ตอนที่ 11 : ll แฟนผมเป็นตากล้อง ll EP.10 :: เขาจะเป็นจูบแรกของผม [100%]
ร้านกลับบ้าน
ผมเคาะนิ้วเป็นจังหวะสามช่าเบาๆ อยู่ในร้านกลับบ้าน ไม่ต้องงงนี่เป็นชื่อร้านเหล้าแถวชายหาดใกล้มอผมเอง เวลามาเที่ยวเพื่อนถามว่าไปไหนผมก็บอกกลับบ้าน หารู้ไม่กลับบ้านที่ว่ามันร้านเหล้าชัดๆ
เยดเข้เท่ชะมัด
ผมนั่งดูวงดนตรีในร้านเล่นบรรเลงเพลงอะคูสติกเบาๆ เคล้ากับสายลมของท้องทะเลในยามราตรี มีไอ้นิวที่กำลังชงเหล้าให้ผมด้วยความชำนาญ แต่ตอนนี้มีอีกคนที่ยังไม่โผล่มา คนที่พร้อมท้าไขว้ไอ้นิวแข่งดื่มเหล้าเมื่อกลางวันไง
นี่ไอ้คิวคงไม่รู้สินะว่านิวแม่งคอแข็งสุดอะไรสุด เรื่องเมานี่ข้ามไปเลย ภาพไม่ตัด อ้วกไม่แตก พูดจามั่นคงไม่มีเซไปเซมา เหมือนตอนเด็กแม่มันเขย่าแสงโสมผสมนมให้ดื่มยังไงยังงั้น
“กูว่าไอ้คิวของมึงแม่งปอดแหกไม่มาตามนัดหมายล่ะ” ไอ้นิวว่าพลางวางแก้วที่ชงมาให้ “นี่รอจนน้ำแข็งละลายไปถังหนึ่งแล้วนะ”
“ไอ้คิวของกูบ้าไร มันไม่ใช่ของกู แล้วอีกอย่างมันคงติดธุระที่มอเปล่า วันนี้วันกิจกรรมด้วยคงทำงานไม่เสร็จล่ะมั้ง”
ผมเอานิ้วลงไปวนในแก้วเล่นๆ เพราะยังไม่อยากรีบเมาในตอนนี้
“เออถามหน่อย มึงไม่รู้สึกอึดอัดแล้วเหรอเวลาอยู่ใกล้มันอะ เราๆ นายๆ เหี้ยไร รำคาญญญญญ”
“ก็…” ผมขมวดคิ้วคิด มันอึดอัดเฉพาะตอนที่มันชอบมีเลศนัยกับผมนั่นล่ะ มันทำให้ผมอยากรู้อยากเห็นเสียมากกว่า “นิดนึง ตอนนี้ก็เหมือนความรู้สึกเดิมๆ เหมือนตอนกูสนิทกับมัน”
“เลิกเกลียดมันแล้วหรือไง อยู่กันไม่ถึงเดือนเลยนะ”
“บ้า กูก็ไม่ได้ชอบมันปะวะ กูพูดตอนไหนว่าเลิกเกลียดไปแล้ว”
ผมตอบไอ้นิวด้วยสีหน้าเซ็งๆ ผมยกกล้องขึ้นมาดูรูปทั้งหมดในวันนี้ แม้มันจะมีรูปที่ใช้ได้ไม่มากก็เหอะ พอดูจำนวนรูปในเครื่องตอนนี้คงได้อยู่พอสมควร
475 รูป…ผมมาได้ครึ่งทางแล้วสินะ
ผมจัดการลบภาพที่เหมือนวิญญาณหมาวิ่งออก ภาพไหนที่เห็นไอ้คิวไม่ชัดก็ลบทิ้งไปจนหมด
ส่วนรูปที่มันบอกชอบผมที่หลังคณะ...
ช่างมันเถอะ เก็บไว้...
ผมหยิบแก้วขึ้นมาวนๆ ให้น้ำโซดาและเหล้าเข้ากันดีก่อนจะจ่อปากเตรียมรับรสชาติเข้มข้นของแอลกอฮอล์แต่ไม่ทันจะดื่ม สายตากลับเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาคนเดียวพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะหน้าร้านซึ่งห่างจากผมไม่มาก
ไอ้นิวที่เห็นผมมองอย่าสงสัยจึงหันมองตามก่อนที่มันจะหันกลับมาหาผม
“ไอ้เกมส์ปะวะ”
“อืม” ผมพยักหน้าตอบแต่สายตายังคงมองมันอยู่ “มันมาร้านแบบนี้ด้วยเหรอวะ เด็กเรียนออกซื่อๆ แบบมัน”
“เรียกมันมาร่วมโต๊ะดิ” ไอ้นิวเสนอ
“งั้นเดี๋ยวกูมา”
ผมลุกขึ้นออกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินตรงไปยังโต๊ะที่ไอ้เกมส์นั่งอยู่ ผมสะกิดให้มันหันมาในขณะที่มันทำท่าเปิดเมนูเลือกอาหารอยู่
“อ้าว…มาทำอะไรอะ” ไอ้เกมส์หน้าเหลอหลาทันทีที่เห็นผม
“มาตีกอล์ฟมั่ง ร้านเหล้าก็ต้องดื่มเหล้าดิ กูควรถามมึงมากกว่าว่ามาทำอะไร ดื่มเหล้ากับเขาด้วยเหรอ”
“นิดหน่อยอะ มีเรื่องไม่สบายใจเลยมากิน”
“อกหัก?”
