ตอนที่ 24 : SPECIAL :: SONGKRAN DAY [เทศกาลคนขี้หึง] 100%
[Q SAY]
“เร่เข้ามาเลยครับ น้ำราคาถูกๆ ซื้อวันนี้จับแก้มคิ้วท์บอยฟรีกี่คนก็ได้!”
ผมมองแอดมินเพจคิ้วท์บอยมหาวิทยาลัยกำลังฮาร์ดเซลล์ขายของวันสงกรานต์ยกใหญ่ อีกด้านเป็นกลุ่มหญิงสตรีที่กำลังจ่อปืนฉีดน้ำมาทางพวกเราสี่ถึงห้าคน ในตอนนี้ผมยืนอยู่ท่ามกลางเทศกาลสงกรานต์และกำลังขายของพวกน้ำอัดลม ข้าวไข่เจียวและพวกกระเป๋ากันน้ำ บลาๆ โดยที่ทั้งร้านล้วนเป็นคิ้วท์บอยชื่อดังในทวิตเตอร์ทั้งสิ้น ทั้งเดือนคณะแพทย์ ลีดคณะแพทย์ เดือนวิศวะ และเดือนมนุษย์ทั้งสองรุ่นอย่างผมและรุ่นพี่อีกคน
ทุกคนต่างเข้ามารุมล้อมกันอย่างคลุ้มคลั่งจนมือพวกเราเป็นระวิง ไม่รู้ว่าใครจ่ายเงินหรือไม่จ่าย แต่แป้งที่ถูกปะไม่ยั้งโหมเข้ามาที่หน้าผมไม่เว้นแม้แต่วินาทีเดียว
คนเพิ่งล้างหน้ามาเมื่อกี้นี่เอง…
“ขอประแป้งหน่อยค่าพี่คิว”
"ขอประแป้งหน่อยน้องคิว"
"ยื่นหน้ามาหน่อยค่า"
"หลบหน่อย กูจะปะพี่คิว หวีดๆๆๆๆ"
เสียงเรียกร้องทำเอาผมเงยหน้าขึ้นจากถังน้ำก่อนจะยื่นหน้าให้คนตรงหน้าประแป้งตามอำเภอใจ จากหนึ่งคนกลายเป็นสองสามตามลำดับ จนกระทั่งมาหยุดที่มือคนสุดท้ายที่ตบหน้าผมเข้าเต็มแรง
ฉิบหายแล้ว นี่มันคุณมาร์ช
“ฮอตจริงมึง”
ผู้ชายตรงหน้าสวมเสื้อกล้ามมีเสื้อลายดอกสีเหลืองสวมทับอีกชั้น บวกกับกางเกงขาสั้นนักเรียนสีกรมทำเอาผมเผลอลดสายตาลงมองขาอ่อนที่เปียกน้ำของคนตรงหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“มาเล่นน้ำด้วยเหรอ” ผมถามมาร์ชขึ้นพลางยิ้มกรุ่มกริ่ม
เปียกน้ำแล้วดูเซ็กซี่ในสายตาผมชะมัด บ้าที่สุด คิดดีไม่ได้เลย
“เห็นกูมากินปิ้งย่างไหมล่ะ”
ปากคอก็ยังเหมือนเดิมอะ…
“ไหนบอกว่าไม่ออกมาไง เห็นบ่นร้อน…แผละๆ”
ผมหยุดพูดทันทีที่อยู่ๆ ก็มีมือปริศนาปาดแป้งเข้าปากผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
“สมหน้า”
แต่สงสัยว่ามาร์ชจะขำกับการที่ผมโดนกระทำแบบนั้น… -_-
“พี่ครับ เดี๋ยวผมมา”
ผมจัดการหันไปบอกรุ่นพี่ที่ยืนเต้นแรงเต้นกาอยู่อย่างลวกๆ ไม่รู้ว่าได้รับอนุญาตหรือยัง แต่ผมก็เบียดเสียดคนออกมาก่อนจะคว้ามือมาร์ชให้เดินไปตามถนนในทันที
“มึงจะพากูไปไหน กูมากับไอ้นิวนะเห้ย”
