ตอนที่ 12 : ll แฟนผมเป็นตากล้อง ll SPECIAL VALENTINE [100%]

[Q SAY]
@ 14 FAB 2017
มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนรักกัน สวีทกัน ส่วนผม…
“พี่คิวคะดอกไม้”
“พี่คิวคะ ช็อกโกแลตตราลิงนอนแช่น้ำแข็งอย่าลืมกินนะคะ”
“พี่คิวคะหนูเห็นพี่ชอบตุ๊กตามูมินหนูเลยไปหามาให้ค่ะ”
พี่คิวนั่น พี่คิวนี่ พี่คิวๆๆๆ!
ผมรับของทุกอย่างจากมือสาวๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้เธอเป็นสิ่งตอบแทนตามมารยาท พวกเธอหมุนตัวสามร้อยหกสิบองศาก่อนจะรีบวิ่งไปเมาส์มอยกับเพื่อนตามประสาหญิงสาวแอบชอบ ผมมองของในมือที่เต็มไปหมดก่อนจะเอามันวางไว้ที่เบาะมอเตอร์ไซค์
ผมพลิกข้อมือดูนาฬิการอใครบางคนลงมาจากตึกคณะ…
“รอนานปะ”
มาแล้วล่ะครับ คนที่ผมรอ
“นานอะ” ผมพูดขึ้นลอยๆ มาร์ชหยุดนิ่งก่อนจะชะเง้อดูของที่เต็มเบาะรถไปหมด “ทำไมมาช้าจังอะ”
“จารย์สั่งงานเพิ่มดิ กว่าจะลงมาได้” มันบ่นก่อนจะเบียดตัวมาหยิบของนั่นนี่ดู “น่าอิจฉาแหะมีสาวๆ เอาของมาให้ด้วย”
“หนุ่มๆ ก็มี ไม่ใช่แค่สาวนะ” ผมหยอก
“ใคร”
น้ำเสียงสั้นๆ ห้วนๆ ทำเอาผมยิ้มออกมา เพราะรู้เลยว่านี่กำลังหึงอะดิ
“น้องแอดมิน”
“มันให้อะไรไหนเอามาดูดิ”
ว่าไม่พอยังมาทำน้ำเสียงข่มขู่อีก คิดว่านี่เป็นพ่อบ้านใจกล้ามะ ใช่ครับ…
“น้องเอาคิทแคทมาให้อะ อยากกินก็แกะเลย”
“ของกูก็มี”
ว่าไม่พอมาร์ชยังมีหน้าล้วงกุหลาบช่อเล็กที่มีคิทแคทแซมเล็กน้อยขึ้นอวดผมยกใหญ่
“ใคร”
คราวนี้กลายเป็นผมหัวร้อนเองซะงั้น แม้มันจะมีของเพียงอย่างเดียวก็เหอะ แต่คนๆ นั้นมันใคร
“ไอ้นิว” ยังมีหน้ามายิ้มอีก!
“เอามานี่”
เอาคว้ากุหลาบจากมือมาร์ชมาแล้วโยนมันไปที่ซอกเก็บของหน้ารถ มาร์ชมองตามการกระทำของผมด้วยสีหน้าที่ตึงตัง
“ของมึงมีเยอะแยะ มาแย่งของกูทำไมเนี่ย”
“ก็ไม่อยากให้ได้ของใครยกเว้นของเราอะ”
“ไอ้นิวมันก็เพื่อนปะว้า มันให้ทุกคนในคลาสอะ” มาร์ชเบะปากผมเลยเอื้อมมือไปขยี้หัวเพราะหมั่นไส้จริงจัง “อย่าเล่นหัวกูสิเว้ย!”
