ตอนที่ 5 : ll แฟนผมเป็นตากล้อง ll EP.04 :: เขาเรียกว่าเป็นห่วง [100%]
ผมรีบกดปิดอัลบั้มรูปนั่นก่อนจะจัดการกดปิดเพลงต่อทันที เป็นจังหวะพอดีที่ไอ้คิวเดินออกมาจากห้องน้ำเตรียมพร้อมที่จะถ่ายรูป
"เราใส่ชุดนี้ถ่ายนะ" ไอ้คิวเอ่ยขึ้น
ผมไม่สนใจคนตรงหน้า จัดการใส่กล้องลงในกระเป๋าก่อนเอ่ย
“กูกลับก่อนแล้วกัน พอดีต้องรีบกลับบ้าน”
"ทำไมอะ"
"มีธุระ"
ผมว่าก่อนจะสะพายกระเป๋ากล้องพลางลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู โดยไม่สนว่าคนที่ยืนอยู่ในห้องจะสงสัยหรือถามผมว่าเป็นอะไรไป
เสียงฝีเท้าบวกกับเสียงกุญแจดังกระทบกันวิ่งตามหลังผมมา ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นไอ้คิว
“นายจะไปไหน ฝนมันตกอยู่ไม่เห็นหรือไง”
ผมเดินมาหยุดยืนรอลิฟท์ ไอ้คิวจับไหล่ผมให้หันไปคุยกับมัน ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องอยากกลับทั้งที่ตั้งใจจะมาถ่ายรูปมันเพื่อจะได้ให้รูปครบจำนวนเร็วๆ แต่เป็นเพราะไอ้รูปที่ผมโดนแอบถ่ายนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกไม่โอเคกับมันสักเท่าไร
ทำไมมันไม่ยอมลืมเรื่องราวในอดีตอีกวะ ทั้งที่ผมอยากลืมแทบตาย
“เรื่องของกูน่า” ผมสะบัดแขนคล้ายรำคาญ ก่อนจะเดินเข้าลิฟท์พลางเอื้อมมือกดปิดโดยเร็วแต่ไอ้คิวกลับดื้อด้านเดินตามเข้ามาจนได้ “มึงจะตามกูลงมาทำไม”
ผมถามเสียงแข็งแต่มันกลับมองหน้าผมนิ่ง ทันทีที่ลิฟท์เปิดออก ผมกดเปิดประตูหอออกไปเพื่อมองหาวินมอเตอร์ไซค์ที่อาจจะขี่ผ่านมาแถวนี้ พอเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วคาดว่าคงไม่มีใครพิเรนทร์ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมากลางฝนแน่ๆ นอกเสียจากผมจะต้องวิ่งฝ่าฝนลัดเลาะไปตามฟุตบาทเพื่อไปรอรถเมล์ที่ป้าย
“เดี๋ยว”
“อะไร”
ผมหันไปถามขมวดคิ้วอย่างสงสัยบวกกับเคืองเล็กน้อย ที่จู่ๆ ไอ้คิวกลับดึงแขนเสื้อผมเอาไว้เป็นการห้ามปรามไม่ให้ผมก้าวเท้าวิ่งออกไป
“ฝนมันตกอยู่จะรีบกลับไปไหน อยู่ที่ห้องเราก่อนดิ” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยแถมยังทำหน้าเหมือนโมโหที่ผมวิ่งออกมากะทันหัน “ยังไม่ได้ถ่ายรูปเลยไม่ใช่”
“ไว้วันอื่นเหอะ กูอยากกลับบ้าน”
“งอแงร้องกลับบ้านเป็นเด็กไปได้”
“แล้วมึงมายุ่งอะไรกับกูนักเนี่ย ทีกูขอถ่ายดีๆ ไม่เคยให้ ทีกูจะไม่ถ่ายก็มาตามวอแวกูแบบเนี่ย” ผมพยายามคุมอารมณ์ไม่ให้เดือดไปมากกว่านี้ก่อนจะปัดมือมันออกจากแขนเสื้อผมซะ “ไว้กูอยากถ่ายกูมาขอมึงทีหลังแล้วกัน”
“แล้วจะกลับทั้งที่ฝนตกหนักแบบนี้อะนะ”
“เออ”
“ฝนตกหนักจะตาย นายออกมาแบบนี้คิดว่าเราไม่เป็นห่วงเหรอ”
คำพูดของไอ้คิวทำเอาผมชะงักไป หน้าหอไม่มีใครนอกจากเราสองคน แถมยามยังแอบไปงีบที่ไหนก็ไม่รู้
ผมมองหน้ามันนิ่ง คำพูดที่มันไม่ควรพูดกับผมทำเอาผมรู้สึกอยากกระโดดซัดหน้ามันสักทีสองที เป็นห่วงอะไรของมึง เพ้อเจ้อฉิบหาย
“เก็บไว้เป็นห่วงตัวมึงเองเหอะ”
"นี่เราพูดดีๆ กับนายนะ กลับห้องเรารอฝนซามากกว่านี้ก่อนเถอะ"
"อย่ามาแตะตัวกูได้ไหมเนี่ย" ผมถอยออกห่างจากมัน เมื่ออยู่ๆ คนตัวสูงกลับดึงแขนเสื้อผมอีกครั้ง