พอพูดถึงบุคคลที่สาม นิวก็พยายามกระโดดเหย่งๆ เหมือนหามาร์ช ผมไม่สนว่าเขาจะหามาร์ชเจอไหม แต่ที่แน่ๆ ผมขอเพื่อนคุณหนึ่งวันนะครับนิว
“ไปเล่นน้ำกัน สงกรานต์ทั้งที ไปเล่นเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ”
“แล้วมึงมีปืนหรือไง”
“ไม่อะ” ผมส่ายหน้า พอเห็นมาร์ชมีปืนกระบอกใหญ่ก็ทำเอาผมต้องมองหาอาวุธบ้างแล้ว “ไปซื้อร้านนั้นกัน”
ผมจัดการกอดคอมาร์ชพาข้ามไปยังอีกฝั่งเมื่อเห็นร้านขายปืนขนาดใหญ่ พยายามมองหาปืนที่ใกล้เคียงมาร์ชให้มากที่สุด จะได้ดูเหมือนมาเป็นคู่หน่อย
“มึงเหมาะกับปืนมิกกี้เมาส์นะ” ไม่ทันไรมาร์ชก็ยกปืนมิกกี้เมาส์สีชมพูขึ้นมาเทียบหน้าผม แหม่ ถึงผมจะดูบ๊องแบ๊วแต่บางทีของที่ใช้ก็ไม่ต้องเหมาะกับหน้ามะ “หรือจะคิตตี้”
“ไม่เอาอะ อยากใช้ปืนคู่กับนาย”
“ถามกูยัง อยากคู่กับมึงไหม”
“ปากคอเราะร้าย เดี๋ยวยิงน้ำใส่หน้าใส่ปากเลยนี่”
“สัด”
มาร์ชหุบปากในทันทีที่ผมแอบขู่นิดๆ เจ้าของร้านคาดว่าจะเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเดียวกับผม ทำท่ากรุ่มกริ่มจนผมอดเขินไม่ได้ ได้ยินผมพูดหมดเลยอะดิ -///-
“น้องคิวอยากได้ปืนแบบไหนค่า”
ในขณะที่ผมพยายามหาปืนแทบเป็นแทบตาย ผลสุดท้ายเจ้าของร้านคงทนเห็นผมหาไม่ได้จึงเอ่ยถามผมขึ้น ผมเลยชี้ไปที่ปืนมาร์ชทันที คนข้างๆ ผมกำลังร่าเริงกับการยิงสาวอย่างไม่ยั้งมือ
“เอาแบบนี้อะครับ”
“อ่อได้จ้า แปปน้า”
ผมยืนรอเจ้าของร้านหาปืนแบบเดียวกับมาร์ชให้ ขณะนั้นผมก็พยายามดึงชายเสื้อมาร์ชเอาไว้ เดี๋ยวเผลอหายไปฉิบหายแย่ ยิ่งตัวลีบๆ อยู่ แล้วดูหุ่นคนที่เล่นแต่ละคนดิ ตัวใหญ่ยังกับกินเวย์โปรตีนมาตั้งแต่เกิด
“จะดึงกูทำไมเนี่ย” คนตรงหน้าหันมาบ่นเมื่อตัวเองเดินไปขอประแป้งสาวไม่ได้ “ไอ้เหี้ย สาวหายเลย”
“เดี๋ยวนายหาย ขี้เกียจเป็นห่วง”
“ได้แล้วค่า 650 บาทจ้า”
ผมแอบผงะกับค่าปืนเล็กน้อย นี่กูซื้อปืนฉีดน้ำหรือซื้อปืนสไนเปอร์เนี่ย แพงอะไรเบอร์นั้นวะ
แต่บ่นก็บ่นได้แค่ในใจ ผมจ่ายเงินก่อนจะรับปืนมาเตรียมตัวยิงทุกคนที่พร้อมจะเข้ามาใกล้มาร์ช ใช่แล้ว การที่อยากมีปืนไม่ใช่ผมอยากเล่นน้ำ แต่เอามายิงหน้าคนที่เข้ามาลวนลามคนของผมต่างหาก
ดีที่เจ้าของร้านใจดีเติมน้ำให้ฟรีโดยมิต้องร้องขอ
“ไปทางนู้นกันดีกว่ามึง คนเยอะสัด น่าสนุก”
