ตอนที่ 22 : ll แฟนผมเป็นตากล้อง ll EP.20 :: เขาเปล่าซะหน่อย [100%]
หลังจากไอ้นิวได้พยายามสั่งสอนผมจนผมต้องก้มหัวน้อมรับวิชาจิตวิทยาของมันอย่างแข็งกล้า มันก็ขอตัวกลับหอของมันไป ผมตัดสินใจแล้วว่าจะบอกไอ้คิวดู มันดูเหมือนคนขี้ฟ้องนะแต่ช่างมันเหอะ เพื่อความสบายใจของตัวเอง ผมยอมฟ้องไอ้คิวดีกว่า
แต่ตอนนี้ผมทำได้แต่เลื่อนหน้าจอโน้ตบุ๊คดูหนังนั่นนี่ไปเรื่อย ล่าสุดเพิ่งเข้าแท็กทวิตคู่จิ้นไอ้คิวด้วย พอแฟนคลับเห็นว่ากัสเดือนคณะแพทย์มีแฟนแล้วเป็นผู้หญิงในคณะเดียวกัน แฟนๆ ก็เลยเลือกที่จะหาเหยื่อให้ไอ้คิวใหม่ในทันที
และเหยื่อที่ว่าก็คือ…
#คิวมาร์ชโอนลี่
แม่งกลับมาอีกแล้วกับแฮชแท็กนี้ ใจจริงผมไม่ได้จงใจจะเข้ามาดู แต่เพราะเพื่อนสาวในเอกของผมแคปมาให้ดูต่างหาก ผมถึงลองมาส่องดูว่าเขาพูดถึงอะไรผมบ้าง
ในตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มผมควรจะนอนแต่ผมกลับข่มตาให้หลับไม่ได้เลย ไม่รู้ว่ากังวลเรื่องพิมพ์กับไอ้คิวหรือกังวลว่าไอ้คิวจะไม่โทรมารายงานผม
ไหนว่ากลับถึงโรงแรมจะโทรมาไงวะ -_-
Tweet By ฉันจะแอ้วเด็กจุฬา @Piyadasusu
:: สองคนนี้คือสามีฉัน #คิวมาร์ชโอนลี่
Tweet By หน้ากากหน้าด้านหน้าทน @Themakemoterway
:: คิวคือผัว ส่วนมาร์ชคือผัวน้อย ส่วนน้องกัสคืออดีตผัว #คิวมาร์ชโอนลี่
Tweet By แอคหลุมเอาไว้ปั่นเทรนอปป้า @heemen76767
:: ใครก็ได้แต่งฟิคคู่นี้หน่อย พระเอกเป็นคิ้วท์บอย ส่วนนายเอกเป็นศัตรูเมื่อครั้งมัธยม นิยายชื่อเรื่อง แฟนผมเป็นลอดช่อง ฉันชอบมาร์ชมากหน้าเหมือนวี MRT #คิวมาร์ชโอนลี่
Tweet By จันเจาเหาทะเล @JANJAO
:: มาร์ชดูเกรี้ยวกราด ส่วนคิวดูเรียบร้อย เป็นคู่ที่ขัดแย้งแต่ลงตัว #คิวมาร์ชโอนลี่
เกรี้ยวกราดเหี้ยไรวะ! ใครเกรี้ยวกราดไม่มีเว้ย!