“ก็อย่าน่ารักดิ”
ผมพูดจบเพียงแค่นั้นก็จัดการเปิดเบาะรถเอาของทุกอย่างใส่อัดกันไป แม้บางอย่างจะแอบพังไปแล้วก็ตาม
“แล้วนี่จะพาไปไหนวะ นัดตั้งแต่เมื่อวาน”
“ไปหาซื้ออะไรให้แฟนอะ ไปช่วยเลือกหน่อย”
ผมหันไปพูดกับมาร์ชที่สงสัยอยู่ พอรู้ว่าผมจะซื้อของให้แฟนมันก็เลยได้แต่ไหวไหล่พยักหน้าและซ้อนท้ายตามระเบียบ
วันนี้ตั้งใจจะซื้อของให้มาร์ชแต่ผมกลับนึกไม่ออกจริงๆ ว่าผู้ชายเวลาซื้อของให้กันนี่เขาซื้ออะไรเซอร์ไพรส์อะไรกัน ผมเลยตัดสินใจพาเจ้าตัวไปเลือกด้วยเสียเลย เนียนๆ ไปนั่นแหละ มาร์ชไม่รู้หรอกครับ อิอิ
“วันนี้แม่งน่าเบื่อสัด เจอแต่คนตั้งคบกัน ไหนจะเดินถือตุ๊กตาอีก นี่พอมาเห็นมึงได้ของเยอะกว่ากูยิ่งทวีคุณความหงุดหงิดยกใหญ่”
คนด้านหลังผมบ่นขึ้น สองมือของมาร์ชเกาะที่เอวผมแน่น ชวนอยากให้ผมถือวิสาสะเอามือตัวเองกุมไว้เสียจริงๆ
แต่เรายังมาไม่ถึงขั้นนั้นนี่เนอะ…
“ปกติน่า ตอนเรามัธยมเราไม่เห็นจะได้ของจากใครเลยสักคน เพิ่งมาได้เอาตอนมหาวิทยาลัยเนี่ย”
“อย่ามั่ว ตอนมัธยมมึงได้ขนมเยลลี่จากกู”
มาร์ชเริ่มทักท้วงแถมยังเอาหน้ามาเกยไหล่ผมเพื่อเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย
จริงสินะ ลืมไปเลยว่าวันวาเลนไทน์ช่วงม.6 ผมได้ขนมจากมาร์ชมาด้วย แต่นั่นมันของทิ้งไม่ใช่เหรอวะ
“นายได้จากน้องม.2 แต่นายไม่อยากกินต่างหากถึงให้เราอะ”
“เอ้า ก็ถือว่าให้ปะวะ นั่นอะไม่ได้อยากทิ้งแต่อยากให้ จำไว้ด้วย”
คนพูดว่าไม่พอยังผลักหลังผมด้วยอารมณ์ที่แอบไม่พอใจนิดๆ ทำไมถึงโมโหได้น่ารักแบบนี้วะ แม้จะดูคล้ายคนงี่เง่าเอาแต่ใจ แต่มันคนละฟิวกับอารมณ์ผู้หญิงเลยแหะ
ทันทีที่รถมาถึงห้างใกล้มอ พวกเราสองคนก็เดินเข้ามาที่ซุ้มร้านตุ๊กตาและดอกไม้ ซึ่งจัดให้เป็นโซนพิเศษประจำวัน ดูท่าว่านิสิตนักศึกษาจะมาเลือกของเพื่อเตรียมให้คนรักกันบานเลยเว้ย
“คนเยอะฉิบ” ผมบ่นเบาๆ
“จะมีความรักอะไรกันขนาดนั้นวะ วันนี้วันอังคาร มันเป็นวันธรรมดานะเว้ย!”