“ไม่รู้ดิ บอกไม่ถูก”
มันว่าหน้าเจื่อนๆ เล่นเอาผมหุบยิ้มที่เผลอไปแซวแทงใจดำมันเต็มๆ
“เฮ้ย อย่าเครียด ไปนั่งที่โต๊ะกูปะจะได้ไม่เหงา” ผมชวนไม่พอยังดึงแขนมันขึ้นมาเพื่อลากไปที่โต๊ะ ดีนะที่ตัวมันเล็กกว่าผมเลยฉุดกระชากมาไม่ยากเท่าไร “พี่ครับ เดี๋ยวเอาเหล้ากับอาหารที่มันสั่งไปเสริฟที่โต๊ะผมนะ”
ผมหันไปบอกบริกรที่รับออเดอร์จากไอ้เกมส์เสร็จแล้ว ไอ้เกมส์มีสีหน้าที่ดูไม่สดชื่นเหมือนตอนกลางวันที่ผมเห็นก่อนหน้านี้
“เป็นไรวะ หน้าบูดเป็นตูดลิง”
ไอ้นิวที่เห็นว่าเพื่อนหน้าเศร้าจึงรีบไถ่ถามอาการ แม้ว่าสองคนนี้จะไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แต่เพราะต้องทำกิจกรรมคณะด้วยกันบ่อยๆ เลยทำให้รู้จักกันไปในตัว
“เซ็งนิดหน่อยเมื่อตอนกลางวันอะ เจอภาพบาดตา ฮ่าๆ”
ดูดิ หัวเราะแม่งยังเต็มไปด้วยแววตาเศร้าเลย
“ผู้ชายที่ไหนทำมึงอกหัก” ไอ้นิวว่าก่อนจะทัก
แต่คำทักแบบนั้ยมันจะยิ่งทำให้ให้ไอ้เกมส์โกรธนะน่ะ
“หน้ากูเหมือนคนชอบผู้ชายเหรอ กูจะได้หันไปชอบบ้าง ฮ่าๆ” ไอ้เกมส์ถามติดขำ
เอ้า ไม่โกรธเฉย
“เออเหมือน เหมาะแก่การเป็นเมียด้วย”
ไอ้นิวได้ทีจึงแซะไอ้เกมส์ต่อ แต่คนถูกดิลกลับส่ายหน้าขำและเอาแก้วเหล้าผมไปกระดกดื่มหน้าตาเฉย
“เอ้าไอ้นี่ ขโมยเหล้ากู” ผมหันไปทำจมูกบาน นี่โกรธนะแย่งเหล้าแดกยังเคืองกว่าแย่งเมียเลยเอาจริงๆ
“ให้มันทำใจไป สงสัยจะหนักจริง” ไอ้นิวห้ามก่อนจะหาแก้วมาชงให้ผมใหม่
“ตอนกลางวันมึงยังดีอยู่เลยนะ ใครทำอะไรมึงไหนเล่า”
ทุกครั้งคำนี้ไอ้นิวควรเป็นคนพูด แต่ครั้งนี้ผมกลับอยากรู้มากกว่าเพราะนานๆ ทีจะเห็นด้านแบดๆ ของเพื่อนที่แม้จะอยู่คนละห้องในตอนมัธยม แต่ประธานนักเรียน ประธานกิจกรรมอย่างมัน ไม่น่าจะเกิดอาการอกหักรักตุดได้เลยนี่หว่า
แต่เอาจริงๆ หน้าตามันไม่เหมาะแก่การมีแฟนเป็นผู้หญิงจริงๆ นะ หรือที่อกหักนี่อาจจะหมายถึงแฟนผู้ชายหรือเปล่าวะ
“กูแค่แอบชอบคนหนึ่ง ชอบมานานแล้ว แต่วันนี้กูเห็นเขาใกล้ชิดกับคนอื่น กูไม่โอเค”
ไอ้เกมส์หันมาทำแววตาสั่นเครือใส่ผมเฉย เฮ้ย อย่ามองกูแบบน้านนน
ผมที่ทนเห็นสีหน้าน่ารักของมันไม่ได้จึงเอื้อมมือหวังจะไปกอดคอมันเพื่อปลอบขวัญ แต่กลับมีร่างสูงของใครบางคนเข้าแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้เกมส์ทันที
“โทษนะ พอดีมาสายแถมรถก็ดันมาดับอีก”
ว่าไม่พอยังไปคว้าเก้าอี้ข้างหลังมาคั่นผมจนไอ้เกมส์ต้องขยับหลีกให้
