ตอนที่ 23 : ll ปรึกษา (รัก) ll EP.14 :: เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ [100%] 2/2
ผมดูผู้ชายบนเวทีด้วยความตั้งใจพลางดูดน้ำปั่นในมือที่จิ๊กมาอย่างเอร็ดอร่อย ผู้หญิงต่างพากันกรี๊ดกร๊าดผู้ชายทุกคนที่เดินขึ้นมา ยอมรับว่าพวกเขาหล่อจริงๆ สมควรที่ลงประกวดแล้วล่ะ ถ้าไม่หล่อแล้วมาลงประกวดคงรู้สึกตงิดๆ แย่
อย่างผมในตอนนี้นี่แหละ ดีแล้วล่ะที่ไม่คิดจริงจังจะลงกับเขาเสียตั้งแต่ตอนแรก
“กรี๊ดดดด มึง พี่เอฟๆ!”
“เชี่ยยยย ปีนี้พี่เอฟท๊อปฟอร์มว่ะ ไม่ใส่สูทเหมือนปีที่แล้ว”
“อิห่านึกว่ามาเดินตลาด แต่หล่อให้อภัย”
สัตว์เอ้ย กุมขมับเลยกู…
ตอนแรกก็ไม่รู้สึกผิดหรอกที่ลากเขาออกมาจากหอด้วยสภาพนี้ พอคนพูดเยอะๆ เข้ากูเริ่มใจไม่ดีแล้วสิ
ทำไมวะ ไม่รู้จักแฟชั่นเดินดินของนายแบบวายจีเคพลัสอ๋อ!
ผมเลิกสนใจกลุ่มคนข้างๆ แล้วตั้งใจเพ่งมองไปยังพี่เอฟแทน ตั้งแต่ใส่คอนแทคเลนส์แล้วรู้สึกไม่ต้องเพ่งมากกว่าตอนใส่แว่นเลยแหะ ถึงมันจะแอบเคืองๆ ตาไปบ้างบางทีก็เหอะ พี่เอฟดูสูงพอๆ กับไลม์เลย ซึ่งแน่นอนว่าสองคนนี้สูงเกินมาตรฐานชายไทยเยอะอยู่ หรือไม่รู้ว่าผมเกิดมาตัวเล็กกว่าเขาหรือเปล่า ผมเลยคิดว่าสองคนนี้มันสูงเอามากๆ เลยแหละ บวกกับผิวที่มีออร่าและหน้าตาที่โดดเด่น ทำเอาสองคนนี้ดูท๊อปฟอร์มไปเลย
ผมละสายตาจากพี่เอฟไม่ได้จริงๆ ว่ะ
“กูเลือกให้ลูกโป่งไม่ถูกเลยยยยย”
เสียงคร่ำครวญจากผู้หญิงด้านข้างทำเอาทุกคนต้องร้องโหยหวนตามอย่างเห็นด้วย ความหล่อที่กินกันไม่หลงนี่แอบน่ากลัวนะ
อีกคนก็ดูเป็นคนที่มั่นใจกับตัวเองและคิดว่าพี่เอฟไม่น่าชนะและจะมาโค่นตัวเองในตำแหน่งเฟรชลุคได้เพราะพี่เอฟแก่ -_-
ส่วนอีกคนก็เป็นคนไม่ค่อยยอมคน ใครท้านิดท้าหน่อยก็อารมณ์ขึ้นซะแล้ว ไม่มีใครยอมใครจริงๆ
‘เอาล่ะครับ ทุกคนก็เห็นหน้าคลาตากันครบทุกคนแล้ว มีคนในใจหรือยังครับ’
พี่สัจจะกับพี่ทอยขึ้นเวทีมาพร้อมความสดใส แต่เหล่าบรรดาสาวๆ ข้างล่างเวทีไม่มีใครสนใจเขาหรอก หน้ายังกะโจรยังมาทำแอ๊บเสียงใสอีก
‘เดี๋ยวเบรกสองเรามารู้จักพวกเขาอย่างจริงๆ จังๆ จากการแนะนำตัวและท่าทำลายร้างกันนะครับ ปีที่แล้วพี่ทอยทำท่าอะไรไปจำได้ไหมครับ’
พี่ทอยถามคนดูเป็นการชวนคุย ทุกคนแย่งกันตอบจนผมจับใจความไม่ได้
‘เอ๋ พี่ทอยตอนประกวดนี่ทำท่าอะไรเหรอครับ ผมจำไม่ได้’ พี่สัจจะทำหน้าตอแหล
‘ชอจังงงง’
ไม่พูดเปล่า ยังทำท่าด้วยการเอานิ้วโป้งนิ้วชี้ทั้งสองข้างมาประกบกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและทำสลับข้างด้วย คล้ายๆ ท่าถ่ายรูป
ช่างเป็นท่าแอ๊บแบ๊วที่เกินจะบรรยาย
‘น่ารักจริงๆ สมกับที่ชนะมาเลยนะครับ’
ทำไมดูคำพูดพี่สัจจะแม่งเหมือนประชดไงไม่รู้ แต่กูขำไปแล้ว