แต่คนพาลมากกว่าผมสงสัยจะเป็นคนข้างๆ นี่แหละ อะไรจะพาลขนาดนั้น กะอีแค่ไม่มีคนเอาของมาให้เนี่ยนะ
“ถ้าให้เลือกมีคนเอาของมาให้นี่ นายอยากได้อะไรอะ”
พอเราสองคนมาเดินหยุดที่โซนตุ๊กตาหมีอัดเสียงได้ ผมเลยถือโอกาสหันไปถามเจ้าตัวเนียนๆ ไอ้มาร์ชที่เอาตุ๊กตามาคร่อมกันก็หันมามองผมพลางทำหน้าครุ่นคิด
“เงิน”
“อยากด่าว่าไอ้สัดนะ แต่เราคีพลุคอยู่”
ผมคว้าตุ๊กตาตรงหน้าฟาดไปที่หน้าไอ้มาร์ชเบาๆ คนถูกถามหัวเราะชอบใจ
“ก็อยากได้เงินนี่หว่า จริงๆ วาเลนไทน์ไม่ต้องมีของมาให้หรอก กูว่าถ้าจะให้ของกันจริงๆ จะให้วันไหนก็ได้ เราไม่ได้รักกันแค่วันนี้นี่หว่า”
“หืม” ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินประโยคบางอย่าง “เราไม่ได้รักกันแค่วันนี้ เราที่ว่านี่หมายถึงเรากับนายเหรอ”
“ทะลึ่ง”
“เรายังไม่พูดอะไรลามกๆ เลย ทะลึ่งอะไรอะงง”
“หมายถึงมาแซวกูเนี่ยทะลึ่งล่ะ”
คนถูกแซวเดินผ่านผมไป แอบเห็นว่าแอบยิ้มด้วย โอ้ย ทำไมน่ารักแบบนี้วะ ไม่เสียแรงที่แอบคิดไปไกลตั้งแต่ม.ปลายจริงๆ
ผมเป็นคนที่ไม่ได้สนใจผู้หญิงมาตั้งแต่ขึ้นม.4แล้ว เพราะผมเรียนชายล้วนมาตั้งแต่ประถมด้วยล่ะมั้งครับ เรื่องผู้หญิงนี่ตัดทิ้งได้เลย แต่ให้มองว่าคนนั้นคนนี้น่ารักผมก็มองได้ แต่ให้ชอบคงลำบากนิดหน่อย ถามว่าผมออกแต๋วออกสาวอะไรไหม ก็ไม่นะ ผมเหมือนผู้ชายทั่วไปที่ชอบมองผู้ชายด้วยกันซะมากกว่า
“โปรโมชั่นพิเศษสำหรับคู่รักนะคะ เพียงแค่คุณร่วมสนุกกับกิจกรรมของเรา คุณจะได้รับกล้องโปรรุ่นล่าสุดของแคนน่อนไปเลยค่ะ ท่านใดสนใจรีบเข้ามาด่วน ขอย้ำว่าคู่รักเท่านั้นนะค้า”
เสียงเจื้อยแจ้วของเอ็มซีทางด้านบูธเกี่ยวกับกล้องถ่ายรูปทำเอาผมกับมาร์ชหยุดให้ความสนใจกับกิจกรรมดังกล่าว พอมองกล้องที่แขวนอยู่ที่คอมาร์ชก็ทำเอาผมแอบสนใจของที่จะได้จากกิจกรรมนั้น
“นายอยากได้กล้องเก็บไว้ถ่ายรูปเล่นเป็นของตัวเองไหมอะ”
ผมถามมาร์ชที่ยืนมองอย่างสนใจ ผมเห็นพักหลังๆ มาร์ชเริ่มใช้กล้องของแอดมินบ้านผมไปถ่ายอย่างอื่นจนเมมจะเต็มแทนที่จะเป็นรูปผมไปแล้ว อีกอย่าง ผมไม่อยากให้มาร์ชต้องมาคอยรับผิดชอบกล้องตัวเป็นแสนห้อยไปห้อยมาให้ใจวูบเล่นด้วย
“อยากดิ แต่กูไม่มีคู่รักกับเขานี่หว่า”
“เราไง” ผมหันไปเสนอตัวแบบไม่คิด นี่คือโอกาสของกูวววววววว “เราเนียนๆ เป็นแฟนให้ก็ได้ หรืออยากจะเนียนไปทั้งชีวิตก็แล้วแต่นาย”
“บ้าไง คู่รักที่ไปมีแต่ชายหญิงทั้งนั้น เอามึงไปก็…”
พรึ่บ