ผมอ่านข้อความที่คนจำนวนมากรีทวิตไป จริงๆ ผมไม่ได้เล่นแอพฯ นี้เท่าไร แต่ก็มีแอคเคาน์ตัวเองเอาไว้เผื่อตามข่าวสารบ้านเมืองว่าใครเป็นอะไรยังไง เพราะผมรู้สึกว่าทวิตฯ เป็นเพียงแอพพลิเคชั่นเดียวที่ข่าวดูรวดเร็วและเข้าใจง่ายสุด มันต่างจากเฟซบุ๊คนะ รายนั้นต้องกรองข่าวนานเลยแหละ
Tweet By สาวปริศนา @xxxxeiei
:: เหมือนมาร์ชเกาะคิวดัง #คิวมาร์ชโอนลี่
…ผมชะงักที่ทวิตนึงทันทีที่อ่านจบ ในแอคเคาน์ไม่มีรูป มีเพียงไข่เทาๆ ไร้หน้า ไร้ตัวตนคล้ายคนเก่งแต่ในคีย์บอร์ด ผมลองเข้าไปส่องในแอคเคาน์นั้นก็พบเพียงรูปถ่ายของไอ้คิวที่เหมือนว่าเจ้าของแอคฯ จะเป็นคนถ่ายเองแต่กลับไม่ติดเครดิตไว้ในภาพ ถ้าให้เดาแอคฯ นี้ต้องเป็นแฟนคลับคิวแน่ๆ
ผมไม่ได้ใส่ใจแต่คำว่าเกาะไอ้คิว ผมรู้สึกไม่โอเคนิดๆ จริงๆ ผมรู้ว่ามันก็ดังในโลกออนไลน์หนึ่งระดับ ให้ทำไงได้อะ ผมดันมารู้ความจริงและกลับมาเป็นเพื่อนไอ้คิวในช่วงที่มันกำลังขาขึ้นพอดี งานยากก็อยู่ตรงที่ต้องปรับตัวเพราะมีคนสนิทเป็นถึงคนที่คนทั่วไปรู้จักนี่แหละ
ผมจัดการปิดคอมเพราะไม่อยากอ่านอะไรให้ประเทืองสมองซีกซ้ายให้มากกว่านี้ ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง มือกดปิดเปิดหน้าจอเล่นเหมือนคนไม่มีอะไรทำ ใจนึงอยากจะกดคอลไลน์ไปหามันนะ แต่อีกใจก็อยากจะเล่นตัว ทำเหมือนว่าผมไม่ได้ต้องการจะคุยกับมันสักเท่าไรหรอก
ไม่ต้องมาด่าผมเลยนะ เออ ผมมันปากแข็งใจแข็ง ผมรู้ตัว แต่ตอนนี้อะไร มันเร็วไปหรือเปล่า ผมรู้สึกใจตัวเองกำลังไขว่เขว่ไปในทิศทางที่ผมไม่ได้บังคับให้มันไปเลยสักนิด
คนเรานี่ห้ามความรู้สึกในใจตัวเองไม่ได้จริงๆ สินะ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นเจ้าของหัวใจแท้ๆ แม่งไม่รักดีกับความรู้สึกกูเลย ไว้อนาคตกูจะบริจาคมึงทิ้งซะอีหัวใจ!
ผมทิ้งมือถือลงบนเตียงทันทีที่ไอ้สายที่ว่าไม่ยักจะโทรมาหากันสักนิด ผมเขยิบตัวเอื้อมมือเปิดลิ้นชักบนหัวเตียงก่อนจะดึงสมุดเฟรนด์ชิพออกมา ผมเก็บไว้อย่างดีแม้มุมของสมุดจะแอบบุบเพราะผมทำตกบ่อยก็ตาม ผมเปิดไปทุกๆ หน้าจนมาหยุดที่กลางสมุด เป็นหน้าพิเศษที่หลายคนจะเก็บไว้ให้ใครบางคนเขียน ในตอนนั้นทำไมผมถึงไม่ให้พิมพ์เขียนวะ…
กลับเป็นไอ้คิวที่ได้หน้าพิเศษของผมไป
ข้อความทั้งหมดถูกเขียนไว้ในช่วงเทอมสองก่อนจะสอบ เป็นช่วงก่อนที่ผมจะหันมาตั้งใจอ่านหนังสือกับไอ้คิว ที่ผมรีบเขียนเพราะผมคิดว่าหลังจากปัจฉิมคงไม่มีใครว่างจนครบและอยู่จนถึงวันสุดท้าย บางคนมีที่เรียนก็เลือกเส้นทางไปเรียนต่อทันที ไม่ได้มาปัจฉิมในวาระสำคัญก็มี รูปถ่ายที่ติดมาในหน้าของไอ้คิวไม่ใช่รูปมัน แต่เป็นรูปผมจำนวนห้ารูปล้วนๆ ในตอนนั้นมันแทบจะไม่ถ่ายรูปตัวเองเลย บวกกับเอามือถือเครื่องล่าสุดของมันไปซื้อกล้องมาอีก ลายมือเรียบร้อยจนผมคิดว่าผู้หญิงเป็นคนเขียนทำเอาผมต้องอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงหน้าสอง มีแต่คำอวยพรและคำขอบคุณที่ผมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตมัน
ผมไม่มีโอกาสได้อ่านเลยตั้งแต่ผมได้เฟรนด์ชิพคืนจากมัน และผมก็ได้รู้อะไรหลายๆ อย่างในตอนนี้ ว่าทุกอย่างที่มันทำให้ผมจนถึงปัจจุบัน มันไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำกับผมจริงๆ
‘ขอโทษที่เราอาจจะคิดเกินเลยกับนายมากกว่าเพื่อนนะ’
ผมหยุดที่บรรทัดสุดท้าย หัวใจผมชาวาบไปหมด แม้ผมจะได้ยินจากปากของมันมาแล้ว แต่นี่เป็นข้อความความรู้สึกแรกของมันที่มีต่อผม ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าไอ้คิวจะชอบผมมากขนาดนี้อะ
ผมพยายามกล้ำกลืนสิ่งอึกอักที่อยู่บริเวณลำคอก่อนจะเปิดดูไปเรื่อยๆ และมาถึงสองหน้าสุดท้าย หน้ารองสุดท้ายเป็นของไอ้เกมส์ ส่วนหน้าสุดท้ายเป็นของพิมพ์ ผมไม่รู้ว่าผมควรกลับมาอ่านของสองคนนี้ไหม แต่ทำไงได้มันมาถึงขั้นนี้แล้วนี่หว่า
‘To…มาร์ช
กูเอง เพื่อนต่างห้องของมึง ใจมากที่เป็นเพื่อนกู เจอกันเอกเศรษศาสตร์ ตามกูมาให้ได้ หวังว่าจะเป็นเพื่อนร่วมคลาสกันนะเว้ย
ปล.บอกวิธีจีบสาวหน่อย กูอ่อยไม่เป็น อิอิ อิจฉาเว้ยแฟนสวยยย
From...เกมส์กด 6/1’
ผมถอนหายใจออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ จะว่าตลกก็ตลกฉิบหาย จะว่าเศร้าก็มีบ้างนิดหน่อย ช่างหัวแม่งเหอะ ใส่ใจซะที่ไหน
‘ถึง มาร์ชแฟนที่รักของพิมพ์’
อ่านแค่หัวข้อผมก็อยากปาสมุดแล้วว่ะ -_-
‘เค้าไม่รู้จะเขียนอะไร เอาเป็นว่า พิมพ์จะพยายามสอบให้ติดมหา’ลัยที่มาร์ชกำลังจะเข้าแล้วกัน พิมพ์ไม่เก่งคณิตแบบมาร์ช แต่พิมพ์สัญญาว่าพิมพ์จะสอบนิติให้ได้ คณะเราใกล้กันต้องได้เจอกันสิเนอะ แล้วก็อย่าติดเพื่อนใหม่ให้มากนะ คนชื่อคิวอะ พิมพ์เห็นว่ามาร์ชไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยเกินไปแล้ว พิมพ์งอนนะ / แนบรูปคู่’
ผมจัดการดึงรูปคู่ของผมกับพิมพ์ในสมุดออกก่อนจะขย้ำแล้วปาลงถังขยะข้างๆ โต๊ะเครื่องแป้งอย่างแม่นยำทันที เกะกะหูเกะกะตาฉิบ จริงๆ พิมพ์น่ารักสำหรับผมมากในช่วงนั้น แม้ว่าผมกับเธอจะคบกันเกือบๆ สองปี ผมไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเธอจนคนแทบจะคิดว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน จริงๆ เธอไม่อยากเดินไปไหนมาไหนกับผมมากกว่า ผมเหมือนเพื่อนสาวเธอเลยในตอนนั้น ไม่มีใครมองผมเป็นผู้ชายหรอก U_U
ผมวางสมุดเฟรนด์ชิพไว้ที่เดิม นี่อ่านมาราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมงทำไมไอ้คนในมือถือถึงไม่โทรมาอีกวะ
ถ้ามึงคอลมาเมื่อไรล่ะก็ กูจะด่ามึงคำแรกเลยสิ!