‘แหม่ เราพูดเยอะจนกินเวลาแล้วนะครับเนี่ย ไว้มาเจอกันเบรกสองนะครับ ไปพักชมนักร้องจากคณะมิวป้ากันก่อนเลย’
สองพิธีกรเชิญนักร้องคั่นเวลาขึ้นมา ผมรีบลุกไปยังหลังเวทีเพื่อจะไปหาพี่เอฟ ผมเห็นเขาตื่นเต้นบนเวทีแล้วแอบเป็นห่วงอะ
“พี่เอฟ เป็นไงบ้างพี่”
ผมรีบแทรกเข้าไปถามพี่เขา ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่หายตื่นเต้นเลย
พี่สัจจะที่ลงเวทีมาเมื่อครู่ก็รีบเดินเข้ามาแล้วตบบ่าพี่เอฟเป็นการส่งกำลังใจ
“สู้มึง กูเห็นยืนมือเกร็งเชียว ครั้งนี้มึงต้องได้”
พี่สัจจะพูดแค่นั้นเขาก็ต้องรีบไปบรีพสคริปต่อ ส่วนพี่ทอยผมแอบเห็นว่าเขามองมาทางนี้แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามาทัก ช่างเหอะ ผมเป็นห่วงพี่เอฟเนี่ย กระโดดโหยงๆ เป็นกุ้งเต้นไปได้
“เชี่ย คนอย่างเยอะ”
พี่เอฟหันมาพูดกับผมด้วยเสียงกระซิบ ทุกคนเริ่มซับหน้าซับตาโดยช่างแต่งหน้าประจำตัว
“เหงื่อพี่ออกเยอะมากอะ โน้มตัวมาที”
ผมพูดพลางค้นหาทิชชู่ในกระเป๋าสะพายตัวเอง โชคดีที่ยังพอมีทิชชู่สำหรับไว้ห่อรีเทนเนอร์เหลืออยู่บ้าง
อะ…ตุ๊กตาแมวน้ำ
“หาเจอยัง”
พี่เอฟเลิกคิ้วถาม เขาไม่ได้หงุดหงิดแต่แค่ถามเพราะเห็นว่าผมหาของในกระเป๋านานเกินความจำเป็น
“พี่ ผมมีอะไรจะให้” ผมไม่รอช้าหยิบพวงกุญแจตุ๊กตาแมวน้ำขึ้นมาแล้วดึงมันออกจากกัน “ผมซื้อมา ผมเห็นตัวนี้มันเหมือนพี่ดีอะ ผมให้”
ผมยื่นตุ๊กตาแมวน้ำตัวหน้าหยิ่งๆ ให้เขา แต่เขากลับมองมาด้วยสายตานิ่งๆ
“คือไรวะ”
“ตุ๊กตาไง มันเป็นตุ๊กตาคู่รักที่เอาไว้อธิฐานให้อีกฝ่ายสมหวังอะพี่ แต่ว่าผมไม่เชื่อเรื่องอธิฐานหรอก ผมซื้อมาเพราะมันน่ารัก พี่อย่าคิดอะไรนะ ผมเปล่าคิดอะไรด้วย ผมให้เพราะ…”
“งั้นเอาอีกตัวมาให้กูดิ กูไม่เอาตัวนี้”
“ได้ไงอะ ตัวนี้มันใส่แว่น มันเหมือนผม”
“เก็บตัวที่เหมือนกูไว้ เอาตัวที่เหมือนมึงมาให้กู”
พี่เอฟแบมือเป็นการขอ ผมทำท่าลังเลแต่พอเห็นสายตานิ่งๆ นั่นก็เลยยอมให้ตัวที่เหมือนผมไป
“โห ผมได้แมวน้ำหน้าหยิ่งนี่มา มันไม่เห็นเหมาะกับผมเลย U_U”
“เอาไปเหอะน่า” พี่เอฟใช้ตุ๊กตาแมวน้ำตีหัวผม “อธิฐานมา”
“หา”
“มันอธิฐานได้ไม่ใช่ อธิฐานมาดิ”
“บ้า เขาให้คู่รักอธิฐาน ผมจะมาอธิฐานให้พี่เพื่อ”
“มึงก็ไม่ได้คิดอะไร กูก็ไม่ได้คิดอะไร แค่อธิฐานมันคงไม่อะไรหรอกมั้ง”
พี่เอฟยักไหล่ก่อนจะเอาแมวน้ำทั้งสองตัวมาประกบกันเหมือนเดิม
“ผมอธิฐานเหรอ”
“อืม” พี่เอฟเออออ “ขอให้กูชนะก็พอ”
ผมไม่รู้ว่าทำไมคำขอของเขามันถึงดูอ่อนโยนแปลกๆ เอาน่าไอ้คณิต มึงไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้สักหน่อย อธิฐานเพื่อเอาความสบายใจมันก็ไม่ตายหรอก อีกอย่างเราสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
ถ้าอย่างงั้น…ผมขอให้พี่เอฟชนะการประกวดครั้งนี้ด้วยนะครับ
