ตอนที่ 9 : ll CUTIE SASAENG : CHAPTER 08 ll เราจะอยู่ได้ไง ถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วย {LOADING 100%}
8
เราจะอยู่ได้ไง ถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วย
@สนามบินสุขกันเถอะ
“พี่นัดผมมาที่นี่ทำไมเหรอครับ”
เก๋งหันมาถามฉันด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนเขาจะงงจริงๆ ก็สถานที่ที่ฉันชอบมีที่นี่กับอิมแพคการีน่าเมืองทองหลาง ฉันไม่คิดไม่ออกจริงๆ อะว่าจะชวนเขาไปที่ไหน ให้ตายสิอยากตบหัวตัวเองรอบที่ล้านแปด ทำไมฉันไม่คิดอะไรให้ลึกล้ำมากกว่านี้นะ ในหัวมีแต่เรื่องนี้หรือไง Y_Y
“คะ คือ…”
“พี่ก้อยปะ!”
อยู่ๆ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาสะกิดไหล่ฉันเสมือนเราสนิทกันมานานเมื่อชาติปางก่อน ฉันหันไปมองหน้าน้องเขาแบบงงๆ แต่ฉันยังยิ้มส่งให้น้องเขาตามมารยาท เหมือนน้องเขามากับเพื่อนอีกประมาณสามถึงสี่ พอสายตาของฉันเห็นว่ามีน้องคนนึงจะถ่ายรูปเก๋ง ฉันจึงรีบกระโดดบังหน้าเก๋งทันทีก่อนที่ฉันจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงบอกให้น้องเห็นแก่หัวพี่ด้วย แม้มันไม่มิดแต่อย่างน้อยก็ทำให้น้องเขารู้ว่านี่ของฉัน
“น้องเป็นใครกันเหรอคะ” ฉันเอ่ยออกไปตรงๆ น้องเขาหัวเราะออกมาก่อนจะชูโทรศัพท์มาให้ฉันดู
“พี่ก้อยเป็นแอดมินเพจเรารักมิกซ์แมทซ์ปะคะ”
มิกซ์แมทซ์คือชื่อวงบอยแบนด์เกาหลีค่าย HJ ENT.มีสมาชิกจำนวนหกคน พวกเขาเพิ่งเดบิวต์ (แจ้งเกิด) ได้ไม่นานแต่แฟนคลับเขาก็ล้นหลามลามไปยันหลายประเทศแล้ว ฉันพยักหน้าตอบรับน้องพวกนั้นแบบซื่อๆ แล้วเขารู้ได้ไงว่าฉันเป็นแอดมินเพจนี้วะ
“เรารู้ได้ไงอะ” ฉันถามออกไปอีกครั้ง
“โห หนูติดตามพี่ทั้งในทวิตทั้งในไอจี จากการโพสการชอบของพี่หนูดูออกน่า”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความลำบากเมื่อเห็นว่าเก๋งเริ่มยื่นหน้าเข้ามาเพื่ออยากจะร่วมสนทนากับพวกเราด้วย น้องกลุ่มนี้ต่างดี้ด้าเหมือนไม่เคยเจอผู้ชายหล่ออะไรทำนองนั้น
“งั้นพี่ขอตัวไปทำธุระก่อนนะคะ”
ฉันรีบปัดการพูดคุยเรื่องนี้ทันที น้องๆ ขนทั้งป้ายไฟ ไวนิลของมิกซ์แมทซ์กันมาอย่างมากมาย ทำให้มือของฉันเริ่มสั่น ฉันอยากจะพกมาบ้างแต่ติดที่มีเก๋งอยู่ข้างๆ เขาต้องหาว่าฉันเป็นติ่งนัดเขามาผิดเวล่ำเวลาแน่ๆ จริงๆ วันนี้เป็นวันที่มิกซ์แมทซ์มาไทยครั้งแรก ฉันก็อยากมาตามบ้างอะ แต่พอเห็นว่าเก๋งก็ว่างวันนี้พอดี ฉันก็อยากมาเที่ยวกับเก๋ง ฉันเหมือนคนหลายใจปะแก T^T
กว่าเก๋งจะว่างนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ฉันเคยแอบถามทีว่าเก๋งเคยมีเวลาว่างบ่อยไหม นายนั่นก็บอกว่ายากมาก เพราะเก๋งไม่ชอบออกนอกบ้านเท่าไร ออกได้นานสุดก็คงมาทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย นั่นล่ะคือที่เที่ยวชั้นนำของเก๋งเลย
มหาวิทยาลัยไม่นับเป็นที่เที่ยวนะเว้ย!