ไอ้คิวหน้าเหวอไปนิดๆ มันมองผมนิ่ง
“จะเกลียดอะไรกันนักหนาวะ” อยู่ๆ ไอ้คิวก็โพล่งขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินมันพูดจาที่ดูไม่ใช่ตัวมันสักเท่าไร ยอมรับว่าผมแอบเผลอผงะไปนิดๆ “เรื่องมันผ่านมาแล้วนายปล่อยให้มันเป็นอดีตไม่ได้เหรอ เรากลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรือไง”
คำพูดคล้ายขอร้องทำเอาผมผงะไปอีกครั้ง ผมพยายามคุมสีหน้าให้เป็นปกติและไม่เผลอพลั้งปากด่ามันออกไป
“มึงกับกูไม่มีทางเป็นเพื่อนกัน เข้าใจไว้ด้วยนะ”
"แค่สนิทก็ไม่ได้เหรอ" มันถามเสียงค่อย สีหน้าของมันในตอนนี้ผมไม่อยากมองเลยด้วยซ้ำ "นี่เรานึกว่านายอยากสนิทกับเราซะอีก"
"กูก็แค่ตามถ่ายรูปมึงเพื่อชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้นแหละ"
ผมพูดจบเพียงเท่านั้นก่อนจะเอากระเป๋ากล้องซุกไว้ในเสื้อนักศึกษาของตัวเองพร้อมกับกอดเอาไว้แน่นกันน้ำซึมเข้าไป ในตอนนี้ผมไม่สามารถเอาอะไรมาบังหัวได้เลยเพราะกล้องมีราคากว่าชีวิตผมอีก ผมเลิกสนใจคนด้านข้างแล้ววิ่งออกมาจากจุดนั้นไปตามทางเท้า รองเท้าผ้าใบราคาแพงที่ผมแอบพ่อแม่ไปซื้อมาเปียกชุ่มเพราะน้ำเจิงนองตามพื้น ในตอนนี้สายฝนกระหน่ำไม่มีท่าทีจะหยุด ผมต้องรีบไปถึงป้ายรถเมล์ให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะเปียกไปมากกว่านี้…
แต่เอาตรงๆ อยากจะตีปากตัวเองเมื่อกี้มาก ผมลืมแผนการที่ควรจะตีสนิทมันไปซะเกลี้ยง เพราะเผลอพูดก่อนคิดด้วยความโมโหออกไปซะงั้น แบบนี้คงยากที่จะเข้าหามันเพื่อถ่ายรูปแล้วล่ะ...
มันคงโกรธและคิดจะแก้แค้นผม ทำให้ผมถ่ายรูปมันยากขึ้นแน่ๆ...
พรึ่บ
เหมือนว่าฝนที่กระหน่ำลงหัวผมนั้นหายไปบวกกับเหมือนมีเงาดำมาครอบคลุมตัวผมไว้อยู่ พอผมเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นไอ้คิวกำลังใช้เสื้อคลุมยีนส์ตัวประจำที่มันมักใส่ไปเรียนที่ม.เสมอเอามาบังฝนไว้ให้ผม ผมพยายามจะเบี่ยงตัวออก แต่มันกลับใช้แขนอีกข้างกันทางไว้ ในตอนนี้ผมไม่โดนน้ำเลยสักหยด พอหันไปมองไอ้คิวกลับเปียกโชกเพราะฝนเทไปสาดมันอยู่ด้านเดียว
ด้วยความที่ผมกลัวกระเป๋ากล้องจะเปียกไปมากกว่านี้จึงยอมให้มันวิ่งฝ่าฝนขนาบข้างไปกับผมตลอดทาง แม้จะรู้สึกแปลกๆ ก็เถอะ
เมื่อเราสองคนมาถึงป้ายรถเมล์ โชคดีที่มันมีหลังคากันฝนไว้ให้ ผมรีบผละตัวออกจากเสื้อคลุมที่มันเอามากางบังให้ทันที
“กล้องไม่เป็นไรใช่ป่ะ” น้ำเสียงเป็นห่วงเอ่ยพร้อมมองมาที่กระเป๋าใบเล็กในอ้อมกอดของผม ผมรูดซิปตรวจตราก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่มันไม่โดนน้ำอย่างที่กังวลไว้
“ไม่เป็นไร” ผมตอบก่อนจะเสยผมหน้าม้าตัวเองพลางขยี้ให้มันไม่อับชื้น “มึงกลับไปเหอะ ขอบใจแล้วกัน”
ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้ามันแต่อย่างใด ในตอนนี้หวังเพียงรถเมล์สักคันรีบขับผ่านมาทีเถอะ
“ที่นายรีบกลับไม่ได้มีธุระจริงๆ ใช่ปะ”
“อืม” ผมว่าไปตามตรง
“ที่นายรีบออกมาเนี่ย นายเห็นรูปในคอมแล้วใช่ปะ”
"อะไร รูปอะไร" ผมทำอ้ำอึ้งไม่รู้เรื่อง แต่ใจผมรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
"ในอัลบั้มรูปภาพในแม็กบุ๊คเราอะ..."