ผมขี้เกียจฟังคำบ่นของคนตรงหน้า ผมจัดการคว้ามือเดินไปยังบูธนั้นในทันที พี่ที่รอคนร่วมกิจกรรมแอบชะงักไปนิดๆ เมื่อเห็นว่าเราสองคนจูงมือตรงดิ่งเข้ามาแต่ไกล
“จะมาดูกล้องเหรอคะลูก เชิญ…”
“มาเล่นเกมส์ชิงกล้องน่ะครับ”
ผมพูดขัดความคิดในหัวพี่สาวคนตรงหน้าทันที เอ็มซีและสตาฟมองหน้ากันกรุ่มกริ่มก่อนจะยื่นใบกิจกรรมมาให้ผมเขียนชื่อเบอร์โทรเหมือนบูธทั่วไป
“เอาจริงดิไอ้คิว กูแพ้นี่กูอายเลยนะเว้ย”
มาร์ชก้มลงกระซิบผมเสียงเบา สังเกตได้เลยว่าคนประหม่าที่สุดไม่ใช่ใคร คนข้างๆ ผมนี่แหละ
“เสร็จแล้วครับ” ผมจดชื่อตัวเองเสร็จก็ส่งให้พี่สตาฟที่รอรับอยู่ทันที “แล้วผมต้องทำยังไงต่อครับ”
“ตามน้องเอ็มซีไปที่เวทีเล็กด้านนู้นเลยจ๊ะ”
ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองมาร์ชที่ยืนมองซ้ายมองขวา มองคู่รักที่ใส่เสื้อคู่มาเพิ่มความมั่นใจแก่ตัวเองว่าชนะชัวร์ๆ ผมใช้ทีเผลอเอื้อมมือไปกอดคอมาร์ชแล้วพาเจ้าตัวมายังหน้าเวทีเตรียมตัวรอเล่นเกมส์
คนรักกันต้องกอดกันแบบนี้ต่างหาก จะสู้เหรอ มาดิมา
“นี่” คนในอ้อมแขนหันมาถลึงตาเป็นการบอกให้เอาแขนออก แต่เรื่องไรผมจะทำล่ะ “เดี๋ยวเสร็จงานนี้มึงเจอกูแน่”
“ถ้าคู่เราชนะมีอะไรตอบแทนมะ” ผมยื่นหน้าไปเย้าหยอกกวนตีนเล่น “อย่างเช่น หอมแก้มเป็นรางวัลแลกกล้องไรงี้”
“สรุปมึงแค่เอากล้องมาล่อกูหรือไง หัวหมอนะมึงน่ะ”
"งั้นถ้าเราชนะนายหอมเรา แต่ถ้าเราแพ้เราหอมนาย"
"ข๋วยเหอะ เสียเปรียบทั้งคู่"
ผมยิ้มขำก่อนที่บรรยากาศในงานจะกลับมาคึกครื้นเรียกคนผ่านไปผ่านมาให้สนใจอีกครั้ง
“เอาล่ะค่ะ หลังจากเรารอคู่รักเข้าร่วมกิจกรรมชิงกล้องถ่ายภาพของเรานั้น เราได้มาถึงสามคู่สามสไตล์กันเลยจ้า” เสียงพิธีกรดูสดใสร่าเริง เธอทำงานได้ดีเลยทีเดียว “คู่แรกของเราคือคู่รักเสื้อคู่ที่ใส่เสื้อคู่มาข่มขวัญคู่อื่นกันเลยทีเดียว ส่วนคู่ที่สองเป็นคู่รักมัธยมปลายนะคะน่ารักมากกก และคู่สุดท้ายคือคู่รักที่สาววายต้องอกอิแป้นจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขามาทำให้เราฟินกันถึงที่นี่แถมหน้าตาดีทั้งคู่เลย ฮือๆ”
ตกลงเขาจะฟินหรือเขาจะเสียใจวะครับ มีฮือๆ ด้วย
“กูว่าเราแพ้แน่ๆ เลยว่ะ เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงปะวะ จะไปชนะคนที่เป็นแฟนกันได้ไง”
“เดี๋ยวนายก็รู้”
ผมพูดเพื่อให้มาร์ชเลิกกังวล จริงๆ ผมไม่ได้มั่นใจอะไรหรอก เพราะผมไม่รู้ว่าเกมส์ที่ว่ามันคือเกมส์อะไร ถ้าเป็นเกมส์ที่ใช้ร่างกายก็ถือว่าเข้าทางพวกเราไป
แต่ถ้าเป็นเกมส์…
“เกมส์ของเราในวันนี้คือ…เกมส์ทายใจค่า!!!”