“กูนึกว่ายอมแพ้คำท้าเสียแล้ว หึ”
ไอ้นิวหัวเราะเยาะในลำคอ ดูเหมือนว่าคิวจะเปลี่ยนจากชุดนิสิตเป็นชุดธรรมดาด้วยนะเนี่ย
ว่าแล้วขอถ่ายรูปหน่อย…
“อย่าถ่ายเรานะ เราขอวันนึง”
“ทำไม” ผมถามหลังจากมือไอ้คิวกดกล้องผมลง
“เราอยากให้นายเห็นเราในลุคนี้แค่คนเดียว ส่วนคนอื่น ให้มองในแบบที่พวกเขาหวังให้เราเป็นเหอะ”
“ใช่กูเห็นคนเดียวซะที่ไหน ทั้งร้านมีแต่ตั้งร้อยกว่าคน ถ่ายนิดถ่ายหน่อยเอง”
“ฟังเราสิ อย่าถ่ายนะ นี่เราขอเลยนะเนี่ย”
“เออๆ”
ผมขมวดคิ้วรู้สึกเหมือนโดนขัดใจไงไม่รู้ ก็ลุคแบดๆ มึงในตอนนี้มันน่าถ่ายเก็บไว้นี่หว่า
“ไว้ถึงห้องเราให้ถ่ายไม่ยั้งเลยก็ได้นะ”
พูดไม่พอยังทำท่าเอียงคอส่งสายตาหวานจนไอ้นิวต้องปาน้ำแข็งผ่านหน้าผมไปเพื่อจบความน้ำเน่านี้
“รำคาญ”
คำพูดนิ่งๆ ของเพื่อนทำไอ้คิวไหวไหล่ไม่แคร์ ก่อนที่มันจะจัดการชงเหล้าเองไม่ง้อไอ้นิวด้วย
“แล้วนี่เกมส์ก็มาดื่มด้วยเหรอ”
ไอ้คิวหันไปยิ้มให้ผู้ชายที่นั่งกินเงียบๆ สงบปากสงบคำดั่งกับหายไปจากร้านแล้ว
“อืม” ไอ้เกมส์ยิ้มนิดๆ
เหมือนว่าเขาสองคนจะไม่สนิทกันมากนะ ขนาดอยู่คลาสเดียวกันแท้ๆ
“ดื่มเบาๆ นะเราเป็นห่วง”
ไอ้คิวว่าก่อนจะตบบ่าไอ้เกมส์ที่เหลือบตามองอ่อน แม้ผมจะดูสองคนนี้คุยกันด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ผมก็แอบคิดนิดๆ นะว่า คนที่คอยบอกว่าไอ้คิวอยู่นั่นอยู่นี่ให้ผมเนี่ย น่าจะสนิทกันมากกว่านี้เสียอีก ผิดคาดไปเลยแหะ
“กูไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าคิวก็ดื่มเหล้าด้วย”
ไอ้เกมส์ได้ทีก็พูดมากบ้างแถมยังเป็นการพูดติดขำเหมือนออกแนวเกรงใจ
“อืม นายยังไม่รู้นิสัยเราดีพออะดิ”
ไอ้คิ้วยิ้มเย็นยะเยือก เล่นเอาไอ้นิวหันมามองผมเจื่อนๆ
เริ่มแปลกๆ แล้วว่ะเพื่อนนนนนน ได้กลับบ้านของแท้แน่ๆ
“อ๋อ งั้นดื่มกันเถอะ” ไอ้เกมส์รีบโปรยทางทันทีที่กับแกล้มมาเสริฟขัดจังหวะการสนทนาพอดี “อยากกินไรสั่งเลยนะ เดี๋ยวกูช่วยออก”
“นิสัยดีจัง”
ไอ้คิวยังคงตั้งใจคุยกับเกมส์ไปเปลี่ยนแปลง เล่นเอาคนถูกชวนคุยถึงกับหน้านิ่งไปนิดๆ
“…”
“ไม่กลัวว่าเมาแล้วจะเผยสันดานเหรอ”
เงียบ…
เงียบทั้งโต๊ะ ไอ้เกมส์ยิ้มหน้าเจื่อน แม้จะไม่เข้าใจในคำพูดไอ้คิวก็เถอะ
“มึงเล่นมุกอะไรเนี่ย ตลกกกกก”
ผมรีบเอ่ยขัดความสตั้นทุกคนก่อนจะส่งซิกให้ไอ้นิวช่วยพาเปลี่ยนเรื่องที
“ดื่มๆ ไอ้คิว มึงกับกูต้องมาท้าชนกันแก้วต่อแก้ว เมาก่อนก็ไปอ้วกนะครับอย่าฝืน”