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เหมือนมันได้ยินคำบ่นของผม เสียงมือถือทำผมดีดตัวยกขึ้นมาดู ไอ้คิววีดีโอคอลมาจริงด้วย! ผมลงนอนก่อนจะถือมือถือนอนตะแคงเพื่อคุย พยายามทำสีหน้าเหมือนง่วงนอนและ...
ติ๊ด
ผมกดรับสายแล้ว!!!
ไอ้คิวยกมือถือขึ้นเหมือนมันกำลังอยู่ในชุดนอนพร้อมกับใส่แว่นสายตา ถ้าให้เดามันคงอ่านหนังสือก่อนนอนแน่นอน
“มึง…”
(คิดถึงเราปะ ^^)
เนี่ย! จะด่ามึงกูก็ด่าไม่ลงสักที!
“คำทักทายบ้านมึงเขาทักกันแบบนี้ถูกมะ”
(พูดไม่เพราะเลยแหะ)
ไอ้คิวบ่นอุบ ผมขยับตัวเพื่อนจะได้ถือมือถือถนัดๆ ดูจากสีหน้าง่วงๆ ของมันแล้วคงกำลังฝืนที่จะลืมตาอยู่แน่ๆ
“แล้วไมมึงเพิ่งโทรมาวะ ไม่โทรมาปีหน้าเลยอะ” ผมพูดประชด
แอบเคืองแม่งเหมือนกัน ไหนบอกจะโทรมาหลังจากกลับถึงโรงแรม ผมมารยาทดีหรอกถึงรอเนี่ย
(เราเพิ่งอ่านบทละครเสร็จอะ เพิ่งนึกได้ว่าต้องโทรมา โทษที)
แววตารู้สึกผิดทำเอาผมหุบปากที่จะว่ามันต่อ เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรก็แพ้มันไปหมด จะด่ายังไม่กล้าเลยกลัวแม่งไม่พอใจผมอีก เกิดแม่งงอนขึ้นมารูปที่ตามถ่ายจะไม่ครบเอา
“แล้วเป็นไงบ้างอะ” ผมถามกลับ “กองถ่ายวุ่นวายปะ”
(ไม่นะ วันนี้ถ่ายรวบซีนของวันพรุ่งนี้ด้วย สงสัยจะได้กลับไวกว่าเก่า จริงๆ เราขอด้วยแหละ บอกเขาไปว่ามีติดเรียนเขาเลยรวบรัดถ่ายให้เลย)
“ดีแหะ”
ผมหยุดพูดไปเพราะรู้สึกว่าตัวเองควรเข้าประเด็นหลักที่อยากบอกมันเสียที ไอ้คิวขยับแว่นสายตาตัวเองเล็กน้อยก่อนจะจ้องหน้าจอเหมือนสังเกตเห็นความผิดปกติในแววตาของผม ไม่ใช่ว่าผมปอดแหกไม่อยากบอกหรือกลัวว่าไอ้คิวจะมองว่าผมเป็นคนขี้ฟ้องแต่อย่างใด ก็อย่างที่ไอ้นิวบอก ถ้าผมไม่บอกไอ้คิวแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคนตรงหน้าผมกำลังคิดยังไงกันแน่
(มีอะไรเปล่า เห็นว่าแปลกๆ ตั้งแต่เย็นแล้วนะ)
เหมือนคนในสายจะรู้ถึงความรู้สึกผมเป็นอย่างดี ผมไม่เคยเป็นคนคิดมากอะไรขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเหตุการณ์ต่างๆ มันเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมไม่กล้าตัดสินใจอะไรฝ่ายเดียวแล้วในตอนนี้ เพราะเมื่อผมตัดสินใจด้วยตัวเอง ทุกอย่างจะดูพลาดเหมือนในอดีต
“ตอนเย็นที่กูไปคุยกับพิมพ์อะ” ผมโพล่งออกไป ไอ้คิวพยักหน้ารับ “เธอมาขอร้องให้กูช่วยเธอจีบมึง”
(…)