“ชอบให้คนเบียดหรือไง” ผมบ่น
“มึงไม่ชอบไง นมผู้หญิงเน้นๆ เลยนะนั่นน่ะ เบียดแขนที อะหื้มมมม”
อยากเอาปืนฉีดน้ำในมือตบปากมาร์ชสักสามทีที่พูดจาไม่เข้าหูผมซะเลย เทศกาลความขี้หึงแม่งมาจนได้ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งต้องมาเล่นสงกรานต์อย่างระแวงๆ เนี่ย
“ยิง”
ผมสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆ กลุ่มผู้หญิงที่ใส่ชุดวับแวมตะโกนขึ้น และสิ่งที่เธอทำพร้อมกันราวห้าหกคนคือการเล็งปืนมาที่มาร์ชเป็นจุดเดียว วินาทีนั้นที่ผมเห็นมาร์ชเตรียมตั้งท่าจะยิงกลับ ผมรีบหันหลังใส่คนพวกนั้นแล้วเอาตัวเองบังมาร์ชทันที
ซู่!
“เอ้า ไอ้เหี้ย”
เสียงสบถของมาร์ชดังขึ้นก่อนจะเงยหน้ามองผมแบบไม่เข้าใจ น้ำระดมยิงใส่หลังผมไม่ยั้ง แอบเจ็บและเย็นนิดๆ แต่เพื่อปกป้องคนตรงหน้าผมยอม
“อะเฮื้อกกก”
ผมเล่นใหญ่ทำท่าเหมือนโดนยิงก่อนจะเซไปเนียนๆ กอดคนตรงหน้า ต้องขอบคุณคนรอบตัวที่เบียดทั้งผมทั้งมาร์ชทำให้เราชิดกันมากกว่าเดิม
“ไอ้คิว มึงอยากตายหรือไง”
มาร์ชผลักผมออกเบาๆ เพราะถ้าผลักแรงอาจจะไปโดนคนอื่นได้
“เราปกป้องนะเนี่ย”
“มึงปกป้องกูผิดเวลาไปไหม นี่มันสงกรานต์นะเว้ย กูแทบจะไม่เปียกเลยเนี่ย”
“ติดกระดุม”
“หะ…”
“ติดกระดุมดิ”
“ทำไม”
“เห็นหัวนม หวง”
ผมพูดไปตามตรง เพราะเสื้อที่ทับอยู่แทบจะไม่ช่วยอะไร อีกอย่างเสื้อกล้ามมันบางจนเห็นเนื้อหนังรำไร ไม่เอาอะ ผมเห็นคนเดียวพอ
“มึงอะ” มาร์ชย้อนผมกลับ “ใส่เสื้อยืดสีขาวทั้งตัวทั้งกางเกง กูไม่เห็นห้าม”
“จริงๆ ก็ห้ามได้นี่”
“ไม่ใช่เรื่องของกู”
มาร์ชบ่นเบาๆ แต่มือก็ติดกระดุมตามคำขอผมอย่างว่าง่าย ผมลอบยิ้มพลางยิงปืนทำเนียนเหมือนว่าไม่ได้สนใจ พอเห็นว่ามาร์ชแต่งตัวมิดชิดกว่าเดิมผมจึงปล่อยให้คนด้านข้างเล่นตามอำเภอใจ
แต่เป็นโรคจิตหรือไงทำไมชอบยิงนมผู้หญิงจังวะ
“สุดหล่อ ขอหน้าหน่อยลูก”
ผมหันไปหาพี่ผู้หญิงแต่งตัวแรงๆ ก่อนจะก้มหน้าให้เขาตามคำขอ
“ขอบคุณครับบบ”
ผมกล่าวขอบคุณตามมารยาท ระหว่างทางผมถูกประแป้งด้วยการลูบแก้มหยิกแก้มเบาๆ ไม่มีใครกล้าปาดหน้าผมแบบรุนแรงซะเท่าไร เพราะนึกว่าหน้าผมทำมาแพงมั้ง ต่างจากคนด้านข้างนี่ถ้าเอาหน้าไปทอดคงได้เทมปุระแดกยามเย็นแก้หิวได้เลย
