็มีแต่เธอ ค่ำก็มีแต่เธอ คนเดียวเท่านั้น…’
‘สวัสดีครับบบบ มาเจอกับพวกเราดีเจหนุ่มสุดหล่อในคลื่นคลับวันเดย์สเปเชียล ผมคิวปิด!’
‘ผมอินเลิฟครับ’
เสียงวิทยุของคณะดังขึ้น ปกติคลื่นคลับซันเดย์เขาไม่ได้เผยแพร่ตามลำโพงรอบคณะแบบนี้นี่…
แถมวันนี้ยังเป็นวันพุธด้วย มันไม่ใช่วันทำการสักหน่อย
‘แหม่ สเปเชียลแบบนี้ เราขอบอกเลยว่ามีทีเด็ดมาเซอร์ไพรส์จริงๆ ครับ แถมเมื่อกี้เรายังเปิดต้นรายการไปด้วยเพลง ไม่ธรรมดา แปลได้เลยว่า การจัดรายการครั้งนี้มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน’
เสียงพี่สัจจะที่กำลังสวมบทดีเจคิวปิดทำเอาผมยิ้มขึ้นมาดื้อๆ ผมเดินลงบันไดเพื่อไปยังห้องส่งวิทยุ ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
‘ใช่ครับ ผมบอกได้เลยว่า มันจะไม่ธรรมดาสำหรับใครบางคนแน่นอน ผมจะทำให้เขาจำไปตลอดชีวิตเลยครับ’
เสียงดีเจอินเลิฟที่ผมรู้ดีว่าเป็นใคร พูดผ่านสาย จากห้องนี้ไปห้องส่งวิทยุแม่งไกลฉิบหาย เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่เอฟถึงหายไปนานขนาดนี้
‘ได้ข่าวว่าวันนี้ดีเจอินเลิฟมีอะไรอยากจะมาเล่าด้วยนี่ครับ’
‘ครับผม’
พอได้ยินแบบนั้นผมก็ชะงักเท้าหยุดเพื่อรอฟังอะไรบางอย่างจากดีเจอินเลิฟ
‘ไหนลองเล่ามาสิครับ’
หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกได้ถึงว่าเรื่องต่อไปนี้ที่เขาจะเล่ามันต้องเกี่ยวกับผมแน่นอน
‘ทุกคนจำวันที่มีผู้ชายคนนึงที่โทรมาดราม่าในรายการเราไหมครับ’
แหงล่ะ นั่นมันผมชัดๆ
‘ใครเหรอครับพี่อินเลิฟ มีคนมาดราม่าในรายการตั้งหลายคนเลยนะ’
‘คนที่ชื่อคณิตน่ะครับ เขาโทรมาเล่าในรายการเราว่าเขาอกหักจากสาวคนหนึ่ง ซึ่งเพราะว่าเขาขี้เหร่ในสายตาคนอื่น เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองดูดีเพื่อที่จะได้เป็นที่ยอมรับในสังคม ตอนแรกที่เขาโทรมาผมรู้สึกว่าเขาจู้จี้ก็ที่หนึ่ง ขี้ตื๊อก็ที่หนึ่ง ความอดทนต่ำก็ที่หนึ่ง…’
นี่มาระบายความในใจหรือแอบด่าผมกันวะ!
‘โอโห ดูเป็นคนเรื่องมากจังครับ’ อิพี่สัจจะมึงจะเอาด้วยใช่ไหมครับ!
‘แต่เพราะความเป็นเขานี่แหละครับ ที่ทำให้ผมต้องมาช่วยเขาเพียงเพราะผมแพ้เป่ายิงฉุบกับคุณคิวปิด’ มีเสียงเอฟเฟคตะแง่วขึ้นมาด้วย ‘แต่นั่นถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมได้เจอเขานะครับ ในตอนแรกผมก็ไม่อยากช่วยเขาหรอก แต่เพราะช่วงนั้นผมทะเลาะกับแม่จนไม่มีเงินจ่ายค่าหอ สิ่งที่คณิตสามารถช่วยผมได้คือการให้ผมอยู่หอฟรี เพราะไอ้เพื่อนรักผมที่เป็นดีเจนามว่าคิวปิด ไม่ให้ผมอยู่ด้วยครับ เหี้ยไหมล่ะครับ’
‘เหี้ยมากครับ’
พี่สัจจะเสริมทัพด่าตัวเองอีกแรง