ฉันพาเก๋งมานั่งบนเก้าอี้พักของนักท่องเที่ยวบริเวณที่แฟนคลับมิกซ์แมทซ์จะมานั่งรอรับกันพอดิบพอดี เก๋งจะรู้ไหมนะว่าฉันกำลังพาเขามาลำบากด้วยเนี่ย
“พี่ไม่ไปตามศิลปินเกาหลีเหรอครับ”
“หะ หา!”
ฉันหันขวับไปหาเก๋งเมื่ออยู่ๆ เขาก็พูดประโยคที่ดูเหมือนปาดคอฉัน เขารู้แล้วเหรอ T_T โอ๊ย ขอโทษทันไหมแก
“ผมเห็นป้ายที่น้องเขาถือ มันเหมือนวงเดียวที่พี่เคยเอาขึ้นปกดิสไลน์เลยอะ”
เก๋งชี้ไปที่น้องกลุ่มนั้นที่เดินผ่านพวกเราไป ฉันยิ้มเหยๆ ให้เก๋งไปทันที ก่อนจะแอบหันไปใช้มือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ถึงเก๋งจะดูเหมือนซื่อบื้อ แต่เก๋งฉลาดและช่างสังเกตสุดๆ โกหกผู้ชายคนนี้คงต้องใช้ทฤษฎีหลบหลีกการจับโกหกกันหน่อยล่ะ
“คือ…พี่ขอโทษนะ…” ฉันก้มหน้าก้มตา พยายามจะแก้เก้อโดยการเอานิ้วมาจิ้มๆ กัน เพื่อแสดงถึงการสำนึกผิดจริงจัง “พี่อยากมาเที่ยวกับเราอะ แต่คิดสถานที่ไม่ออกจริงๆ”
ใช่ บวกกับอยากมาตามศิลปินด้วย ทำให้พี่นึกที่นี่ได้ที่แรก T^T
”เห้ยพี่ ไม่ต้องขอโทษผมก็ได้ เรื่องแค่นี้เอง” อยู่ๆ เก๋งก็แตะไหล่ฉันเบาๆ เป็นเชิงปลอบ “ผมว่าท่าทางจะสนุกดีนะ คนเยอะขนาดนี้ ถ้าอดทนไม่พอนี่รอไม่ไหวนะเนี่ย”
เก๋งชี้ไปที่แฟนคลับเด็กน้อยและรุ่นใหญ่กำลังเตรียมนั่งจองที่แสตนบายรอกันทุกคน ถ้าฉันนั่งตรงนี้ฉันก็จะมองไม่เห็นไอดอลเกาหลีสิ…แต่ถ้าฉันทิ้งเก๋งไปมันก็เสียมารยาทสุดๆ เลยว่ามะ
“พี่ว่าเราไปเที่ยวที่อื่นกันเถอะ คนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยแหะ”
ฉันตัดสินใจกล่าวคำที่แสนจะเสียดายสำหรับตัวเองออกไป ไว้งานหน้านะอปป้า งานนี้ขออยู่กับคนที่จับต้องได้ก่อนแล้วกัน
“เที่ยวที่นี่ก็ได้พี่ เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำกับขนมมาให้นะ รอผมแปป”
เก๋งปฏิเสธการย้ายที่เที่ยวของฉันทันที เขารีบลุกขึ้นไปซื้อของกินบริเวณร้านใกล้ๆ ฉันที่เห็นว่าเก๋งหายไปแล้ว จึงแอบลุกไปที่ฝูงชนนั้นเงียบๆ ก่อนจะชะเง้อมองลงไปทางด้านล่างซึ่งเป็นทางที่อปป้าจะออกมาจากจุดนั้น
“น้องคะ” ฉันหันไปเรียกน้องคนนึงที่คาดผมเป็นรูปหัวหน้าวงของมิกซ์แมทซ์ น้องหันมาทำหน้าเหลอหลาใส่ฉันก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง “มิกซ์แมทซ์มากี่โมงเหรอคะน้อง”
แม้ว่าฉันจะเป็นแอดมินเพจนักร้องวงนี้ แต่เอาจริงๆ ฉันแทบจะไม่รู้ตารางบินของพวกเขาเลย น้องทำหน้าเหมือนอ๋อก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเพื่อดูตารางลงจอดให้ฉัน
“สามทุ่มค่ะพี่…”
“สะ สามทุ่ม!”