“ฉิบหายแล้ว”
ผมกับมาร์ชอุทานออกมาพร้อมกันด้วยสีหน้าที่ตกใจสุดขีด ต่างจากคู่รักสองคู่ข้างๆ ที่กระโดดโลดเต้นประหนึ่งว่านี่เป็นเกมส์ง่ายสำหรับพวกเขา…
ไม่ใช่ว่ามันยากสำหรับผม แต่ถ้าให้มาร์ชมาทายใจผม คงไปไม่รอดชัวร์ๆ!
“มาร์ช ถ้าให้ตอบคำถามเกี่ยวกับอะไรก็ตาม ให้ตอบตามที่นายชอบนะ อย่านึกถึงเรา”
ผมหันไปกระซิบมาร์ชเป็นการสั่งลาก่อนที่ตัวผมจะถูกสตาฟดึงให้ไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับมาร์ช คนถือกระดานสีแดงดูร้อนรนแถมยังทำหน้าไม่อยากจะเล่นแล้ว
งอแงได้น่ารักชะมัด
“คำถามแรกของเราคือ…” เสียงพิธีกรจะลุ้นทำห่าไรนักวะ “ฝั่งด้านคนถือกระดานสีแดง โดยส่วนตัวของเขาแล้ว เขาชอบกินอะไรคะ!”
สิ้นสุดคำถาม ฝั่งมาร์ชจัดการเขียนโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่อย่างใด ตามมาด้วยผมที่ได้รับกระดานสีน้ำเงินมาเพื่อเขียนคำตอบรอก็จัดการจดมันลงไปทันที
‘ข้าวหน้าแกงกะหรี่’
“ฝั่งกระดานสีน้ำเงินและสีแดงหันมาพร้อมกันค่ะ!!!”
พรึ่บ!
ผมมองไปยังคนด้านหน้าที่ดูลุ้นไม่ต่างจากผม พอเห็นว่าตอบตรงกันเท่านั้นแหละ มาร์ชก็ถึงกับยิ้มกว้างออกมาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“อู้หู้ววว เหมือนว่าจะตอบถูกถึงสองคู่เลยนะคะ ส่วนคู่รักมัธยมก็ต้องตกรอบไป พี่วานอย่าทะเลาะกันนะคะลูก เชิญลงไปรับของปลอบใจเล็กๆ ข้างล่างเวทีเลยจ้า”
พิธีกรจัดการส่งคู่รักมัธยมที่ดันตอบไม่ตรงกันแถมมีแววว่าฝ่ายหญิงจะแอบเคืองฝ่ายชายเล็กๆ แต่นั่นไม่ทำผมสนใจไปกว่าคนตรงหน้าที่นั่งยิ้มเตรียมรอคำถามต่อไปหรอกครับ
“มาถึงคำถามที่สองนะคะ” พิธีกรยกสคริปขึ้นอ่านและทำตาโตประหนึ่งว่าคำถามน่าจะยากพอสมควร “สถานที่เดทแรกของทั้งคู่ คือที่ไหนคะ!”