“แต่กูไม่ช่วย เพราะถ้าเธอชอบมึงจริง เรื่องแบบนี้เธอควรรับผิดชอบตัวเอง เธอควรตามจีบมึงเอง” ผมเม้มปากพูดไม่ได้มองคนในหน้าจอ “กูมาบอกมึงเผื่อมึงจะได้รับมือกับเธอทัน แต่ถ้ามึงเปิดใจให้เธอ…”
(นายคิดว่าเราจะยอมเปิดใจให้เธอไหมอะ)
ไอ้คิวพูดดักคำพูดผม ณ วินาทีนั้นผมช้อนสายตาขึ้นมองคนในหน้าจอที่ส่งสายตาเป็นคำถามเพื่อหวังคำตอบจากผม ผมถอนหายใจออกมาเพราะรู้สึกโล่งที่ได้บอกความอึดอัดตัวเองออกไป
“ก็นั่นมันมึงไงคิว ความรู้สึกมึงนี่ ไม่เกี่ยวกับกู”
(คนที่หักหลังนาย คนที่ไปคบกับเพื่อนของนาย คนที่ไม่ได้จริงจังกับความรัก คนแบบนั้นนายคิดว่าเราจะชอบเหรอ)
“…”
(หรือจริงๆ นายยังเป็นห่วงพิมพ์)
“ไม่ใช่อย่างงั้นเว้ยไอ้คิว”
(แล้วมันยังไง ที่นายมาบอกเราเพราะห่วงอะไร)
“เพราะกูเป็นห่วงมึงไง!” ไอ้คิวผงะไปนิดๆ ที่ผมตอกกลับไป ผมพูดออกไปแล้ว ToT “กูกลัวมึงจะใจอ่อนกับคนๆ นั้น คนที่เคยทำกูหลงรักหัวปักหัวปำ คนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้กูรักเขา กูกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นเพื่อที่จะครอบครองหัวใจมึงไง”
(เราบอกแล้ว เราไม่ใช่คนรักใครง่ายๆ เรารักใครเรามีเหตุผลมารองรับความรู้สึกมากพอนะ)
ภายในห้องของเราสองคนมันเงียบจนได้ยินเสียงแอร์เบาๆ การจ้องตาผ่านหน้าจอมือถือไม่ได้ลดระดับความประหม่าของผมลงสักนิด แม้รายนั้นจะใส่แว่นสายตาบดบังไปบ้างก็เหอะ แต่มันชัดเจนมาก แววตาจริงจังในคำพูดแบบนั้นทำผมหวั่นใจ
“แล้วมึงจะทำไงต่อ ความรู้สึกของพิมพ์ที่มีต่อมึงมันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ”
(เธอไม่น่าชอบเราจริงๆ อะ เธอน่าจะมีเหตุผลบางอย่าง)
ความคิดของไอ้คิวเหมือนไอ้นิวเป๊ะ ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะพิมพ์เป็นคนบังคับให้ไอ้คิวไม่บอกความจริงเรื่องเธอมีคนใหม่กับผม แล้วเธอจะหันมาชอบคนที่กุมความลับเธอทำไมวะ แถมแต่ก่อนใช่ว่าเธอจะชอบขี้หน้าไอ้คิวซะที่ไหน
เรื่องนี้มันไม่ได้มีเหตุผลแค่คำว่ารู้สึกดีหรอก…
“จะบอกว่าพิมพ์ไม่ได้ชอบมึงจริงใช่ปะ”
(อืม พิมพ์เป็นคนที่มีปมบางอย่างที่ทำให้เธอเลือกที่จะรู้สึกอยากสนิทกับผู้ชายทั่วๆ ไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอมั่วหรืออะไรนะ หมายถึงเธอชอบที่จะผูกมิตรกับผู้ชายที่ทำให้เธอดูมีตัวตนอะ)
ปมของพิมพ์เหรอ…