ฉันเผลอตะโกนเวลาออกไปด้วยความตกใจสุดขีด แฟนคลับต่างหันมามองที่ฉันเป็นจุดเดียวเหมือนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณน้องเขาไป ก่อนจะเอ้อระเหยลอยชายกลับมาที่เดิมด้วยความหวังอันริบหรี่
“อ่ะพี่” เก๋งยื่นกระป๋องน้ำอัดลมมาให้ฉันพร้อมแซนวิชเล็กๆ ฉันรับมากอดไว้อย่างหมดอาลัยตายยาก ฉันมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ในขณะนี้มันเพิ่งบ่ายโมงเอง “เป็นอะไรหรือเปล่าพี่ ทำไมทำหน้าแบบนั้นอะ”
เก๋งถามฉันดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใย ฉันค่อยๆ หันไปมองหน้าเขา พยายามฝืนทำหน้าปกติสุด แต่ก็ทำไม่ได้…ถ้ารู้แบบนี้ ฉันพาเก๋งไปเที่ยวที่อื่นจนเสร็จก่อน แล้วฉันค่อยมารับไอดอลก็ยังทัน… ทำไมเป็นคนคิดตื้นแบบนี้วะก้อยเอ้ย
“มิกซ์แมทซ์มาตั้งสามทุ่มแน่ะ เราไปเที่ยวที่อื่นกันเถอะ” ฉันรีบลุกแต่อยู่ๆ เก๋งก็คว้าแขนฉันไว้เหมือนกับยื้อ
“ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนพี่ ผมรู้นะว่าพอเราแยกจากกันพี่ก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี มันไม่ปลอดภัยนะพี่ ให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนด้วยเนี่ยล่ะ”
เก๋งดึงฉันให้นั่งลงที่เดิมทันที ทำไมเขาต้องมาลำบากกับฉัน ไม่เอา TT
“มันลำบากนะเก๋ง ไม่สนุกหรอก เพราะเก๋งไม่ได้ชอบ”
“ถ้าเราไม่ลองทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ เราจะรู้ได้ยังไงอะพี่ว่าชอบหรือไม่ชอบ”
“แต่มันน่าเบื่อมากเลยนะ”
“มีคนเคยบอกผมนะ” อยู่ๆ เก๋งก็วางแซนวิชในมือตัวเองลงบนตัก ก่อนจะหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาจริงจัง “ถ้าเราไม่ลองเปิดใจในสิ่งที่เราไม่เคยทำ มัวแต่ปิดกั้นในสิ่งที่ไม่เคยลอง เราจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองชอบอะไร”
ฉันเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว ความคิดเด็กเดี๋ยวนี้ดูโตขึ้นเยอะมาก ขนาดฉันยังคิดได้ไม่เท่าเขาเลย
“เราจะไม่ง่วงเหรอ มันดูดึกมากเลยนะ แถมพี่เห็นเรากลับบ้านเร็วตลอด” ฉันพูดเตือนเขาอีกครั้ง
พรึ๊บ
แต่อยู่ๆ เก๋งก็เขยิบมาใกล้ฉันก่อนจะเอาหัวพิงไหล่ของฉันเงียบๆ โดยไม่บอกกล่าวอะไร ฉันที่โดนกระทำแบบนั้นก็ถึงกับยืดตัวเกร็งทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันโดนผู้ชายถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้!
“ผมนอนตรงนี้ได้ ไม่ต้องห่วง”
“อ่ะ เอ่อ…”
“ผมล้อเล่น”
อยู่ๆ เก๋งก็เด้งหัวออกจากไหล่ฉันทันที ฉันที่เกร็งตัวสุดฤทธิ์ ก็ต้องห่อไหล่เพราะความเศร้าใจ จริงสินะเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เขาจะยุ่งย่ามทำท่าทีแบบนั้นกับฉันได้ไงกัน
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันของฉันก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ เก๋งก็ค่อยๆ ขยับตัวเองและเอนหัวลงมานอนบนตักฉันหน้าตาเฉย ฉันเอามือปิดปากเพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่เก๋งทำ ทำไมเขามานอนตักฉัน!