ผมกับมาร์ชเหลือบตามองกันอัตโนมัติ จะส่งซิกให้โกหกว่าที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าสตาฟด้านล่างจะมองไม่คาดสายตาเลยทีเดียว
…ผมกับมาร์ชจะไปเดทที่ไหนได้ละ เราจะพูดดีด้วยยังแทบไม่มีโมเม้นท์นั้นเลย
‘ห้างที่นี่แหละครับ’
ผมตอบไปตามความคิด ถือว่านี่เป็นเดทแรกของเราแล้วกัน ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าเรามาในฐานะแฟน นี่ก็คงเหมาะแก่การเป็นเดทแรกปะวะ
“ทั้งคู่ เปิดคำตอบค่ะ!!!”
‘ห้างนี้มั้ง’
ทันทีที่ผมอ่านคำตอบบนกระดานในมือมาร์ชเสร็จก็ถึงกับโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก มาร์ชยกนิ้วโป้งชมผมยกใหญ่ เวลามาร์ชดีใจนี่ดูเป็นเด็กน้อยไปเลยแหะ
“เหมือนว่าทั้งคู่จะตอบถูกอีกแล้วนะคะ มาในคำถามตัดสินสุดท้ายค่ะ!” พิธีกรทำเอาเราสองคนฉี่จะราดแล้วครับ “คำถามมีอยู่ว่า…”
“…”
“ถ้าทั้งคู่อยู่ในห้องนอนเพียงสองต่อสอง คุณคิดว่าคุณสองคนจะทำอะไรกันคะ!”
คำถามดูเหมือนไม่ยากแต่ก็แอบยากตรงที่ผมกับมาร์ชนอนด้วยกันทุกคืนแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกันเพราะว่าแค่อยู่ด้วยกันปกติยังทะเลาะกันแทบตายเลย
งั้นผมขอตอบ… ‘นอนเฉยๆ’
ผมเขียนเสร็จก็เห็นว่ามาร์ชเริ่มกุมขมับพลางเขียนกระดานในมือซะแล้ว กะอีแค่นอนเฉยๆ ตามความคิดมาร์ชคงไม่น่าคิดอะไรเยอะแยะหรอก
“เอาล่ะค่ะ ตอนนี้เชอรี่ตื่นเต้นกับผลที่ออกมาจริงๆ ค่า”
น้ำเสียงพิธีกรบวกดนตรีระทึกกึกก้อง คนที่เดินเล่นในห้างหยุดดูว่าคู่ไหนจะชนะ ผมเห็นถึงความมั่นใจของคู่ข้างๆ แล้ว ความหวังของการได้กล้องนี่ริบหรี่เหลือเกิน
“หันกระดานค่ะ!!!”
พรึ่บ…
ทันทีที่เราหันกระดานออกมาพร้อมกัน ผมมองไปยังกระดานในมือมาร์ชเป็นอันดับแรก และนั่นทำผมตาค้างไปเลยทีเดียว…
‘เอากัน’
เอากันอาร๊ายยยยยยยยยยยยยย!
ฮืออออออออออออ ใครสั่งใครสอนให้ตอบแบบนั้นวะน่ะ!