ไอ้นิวทำหน้าที่เพื่อนรักได้ดี ผมมองผ่านไอ้เกมส์ที่ดื่มต่อโดยไม่สนอะไร ทำไมช่างเป็นผู้ชายที่น่าสงสารแบบนี้ว่ะเพื่อนนน
ดวลแก้วแรก ผมมีหน้าที่ชงให้มันสองคน เพราะถ้าแลกกันชงต้องมีการโกงช็อตเหล้าเพียวเกิดขึ้นแน่นอน ผมนั่งดื่มไปชิวๆ แก้วเดียวก็ผ่านไปชั่วโมงแล้ว ผมกินเหล้าไม่เปลืองเพราะไม่รู้จะรีบกินรีบเมาทำไม
แต่ไอ้คนตัวเล็กข้างๆ ไอ้คิวนั่นน่ะสิ ซัดเอาซัดเอา
“กูขอปายข้าวห้องน้ามก่อนนะ”
คนตัวเล็กพูดกับใครก็ไม่รู้ แต่ผมที่สนใจมันในตอนนี้ก็รีบลุกขึ้นไปช่วยมันพยุงเพื่อไปห้องน้ำทันที ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วสินะ คออ่อนสุดในโต๊ะคือไอ้นี่นี่เอง
“ให้เรา…”
“ไม่ต้องหรอก ดื่มต่อเหอะ ไอ้นี่ตัวเล็กกูพาไปได้”
ผมพูดห้ามไอ้คิวที่ทำท่าอาสาจะช่วยก่อนจะเอาแขนไอ้เกมส์คล้องคอตัวเอง หนักทั้งกล้องหนักทั้งคนเลยเว้ย!
เมื่อมาถึงห้องน้ำไอ้เกมส์ดิ่งไปยังโถฉี่มันคลำซิบกางเกงไปมานานพอสมควร ดูงัวเงียคล้ายคนง่วงจริงจัง ผมเลยรีบช่วยมันรูดซิปกางเกงโดยไม่คิดอะไร เพราะยังไงเราก็ผู้ชายด้วยกัน
แต่กูไม่ช่วยควักออกมานะ จัดง้าว!
“ใจมาก”
ไอ้เกมส์หันมายิ้มหวานให้หนึ่งทีแล้วเอาหัวโหม่งติดกำแพงแล้วจัดการฉี่ทำธุระส่วนตัว ผมไม่มองต่ำไม่อยากดูน้องชายมันให้หัวใจปวดร้าวเล่น เผลอๆ คนตัวเล็กน้องชายอาจจะโตกว่าผมก็ได้ เรื่องแบบนี้เดี๋ยวดูไปจะเก็บมาคิดมากอีก
“ถ้าดื่มไม่ได้แล้วจะมาดื่มทำไมวะ”
ผมถามมันขึ้น ดีที่ในห้องน้ำคนไม่มีเลยทำให้คนอื่นไม่เข้าใจผิดว่าเราแอบมานัวกัน
“อยากลืม”
“เมาแล้วลืมมันมีแค่ในละครไอ้ฟาย หายเมาก็กลับมาจำได้เหมือนเดิม ต่อให้มึงเมาจนสามารถหายใจใต้ทะเลได้ มึงก็ไม่ลืมหรอกว่ามึงลงทะเลไปทำอะไรมาบ้าง”
“เราถามนายบ้างงงง”
ทันทีที่ล้างมือมันก็หันมาชี้หน้าผม แก้มแดงระเรื่อเผยความเป็นเคะในตัวคุณนี่พุ่งพล่ายไปหมด เหมือนผู้หญิงผมสั้นที่น่ารักๆ มีเสน่ห์ แต่พอเห็นว่ายืนเยี่ยวก็เลยลบล้างความคิดอกุศลในหัวออกไป
“ถามไร”
“นายชอบผู้ชายใช่ไหมมมม”
…
ผมถอนหายใจออกมาเพราะรู้สึกว่ามันเมามากจนเพ้อเจ้อและถามอะไรที่มันไม่ควรถาม
“เมามากล่ะมึงกลับหอไหม”
“ไมไม่ตอบ”
“เพราะมันไม่ใช่คำถามที่ควรตอบไง”
“แต่ก่อนนายชอบผู้หญิงแล้วนายเปลี่ยนเป็นชอบผู้ชายได้ไง หรือนายรู้สึกเหมือนเราในตอนนี้ อยากเปลี่ยนตัวตนของตัวเองเพราะเรามันไม่ใช่!”