“ฉิบหาย แป้งเข้าปาก เค็ม ถุยๆ”
"ไหนลูกตา" ผมยืนขำเมื่อเห้นว่าทั้งหน้ามาร์ชแทบจะไม่มีผิวออกมาให้เห็นเลย
"กูมองไม่เห็น ช่วยด้วยยย"
ผมหัวเราะออกมาเมื่อมาร์ชเริ่มบ่น ผมคว้ามือคนด้านข้างออกจากฝูงชนมาที่ห้องน้ำสาธารณะที่เสียเงินคนละสิบบาท ผมจัดการเปิดห้องน้ำแล้วเอาสายฉีดตูดขึ้นมาฉีดหน้าคนตรงหน้าเบาๆ
“ก้มหน้าหน่อยมาร์ช”
ผมค่อยๆ กดหัวคนตรงหน้าลง นี่แทบไม่เห็นหน้าแล้ว แป้งกลบจนผมแทบจำไม่ได้
อาจเป็นเพราะแป้งมันโบกหนามาก มาร์ชเลยไม่ได้บ่นอะไรออกมา ประเด็นคือมองไม่เห็นด้วยแหละ หลับตาตลอดทางเลย
พอแป้งบนหน้ามาร์ชละลายหายไปกับสายน้ำ ผมลูบหน้าให้มาร์ชก่อนจะล้างเศษแป้งที่ติดหน้าบางที่ออกให้
“โคตรลำเอียงเลย ประแป้งมึงยังกับคนเอ็นดู ที่ประแป้งกูยังกับแค้นกูมาสิบปี”
“ไปทำหน้าใส่เขา เขาเลยหมั่นไส้เปล่า” ผมหยอก
“เออ กูไม่หล่อแบบมึงนี่”
มาร์ชลูบหน้าลูบตาก่อนจะเสยผมขึ้นลวกๆ เผยให้เห็นผิวธรรมชาติที่ไม่ได้โบกครีมกันแดดหรือแป้งแต่อย่างใด ผิวดีชะมัด ดีกว่าผมอะ เพราะผมต้องแต่งหน้าบ่อยสิวเลยมีบ้างบางจุด
“ไปเล่นต่อไหม” ผมถามขึ้น
เราสองคนก็ยังอยู่ในห้องน้ำไม่ได้ออกไปไหน ที่ผมไม่พามาร์ชล้างหน้าที่อ่างล้างหน้าเพราะมันคงสะอาดสะใจไม่พออะ เอาสายยางฉีดนี่แหละจะได้ล้างทั้งตัวด้วย
“เดี๋ยวกูกลับไปรับไอ้นิวอะ อุตส่าห์นัดมันมาเล่น ไปทิ้งมันแบบนั้นงอนกูตาย”
“เดี๋ยว”
ผมดึงชายเสื้อมาร์ชไว้ไม่ให้ออกไปจากห้องน้ำ ก่อนจะมองหน้ามาร์ชนิ่ง คนตรงหน้าเลิกคิ้วงง
“ไร”
“ห้ามให้ใครมาลวนลามรู้เปล่า”
“อันนี้มึงสั่งกูหรือสั่งตัวมึงเอง”
“สั่งมาร์ช”
“กูเนี่ยจะลวนลามคนอื่น ไม่ใช่คนอื่นมาลวนลามกู” มาร์ชบ่นด้วยสีหน้าที่แอบขำในคำขอของผม “เออ มึงด้วย อย่าให้ใครมาประแป้งเยอะ รำคาญ”
“ว้าย หึง”
ผมทำเฉไฉบ่นลอยๆ มาร์ชเลยเอามือมาตบปากผมเบาๆ เล่นทำเอาคนโดนแบบผมต้องยกมือมาลูบปากตัวเอง
“หลบ กูจะออก”
“ยื่นหน้ามาหน่อย”
“ทำไม”
“มีแป้งติดอยู่อะ”
“เอ้า เอาออกดิ”
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
ทันทีที่มาร์ชยื่นแก้มมาผมจัดการโน้มหน้าระดมหอมแก้มคนตรงหน้าไม่ยั้ง มาร์ชชะงักหน้าออกก่อนจะจะจับหน้าตัวเองพลางมองมาที่ผมแบบอึ้งๆ