ไม่รู้แม่งไปเอาความฉลาดมาจากไหน ผมหันไปมองแบบไม่พอใจก่อนจะรีบตอบไปตามตรงอีกครั้ง
“เออ มึงจะเก็บรูปกูไว้ทำไม เป็นบ้าเหรอ”
"เราไม่ได้บ้า"
"แต่มึงโรคจิตไง"
“เราเห็นนายเป็นเพื่อนมาตลอด แต่เราไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปกับนายในช่วงนั้น เพราะนายเกลียดเรา” มันพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด “แค่เราอยากเก็บรูปที่เราตั้งใจถ่ายเองเอาไว้เฉยๆ ยอมรับว่านายอาจจะเคืองที่เราแอบถ่ายนายโดยไม่ขอ แต่นายโกรธเราขนาดนั้นเลยเหรอ”
เพียงคำถามสั้นๆ ที่ถามผมกลับ เล่นทำเอาผมเขว่เบาๆ ยังจะหาคำตอบอะไรมาอธิบายอีกอะ คนไม่ชอบขี้หน้ากันยังไงมันก็ไม่มีทางจะดีกันได้ปะวะ
“กูไม่ได้โกรธแค่เรื่องรูปหรอก กูกลัวมึงด้วยที่มึงดู...”
ผมไม่พูดต่อ พอเห็นสายตาความซื่อของมันผมกลับไม่กล้าพูดออกไป
“พวกแท๊ปที่เปิดหนังเกย์ไว้อะนะ” ไอ้คิวเลิกคิ้วถาม ผมรีบเสมองไปทางอื่นไม่มองหน้ามัน มึงพูดคำว่าหนังเกย์โดยไม่รู้สึกระแคะระคายอะไรเลยเหรอวะ “เพื่อนเรามันเปิดแกล้งไว้แบบนี้ประจำอะ นี่มันก็คงเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เรายังไม่จับแม็กบุ๊คเลย ไม่คิดว่านายจะประเดิมเปิดก่อนนี่”
“มึงอ้างปะเนี่ย”
“ไปถามไอ้ทอยปะละ คนที่มาทำรายงานที่ห้องเราเมื่อวานอะ” ไอ้คิวท้าผมขึ้น เล่นอ้างบุคคลที่สามขึ้นมาแบบนี้ กูไม่เชื่อมึงนี่ก็บาปเลยสินะ “มันแกล้งเราแบบนี้ประจำแหละ เวลาเราเปิดแม็กบุ๊คจะทำงาน เราก็ตกใจหน้าจอเวลามันแสดงภาพพวกนั้น…”
“…”
“เราพูดจริงๆ นะ”
ไอ้คิวพูดด้วยท่าทางใสซื่อตามแบบฉบับมัน แล้วผมจำเป็นต้องมานั่งฟังมันอธิบายเรื่องพวกนี้ไหมวะ
“แล้วเจลหล่อลื่นมึงอะ เอาไว้ทำไร”
ได้ทีจึงถามดักขึ้น ไอ้คิวยื่นปากพลางครุ่นคิดก่อนจะหันมาตอบในทันที
“อย่างที่เราบอกแหละ เพื่อนเราให้มาวันลอยกระทง มันบอกว่านั่นเป็นเจลทาขาช่วงหน้าหนาวพอทาแล้วขาจะไม่ลอกไม่แตก เราเลยชวนนายมาใช้ดูไง มาช่วยรีวิวหน่อยว่าดีจริงไหม”
“นี่มึงแกล้งโง่ปะ มึงปีสามแล้วนะ”
“ทำไมอะ” ไอ้คิวถามผมกลับ ผมมองมันนิ่งเพื่อให้มันคิดดูดีๆ ว่าที่ผมด่ามันไปน่ะเป็นเพราะอะไร “เขาไม่ได้ไว้ทากันขาแตกอย่างที่เพื่อนเราบอกหรอกเหรอ…”
ผมถอนหายใจออกมาแสดงถึงความเหนื่อยหน่ายพลางเหลือบตามองบนอย่างปลงชีวิต ไอ้คิวเลิกสงสัยก่อนจะหันไปสะบัดเสื้อคลุมที่เปียกโชกของมัน ทรงผมที่มันตั้งใจเซ็ตในตอนนี้พังทลายจนไม่เป็นทรงแถมเสื้อที่มันไปเปลี่ยนมาเพื่อถ่ายรูปก็เปียกไปหมด
“ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้แต่งตัวเก้อ” ผมพูดขึ้นนิ่งโดยไม่มอง "แล้วก็เรื่องที่กูกลับกะทันหัน"
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเอ่ยขอโทษมันไปก่อน อย่างน้อยผมก็ควรรับผิดในส่วนนี้จริงๆ แหละ อีกอย่างผมยังได้รูปมันไม่ครบ 999 รูปเลย ขืนผิดใจกันมากกว่านี้ งานหนักจะมาตกที่ผมนี่แหละ
“ช่างมันเถอะ ถ้านายอยากกลับบ้าน เราก็ห้ามอะไรนายไม่ได้อยู่แล้ว”
"ประชด?”