มันบ่นอะไรของมันวะ…
“ปะกลับโต๊ะ” ผมพยายามคะยั้นคะยอให้มันเดินกลับไปนั่งที่เดิม แต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะแรงเยอะจริงจัง “ไม่กลับกูกลับแล้วนะ”
“มึงเคยจูบพิมพ์ไหม”
ผมชะงักเท้าทันทีที่คิดจะทิ้งมันไว้ที่ห้องน้ำ แต่พอมันถามถึงคนนั้นผมก็เลยต้องหันไปมองมัน คนถามงัวเงียเป็นเด็ก เมาแล้วต้องปากลั่นขนาดนี้เลยเหรอ
“เคย”
“แล้วรู้สึกอะไรบ้าง”
“ก็ดี”
“แล้วมึงจูบกับไอ้คิวยัง”
“…” จะด่ามันดีไหมวะ
“ตอบดิ”
“ยัง”
“จูบกับกูดูไหม ลบภาพวันนี้ให้กูที ทำให้กูเป็นคนใหม่ที Y^Y”
“เฮ้ย!”
ว่าไม่พอแม่งยังโถมตัวลงมากอดคอผมพร้อมกับดึงตัวผมโน้มลง ณ ตอนนั้นจะถีบก็คงไม่ทัน มันกำลังเอาปากมา…
ตุบ!
คนกอดคอผมถไลลงไปกับพื้นเป็นที่เรียบร้อยด้วยฝีตีนของคนข้างๆ ที่วิ่งหอบมาแต่ไกล
“มันจะทำอะไร”
ไอ้คิวเอ่ย เสื้อเชิ้ตดำติดกระดุมลวกๆ เผยหน้าอกหนาทำเอาผมต้องรีบเบนสายตาไปมองไอ้เกมส์ที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่
“เปล่า มันแค่จะให้กูประคอง คงเมาแหละมั้ง พามันกลับหอเหอะ กูไม่อยากอยู่แหละ”
ผมว่าก่อนจะไปพยุงตัวไอ้เกมส์แต่มันกลับไม่ยอมลุกตามแรงดึงของผม
“คนจูบกันเขาเรียกเพื่อนกันเหรอวะ!!!”
เอ้าไอ้เวรนี่
ยัง ยังไม่จบเรื่องจูบอีก เป็นบ้าอะไร
“เจ็บไหมล่ะ”
ผมหันไปมองไอ้คิวที่เอ่ยถามไอ้เกมส์ ไม่รู้ว่าคำถามที่ถามไอ้เกมส์ออกไปมันหมายถึงแรงถีบหรือหมายถึงสิ่งที่ไอ้เกมส์กำลังเศร้าในตอนนี้กันแน่
“เจ็บ ฮืออออออ”
ร้องไห้อีก! เอ้า!
“มันเป็นไรวะคิว กูงง อธิบายดิ”
“คงอกหักล่ะมั้ง”
ไอ้คิวขำนิดๆ ก่อนจะแทรกตัวดึงไอ้เกมส์ขึ้นมาแล้วพาออกจากห้องน้ำปล่อยให้ผมเกาหัวงงกับบทสนทนามันทั้งสอง สรุปมึงสนิทกันหรือไม่สนิทเนี่ย
“เอ้า ไอ้เกมส์เป็นไร”
ไอ้นิวถามขึ้นเมื่อเห็นไอ้คิววางสารร่างของคนตัวเล็กลง ไอ้เกมส์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไร้ซึ่งสภาพประธานสโมสรสุดๆ
“เมาดิ” ผมตอบก่อนจะปัดเนื้อปัดตัว จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ “กลับเหอะ กูเริ่มรู้สึกไม่โอเคล่ะว่ะ”
“ได้ไง กูกับคิวยังไม่มีใครแพ้เลย” ไอ้นิวว่าขึ้น ไอ้คิวกลับมาชงเหล้าตัวเองต่อ
โห ไอ้เชี่ยนี่ก็คอแข็งชะมัด แถมเดินตรงมีแรงพยุงเพื่อนกลับมาที่โต๊ะไปอีก
“งั้นกูโบกวินกลับก่อนแล้วกัน”
“นั่งลง” ไอ้คิวว่าก่อนจะดึงแขนผมเอาไว้เป็นการห้าม “ถ้าเราไม่ไหวนายจะได้ดูแลเราไง”
“ดูห่าไร มึงไม่เมาหรอกสภาพนี้” ผมว่า
แก้มก็ไม่แดง หูก็ไม่แดง แถมมือยังเย็นตัวไม่ร้อนเหมือนคนเมาอีก
“กูว่าไอ้คิวอึด กูเจอคนคอแข็งที่แกร่งที่สุดในมอล่ะแม่ง”
ไอ้นิวเริ่มพ่นคำเพ้อเจ้อออกมา จริงๆ ไม่ใช่เพราะฤทธิ์เหล้าหรอก เพราะปกติไอ้นิวแม่งก็เพ้อเจ้อเป็นทุนเดิมอยู่แหละ