โอ๊ย อกอีแป้นจะระเบิด!
“กะ เก๋งจะนอนท่านี้เหรอ”
“พื้นที่มันมีนิดเดียวอะพี่ ผมนอนพิงไหล่พี่ไม่ถนัดหรอก ถ้าพี่เมื่อยบอกผมนะ”
เก๋งนอนเงยหน้ามองฉันด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนไม่ได้หยอกล้ออะไร เขาจงใจที่จะนอนตักฉันเพราะความง่วงจริงๆ ฉันได้แต่พยักหน้าให้เก๋งนอนไปเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันพยายามเก็บอาการตัวเองไม่ให้เผลอหวีดร้องอะไรขึ้นมา นอนไปเลยค่า ต่อให้ฉันเมื่อยจนเหน็บกินขาขยับไม่ได้ฉันก็ยอม
เก๋งหลับตาพริ้มเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด แซนวิชในมือฉันตอนนี้แหลกกระจายคามือเพราะฉันบีบด้วยความเขินไปเป็นที่เรียบร้อย มองใกล้ๆ เก๋งหน้าใสสุดๆ รอยสิวหรือฝ้ากระไม่มีให้เห็นสักจุด ขนตายาวๆ นี่มัน…หึ้ยยย หมั่นเขี้ยว
ฉันละสายตาก้มมองคนบนตักก่อนจะมองไปที่แฟนคลับกำลังส่งสายตามาทางเราสองคน บางคนเริ่มยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ฉันพยายามหันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นมีใครให้น่าถ่ายรูปเลยนี่นา มาถ่ายฉันทำไมยะ! แฟนคลับกลุ่มนั้นต่างดี้ด้ากระโดดโลดเต้นเหมือนไม่เคยเห็นคนนอนตักกันยังไงอย่างนั้นแหละ เก๋งกับฉันไม่ใช่ดาราหรือเน็ตไอดอลสักหน่อย ทำมาเป็นดีใจกับภาพที่เห็นไปได้
ไหนๆ แล้วฉันขอแอบถ่ายรูปเก๋งตอนหลับไว้ดีกว่า เอาไว้อวดเจ้มิ๊วเบาๆ เรียกน้ำจิ้มไว้เม้ามอยเสียหน่อย ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะถ่ายรูปคนบนตักตัวเองไม่ยั้ง ดีนะที่วันนี้ฉันชาร์ตแบตมาเต็มที่เนื่องจากฉันจะได้ถ่ายรูปมิกซ์แมทซ์ได้เต็มเหนี่ยว แต่ตอนนี้ขอเต็มเหนี่ยวกับคนตรงหน้าหน่อยเหอะ
เมื่อฉันถ่ายเสร็จก็เก็บโทรศัพท์ทำตัวปกติทันที แม้มือจะแอบเขี่ยผมเก๋งเบาๆ เพื่อให้เขาเคลิ้มก็เหอะ แหม่ แอบแตะอั๋งนิดหน่อยเขาคงไม่ว่าฉันหรอก
8.30 PM
ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาอย่างร้อนใจ ตอนนี้เก๋งก็ตื่นขึ้นมาเรียบร้อย เนื่องจากเขาแอบงีบแบบจริงจังไปเกือบสามชั่วโมง เขาดูเป็นคนหลับง่ายหลับดายจริงๆ นะ ตอนที่ฉันปลุกเขา เขาก็ไม่มีท่าทีงอแงหรืองี่เง่าอะไรเลย ปลุกก็คือปลุกอ่ะ เขานั่งกินไอติมชิวกับชีวิตเป็นที่เรียบร้อย ต่างจากฉันที่ร้อนรนจะตายอยู่แล้ว ป่านนี้เครื่องลงจอดเรียบร้อยแล้วมั้ง ทำไงดี ฉันจะวิ่งหน้าตั้งโดยทิ้งเก๋งไว้ตรงนี้เหรอ
ไม่มีทางอะ T^T
“จะสามทุ่มแล้วนะพี่” เก๋งเม้มไอติมในมือพลางหันมามองฉันด้วยแววตาสดใส คงเพราะเต็มอิ่มกับการนอน เลยทำให้เขามีแววตาเปล่งประกายอะไรขนาดนี้ “ไม่ไปยืนตรงกลุ่มแฟนคลับเหรอ”
เก๋งชี้ไปที่กลุ่มแฟนคลับที่เริ่มต่างลุกขึ้นเตรียมวิ่ง บางคนเริ่มชูกล้องชูโทรศัพท์เตรียมกดชัตเตอร์รัวเป็นที่เรียบร้อย