“เปล่า เรารู้ว่านายไม่ได้เต็มใจอยากที่จะถ่ายรูปเราตั้งแต่แรกใช่ไหมล่ะ…ถ้าให้มาอยู่กับเราแค่สองต่อสองนายก็คงไม่สะดวกใจ”
“อืม” ผมพยักหน้ารับไปโดยไม่ปฏิเสธ
“ไว้วันอื่น ถ้านายอยากถ่ายเราส่งไลน์นัดเรามาแล้วกัน”
“…”
“สำหรับนายต่อให้เราไม่ว่างยังไง เราก็จะทำตัวให้ว่างที่สุดเพื่อนายนะ"
ผมไม่ได้ตอบคนด้านข้าง เพราะไม่รู้จะตอบอะไรให้มันสมกับประโยคหวังดีของแม่ง รู้สึกกดดันนิดๆ รู้สึกตัวเองดูเลวทันทีที่คอยจงเกลียดจงชังมันทั้งที่มันออกจะใสซื่อขนาดนี้ เอาตรงๆ มันก็เป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่มัธยมจริงๆ แหละ แต่ผมไม่รู้นะว่าจริงๆ แล้วจิตใต้สำนึกของมันที่แท้จริงเป็นยังไง
ถึงผมจะเป็นเด็กจิตวิทยา ยอมรับจุดนี้เลยว่าผมมองใครก็ผิดพลาดไปหมด ดูได้จากเพื่อนสนิทอย่างไอ้นิวที่ผมคิดมาตลอดว่ามันจะเป็นสุภาพบุรุษรักศักดิ์ศรีตัวเองอะไรแบบนั้น แต่เปล่าเลยนิสัยจริงของมันยิ่งกว่าเด็กมัธยมต้นเสียอีก
ในความเงียบที่ครอบคลุมพื้นที่อยู่เกือบหลายนาที ในที่สุดสิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง รถเมล์สายประจำทางกลับบ้านผมขับผ่านมาพอดี ผมรีบก้าวขึ้นรถแต่ก่อนประตูรถเมล์จะปิด ผมตัดสินใจหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนมองผมนิ่ง…
ไอ้คิวโบกมือให้ผมเป็นเชิงลา สายตาไม่สื่ออารมณ์อะไรออกมาแต่อย่างใด มีเพียงเม็ดฝนที่เกาะตามใบหน้าของมัน
“ขอบใจที่มาส่ง” ผมพูดแค่นั้น แต่เหมือนว่าตัวผมเองกลับสั่งให้หันไปพูดกับมันต่ออีกครั้ง… “เดินกลับหอดีๆ มึงอย่าลืมกินยาด้วยแล้วกัน”
ผมพูดเพียงแค่นั้น ไอ้คิ้วยกยิ้มขึ้นทันทีเป็นช่วงที่ประตูรถเมล์ปิดพอดี ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ด้านในสุด ไม่ได้มองออกนอกหน้าต่างเพื่อดูว่าไอ้คิวจะเดินกลับไปหรือยัง จะตากฝนหรือไม่
แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดแค่วูบเดียว ผมตัดสินใจหันไปมองป้ายรถเมล์และกลับพบว่าคนตัวสูงได้หายไปจากจุดนั้นซะแล้ว
รถเมล์เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ พร้อมกับฝนที่ตกกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม ในหัวผมมีความคิดตีกันวุ่นวายไปหมด ทำไมต้องไปแคร์ความรู้สึกคนที่เราไม่ชอบขี้หน้าขนาดนั้นด้วยวะมาร์ช มันป่วยตายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับมึงปะ สนใจทำห่าไร…
ติ้ง
เสียงข้อความดังขึ้นทำลายความคิดฟุ้งซ่านในหัวผมแตกกระเจิง ผมกดเข้าแอพพลิเคชั่นไลน์ก็พบว่าเป็นไอ้คิวที่ส่งข้อความมาให้ผม
Q :: นายก็อย่าลืมอาบน้ำกินยานะ เดี๋ยวไม่สบาย
Q:: เราเป็นห่วงจริงๆ นะ :)
เพียงแค่ประโยคสั้นๆ ไม่กี่ประโยค ทำให้ผมต้องอ่านวนไปวนมาอยู่เกือบสิบรอบอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ผมเลื่อนนิ้วลงขยับหน้าจอเพื่อดูรูปคู่ที่ไอ้คิวส่งมาในตอนเช้า จู่ๆ ภาพในหัวผมก็ดันย้อนนึกถึงตอนม.6 ขึ้นมาเฉย
ผมรีบปิดหน้าจอก่อนจะยกมือจับหน้าอกตัวเองแน่นเพราะมันดันรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมากะทันหัน อัตราการเต้นของหัวใจ ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่อากาศภายในรถเมล์ก็เย็นสบายดี
แม่งเอ้ย กูไม่สบายจนได้!