ผมหลับตาอธิบานก่อนจะดึงแมวน้ำออกและส่งตัวแว่นให้พี่เขาตามความต้องการ
“พี่อย่าทำตุ๊กตาที่ผมให้ไปพังนะ แล้วก็ดูแลมันดีๆ มันคือผมนะน่ะ”
“ตัวที่มึงถือมันก็คือกู อย่าเอาไปเตะเล่นล่ะ โกรธกูก็มาลงที่กู อย่าไปลงที่ตุ๊กตา เข้าใจ๊”
เหมือนแม่งรู้ทันไปหมด ผมกะจะบีบไอ้เจ้าตัวนี้ให้แบนแต๋ดแต๋ แต่พอพี่เอฟพูดดัก ผมก็ทำได้แค่แขวนมันไว้ที่กระเป๋าเพื่อติดตัว
ส่วนพี่เอฟก็จัดการเอาตุ๊กตาที่ผมให้ไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง โชคดีที่มันตัวนุ่มนิ่มสามารถแบนไปตามสภาพการถูกใช้ ไม่งั้นพี่เอฟคงได้เป็นคนพิการเหมือนคนไข่ตุงข้างนึงแน่ๆ
“งั้นผมกลับไปนั่งที่เดิมแล้วนะ”
“ไม่เช็ดเหงื่อให้กูแล้วหรือไง เนี่ย” เจ้าตัวชี้ที่แก้มตัวเอง “เช็ด”
ดูเหมือนจะบังคับกลายๆ แต่ผมก็เต็มใจหยิบขึ้นมาเช็ดให้เขาตามคำสั่ง พี่เอฟย่อตัวลงให้ตัวเท่าๆ กันผมจะได้ไม่ต้องเงยหน้าให้เมื่อยคอ
“พี่อย่าตื่นเต้นนะ ผมเห็นสีหน้าพี่บนเวทีแล้วตลกชะมัด”
“กูแค่ตกใจที่คนมาดูเยอะ กูมองหามึงไม่เจอเลยรู้เปล่า”
“อ่า” ไม่รู้ทำไมผมถึงเขินกับคำพูดเขา เหมือนว่าเขากำลังมองหาผมแค่คนเดียวไงไม่รู้ แล้วกูจะเขินทำไมวะ “ผมอยู่แถวหน้าๆ เลยพี่ งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อลูกโป่งสีเขียวนะ พี่จะได้หาผมเจอ”
“อือ”
พี่เอฟพยักหน้า ช่วงจังหวะที่มือผมหยุดซับเหงื่อเขาก็ช้อนสายตามองมาที่ผมพอดี นาทีนั้นเหมือนว่าตัวเองช็อตไปเลย ใบหน้าเขามันมีอนุภาพรุนแรงสัตว์ๆ
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดคุยอะไรมากมาย สตาฟก็จัดการเรียกผู้เข้าประกวดให้ไปยืนต่อแถวเพื่อขึ้นไปแนะนำตัว ผมที่กำลังจะกลับไปซื้อลูกโป่งก็กลับรู้สึกว่าท้องตัวเองมันเริ่มไม่ดีแปลกๆ
จ๊อกกก~~~
ทำไมต้องมาปวดขี้เอาเวลานี้วะ =[]=
ผมรีบวิ่งออกจากหลังเวทีและตรงไปยังห้องน้ำสาธารณะใกล้ๆ สนามกีฬาแห่งนี้ทันที แต่ปรากฏว่ามีคนยืนต่อแถวอยู่เต็มไปหมด ผมจึงเลือกที่จะออกจากงานแล้ววิ่งไปยังคณะตัวเองที่ไม่ไกลจากตรงนี้ แย่สุดๆ แย่ตรงนี้ผมดันมาท้องเสียเอาตอนที่พี่เอฟจะแนะนำตัวนี่แหละ
โชคดีที่ห้องน้ำคณะผมมีถึงสามห้องด้วยกัน ผมจึงเลือกห้องที่ไม่วังเวงเปลี่ยวเอกาเกินไป พยายามเอียงหูคอยฟังเสียงบนเวทีที่ห่างออกไปไม่มาก มันได้ยยินแหละ แต่ไม่ค่อยชัดเสียเท่าไร เพราะงานมันยังมีพวกรำวงย้อนยุค ไหนจะเสียงตามร้านบิงโก ปาเป้านั่นนี่อีกเยอะแยะ ยังกับงานวัดแน่ะ
KANIT : ผมกลัวไปดูพี่ไม่ทันอะ ตอนนี้ผมปวดท้องมากเลย TT
ไม่รู้จะทำยังไงผมจึงเลือกส่งไลน์ไปหาพี่เอฟ ไม่รู้ว่าเขาจะหยิบมือถือขึ้นมาอ่านไหม แหงล่ะ จะขึ้นไปแนะนำตัวอยู่แล้ว เขาจะเอาเวลาที่ไหนมาเปิดอ่านวะ
อ่านแล้ว
แต่เขาอ่านว่ะ!