“อะ ทำการจองไว้แหละ ทีนี้ใครมาประแป้งหรือลูบไล้แก้มก็บอกไปว่ามีเจ้าของแล้ว ถ้าใครทำมิดีมิร้ายเรามีสิทธิ์แจ้งความได้นะ เพราะแก้มนี้มีเจ้าของแล้ว เจ้าของจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“ไอ้คิว มึงลวนลามกูอีกแล้วนะ”
ผมจับปืนฉีดน้ำมาร์ชทันทีเพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้ามือไวแค่ไหน ไม่งั้นผมโดนตีด้วยปืนจนหลังหักแน่
“เอาจริงแน่ ห้ามให้ใครยุ่งล่ะ”
“ห้ามใครยุ่งกับหน้ากูใช่ไหม”
“อืม”
“งั้น กูเอาตัวไปยุ่งได้สินะ”
“ก็ลองดู…”
“…”
“ถ้าไม่อยากเสียตัวให้เราก็ลองดีดู J”
-------------------------------------------------------------
[NEW SAY]
ไอ้มาร์ช! มึงทิ้งกู!
“หลบหน่อยค่ะลุงหนูจะไปประแป้งพี่ดินสอ”
“เกะกะจริงไอ้เตี้ย”
“หลบไป!”
ผมถึงกลับกระเด็นกระดอนออกจากร้านคิ้วท์บอยขายน้ำในทันที เห้ย! ทำกับคนหล่อแบบนี้ได้ไง นี่ก็เหมือนคิ้วท์บอยนะเว้ย แค่ไม่ได้มีฐานันดรเท่านั้นเอง โถ่ เดือนวิศวะจะมาสู้เหรอ บอกเลยว่าแพ้
หมายถึงกูเนี่ยแพ้ ไอ้เวรเอ้ย
ผมถือปืนฉีดน้ำขนาดเล็กยิงนั่นยิงนี่ไปเรื่อยๆ พยายามเขย่งมองไอ้มาร์ชว่ามันหายไปจากวงจรชีวิตผมตั้งแต่ตอนไหน รู้อีกทีคือไอ้คิวแม่งก็หายไปด้วยคนแล้ว
สองผัวเมียสารเลว!
ปิ้วๆๆ
ผมฉีดไปโดนใครบางคนคุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินตรงมาที่ร้านคิ้วท์บอย มันสะพายกล้องที่คาดว่าน่าจะใส่เคสกันน้ำมาอย่างดี ผมทำเนียนๆ ไม่ทักมัน ก่อนจะมองสารรูปที่จัดเต็มมาเสมือนว่าจะไปเดินแบบก็ไม่ปาน กางเกงขาสั้นสีขาวกับเสื้อลายดอกสีฟ้าทำเอาคนตัวขาวยิ่งขาวทวีคูณเข้าไปอีก ไหนจะแว่นกันน้ำที่ถูกคาดไว้ที่หัวสีบลอนด์ทองนั่น ใครเห็นก็ต้องจำได้อ่ะ
หลับตามองยังรู้เลยว่าเป็นไอ้ทิว
“พี่คิวไปไหนเหรอครับ”
สีหน้าเหวอหวาถามคนในร้านนั้นขึ้น ผมแอบเขยิบๆ ไปเสือกใกล้ๆ เพื่อให้ได้ยินว่ามันมาหาใคร
“ไปเล่นน้ำครับ” ใครบางคนตะโกนกลับมา
ไอ้ทิวพยักหน้าค่อยๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะทำหน้าเหมือนมาเสียเวลา สมหน้า
“ไปเล่นไหนอะ”
ผมทำเป็นถามลอยๆ คนตัวเล็กเงยหน้ามองผมก่อนจะก้มหน้าก้มตามองรูปในกล้องต่อ
“…” หูหนวกเหรอสัด
“ไปเล่นเป็นเพื่อนหน่อยดิ”
“พี่มาร์ชล่ะครับ”
“ทิ้งกู”
“สมควรแล้วนะครับ”
“อ้าว”