(เดี๋ยวกูเลคเชอร์ไว้ให้ก็ได้ มึงไม่ต้องมาเรียนหรอก)
“แค่กๆ ขอบใจมากนิว ไว้เดี๋ยวกูเอาข้าวมันไก่ไปฝาก ลาจารย์ให้ด้วยนะ”
ผมส่งเสียเพื่อนรักผ่านปลายสายเสร็จก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะทานข้าวในบ้านทันที ผมสูดน้ำมูกจนสุดปอดก่อนจะมองนาฬิกาที่เดินกินเวลาเรียนคาบบ่ายไปเกือบยี่สิบนาที ผมทั้งตื่นสายทั้งไม่สบาย นี่ดีนะที่ไอ้นิวไปเรียน เพราะทุกครั้งไอ้เวรนี่ไม่ค่อยขยันไปซะเท่าไร ใช้โควต้าหยุดครบทุกวิชา
ในครัวกำลังวุ่นกับการต้มไก่ ทำน้ำซุป บ้านผมมีกิจการเล็กๆ เป็นร้านข้าวมันไก่ที่เปิดอยู่หน้าบ้าน เปิดตั้งแต่บ่ายสามจนถึงตีสอง พ่อแม่ไม่ค่อยอยากให้ผมไปเรียนหรอกครับแกอยากให้ช่วยงานบ้านมากกว่า นี่แหละที่ผมหยุดได้โดยที่เขาไม่สนใจว่าผมจะเป็นตายร้ายดี เกรดแย่ไม่แย่เขาก็ไม่สนหรอก
“อามารช์ ลื้อออกไปซื้อซอสถั่วเหลืองหน้าปากซอยล้ายม้าย”
เสียงแว๊ดของม๊าดังขึ้นมาจากหลังบ้าน ผมสะลึมสะลือมองคนสั่งก่อนจะพยักหน้าแล้วคว้าเงินที่วางอยู่บนหลังทีวีมาหนึ่งร้อยบาท
ว่าจะไปแวะไปร้านยาซื้อผ้าปิดปากพอดี ไอทั้งวันยังไม่ได้นอน เพราะใคร เพราะไอ้สัดคิวไงล่ะ
ผมเดินออกจากบ้านคล้ายวิญญาณจะหลุด แดดประเทศไทยที่มึงแวะมาพักผ่อนช่วงซัมเมอร์เหรอ มาผิดฤดูไม่พอยังเผาหัวจนกูจะมีเดียมแรร์อยู่แล้วไอ้เวรเอ้ย
“ป้าครับ ซอสถั่วเหลืองสองขวด”
ผมชูสองนิ้วเป็นการย้ำความมั่นใจให้ป้าแก่ๆ หูไม่ค่อยดีเท่าไร ป้าแกพยักหน้าก่อนจะหันไปหาสิ่งที่ผมต้องการจะซื้อนานพอสมควร
“คุณป้าครับ มีพารา…”
ผมหันไปมองต้นเสียงที่โผล่เข้ามาในร้านอย่างรีบเร่ง มันหยุดพูดทันทีที่เรามองหน้ากัน ผู้ชายร่างสูงกว่าผมมองด้วยอาการชะงัก ไม่ต่างจากผมหรอกแต่ผมเก็บอาการไว้อยู่ มันสวมชุดนิสิตเต็มยศคาดว่าคงไปเรียนมาแล้วแหงๆ
“มาทำไรอะ” ผมถามสงสัย เพราะบ้านมันไม่ได้อยู่แถวนี้นี่…
“ซื้อยาแก้ปวดอะ พอดีร้านยาแถวหอปิด”
ไอ้คิวว่าก่อนจะยิ้มให้ผมนิดๆ ผมเผลอไอออกมาเพราะเสือกดันมาคันคอกะทันหัน เป็นจังหวะพอดีกับป้ายื่นซอสถั่วเหลืองมาให้
“ไม่ต้องทอนครับป้า”
ผมจ่ายเงินให้ป้าเป็นจำนวนเงินพอดี ก่อนจะหันหลังรีบกลับแต่ดูท่าว่าไอ้คิวกำลังเดินตามผมมาติดๆ ทำให้ผมต้องหยุดเดินและหันไปมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่สบายเหรอ”
ขี้เสือกอีกแล้วพ่อคุณ…
“เออ กูตากฝนเมื่อคืนไง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติ “จะซื้อยาก็ซื้อ ตามมาหาแป๊ะไร”
“ให้เราไปส่งเปล่า บ้านอยู่ไหนอะ”
ผมมองไปทางข้างหลังมันก็พบว่ามันเอามอเตอร์ไซค์คันประจำของมันมา ผมส่ายหน้าปฏิเสธให้เป็นมารยาท เพราะก้าวเท้าไปอีกสามก้าวผมก็จะถึงบ้านแล้ว
ความตั้งใจในตอนแรกคือแวะร้านยา แต่พอเห็นหน้าแม่งแล้วก็ไม่อยากแวะแหละ อารมณ์เสียเว้ย
“อย่า มา ยุ่ง กับ กู” ผมพูดเน้นคำและเดินต่อไม่สนใจมัน
แต่ไอ้คิวมันเป็นคนดื้อแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้ามันได้ตามบอกเลยมันตามจนนึกว่าสัมภเวสีเจ้ากรรมนายเวรอะไรทำนองนั้นอะ
“พาเราไปร้านยาหน่อยดิ ดูท่าว่าร้านป้าเมื่อกี้จะไม่มียาอะ”
“อยู่หน้าปากซอยซ้ายมืออะ ไปเองนะ”
"ตรงไหนอะ"
"บอกซ้ายมือ" ผมขมวดคิ้วในความเด๋อของมัน "ซ้ายมือเนี่ย หันไปแล้วก็เลี้ยวซ้ายมือ"
ผมว่าก่อนจะหันตัวมันให้ออกไปทางหน้าปากซอยแล้วยกแขนซ้ายมันเป็นการบอกว่าซ้ายอยู่ทางไหน ผมทำแบบนั้นเสร็จก็เดินหันหลังกลับเตรียมตัวจะเผ่นทันที
“เราอยากตกลงเรื่องถ่ายรูปกับนายอะ” เท้าผมหยุดกึก ไม่ได้แพ้คำไหนเท่ากับคำว่าถ่ายรูปมาก่อน ผมเลือกไม่ถูกระหว่างจะเดินไปต่อหรือหันกลับไปยิ้มหน้าเกร็งหล่อๆ ใส่มันดี “เราคิดว่าถ้าเรามีข้อแม้ในการถ่ายรูปในแต่ละวัน นายน่าจะได้รูปไปให้น้องแอดมินคนนั้นทันนะ”
“ยังไง” และแล้วผมก็หันไปหามัน เฮ้อ เบื่อตัวเองที่ต้องมาแพ้ลูกเล่นอะไรแบบนี้
“เราว่าเราจะให้นายถ่ายรูปเราวันละสิบรูป”
“เดี๋ยว” ผมยกมือห้ามมันก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่างในหัว “วันละสิบรูปนี่กูต้องเจอมึงร้อยวันเลยหรือไง”
“อืม เราก็เจอกันร้อยวันไง”
“พอครบร้อยวันแล้วก็เผาเลยไหมสัด น้องเขาจะเอาเดือนหน้า”
“เราไปคุยกับน้องเขามาแล้วอะ น้องเขาบอกร้อยวันก็ได้”
ถ้าให้อธิบายสีหน้าผมตอนนี้คงประมาณ >>> -___-; นี้แหละ แบบเอือมจนไม่รู้จะเอือมยังไง กูต้องมาจมปลักกับผู้ชายคนนี้ร้อยวัน ไม่ให้กูไปเตะบอล แดกหมูทะ กินเหล้า เข้าผับ ทำบ้าทำบออะไรเลยหรือไง
นรก! อยู่กับมึงเหมือนลงนรก!