“แล้วไอ้เกมส์อะ มึงจะปล่อยมันเมาอยู่แบบนี้หรือไง ใครจะไปส่งมัน” ผมว่าขึ้น “มันมายังไงวะ”
ผมชะเง้อไปที่หน้าร้านเพื่อดูว่ามันเอารถมาหรือเปล่า มอเตอร์ไซค์ไอ้เกมส์จะเด่นตรงที่สีรถเป็นสามสีแดงเขียวเหลือง ขี่มาจากพัทยายังเห็นรถแม่งเลย และก็ตามนั้น มันเอารถมอเตอร์ไซค์ของมันมาจริงๆ
“แง่มๆ ง่ำๆ”
ผมมองไอ้เกมส์ที่นอนหันข้างมาทางผม ริมฝีปากอวบอิ่มของมันขยับคล้ายละเมอ เล่นทำผมกลืนน้ำลายเมื่อเผลอไปนึกถึงคำขอของมันในห้องน้ำเมื่อกี้
จูบเหี้ยไรล่ะ…กับพิมพ์ผมได้แค่จุ๊บปากเอง แถมเป็นครั้งเดียวในชีวิตตอนไปดูหนังด้วย
“ดูเป็นห่วงมันเนอะ” ไอ้คิวเอ่ยดักทางผมแถมยังเอาหน้ามาใกล้ยังกับหนังผี “ถ้าเราเมาบ้างนายจะทำไงกับเราอะ”
“ก็เรื่องของมึงดิ”
“น่ะ กับเรานี่ใจร้ายจัง”
แม้คำพูดจะดูน้อยใจแต่รอยยิ้มที่เผยออกมานั่นมันยียวนสุดๆ
“มึงสองคนเกลียดกันแน่เหรอวะ กูถามอีกรอบ…”
คำถามสงสัยออกมาจากปากคนตรงหน้า ทำเอาผมต้องผงะออกห่างจากไอ้คิวทันที
“ก็เออดิ” ผมตอบ แต่ไอ้คิวกลับหัวเราะออกมาพร้อมส่ายหน้าเหมือนขำในตัวผม
ตลกไรมึงไอ้จิ้งจกอเมริกา!
“แต่เอาจริงๆ ถ้ามึงสองคนดีกันได้ก็ดีกันเถอะ เรื่องในอดีตอะตัดขาดไปบ้าง เก็บมาคิดมากๆ มันไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อตัวเองนะเว้ย”
ไอ้นิวพูดขึ้นตามแบบฉบับเด็กหัวดีด้านจิตวิทยา ผมเลยได้แต่ยกแก้วขึ้นดื่มไม่พูดไม่จา เท่านี้ผมก็ใจดีกับมันมามากแล้วนะ
“นิว” ไอ้คิวเอ่ยเรียกเพื่อนผม ทำให้ผมต้องหันไปให้ความสนใจด้วย “นายไปส่งเกมส์ได้ไหมอะ”
“ไม่รู้หอมันอะ” ไอ้นิวส่ายหน้า
“นอนหอนายไง”
“บ้าเหรอ ไม่เอาเว้ย เดี๋ยวมันปล้ำกูทำไง”
“ไม่ทำหรอก” ไอ้คิวย้ำความมั่นใจจนผมต้องขมวดคิ้ว ไม่ทำห่าอะไร เมื่อกี้จะจูบกูอยู่ “มันชายแท้แน่นอน ไม่มีทางทำอะไรนายหรอก”
“เอาอะไรมามั่นใจวะ” ไอ้นิวถามด้วยสีหน้าสงสัย
“เออน่า เชื่อเราเถอะ มันชายแท้ไม่ต้องกลัว ถ้ามันทำอะไรนาย เรายอมยกตำแหน่งเดือนคณะให้นายเลยอะ”
“เหยดคนจริง งั้นเอา รับคำท้า”
ไอ้นิวรีบอาสาทันที แหงล่ะ ตำแหน่งเดือนคณะไอ้นิวอยากเป็นจะตายแม้ส่วนสูงจะไม่ได้ แต่หน้ามันก็โออยู่นะ
“แต่ตอนนี้เราเริ่มมึนหัวแล้วอะ สงสัยจะแพ้นิวแล้วแหะ” ไอ้คิวว่าไม่พอยังเอียงคอมาซบไหล่ผมอีก ผมที่จะเอามือดันหัวออกก็ต้องหยุดเมื่อมันหันมามองตาผมด้วยสีหน้าอ้อนๆ “เราขับรถไม่ไหวเลยแหะ”
“สรุปคือกูต้องขี่รถกลับ” ผมชี้เข้าหาตัวเอง ไอ้คิวเลยพยักหน้าลวกๆ
“กูว่าไม่ได้เมาหรอก แบบนี้เรียกสำออย”
ไอ้นิวพูดดัก ไอ้คิวเลยกลับไปนั่งหลังตรง
“เราอุตส่าห์ยอมแพ้นะ ใครแพ้เลี้ยงเหล้า” ไอ้คิวพูดก่อนจะวางเงินเกือบสามพัน “อ่ะ เราแพ้”