F : มึงเป็นไร?
คำถามดูสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดแน่ๆ โอ้ย ท้องเสีย จาหมดแรงล้าว
KANIT : ขี้แตกอะ ผมปวดท้องทนไม่ไหวจริงๆ พี่
KANIT : ผมอยากไปดูพี่ แต่ท้องไม่อำนวยผมเลย
F : อยู่ไหนตอนนี้
KANIT : ห้องน้ำตึกมนุษย์ครับ พี่จะแนะนำตัวตอนไหน ผมจะรีบไป
F : ประมาณคนท้ายๆ มาทันไหม มึงไหวปะเนี่ย
จ๊อก~
ผมตัวงอทันที พยายามเกร็งหน้าท้องตัวเองสุดฤทธิ์สุดเดชแต่มันก็บีบจนผมต้องเอามือยันผนังไว้ เหมือนมันไม่ใช่ท้องเสียเพราะผมกินเยอะอะ มันท้องเสียเหมือนผมกินอะไรผิดสำแดงมาเลย
F : นิด มึงอยู่ปะเนี่ย ตกส้วมยัง
KANIT : ผมท้องเสียหนักมากเลยอะพี่ ผมกลัวไปไม่ทันอะ
F : เชี่ยล่ะ
F : มึงไม่ต้องรีบมา ไม่เป็นไร ไปหายากินด้วยนะ กูต้องขึ้นเวทีแล้ว เดี๋ยวถ้าเสร็จกูจะโทรไป
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ไร้การเคลื่อนไหวของบทสนทนาเราสองคน
สงสัยว่าผมจะได้ผอมสมใจก็คราวนี้นี่แหละ ผมพยายามจะลุกหลายรอบแล้ว แต่มันก็เหมือนจะบุกข้าศึกตลอดเวลา
“อ่า…” ผมร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง ถ้าให้เดาสีหน้าผมตอนนี้มันคงแย่เอามากแน่ๆ
จ๊อก~
ฮึก… ผมลุกขึ้นรอบที่สิบแต่มันก็ร้องและบีบลำไส้ผมจนแน่นไปหมด ผมรูดซิปกางเกงและเปิดประตูออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่ ผมจะไม่ยอมเด็ดขาด ผมต้องเอาใบหน้าตัวเองไปเป็นกำลังใจพี่เอฟให้ได้
พี่แกเคยขอร้องผมเอาไว้นี่นา…
ตุ๊บ!
ขาผมอ่อนแอเพราะใช้พลังงานไปกับการขับถ่ายที่หนักหน่วงเมื่อกี้หมด ปากผมแห้งผากจนสัมผัสได้ว่าหน้าผมต้องซีดเหมือนคนไม่มีเลือดไปเลี้ยงใบหน้าแน่ๆ
หลังผมพิงกำแพงที่หน้าห้องน้ำอย่างคนสิ้นหวังหนทาง ท้องเจ้ากรรมยังคงมวนอยู่อย่างงั้น
ผมเหมือนขาดแร่ธาตุสำคัญไปเลย เหมือนผมทิ้งทุกอย่างลงส้วมไปหมดแล้ว
แม้กระทั่งเรี่ยวแรงตัวเอง…

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไลม์มันร้ายยย
ไลม์แน่ๆ เอาสลอดใส่น้ำแอปเปิ้ลใช่มั้ย ถึงคะยั้นคะยอให้พี่เอฟกิน
//เขามีตุ๊กตาคู่กันแล้วอะ จั๊กจี้เด้อ
#อินมากไปหน่อย55
น่าสงสารน้อง ขอให้ความจริงเผย พี่ต้องสู้ต่อนะ อย่าทิ้งกลางคัน เพื่อน้องง
ปล.โทดค่ะ อินหนักมาก5555
นิสัยไม่ดีเลย !!!!!!!!