“วันนึงพันรูปได้มะ คนกันเอง” ผมต่อรอง รู้แหละว่าแม่งไม่ได้
“ร้อยวันเหอะ” มันพูดด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาผมลอบกลืนน้ำลาย “อยากเจอ”
สัด มึงคิดว่ามึงเล่นเรื่องฟรีแลนซ์เหรอ อยากเจอเหี้ยไร กูไม่อยาก!
“เรื่องมาก”
“พาเราไปร้านยาหน่อยครับ”
“เออ!”
ผมสะบัดถุงซอสก่อนจะเดินหันหลังนำหน้ามันไปอีกทาง ไอ้คิวไม่ขี่รถตามมา มันเลือกที่จะเดินมาข้างๆ ผมด้วยสีหน้าสดใส บอกเลยว่าหน้าผมกับหน้ามันนี่คนละอารมณ์สุดๆ คือหน่าย คือเพลีย
“แล้วนี่กินยายัง” ไอ้คิวยื่นหน้าเข้ามาถาม ผมรีบผงะถอยหลังออก
ไอ้ห่าเอ้ย คิดจะยื่นหน้ามาใกล้ก็ใกล้จนกูนึกว่าดูหนังสามมิติ
“ทำไมต้องอยากรู้ชีวิตกูนักหนาเนี่ย เอาเวลาเสือกเรื่องคนอื่นไปหาเมียไหม”
“ก็หาอยู่นี่ไง” มันพูดพร้อมยักไหล่ไม่สนไม่แคร์ ผมลอบถอนหายใจผมกับไอออกมาอย่างห้ามไม่ได้ กูอาจจะตายวันตายพรุ่งเพราะเป็นวัณโรคก็ได้ ไอเหี้ยไรนักเว้ยรำคาญ
เราสองคนมาถึงร้านยา ผมยืนสำรวจยาที่ตั้งอยู่เรียงรายเต็มร้าน หายาที่ถูกจริตตัวเองให้มากที่สุด อยากกินยาน้ำแต่เดี๋ยวไอ้คิวต้องล้อผมว่าเป็นเด็กน้อยไม่ยอมกินยาเม็ดแน่ๆ ก็มันขมอะ ใครจะไปกินลงวะ
“เอายาแก้ไอหนึ่งแผง ยาแก้ปวดหัวอีกหนึ่ง ผ้าปิดปากอนามัยหนึ่งแพ็ก แล้วก็เจลลดไข้หนึ่งกล่องครับ”
ไอ้คิวจัดการบอกรายชื่อที่ต้องการให้กับเภสัชทันที ดูมันไม่ป่วยเลยนะ ทำไมถึงสั่งอะไรเยอะแยะแบบนั้นวะน่ะ
“ซื้อให้ใครวะ” ด้วยความสงสัยผมจึงถามออกไปลอยๆ ไม่ได้มองหน้ามัน “ป่วยด้วยเหรอ”
“ซื้อให้แฟนอะ”
มันพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะรับถุงยาจากเภสัชมา ผมอึ้งกับคำตอบมันไปนิดๆ มีแฟนกับเขาด้วยเหรอวะ วันๆ เดินคนเดียวไม่มีเพื่อนคบเนี่ยนะ แต่ก็นะ คนแบบมันมีแฟนคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะ แฟนคลับมีเป็นหมื่น แถมเป็นเน็ตไอดอลในโซเชียลอีก เป็นใครก็ต้องคอยจ้องจะง้าบทั้งหญิงทั้งชายอยู่แล้ว
แต่คนเขาบอกว่าไอ้คิวมันเป็นเกย์นี่ -_- ผู้หญิงนี่ตัดทิ้งไปเหอะ
“ไม่ต้องตามมาส่งบ้านหรอก กูกลับเองได้ เดี๋ยวพ่อกูด่า”
“ด่าทำไมอะ เราไม่ได้ทำอะไรนายสักหน่อยแค่ไปส่งบ้าน”
“เออ ไม่ต้องมาส่ง ส่งแค่นี้ก็พอ ยังไงก็พรุ่งนี้มาเจอกูที่หน้าตึกคณะตอนสี่โมงเย็นด้วยแล้วกัน กูจะได้ชาร์ตแบตไป”
ผมว่าแค่นั้นก่อนจะเดินต่อเพื่อกลับบ้าน แต่อยู่ๆ ไอ้คิวกลับเดินตาผมมาอีก เห้ย เป็นเชี่ยไรเนี่ย
“นายไม่สบายอะ” มันว่าก่อนจะยื่นถุงยามาให้ผม
ถามว่างงไหมก็งง แต่มันเป็นการงงแบบอึ้งๆ มากกว่า คือในตอนแรกมันจงใจจะซื้อยาอยู่แล้วไม่ใช่แล้วทำไมถึงยื่นมาให้ผมทั้งถุงแบบนี้วะ
“ให้ทำไม ซื้อให้แฟนไม่ใช่” ผมถามด้วยสีหน้ากลัวๆ นี่กลัวจริงไม่อิงเหี้ยไรทั้งนั้น