“ง่ายๆ งี้เลยเหรอ แบบนี้ก็ได้เหรอ”
ไอ้นิวเบ้ปากขึ้นชี้ไปถึงหัวคิ้ว ไม่ต่างกับผมที่ยังคงไม่เข้าใจจุดประสงค์ของแม่ง คิดอยากจะเมาก็เมา คิดอยากจะแพ้ก็แพ้เนี่ยนะ
แต่มันดูเหมือนคนไม่เมาจริงๆ นะ
“เราเมาแล้วอยากกลับหออะ” ไอ้คิวหันมาพูดกับผม ทั้งที่หน้าตาแม่งต่างจากหน้าคนเมาจริงๆ อย่างไอ้เกมส์สิ้นเชิง “อ่ะกุญแจรถ”
ว่าไม่พอยังล้วงกุญแจใส่มือผมอีก
“งั้นกูกลับก่อนนะไอ้นิว ฝากดูไอ้เกมส์ด้วย ถ้ามีอะไรโทรมาหากูนะ”
ผมลุกขึ้นก่อนจะหันไปส่งเสียไอ้นิวที่ยังคงถือแก้วเหล้ามึนงงกับความไปเร็วมาเร็วของไอ้คิวไม่หาย มันอ้าปากพร้อมกับเออออส่งกลับมา คนข้างๆ ผมลุกขึ้นยืนตรง ไม่มีท่าทีเซไปเซมาสักนิด
นี่หรือคนเมา…
ผมตบบ่าไอ้เกมส์ที่นอนนิ่งก่อนจะเดินออกจากร้าน คนเดินตามล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกมาชิวๆ ผมที่ไม่เซตแอบยุ่งนิดๆ ถูกลมพัดไปมาเผยให้เห็นในอีกลุคนึงของไอ้คิว
“มึงขี่แล้วกัน กูกลัวพามึงคว่ำลงทะเล”
ผมยื่นกุญแจในมือกลับส่งคืนเจ้าของ และแทนที่จะปฏิเสธ ไอ้คิวรับมาก่อนจะถอยรถอย่างคล่องแคล่ว ปล่อยให้ผมยืนงงกับคนที่เอ่ยบอกว่าเมาแล้วอยากกลับบ้าน
เมาห่าไรล่ะ ยังกับคนปกติดื่มน้ำเปล่าออกมายังไงยังงั้น
“ขึ้นรถดิ” ไอ้คิวหันมามองผมที่ยืนอึ้งกับแอคติ้งของมันอยู่ “หรือเปลี่ยนใจจะขี่แทนเรา”
“เออๆ ขึ้นก็ขึ้น ไม่พาไปคว่ำใช่ปะ”
“อือ เราไม่พานายไปเสี่ยงอันตรายหรอก เชื่อใจได้”
ผมพยักหน้าเมื่อเห็นความมั่นใจของมัน ทันทีที่มอเตอร์ไซค์สตาร์ทเตรียมตัวออกจากหน้าร้าน ผมเห็นไอ้นิวกำลังมองมาเหมือนจะดูว่าเราไปกันรอดหรือเปล่า ผมยิ้มก่อนจะโบกมือให้เพื่อนตัวเองนิดๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับรถออกตัว ผมที่ไม่ทันได้ตั้งหลักก็กระแทกเข้ากับคนขี่เต็มแรง
“โว้ยไอ้สัด จะออกก็บอกก่อน” ผมด่ามันดังลั่น ลมทะเลตีหน้าผั่บๆ
“เราหงุดหงิดอะ”
เอ้า เป็นบ้า
“หงุดหงิดอะไรมึง เมื่อกลางวันมึงก็หงุดหงิด นี่มีเมนส์ปะ ตามไม่ทันครับ”
“เราเห็นนะในห้องน้ำอะ ถ้าเราไม่เป็นห่วงนายจนเข้าไปดู นายก็จูบกับมันไปแล้วปะ”
น้ำเสียงดูหงุดหงิดจริงจังทำเอาผมหุบปากมองไปยังทะเลที่มีเพียงแสงดาวและแสงเรือประมงไกลๆ หลายหลายสีสัน
“จูบไม่จูบมันเรื่องของกูน่า อีกอย่างทำไมกูต้องมานั่งอธิบายอะไรให้มึงไม่เข้าใจผิดด้วยวะ”
“ทำไมมันถึงอยากจูบนายอะ” ความสงสัยของคนขี่รถเอ่ยขึ้น
“ไม่รู้ว่ะ มันพูดเหมือนกับว่าไปจูบใครเข้าแล้วเขาคิดกับมันเป็นเพื่อนล่ะมั้ง”
“…”
“มันคงอยากพิสูจน์ว่าถ้าจูบกับกูมันจะรู้สึกต่างกับคนนั้นยังไงหรือเปล่า อะไรแบบนี้”
“แล้วจะปล่อยให้มันจูบง่ายๆ อะนะ”