ผมถึงกลับเหวอแดก ใช่เรื่องมาทับถมกูไหม
มันไม่สนใจว่าผมจะเหงาหรือถูกทิ้งแล้วเป็นเช่นไร คนตัวเล็กเดินไปตามทางถนนเรื่อยๆ จนผมอดใจเดินตามแม่งไม่ได้ ก็คนไม่มีเพื่อนเล่นด้วยอะ น่าสงสารจะตายชัก
หมายถึงผมเนี่ยน่าสงสาร
“ประแป้งหน่อย”
ผมล้วงแป้งจากเด็กข้างๆ มาประหน้าไอ้ทิวที่เดินเผลอๆ คนถูกประหันมามองผมนิ่ง ส่วนผมก็ทำได้แต่กระพริบตาปริบๆ เหมือนว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องปกติ
แก้มนุ่มนิ่มจางเยยยยยย
“พี่ตามผมมาทำไมครับเนี่ย ผมจะกลับหอแล้ว”
“ไม่เล่นเหรอ สนุกนะ เนี่ยๆ ไม่ร้อนด้วย”
ผมพูดพลางยิงน้ำใส่คนตรงหน้า ไอ้ทิวลูบหน้าลูบตาเพราะน้ำเต็มหน้ามันไปหมด
“ผมไม่ชอบเล่นสงกรานต์อ่ะพี่ ที่ผมออกมาเพราะมาถ่ายรูปพี่คิวน่ะครับ”
“ถ่ายกูก็ได้ ไม่นกด้วย เดี๋ยวเก็กท่าให้”
ว่าแล้วผมก็ถอยหลังสองสามก้าวก่อนจะแอ็คท่าเสมือนนายแบบคลีโอ ก๊อตอิทธิพัทธ์ก็สู้ไม่ได้ เกรทสพลต้องขอเป็นศิษย์
“อุบาทว์มากพี่”
พรึ่บ
ถึงกับเข่าอ่อน ด่าซะกูเสียคนเลย โถ่…
ใช่เซ่ ใครจะไปหล่อเหมือนพ่อคิ้วท์บอยของหนูล่ะ!
“ไปเล่นด้วยกันก่อนแปปนึง”
ผมดึงคอเสื้อมันไว้เป็นการรั้ง สีหน้าไม่พอใจเริ่มส่งตรงมาที่ผมจนผมต้องปล่อยไปตามยถากรรม
“พี่หาเพื่อนเล่นแถวนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมหาให้เอาเปล่า”
กูอยากเล่นกับมึง ไม่ได้อยากเล่นกับคนอื่นไม่เข้าใจจุดประสงค์กูหรือไงนะไอ้เด็กเผือกนี่
“ไม่เอา”
“แล้วพี่จะเอาไงอะ”
“เอามึง”
“หะ”
“เล่นด้วยกันน้า”
“พี่งอแงเป็นเด็กไปได้” ไอ้ทิวเริ่มบ่นอุบ มันปิดเลนส์กล้องก่อนจะหันมามองผม ยอมแล้วอะดิ “ผมกลับแล้วนะพี่ โชคดีครับ”
“ทิ้งกู”
“ผมไม่อยากเล่นนี่พี่ มันน่าเบื่ออะ ผมไปนอนตากแอร์ที่หอดีกว่า”
“มีกูไม่น่าเบื่อหรอก”
“…”
“ไปกินข้าวไข่เจียวเป็นเพื่อนได้ไหมอะ ไม่ต้องเล่นน้ำก็ได้”
ผมอ้างขึ้น เมื่อมองผ่านตัวไอ้ทิวไปกลับพบร้านไข่เจียวร้านหนึ่งตั้งอยู่
“แค่แปปเดียวนะพี่”
“จ้า”
ผมได้ทีจึงกอดคอน้องไปทันที แม้แรกๆ จะถูกขัดขืนไปบ้าง แต่เพราะคนเยอะจนเบียดเสียดทำให้เด็กในอ้อมแขนผมเดินตามมาอย่างว่าง่าย เวลามีคนจ้องจะมาประแป้งมัน ผมก็จะกดหัวมันหันมาทางผม ส่วนใครพยายามมาคุยกับมันผมก็จะมองตาขวาง
ไม่ได้ นี่เด็กกู ห้าม!