“คือวันนี้เราไม่เห็นนายไปเรียน เลยถามนิวอะ กะว่าจะแวะมาเยี่ยมแต่เห็นนายออกมาข้างนอกพอดี…”
“…”
“เลยชวนไปซื้อยาด้วยกันซะเลย”
ผมพ่นลมหายใจออกมาเม้มปากกัดฟันแน่น นี่มันเรื่องอะไรที่กูต้องมาเจอกับไอ้คนที่ผมเกลียดขี้หน้ามาตั้งหลายปีแล้วจู่ๆ ก้กลับมาพบมาเจอกันอีกครั้งวะเนี่ย
สวรรค์ลงโทษอะไรกูครับ กูทำอะไรผิดไปเหรอ หืม T^T
“ซื้อให้กู?”
“อืม อยากให้หายไวๆ เดี๋ยวไม่มีแรงมาถ่ายรูปเรา”
"เดี๋ยวแฟนมึงก็ป่วยตายห่าหรอก เอาไปให้แฟน"
"ให้อยู่"
มันยิ้มออกมาจนผมโกรธมันไม่ลงจริงๆ ที่เขาบอกว่ารอยยิ้มไอ้คิวฆ่าคนคงเป็นแบบนี้สินะ จากอารมณ์เดือดๆ นี่กูซอฟท์ไปโดยปริยายเลยครับ
"ตลกล่ะ"
"เราล้อเล่น เอาไปเถอะ ถือเสียว่าเป็นคำขอโทษที่ทำให้กลัวเมื่อคืน"
"..."
"นะ"
"..."
"นะครับบบบ"
“ขอบคุณ”
ผมเอื้อมมือไปจะดึงถุงจากมือมัน แต่ไอ้คนตรงหน้ากลับยื้อเอาไว้จนผมเริ่มไม่ตลก
“แปปนึง”
มันว่าก่อนจะล้วงแผ่นเจลในถุงออกมาหนึ่งแผ่น พร้อมกับหาอะไรในกระเป๋าเป้ของมัน มันคือปากกาหมึกซึม มันจดอะไรบางอย่างบนแผ่นเจลนั้นแล้วจัดการแกะแปะบนหน้าผากผมอย่างพลการ
“เฮ้ย!”
“อย่าแกะออกนะ จนกว่าจะหายไม่สบาย”
มันจับมือผมเป็นการห้ามทันทีที่ผมทำท่าจะแกะแผ่นเจลบนหน้าผากตัวเองออก
“เออ กลับไปได้แหละ อย่าลืมมาถ่ายรูปแล้วกัน”
“อือ ไม่ลืมหรอก หายไวๆ นะ”
มันโบกมือยิ้มส่งท้าย ผมรีบจ้ำอ้าวไม่สนใจมันอีก หน้าเริ่มร้อนจนรู้สึกอยากจะเอาหน้าไปแช่ในถังน้ำแข็งเหลือเกิน เกลียดตัวเองเวลาเป็นไข้อะ มันร้อนไปหมด ร้อนไปยันหูเลย หงุดหงิดเว้ย
ผมมองถุงยาในมือแล้วก็อดนึกถึงยิ้มที่มันยิ้มให้ผมเมื่อกี้ไม่ได้ ไอ้มาร์ชมึงลบภาพหน้ามันออกจากซีรีบรัมเดี๋ยวนี้ อย่าไปจดจำภาพลวงตาใสซื่อของมัน…
ผมหยุดที่หน้าร้านทองข้างๆ บ้านผม ร้านมันปิดทำให้ผมเห็นเงาตัวเองสะท้อนจากกระจก ผมเดินเข้าไปส่องกระจกเพื่อดูความผิดปกติของใบหน้าตัวเองว่ามันแดงขนาดไหน แต่แทนที่ผมจะสนใจในส่วนนั้น กลับกลายเป็นสนใจแผ่นเจลลดไข้บนหน้าผากตัวเองมากกว่า มันมีตัวอักษรไทยสามตัวเขียนไว้ตัวใหญ่เบอเริ่ม ผมเพ่งมองแล้วอ่านดีๆ ถึงมันจะกลับด้านจากเงาสะท้อนกระจก แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะอ่านออกได้โดยไม่ต้องแกะออกมา…
‘จอง’

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

6,645 ความคิดเห็น
-
#6642 จูปาจุ๊ปสฺ (จากตอนที่ 5)วันที่ 8 สิงหาคม 2562 / 21:37เนี่ยย.. พระเอกเรามันเปงคนรว้ายๆ#6,6420
-
#6636 taetan06518 (จากตอนที่ 5)วันที่ 1 สิงหาคม 2562 / 23:18เนียนเลยน้าาาาา#6,6360
-
#6598 ไอแนน (จากตอนที่ 5)วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 / 13:25จองแล้วนะ#6,5980
-