“คือพี่ไม่อยากทิ้งให้เก๋งนั่งคนเดียวตรงนี้อะ…”
“งั้นเราไปยืนด้วยกันก็ได้พี่”
อยู่ๆ เก๋งที่ไม่พูดไม่จา เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับจับแขนฉันให้ลุกขึ้นตาม ฉันรีบลุกตามเขาทันที เก๋งกินไอติมในมือตัวเองเสร็จแล้ว ก็พาฉันเดินไปที่ฝูงแฟนคลับที่ยืนรอแสตนบายต้อนรับกันอย่างเป็นระบบระเบียบ เสียงกรี๊ดเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มิกซ์แมทซ์ยังไม่โผล่ออกมาซักคน ฉันพยายามชะเง้อมองไปข้างล่างซึ่งเป็นที่ๆ มิกซ์แมทซ์จะเดินออกมา แต่ฉันไม่สามารถฝ่าฝูงชนเข้าไปดูได้เลย เด็กพวกนี้ก็โตเร็วเป็นบ้า ตัวสูงไม่พอยังพกเก้าอี้มายืนต่อตัวกันไปอีก
ให้ตายจริงๆ สิโว๊ย! ส้นสูงที่ฉันเตรียมมายังสู้ไม่ได้ คิดดู!
“พี่มองเห็นไหมอะ เห็นยืนเขย่งมาสักพักละนะ ฮ่าๆ”
เก๋งหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย ฉันเงยหน้ามองเก๋งอย่างระทวย ไม่โกรธค่ะ แม้เขาจะแอบเหน็บฉันคล้ายจะด่าว่าเตี้ย แต่ฉันทำใจได้ ฉันยอมเขา
“ขนาดพี่ลงทุนใส่ส้นสูงเกือบห้านิ้ว ยังมองไม่เห็นเลยอะ”
“เหยียบคอผมขึ้นไปไหมพี่” เก๋งพูดด้วยน้ำเสียงหยอกๆ ฉันไม่ค่อยเห็นโมเม้นต์กวนๆ จากเขาเท่าไร ไม่คิดเลยว่าจะกวนส้นตีนอะไรขนาดนี้ “น้องครับ พี่ขอทางหน่อยได้ไหมอะ”
จู่ๆ เก๋งก็หันไปสะกิดน้องผู้หญิงคนนึงที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ต่อตัว น้องคนนั้นหันมาก็ลดกล้องในมือลง ก่อนจะเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่เห็น
“ขรา เมื่อกี้พี่สุดหล่อพูดว่าอะไรนะคะ”
น้ำเสียงกระแหนะกระแหนนี่มันอะไรกัน
“น้องยืนบังพี่สาวคนนี้อะครับ ช่วยเขยิบให้ทีได้ไหมอะครับ”
เก๋งโบ๊ยมาทางฉันหน้าตาเฉย น้องคนนั้นเมื่อเห็นว่าเก๋งกำลังช่วยเหลือฉันก็รีบสะบัดหน้าไม่สนใจกับคำขอร้องของเก๋งทันที เก๋งที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกลับดึงหน้าตึงเป็นนักเลงอย่างอัตโนมัติ ฮ่าๆ สีหน้าเก๋งเวลาโกรธนี่น่ากลัวผสมน่ารักจริงๆ นะ
“ช่างเถอะ แค่ฉันได้เห็นเงาอปป้าก็พอแล้ว”
ฉันยิ้มส่งให้เก๋งพลางเขย่งเท้าชะเง้อมองหวังให้เห็นแม้แต่เงาจริงๆ เก๋งกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมาดื้อๆ ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเขายิ้มแบบนั้นทำไม
“เวลาพี่ยิ้มในสิ่งที่ตัวเองรักมันสวยมากเลยนะ”
ฉันเหวอค้างกลางอากาศไปทันทีที่ได้รับคำชมจากปากคนที่มีนามว่าเก๋ง เมื่อกี้เขาชมฉันปะวะแก เขากำลังบอกฉันว่าสวยปะแก ฉันไม่ได้หูฟาดอะไรไปใช่ปะแก
“จะจริงเหรอ พี่สวย…”
“เห้ย!! มิกซ์แมทซ์เปลี่ยนไปออก*เกตสิบแล้วว่ะ!!”