เอาจริงๆ พิมพ์เป็นคนเอาอารมณ์และความคิดตัวเองตั้งเป็นหลักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอไม่ค่อยชอบเวลาผมไม่ใส่ใจเธอหรือขัดแย้งความคิดเห็นของเธอ แต่ถ้าเธอดีเธอก็จะน่ารักมากๆ ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดหรอกว่าเธอมีปมหรือไม่มีปม ผมคิดเพียงอย่างเดียวว่าเธอคงเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ต้องการความเอาใจใส่จากคนรักเท่านั้น
“แล้วนี่พิมพ์มาเข้าค่ายด้วย อย่าบอกนะว่านี่เป็นจุดประสงค์ของเธอ…”
(อืม เธอลงทุนซื้อกล้องเพื่อมาเข้าค่าย และจุดประสงค์ของเธอคือเข้าหาใครสักคนในค่ายนั้น ตอนนี้รู้แหละว่าคือเรา)
“เหี้ย…”
ผมสบถออกมา เพราะมันเป็นการคาดเดาที่ดูเชื่อมโยงสุดๆ แต่ผมกลับไม่นึกถึงมันเลย ไอ้คิวหัวเราะนิดๆ ให้กับใบหน้าเหวอๆ ของผม
(เรื่องนั้นอะเอาไว้ก่อน เรารับมือกับพิมพ์ได้ไม่ต้องห่วง ว่าแต่…) น้ำเสียงกรุ่มกริ่มบวกกับใบหน้าเล่นๆ ของไอ้คิวทำเอาผมมองมันนิ่ง (ที่บอกว่าเป็นห่วงเรานี่พูดจากความรู้สึกจริงๆ ใช่ปะ ไม่ใช่กลบเกลื่อนใช่ไหม)
ผมอึกอักเมื่อโดนสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นจะโกหกก็คงไม่เนียน ก็คนมันโมโหนี่หว่ามาบอกว่าเป็นห่วงพิมพ์ได้ไง คนมันเลิกรู้สึกแบบนั้นไปนานแล้ว
“เออ เป็นห่วงมึงกลัวมึงจะตกหลุมพรางเธอไปอีกคน ทีไอ้เกมส์หักหลังกูแบบนั้นมันยังน่าสงสารเลย”
ผมว่าไปตามตรง พอพูดถึงไอ้เกมส์ผมรู้สึกโกรธมันไม่ลง เหมือนมันกำลังมาร่วมชะตาคนโดนสวมเขาแบบเดียวกับผม มันต้องคอยทำตัวเหมือนไม่เคยเป็นอะไรกับพิมพ์ ทั้งที่มันเกินเลยกว่าที่ใครต่อใครเห็น ครั้งนั้นเรื่องในผับที่มันเมาผมรู้แล้วแหละว่ามันยังคงรับไม่ได้ที่พิมพ์มีคนอื่น
คนอ่อนแอก็ต้องดูแลตัวเองนะครับผม
(ทุกคนน่าสงสารเรื่องความรักหมดแหละ เราด้วย) ไอ้คิวพูดพร้อมกับสีหน้างอนๆ
“มึงน่าสงสารตรงไหน คนชอบมึงเยอะแยะ”
(ตรงเนี่ย) ไอ้คิวว่าก่อนจะชี้มาที่หน้าจอมือถือ ทำเหมือนว่าชี้มาที่ผม (ตรงที่คนตรงหน้าเนี่ย ไม่เปิดใจรับเราเข้าไปอยู่ในความรู้สึกสักที)
“เพ้อเจ้อ” ผมตอกกลับไปทันที แม้คำพูดมันจะทำเอาผมใจวูบก็ตาม “มึงกับกูเป็นเพื่อนกันให้ได้ก่อนเหอะ”
(ตอนนี้ยังไม่เป็นอีกเหรอ) มันถามด้วยสีหน้าสงสัย
เออนั่นดิ… เป็นแล้วนี่หว่า -_-;;
“เออ เป็น”
ผมตอบกลับไปเมื่อถูกดักทางทัน มันยิ้มเล็กยิ้มน้อยทำเอาผมต้องเบี่ยงใบหน้าตัวเองหลบกล้อง
(เป็นแฟน?)
“อืม”
(หะ!)