“ข้าวไข่เจียวคร้าบบบบ”
เจ้าของร้านคาดว่าจะเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเราเอ่ยทักทายขึ้น ผมจัดการล้วงเงินออกจากซองกันน้ำแล้วส่งให้คนขาย พลางคว้าข้าวมาสองกล่อง อีกกล่องก็ยื่นให้คนด้านข้าง
“ผมไม่กิน”
แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉย
“เดี๋ยวกลับหอไม่มีอะไรกินนะเว้ย ร้านข้าวปิดหมด เซเว่นข้าวก็แพง กินไปซะตอนนี้จะได้อิ่ โตไวๆ เตี้ยเป็นหมาดัชชุนเชียว”
“โหพี่ ความสูงพี่กับผมนี่ไม่ได้ต่างกันเลย”
“กูสูงกว่ามึงแล้วกัน”
เรื่องความสูงอย่ามาเถียงกูนะ ไอ้มาร์ชบอกกูดูสูง 185 เซนติเมตรเลยนะเว้ย กูรู้มันไม่โกหกเพื่อนอย่างกูหรอก
ผมพาคนตัวเล็กที่รับข้าวกล่องจากผมโดยไม่เต็มใจเสียเท่าไรมานั่งที่ฟุตบาทข้างทาง ดูคนฉีดน้ำไปมา ผมเปิดข้าวกินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ที่นั่งนิ่งถือข้าวกล่องเงียบ ไม่มีวี่แววจะเปิดกิน
“พี่มองผมทำไมอะ”
เพราะอาจจะมองหน้าคนด้านข้างเพลิน ผมเลยหลบสายตากับคำถามตรงๆ นั้นไม่ทัน ผมแกล้งหันไปมองทางอื่นก่อนจะตอบมันไป
“เห็นแป้งติดตาอะ” ผมทำเป็นโกหก มันทำท่าขยี้แต่ก็คงไม่มีแป้งหรอก ผมโกหกมันอะ “ข้างขวา”
“ออกยังพี่”
“ยังๆ”
ได้ทีผมเลยผมเลยเขยิบไปใกล้ๆ แอบแต๊ะอั๋งมันโดยการเอานิ้วโป้งปาดเปลือกตามันเบาๆ มันหรี่ตาข้างที่ไม่โดนปาดขึ้นก่อนจะทำหน้าเหมือนร้องไห้
ซึ้งในความดีของกูขนาดนี้เลยเหรอ…
เราสบตากันสักพัก จนอยู่ๆ น้ำตามันก็ไหล ผมเลยเป็นคนดีปาดน้ำตามันให้อย่างซาบซึ้ง
“พี่…”
“กูเข้าใจ ไม่เป็นไรนะ กูทำดีเฉพาะแค่มึง…”
“ไม่ใช่พี่…”
“อ้าว แล้ว…”
“น้ำปลาที่ติดมือพี่มึงมันเข้าตากูเว้ย โว้ย ไอ้เหี้ยแสบตาฉิบหายเลยยยยย!!!”
ครับ คนนกที่แท้ทรู 2017 เกิดขึ้นแล้ว
แถมทำคนตาบอด 1 อัตราด้วยครับ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อีกคู่นี่ก็หวานกันเหลือเกินนนน
แต่คู่นิวทิว...นกกกกก555+ขำจัดฮริ้ง