“โอโห ดูท่าว่าคู่รักของสาววายจะพ่ายแพ้ไปแบบเอกฉันท์ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ้เลยนะคะ” พิธีกรพูดตัดสินในทันที ผมแอบมองกระดานคู่รักข้างๆ ก็พบว่าเขาตอบตรงกันแถมยังตอบแบบโรแมนติกด้วยว่า จะนอนกอดกันทั้งคืน แต่มาดูมาร์ชตอบคู่เราสิครับ! “คู่ที่แพ้ลงไปรับของที่ระลึกหน่อยนะคะ ขอบคุณที่ขึ้นมาร่วมสนุกค่า”
ผมวางกระดานไว้ที่เก้าอี้และลงมาพร้อมมาร์ชที่เบะปากหน้าเบี้ยวหน้าบูดไม่พอใจ
“มึงตอบอะไรเนี่ย ไม่เมคเซนส์”
ทันทีที่เดินมารับรูปถ่ายคู่เราสองคนที่สตาฟแอบถ่ายไว้มอบให้เป็นที่ระลึก คนด้านข้างก็เริ่มบ่นอุบ ผมนี่ควรถามมากกว่าว่านายตอบอะไรของนายยยย
“เราบอกให้ตอบตามความคิดนายไง เราก็ว่านายคงตอบแบบนี้ล่ะ ใครจะไปรู้อะว่าตอบแบบนั้น”
“มึงก็มโนดิ ถ้ามึงกับกูเป็นแฟนจริงๆ ถ้าอยู่กันสองคนก็ต้องเอากันปะวะ”
“…”
ผมเงียบ…ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เป็นคนแบบนี้น้า
ชักอยากจะเป็นแฟนขึ้นมาจริงๆ จะได้อยู่สองต่อสองแล้ว…
“คิดไรมึง ยิ้มกรุ่มกริ่มเชียวนะสัด”
"เปล๊าาา" ผมไหวไหล่ปฏิเสธ "โกรธจริงปะเนี่ยที่เราพาแพ้อะ"
ผมยื่นหน้าถาม มาร์ชเลยดันหน้าผมออกเพราะคงเห็นว่าผมรุกเกิน
"โกรธทำไม เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงนี่หว่า ถูกสองข้อก็เก่งแล้วปะ"
"ไม่เสียดายกล้องเหรอ"
"ไม่อะ กูเก็บตังค์ซื้อได้ จะเป็นตากล้องก็ต้องลงทุนครับ"
"ซื้อมาไว้ถ่ายเราเหรอ :)"
"ถ่ายกระโปกหมายังมีสาระกว่าอีก" มาร์ชขัดจังหวะผมทันที "แล้วรูปที่ได้มามันรูปอะไรอะ"
เมื่อเห็นว่ามาร์ชสงสัย ผมเลยส่งรูปในมือไปให้เผื่อเขาอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก
“ในรูปนายยิ้มหน้าบานมาก เก็บไว้นะ เราว่านายมีความสุขมากกว่าครั้งไหนๆ เวลาอยู่กับเราอะ”
ผมพูดติดดราม่า อันที่จริงอยากให้สงสารกันหน่อย เล่นด่ากันทุกวันไม่เบื่อบ้างไงวะ
“พูดซะกูเห็นใจ”
“แต่เมื่อกี้เราเป็นแฟนกันเรายังไม่บอกเลิกกันก็แปลว่าตอนนี้ยังเป็นอยู่ใช่ปะ”
ได้ทีผมจึงแซว คนตรงหน้าผมแอบหน้าแดงนิดๆ แต่ยังคงคีพลุคตัวเองเอาไว้ กลัวผมล้อหรือไง นี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะเว้ย
“งั้นกูขอเลิก”
“เราไม่ให้เลิก” ผมรีบจับมือมาร์ชแน่น แทนที่มาร์ชจะสะบัดมือผมออกเขากลับนิ่งจนผมแอบกลัวเลยนะเนี่ย “โกรธปะเนี่ย”