“เห้ย เป็นเพื่อนดิเว้ย!” ผมรีบค้านคำพูดของมันที่ผมดันเผลออือออมันไป หน้าร้อนวูบทำเอาผมตั้งตัวไม่ทัน “มึงอย่ามาใช้ทีเผลอกับกู”
(โอ้ย เกือบดีใจจนอยากออกไปเต้นหน้าระเบียงแล้วเนี่ย)
ไอ้คิวทำท่าบิดไปบิดมาอยู่บนเตียง ไอ้เหี้ย มึงดีใจได้แต๋วแตกมาก
รับไม่ได้แรง -_-
ผมพยายามคีปสีหน้าให้ปกติ แต่มันร้อนวูบจนรู้เลยว่าหน้าผมคงแดงไปแล้ว ผมต้องค่อยๆ ผ่อนลมหายใจไม่ให้มันบานปลายไปมากกว่านี้
“ทำไมถึงชอบกูวะ”
ผมได้ทีจึงถามไป กลายเป็นว่าบรรยากาศมาคุอีกครั้ง ผมไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันดูอึดอัดนะ แต่ผมถามเพราะผมอยากรู้ ผู้ชายที่ดูไม่ได้มีวี่แววชอบผู้ชายด้วยกันมันจะมาชอบได้ไง มันต้องมีเหตุผลดิ
(ตอนแรกอะ เราคิดว่าเราคงชอบนายในฐานะเพื่อนสนิททั่วไปคนหนึ่ง แต่พอเราได้ใกล้ชิดนายมากๆ ใจแม่งเต้นไม่เป็นจังหวะเลย ยิ่งพอเห็นรอยยิ้มตาหยีๆ ของนายด้วยแล้ว เราไม่เคยรู้สึกร่างกายเหนื่อยแบบนั้นมาก่อน หน้าเราร้อนวูบๆ รู้สึกเขินๆ พอได้คุยกับนาย แม้นายจะหยาบใส่เราแต่เราอะไม่อยากหยาบคายกับนายเลยนะ เอาตรงๆ เราห่วงความรู้สึกนายมากกว่าใครๆ สักอีก)
พอได้ฟังมันพูด อาการเหล่านั้นกลับมาตกที่ผมแทน ผมไม่เคยถามความรู้สึกตอนเป็นแฟนกับพิมพ์แบบนี้เลย และผมก็ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับเธอด้วย แค่รู้สึกว่าโชคดีที่มีแฟนสวยที่สุดในโรงเรียนแค่นั้น
แต่นี่…ผมกลับมีความรู้สึกภายในอกมันสั่นระรัวจนห้ามไม่อยู่
แบบนี้เปล่าวะ ที่เขาเรียกกันว่ารู้สึกดีอะ…
แต่นี่มันผู้ชายนะเว้ยมาร์ช
“กับคนอื่นๆ ไม่เป็นเหรอวะ” ผมถามอ้ำอึ้ง
(ไม่อะ กับทิวกับนิวหรือนักแสดงในกองก็รู้เฉยๆ เหมือนเพื่อนชายทั่วไป กับผู้หญิงที่ผ่านเข้ามายิ่งไม่ใช่ยกใหญ่ เราเป็นแค่กับนายคนเดียวอะ)
ผมเกาข้างแก้มเพราะทำอะไรไม่ถูก จะเรียกว่าเขินก็เขินนะ อยู่ดีๆ มามีคนชมต่อหน้าแบบนี้
อย่าออกตุ๊ด อย่าออกตุ๊ดไอ้มาร์ช มึงแมนนะไอ้เหี้ย
“อืม ขอบใจที่รู้สึกดี” ผมทำนิ่งคีปหน้าเฉย ไอ้คิวเลิกคิ้วใส่ผมเหมือนยังสงสัยไม่เลิกรา “อะไร”
(ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเราหน่อยเหรอ)
“ก็ดีนี่ มีคนมารู้สึกดีด้วยก็โอเค”
(ไม่เขิน?)