ฉันที่ยังเขินไม่เสร็จ เสียงตะโกนจากใครบางคนก็ดังลั่น จนฉันต้องหันขวับไปมองต้นตอของเสียงนั้น สิ้นสุดเสียงแฟนคลับนับร้อยต่างก็รีบวิ่งไปที่ทางออกใหม่ทันที ตรงนี้มันเกตหนึ่งนะ!! วิ่งไปเกตสิบมันไกลมากเลยนะเห้ย!
“พี่เขาไปกันหมดแล้ว ไปไหนอะ!”
เก๋งชี้ไปที่ฝูงซอมบี้ที่วิ่งมุ่งตรงไปที่เกตสิบแบบไม่รีรอ ฉันที่ตกใจกับการแจ้งเตือนแบบเร่งด่วนทำให้ฉันคว้ามือเก๋งก่อนจะรีบฉุดให้เขาวิ่งตามฉันมาทันที เก๋งรีบสาวเท้าตามฉันมาโดยไม่ถามอะไรทั้งนั้น วินาทีนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือวิ่ง!
“พี่ระวัง!!!”
เสียงเก๋งเตือนฉันขึ้นเมื่อเห็นว่านักท่องเที่ยวคนนึงกำลังลากกระเป๋าออกมาตรงทางเดิน ฉันรีบไหวตัวหลบเอี่ยวตัวดั่งกับจีจ้า ญาณิน เรื่องนี้กระจอกมาก ฉันวิ่งขึ้นลงสนามบินที่นี่เป็นงานอดิเรกสุดๆ แต่วันนี้ลำบากกว่าทุกครั้งตรงรองเท้าฉันนี่แหละ!
โป๊ะ!
โครม!
ไม่ทันขาดคำรองเท้าเจ้าเวรเจ้ากรรมของฉันก็เกิดอาการหักหน้ากันดื้อๆ หน้าของฉันก็ถลาไปกับพื้นเย็นๆ ของสนามบินทันที ฉันล้มต่อหน้าต่อตาเก๋งอะแก T[]T
ฉันรีบกลบความอายด้วยการยันตัวลุกขึ้นและถอดรองเท้าปาลงถังขยะเพื่อจะวิ่งหน้าตั้งไปยังจุดมุ่งหมายต่อ แต่แล้วเก๋งก็ดึงแขนฉันไว้ไม่ให้ฉันวิ่งอีกต่อไปแล้ว
“พี่จะวิ่งเท้าเปล่าแบบนี้เหรอ”
“ไม่มีเวลาแล้วเก๋ง เราต้องรัน รัน รัน!” ฉันทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด เจ็บส้นเท้ามากในตอนนี้ ความเจ็บไม่สามารถกลบความติ่งได้จริงๆ นะ
เก๋งปล่อยมือฉันก่อนที่เขาจะลงไปนั่งย่อๆ ฉันมองการกระทำของเขาด้วยความงงใจ เขาลงไปนั่งทำไม ปวดท้องเหรอ อย่าเพิ่งมาเป็นอะไรตอนนี้สิเก๋ง!
“ขึ้นมาพี่!”
เก๋งจับมือฉันเพื่อเร่งเร้าบางอย่างจากฉัน ฉันเลอะละงงกับความต้องการเขา ก่อนจะขยับไปชิดๆ ตัวของเขาเพื่อที่จะฟังคำพูดของเขาอีกครั้ง
“อะไรนะ”
“ขึ้นหลังผมมา ผมพาวิ่งเอง เร็วพี่!!!”



นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตอนนี้หมอนเน่าข้างกายแทบจะขาดออกมาแล้วนะลูกเอ้ยเป็นอีกหนึ่งโมเม้นที่ควรค่าแก่การจดจำอย่างยิ่ง
ความละมุนที่หนูมอบให้พี่เขาช่างดีต่อใจแฟนคลับตัวน้อยๆอย่างข้าแท้เหลาคือดีงามอ่ะพาคนที่ชอบไปติ่ง
ในความเป็นจริงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไหม (ถามใจตัวเองดู....) คือหลงรักนางมากกกกชอบอ่ะโอ๊ยยยใจสั่น
เก๋งจ๋าไอเลิฟฟฟฟฟยูวววววววววว :3
มี
แฟน
แบบ
เก๋ง
!!