“โกรธไมอะ”
แน่ะ ยังมาถาม คนจับมือขนาดนี้ก็ควรโกรธปะวะ
“ก็…”
“กูให้วันนี้วันเดียวนะ เห็นแก่ความพยายามมึง”
คนพูดยิ้มขึ้น โอ้ยยยยยย ใครก็ได้ถ่ายรูปช้อตนี้เก็บไว้ให้ที
ผมถอดกล้องออกจากคอมาร์ชมาใส่คอตัวเองอย่างพลการ คนด้านข้างเลิกคิ้วงงกับการกระทำผมไปนิดๆ
“วันนี้เราจะเป็นตากล้องตามถ่ายมาร์ชเอง” ผมยักคิ้วขึ้น มาร์ชส่ายหน้าเบาๆ
“กูบอกแล้วนะว่าให้วันเดียว ส่วนวันอื่นกูจะเก็บไปพิจารณาอีกที”
“คร้าบบบบ” ผมยิ้มตอบ พอเห็นมาร์ชเขินนี่ยิ่งน่าแกล้งชะมัด “เออ เรายังไม่ได้ซื้อของให้แฟนเลยอะ”
พอผมพูดเสร็จ มาร์ชหันหน้ามามองผมนิ่งแถมแกะมือที่จับไว้ออกอีก
เอ้า อะไรวะ ไหนบอกให้วันเดียวไง แกล้งให้ดีใจเล่นอ่อ
“ไปซื้อดิ กูรออยู่ตรงนี้แหละ”
อ๋ออออ งอนนนนน
“ไปเลือกเป็นเพื่อนหน่อยคร้าบบบ” ผมเอียงคอซบไหล่มันอย่างอ้อนๆ แม้จะถูกปฏิเสธด้วยการเอาไหล่หลบจนหัวหวืดก็เถอะ “งอนไรอะ แค่จะซื้อของให้แฟนเอง”
“มันไม่เกี่ยวกับกูไง”
“เกี่ยวดิ ไปช่วยเลือกหน่อยน้า”
“แฟนมึงไม่ได้อยากได้ของหรอก แค่มึงไปนั่งสบตาหอมแก้มเขาเฉยๆ เขาก็รักมึงตายห่าล่ะ แต่ถ้าผู้หญิงมันอยากได้จริงๆ มันคงสปอยมึงแล้วล่ะว่าอยากได้อะไร ไม่ปล่อยมึงมานึกเอาเองหรอก”
“แล้วนายอยากได้อะไร”
“ไม่อยากได้เว้ย ก็บอกแล้วว่าถ้าเป็นกูแค่มาอยู่เป็นเพื่อนกูก็พอ…”
จุ๊บ
ผมไม่รอให้คนตรงหน้าบ่นยาวเหยียดจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองมันเหมือนคนบ้า ผมจัดการยื่นหน้าไปหอมแก้มมันทันที มาร์ชชะงักค้างเบิกตากว้าง มันดูตกใจไม่ใช่อาการอึ้งแต่เป็นอาการเขินโดยไม่ทันตั้งตัวต่างหาก
“งั้นเราให้แฟนแล้วนะ ห้ามมาขออะไรทีหลังล่ะ เราให้แค่ครั้งเดียว”
ผมยิ้มให้มาร์ชนิดๆ ก่อนจะหันหลังเกาหัวหลบความเขินตัวเอง เห็นคนถูกกระทำกระพริบตาปริบๆ แถมไม่โวยวายนี่น่ารักชะมัด
จริงๆ อยากให้หลายครั้ง…
แต่นี่วันพิเศษ ให้แค่ครั้งเดียวคงพอแล้วมั้ง ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาร์ชน่ารักอ่ะ (รู้สึกเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ชมมาร์ชป่ะ?) พี่คิวก็น่ารัก หยอดตลอดเลยอะ ไม่ไหวจะเขินแล้วนะ
แต่มาร์ช 'เอากัน' !! เอากันอะไรของแกกกกกกก 555555 นี่ก็คิดว่า เออ คงจะถ่ายรูปมั้ง แต่ที่ไหนได้ เอากัน ปกติแกทำงั้นหรอมาร์ช 55555