#6575 Nebbianuvolaa (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 / 16:24คิวมันร้ายยยยยยยยย#6,5750
-
#6526 Nada Am (จากตอนที่ 5)วันที่ 22 ตุลาคม 2560 / 15:17ก็จองกันไปเนียนๆ ~ 555555#6,5260
-
#6515 ลายหมึก (จากตอนที่ 5)วันที่ 7 ตุลาคม 2560 / 22:36ดีต่อใจ หยอดทุกเม็ด#6,5150
-
#6506 Chopoom94 (จากตอนที่ 5)วันที่ 1 ตุลาคม 2560 / 22:04พี่คิวคนจริงค่าาาา ตัวเบ่อเร่อที่เจลไปเลย จอง อ้ากกกกกกก#6,5060
-
#6144 Timtha (จากตอนที่ 5)วันที่ 3 สิงหาคม 2560 / 13:23โอ้ยยย ใจน้องงง จอง#6,1440
-
#6141 Miki_milky (จากตอนที่ 5)วันที่ 3 สิงหาคม 2560 / 12:47ตายละคิวค่ะเอาแบบไงๆๆอย่างงี้เลยหรอ นี่จีบมาร์ชอยู่ใช่ไหมอ่ะ#6,1410
-
#5673 กีกี้ส์ :-*) (จากตอนที่ 5)วันที่ 12 มิถุนายน 2560 / 17:09โอ๊ยย จองก็จองงงง 5555555555 ที่มาร์ชเกลียดคิวทั้งที่เมื่อก่อนเป็นเพื่อนกันนี่เพราะตอนนั้นคิวชอบมาร์ชรึเปล่า?#5,6730
-
#5590 mynbun (จากตอนที่ 5)วันที่ 7 มิถุนายน 2560 / 01:03ชอบก็จีบปะวะคิววววว ใจหน่อยยยยยยยย#5,5900
-
#5161 Som O Usanee (จากตอนที่ 5)วันที่ 23 พฤษภาคม 2560 / 23:13เอาล่ะเว้ยยยยย จองแล้วนะ อย่าไปหาคนอื่นล่ะน้องมาร์ช 5555#5,1610
-
#5088 tungminpe (จากตอนที่ 5)วันที่ 22 พฤษภาคม 2560 / 19:57มีจองด้วยว้อยยยยยย~#5,0880
-
#4915 sofar_fa (จากตอนที่ 5)วันที่ 14 พฤษภาคม 2560 / 12:01พี่คิวน่ารักอ่ะ อยากด้ายยยยยยยยย#4,9150
-
#4913 Tzabuzabu (จากตอนที่ 5)วันที่ 14 พฤษภาคม 2560 / 09:38เขาจองกันแล่วค่ะคุณณณณ#4,9130
-
#4627 iibnz (จากตอนที่ 5)วันที่ 9 พฤษภาคม 2560 / 00:45จองเลยวุ้ยยย ไม่ทัมดาา#4,6270
-
#4428 ntn.9846 (จากตอนที่ 5)วันที่ 16 เมษายน 2560 / 18:27หูยยยยย เล่นใหญ่นะ#4,4280
-
#4145 trnqvil (จากตอนที่ 5)วันที่ 11 เมษายน 2560 / 16:20น่ารักจังวุ้ยยยยย ดีต่อใจ คิดภาพตามเป็นวีตัวอ่อนด้วยนะ#4,1450
-
#4118 Ann Healy (จากตอนที่ 5)วันที่ 10 เมษายน 2560 / 23:11จองงงงงงงงงง#4,1180
-
#3960 ifai___ (จากตอนที่ 5)วันที่ 8 เมษายน 2560 / 21:12จองงงงงงงงงงงงง ._______.#3,9600
-
#3885 Saturdayy (จากตอนที่ 5)วันที่ 6 เมษายน 2560 / 14:59มีจองนะคะ แหม่ >\\\\<#3,8850
-
#3870 AomAm... (จากตอนที่ 5)วันที่ 6 เมษายน 2560 / 01:15คิวมันร้ายยยย งื้อออออ#3,8700
-
#3389 northlj94 (จากตอนที่ 5)วันที่ 28 มีนาคม 2560 / 13:32น่ารักกก ชอบบบบ#3,3890
-
#3374 มูตี้ (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 มีนาคม 2560 / 22:16^______^#3,3740
-
#3277 mmjmv_i (จากตอนที่ 5)วันที่ 25 มีนาคม 2560 / 23:21ความซื่อนี้ จะไม่เชื่ออออออ ร้ายแบบใสใส#3,2770