“เฉยๆ”
(โกหกเปล่าวะ)
“ไปนอนไป”
ได้ทีผมจึงไล่คนในสายทันที เหมือนตัวเองโดนต้อนจนมุมทุกที มันเคยเป็นแบบนี้ซะที่ไหน เวลาไอ้นิวแกล้งหยอดผมแบบนี้ผมมักจะขนลุกและด่ามันกลับตลอดว่าเล่นเหี้ยอะไร แต่กลับไอ้คิวแม้แต่จะด่าผมยังเหมือนตัวเองหลบหลีกความรู้สึกทุกที
(ถ้าพรุ่งนี้ถ่ายเสร็จเร็ว ไม่ติดอะไรเราจะรีบกลับนะ)
“อืม ขับรถดีๆ คนห่าไรขี่มอเตอร์ไซค์ไปกรุงเทพ มึงก็รู้แม่งอันตราย”
(แน่ะ เป็นห่วงจริงๆ ด้วย)
“เพื่อนกูทั้งคนปะวะ”
(เปลี่ยนจากเพื่อนเป็นอย่างอื่นได้ปะ)
“เป็นไร”
(เป็นพ่อ)
“_วย”
ผมเซนเซอร์เสียงตัวเองพลางชูนิ้วกลางใส่หน้าจอแม่งที่ดันมากวนตีนไม่ดูเวล่ำเวลา ไอ้คิวหัวเราะสะใจที่กวนผมได้สำเร็จ พอผมมองหน้ามัน มันก็เงียบและมองหน้าจอค้างเหมือนรอผมพูดอะไรต่อ
(มาร์ช)
“อะไรมึง”
(เราขอโอกาสอีกครั้งนะ ช่วยเห็นความพยายามของเราด้วย)
“…”
(ขนาดนายไม่ชอบการถ่ายรูป ไม่ชอบถ่ายเรา แต่นายยังฝืนใจทำ จนสุดท้ายนายก็ชอบการถ่ายรูป นายดูมีความสุขกับการได้จับกล้อง เราอยากให้นายเปิดใจกับเราเหมือนนายเปิดใจกับกล้องอะไรแบบนั้นบ้าง…)
“…”
(เราอยากมีแฟนเป็นตากล้องนะ J)
“อืม รอก่อนแล้วกัน”
(อย่านานนะ)
ไอ้คิวยิ้มกว้างเหมือนได้รับความหวังเต็มเปี่ยม ผมไม่ได้อยากปิดกั้นความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน ยิ่งหนียิ่งเหนื่อย ยิ่งปิดยิ่งทรมานตัวเอง บางทีการได้รับคนที่ดีกับความรู้สึกตัวเองเข้ามาในชีวิตอาจจะมีอะไรดีขึ้นก็ได้
แม้จะรู้ดีว่าอนาคตคงไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ต้องมีล้มมีพลาดและอาจไม่สมหวังอย่างที่ตั้งใจ แต่การได้รับโอกาสหรือสิ่งใหม่ๆ อาจทำให้เราเริ่มต้นความสุขมากขึ้น ผมคิดว่าแบบนั้น
“กูไปนอนแล้วนะ”
(อืม ฝันดีครับ)
“มึงรีบกลับมานะ”
(ครับ)
ผมกดปิดหน้าจอก่อนจะวางมันไว้ที่ข้างๆ หมอนตัวเอง ผมขยับตัวเอามือก่ายหน้าผาก มองเพดานตรงหน้าที่มีแสงร่ำไร พอได้ฟังความตั้งใจของมันแล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่คิดมาตลอด
แม้ผมจะทำตัวให้มันรู้สึกเกลียดผมมากแค่ไหน แต่มันกลับไม่รู้สึกกับผมแบบนั้นเลยสักนิด มีแต่ชอบผมมากขึ้นๆ ไปอีก
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้…
ผมขอเลือกไม่เกลียดมันเลยจะดีกว่า

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่มาร์ชเกรี้ยวกราดอย่างที่ว่า พี่คิวสุภาพน่ารัก ฟังจากตรงนี้เหมือนพี่มาร์ชเมะ แต่ความจริงมันไม่ใช่ 55555
*///*(อั๊คคค//โดนไรท์ถีบอัดกำแพง)
เขิลเชื่ยๆอ่ะ