‘และตอนนั้นแหละที่ทำให้ผมได้อยู่ใกล้เขามากขึ้น ได้ดูแลเขาเหมือนดูแลตัวเองเลย ผมเห็นเขาก็คิดถึงตัวเองบ่อยๆ เหมือนกันนะ เอาตรงๆ เขไม่ได้ขี้เหร่อะไร แถมนิสัยก็ไม่ได้เลวร้าย ทำไมสังคมถึงไม่เห็นคนน่ารักๆ แบบเขากันนะ ในเวลานั้นผมคิดได้แค่ในใจแหละครับ ไม่กล้าพูดออกไปหรอก ผมปากแข็งจะตาย’
ข้อนี้เห็นด้วยครับ
ผม่อยๆ เดินไปยืนหยุดที่หน้าห้องวิทยุ แต่ผมไม่กล้าเปิดเข้าไป เพราะผมอยากฟังเขาเล่าจนจบ
‘แล้วยังไงต่อครับ น้องคณิตนี่หล่อขึ้นไหมครับ’
‘ก็อย่างที่ทุกคนเห็นแหละครับ พักหลังเขาจะมาอยู่กับผมบ่อยขึ้น เป็นคณิตติดเอฟอย่างที่ทุกคนตั้งแฮชแท็กให้ในทวิตเลย เอาตรงๆ ผมเบื่อเวลาเขาบ่นมากเลยนะ เวลาผมอธิบายเขาก็ชอบมาเถียงผมอะ แต่สิ่งที่ผมเบื่อพอมันเริ่มชินก็กลับกลายเป็นว่าผมขาดสิ่งเหล่านั้นไม่ได้แล้ว’
‘…’
‘ผมอยากเจอเขาในทุกๆ วัน ตื่นขึ้นมาก็เจอไอ้หน้าบานนอนน้ำลายยืดอยู่บนเตียง วันไหนละเมอๆ ก็ชอบเอาแขนผมไปหนุน ตัวของมันนุ่มนิ่มจนผมอยากกอดทุกวัน แต่มันก็เอาแต่บ่นว่าเมื่อย ผมก็เลยไม่ได้นอนกอดมันเลยหลังจากนั้น ผมเคยชินกับการต้องมามาร์กหน้าให้มันตอนมันหลับ คอยซื้อมาร์กใต้ตามาตุนเอาไว้เพื่อใช้ด้วยกัน คอยพามันไปซื้อของที่บูทเพื่อที่มันจะได้เรียนรู้ความยากลำบากของความหล่อ ว่ากว่าจะหล่อได้แม่งไม่ง่ายเลยจริงๆ’
‘…’
‘และตอนนี้มันก็ดูดีและน่ารักมากขึ้นในสายตาคนอื่นแล้ว รวมไปถึงผมด้วย ไม่รู้ว่าผมรู้สึกดีกับมันเอาตอนไหน แต่ผมก็กลายเป็นว่าผมหวงมันไปแล้ว ผมไม่อยากให้ใครมายุ่งกับมัน ผมอยากดูแลมันเพียงคนเดียว อยากปกป้องมันเพียงคนเดียว ผมดูเหมือนคนหวงไข่ปะ’
‘มาก เหมือนงูจงอางหวงไข่สุด’
ผมขำในความตบมุกของพี่สัจจะแต่ก็แอบซึ้งให้กับความรู้สึกของพี่เอฟที่พูดออกมา นี่เขาพูดออกมาในฐานะพี่เอฟชัดๆ ไม่ใช่ในฐานะดีเจอินเลิฟแล้ว
‘ผมยิ่งอยู่ใกล้มัน ผมยิ่งชอบมันขึ้นเรื่อยๆ วันที่ผมต้องย้ายออกจากหอ ผมพยายามเข้มแข็งและทำเป็นว่าไม่เป็นไร แต่ทันทีที่เท้าผมออกจากหอ ผมแทบอยากจะกลับไปกอดมันให้หายคิดถึงแต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขา'
‘…’
‘วันนี้ผมเลยอยากได้คำตอบน่ะครับ เขาคิดยังไงกับผม ผมอยากรู้แค่นี้’
คำถามที่ผ่านเสียงลำโพงทำเอาผมต้องยืนนิ่งคิดกับสิ่งที่เกิด นี่แปลว่าทุกคนในมหาวิทยาลัยก็รู้น่ะสิ ว่าผมคิดยังไงกับเขาอะ
เขินตายห่าเลยแบบนี้ U_U
‘แหม่ ถ้าพี่อินเลิฟชงมาขนาดนี้ เราจะรอช้าอยู่ไยล่ะครับ ทีมงานช่วยติดต่อเขาทีสิครับ’
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!
จู่ๆ มือถือผมก็สั่นจนผมต้องเอาขึ้นมาดูหน้าจอ นี่มันเบอร์ของตลับซันเดย์นี่…
ผมจะรับดีไหมอะ คือไม่ใช่ไม่อยากตอบนะ แต่ผมกำลังเขินจนทำอะไรไม่ถูกต่างหาก
“สวัสดีครับ”
ผมรับไปแล้ววววว!