“ก็…” จริงๆ ก็อยากรู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายไหมอย่างที่มันถามนั่นแหละ… “เปล่า กูกำลังจะผลักมันออกแต่มึงก็โผล่พรวดมาถีบมันไปเสียก่อน”
“แล้วนายเคยจูบกับใครไหมอะ”
วันนี้วันอะไรทำไมขี้สงสัยกับจูบกูจังวะ
“พิมพ์ไง”
“อ๋อ…จูบกันบ่อยเลยเหรอ”
“เปล่า ครั้งเดียว เหมือนเป็นจุ๊บเฟิตคิส”
ผมพูดไม่พอยังแอบเอามือมาแตะๆ ริมฝีปากตัวเองอีก พอนึกถึงภาพนั้นหัวใจกลับไม่ยอมตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อนเลยแหะ…
“งั้นจูบครั้งต่อไปนายก็เก็บเอาไว้นะ”
มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ มีสิทธิ์ไรมาสั่งให้กูเก็บจูบต่อไปไว้ไม่ทราบ
“กูเก็บไว้ให้แฟนกูอยู่แล้ว ไม่จูบมั่วซั่วหรอก”
“เรายังไม่เคยเป็นจูบแรกของใครเลยอะ”
“แล้วบอกกูทำไม”
“อยากให้รู้ไง มันดูเป็นความทรงจำดีอะ”
“ไม่ต้องบอกหรอก มึงจะไปจูบหมา จูบจานดาวเทียมที่ไหนก็ไปเหอะ ปากมึงไม่ใช่ปากกู”
ผมพูดขำๆ ก่อนที่รถจะเลี้ยวไปยังซอยมืดๆ ผมเกลียดทางนี้ที่สุดเพราะแสงถนนก็ไม่มีรถก็ไม่ผ่าน มีแต่ตึกร้างกับหมาทั้งนั้น
กึก
รถถูกจอดจนผมต้องชะเง้อหน้าไปมองไฟหน้ารถที่ดับไปกะทันหันก่อนจะเหลือบตามองไอ้คิวที่ดูท่าว่าจะไม่ตกใจกับรถที่ดับไปเสียเท่าไร
“จอดไมวะ”
พรึ่บ
ผมถามขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับไอ้คิวหันมาเอี่ยวตัวก่อนจะโน้มหน้าเอาริมฝีปากเย็นเฉียบทาบกับริมฝีปากผมในทันที เหมือนสติในหัวผมแตกกระเจิงไปหมด กลิ่นลมหายใจที่มีแอลกอฮอล์ฟุ้งอยู่ในนั้นทำเอาผมเบิกตากว้าง ริมฝีปากผมถูกงับเบาๆ และดูดค่อยๆ เหมือนมันกำลังอมเยลลี่รสหวาน มือของผมผลักตัวมันออกไปก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนผมถูกดึงเอาลมหายใจไปซะหมดปอด
ไม่รู้ว่าเสียงหัวใจโครมครามที่เกิดขึ้นเป็นของใคร มันดังจนความเงียบไม่เงียบอีกต่อไป ผมเขยิบถอยออกมา ไม่มีใครพูดจาอะไร ผมยกมือจับหน้าอกตัวเองที่เต้นแรงและบีบคั้นเหลือเกิน...
มันรุนแรงกว่าตอนที่ผมจูบกับพิมพ์เสียอีก...
“…”
“ทำไรมึงวะเนี่ย!”
“ก็ปากเรา เราจะไปจูบหมา จูบจานดาวเทียมที่ไหนก็ได้ไง”
“…”
“แต่เราอยากจูบนายมากกว่า”

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ที่จริงเอ่ะใจมาตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้วอ่ะ ว่าพี่เกมส์กับพิมพ์ต้องมีอะไรกันแน่ๆ ซึ่งคงต้องเรียกว่า เคยมี ล่ะมั้ง แถมดีไม่ดีอาจจะเป็นช่วงเดียวกันกับมาร์ชก็ได้
นางวันทองยังดีกว่าพิมพ์อีกอ่ะ เอาจริงๆ
แล้วก็ เกือบลืมหวีด
เขาจูบกันแล้วววววววววว!!!
ถ้าถามพี่คิวว่าครั้งนี้เนียนจีบ เนียนกวน หรือเนียนซื่อ พี่คิวคงตอบว่า 'แค่ใจมันสั่งมา' แน่ๆ 555555
ว่าแต่เกมชอบใคร คิวรึมาร์ช