(โอ้! คุณคณิตรับสายแล้วเหรอครับ) เสียงพี่สัจจะดูดีใจเกินเบอร์สุดๆ (คุณอินเลิฟมีอะไรอยากจะบอกเขาไหมครับๆ)
(คิดถึงนะ)
ฮิ้วววววววววววว
เสียงเอฟเฟคโห่แซวดังขึ้น ผมส่ายหน้าเอือมๆ แต่ก็แอบยิ้มเขินให้กับความซึนของเขา ไม่เจอกันนานจนพูดเป็นอยู่คำเดียวเลยเหรอ
“โทรมานี่มีอะไรจะถามหรือเปล่าครับ” ผมเล่นไปตามบท แต่หน้าอกผมนี่ตุบๆ ดังมาก
(สรุป จะบอกได้ยังว่าคิดยังไงกับกู)
สรรพนามคุ้นหูที่ไม่เหมาะกับพี่อินเลิฟแต่เหมาะกับพี่เอฟทำเอาผมยิ้มออกมา
“อยากรู้เหรอครับ”
(อือ)
“ออกมาหน้าห้องสิ”
ผมกดวางสาย อย่างน้อยการบอกคำตอบในครั้งนี้ผมก็อยากให้คนข้างนอกลุ้นเอาว่าผมกับพี่เอฟจะได้คบกันไหม
‘โอโห้ แบบนี้ก็แปลว่ารู้กันแค่สองคนน่ะเซ่ เอาไงดีครับคุณอินเลิฟ คุณคณิตเขาท้าทายคุณสุดๆ ไปเลย’
‘งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ’
สิ้นสุดคำนั้น ผมก็กำสายกระเป๋าแน่นรอให้ใครบางคนเดินออกมาจากห้องวิทยุ ไม่นานนักพี่เอฟก็เปิดประตูออกมาก่อนจะมายืนอยู่ข้างหน้าผมด้วยท่าเก้ๆ กังๆ
“ครับ?” ผมเอียงคอถาม เพราะเขาเอาแต่เกาข้างแก้มตัวเองราวกับคนไม่มีอะไรจะพูด “พี่จะถามผมว่าอะไร”
“มึงคิดยังไงกับกูเหรอ”
เวลาพี่เอฟเขินนี่ดูไม่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ หมดกันภาพลักษณ์ที่คีปมาเกือบสามปีของเขา ทำไมมาจบได้คิขุแบบนี้นะ
“คิดว่าพี่หล่อในสายตาผมครับ”
ผมตอบกวนตีน แต่คนตรงหน้ากลับตีหน้านิ่งใส่
“ตอบไม่ดีกูต่อยนะ”
“อ่าๆ พี่ก็เป็นคนที่คอยดูแลผม คอยใส่ใจผม คอยบ่นผม คอยเถียงผม แล้วก็คอยอดทนหลายๆ เพื่อผม”
“…”
“ผมคิดงี้อะ”
ผมตอบก่อนหลบตาลง การมองตาเวลาพูดอะไรแบบนี้มันจักจี้ชะมัดเลยเว้ย
“แล้ว…” พี่เอฟเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะดันคางให้ผมมองหน้าเขา “เราคบกันได้ยัง”
ผมกลั้นยิ้มเก็บอาการเขินไว้ หูพี่เขาแดงมากอะ ผมรู้แหละว่าความรู้สึกเราสองคนในตอนนี้มันไม่ต่างกันสักเท่าไรหรอก
“พี่โน้มหน้าลงมาสิ”
“จะจุ๊บเหรอ คราวนี้ถ้าจะจุ๊บ กูจับจุ๊บนานเป็นชั่วโมงเลยนะ โทษฐานมาจุ๊บให้ความหวังแล้วไม่ให้คำตอบอะ”
คนตรงหน้าทำทีเหมือนรู้ทัน ผมส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ พี่เอฟดูระแวงๆ ผมกลัวผมจะจุ๊บปากจริงๆ แต่ครั้งนี้ผมมีเรื่องจะบอกเขาจริงๆ นั่นแหละ
“เป็นแฟนกันนะครับ”
ผมกระซิบแค่นั้นก่อนจะแอบไปหอมแก้มเขาเบาๆ
พี่เอฟยืนตัวตรงก่อนจะจับแก้มตัวเองแล้วมองมาที่ผมด้วยอาการอึ้งๆ
“พูดแล้วนะไอ้หน้าบานของพี่”
“ตามนั้นครับไอ้หน้าโหดของผม J”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ^^
รักไรท์มากๆเลยขอบคุณน้าคุณไรท์ รัก
สนุกมากค่ะไม่ทำให้ผิดหวังปกติจะอ่านแต่พระเอกนายเอกหล่อจนเกือบหมดแล้วก็ว่าได้เลยเปิดใจมาอ่านแนวนี้บ้าง ยิ้มตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบ คือดีย์~~~
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก
นน่ารักมากกกกกกกกก คณิตคิดเอฟจบอย่างสมบูรณ์แล้ววว ดีมากเลยค่ะ เริ่มอ่านวายเพราะเรื่องนี้ และจะต้องตามไปอ่านเรื่องอื่นด้วยแน่ๆ เคยอ่านจากจอยมาก่อนเพิ่งรู้ว่าลงเด็กดียาวขนาดนี้ ชอบมากๆ เอฟซีนะคะ
โอ้ยยเดินทางกันมายาวนาน แต่น่ารักากกก