ตอนที่ 8 : ll CUTIE SASAENG : CHAPTER 07 ll พาเขาไปเดท ในที่ที่เราชอบไป {LOADING 100%}


“อีเจ้!”
“ตายแล้ว เสียงดัง!”
ฉันพุ่งทะยานไปที่เตียงปฐมพยาบาลของเจ้มิ๊วในอนามัยเล็กๆ ภายในมหาวิทยาลัยของฉัน มีแอนที่คอยใช้สำลีชุบยาแตะรอยฟกช้ำบนใบหน้าเจ้เบาๆ ฉันสูดลมหายใจเข้าเพื่อลดความเหนื่อยหอบจากการวิ่งมาไกลหลายร้อยเมตร
“เจ้ไปจับของรักของเก๋งได้ไงวะฮะ”
ทันทีที่ฉันหายเหนื่อย ฉันก็ถามคำถามที่ดูเหวี่ยงเพราะความห่วงออกไป เจ้แอบปิดปากหัวเราะเบา เหมือนไม่ได้รู้สึกผิดหรืออายอะไรเลย
“ก็มองใกล้ๆ แล้วน้องเขาแซ่บอะ เลยจับนิดจับหน่อยพอเรียกขวัญกำลังใจ”
“เรียกส้นตีนไหมล่ะเจ้”
“ตายแล้ว นังก้อยหยาบคาย รับไม่ได้แรง” เจ้มิ๊วตวัดมือไปมา เป็นเชิงเปลี่ยนเรื่อง แอนที่นั่งข้างๆ ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือม
“แกดูจริงจังที่จะจีบเด็กนั่นมากไปปะวะก้อย”
อยู่ๆ คำถามแปลกๆ ก็เอ่ยออกมาจากปากแอน ฉันเลิกคิ้วสงสัย มันไม่รู้นิสัยฉันจริงๆ เหรอ ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยากได้อะไรก็ต้องได้ ออกหัวดื้อนิดๆ นะ แต่สิ่งที่ฉันทำคือคำว่าพยายามหมดล่ะ
“ฉันว่าน้องเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ ฉันเชื่อว่าสักวันน้องต้องใจอ่อน”
ฉันกำหมัดขึ้นชูดั่งกับคนจะคว้าชัยครั้งนี้ แอนพ่นหัวเราะออกมาแบบเพลียๆ ฉันเลยต้องลดหมัดลง บางทีฉันก็แอบท้อนิดๆ อะนะ
“ไว้สักวันแกจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนี้ ฉันเจอนายนี่มาตั้งแต่วันรับน้อง เชื่อฉันเถอะ แกเปลี่ยนเป้าหมายก็ยังทัน”
ฉันและเจ้ต่างหันหน้าไปมองแอนที่อยู่ๆ ก็พูดตัดกำลังใจฉันหน้าตาเฉย แอนไม่พูดอะไรต่อ เธอเดินออกจากอนามัยไปทันที ปล่อยให้ฉันอยู่กับเจ้มิ๊วตามลำพังแค่สองคน ยัยนั่นจะเทการช่วยเพื่อนหรือยังไง หมู่นี้ทำตัวแปลกขึ้นทุกทีแหะ
“ยัยแอนนี่อารมณ์งงๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร” เจ้มิ๊วพูดพลางดึงมือฉันให้ไปนั่งแทนที่แอนเมื่อสักครู่ “ตอนฉันนั่งทำแผล ฉันพูดถึงเด็กแก ยัยนั่นก็จิ๊จ๊ะทำหูทวนลมไม่อยากฟัง สงสัยเพื่อนแกจะไม่ชอบคนที่แกชอบแล้วล่ะมั้งก้อย”
“โหย ไม่มีทางอะเจ้ วันนั่นมันยังให้คำปรึกษาก้อยซะดิบดี แต่พักนี้เป็นไรไม่รู้ อารมณ์เสียบ๊อยบ่อย เป็นเมนส์มั้ง” ฉันออกโรงปกป้องแอนไปแม้ในใจฉันจะไม่รู้ความต้องการของยัยนั่นก็ตาม “แต่มาเคลียร์กันก่อนค่ะเจ้ คิดอกุศลอะไรถึงไปจับเก๋งน้อยเขาแบบนั้น”
“ก็บอกว่าน้องเขาแซ่บไง แกจะถามวกวนเป็นวงเวียนใหญ่ทำไมล่ะฮะ นี่ฉันเสี่ยงชีวิตเป็นตัวดำเนินความรักให้ก็บุญโขแล้วนะยะหล่อน”
พอเจ้มิ๊วพูดแบบนั้นก็ทำให้ฉันก้มมองหน้าของเจ้ที่เริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นม่วงช้ำเป็นที่เรียบร้อย หมัดเก๋งนี่หนักใช้ได้เลยแหะ ดีนะที่ไม่แตกถึงขั้นนับเข็มอะไรทำนองนั้น
“แต่เจ้ก็ควรอดเปรี้ยวไว้กินเค็มปะวะ”
“กินหวาน!” เจ้แก้คำสุภาษิตพังเพยที่ฉันเพิ่งเอ่ยออกไปมั่วๆ มันก็เหมือนกันนั่นล่ะ “เชื่อปะ ตั้งแต่เจ้เปิดโฮสต์มา เจ้ยังมิเคยได้แตะต้องชายใดในคลับตัวเองเลย”
“นี่เจ้อย่าบอกนะว่าเจ้ยัง…”
ฉันชี้นิ้วขึ้นลงแทนคำพูด…
“ฉันยังซิงย่ะ ฉันยังมีความเป็นชายชาตรีอยู่ โอเคไหม”
“โอ้ย อีเจ้น่ากลัวอะ”
ฉันถอยหลังออกห่างจากเจ้ไปหนึ่งคืบ นี่เจ้ยังมีความแมนหลงเหลืออยู่อีกเหรอ หน้าตานี่น่าผ่านมานับสามสงครามโลกแล้วนะ
“เดี๋ยวถีบกลิ้ง” เจ้ยกเท้าขึ้นมา ฉันจึงรีบห้ามปรามเจ้เอาไว้ “แล้วนี่จะเอาไงต่อ ฉันคงแบกหน้าเป็นหน้าม้าไปช่วยแกไม่ได้แล้วนะ นอกจากให้คำแนะนำในการตามจีบผู้ชายครั้งนี้”
“นั่นสิ ก้อยคิดไรไม่ออกเลยเจ้ตอนนี้” ฉันครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง ดูเหมือนจะตันไปซะทุกทางเลย
“แกเคยชวนน้องเขาไปเที่ยวหรือยัง”
“ยังอะ” ฉันรีบหันหน้าไปตอบเจ้โดยไม่ต้องคิดให้หนัก ไปไกลสุดคงหน้ามหาวิทยาลัยร้านนมนั่นไง แถมยังไม่ได้เดทกันจนจบเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาหนีกลับก่อนโดยไม่บอกฉันด้วยว่าไปไหน “ก้อยเป็นผู้หญิงนะ จะให้ชวนเขาก่อนเหรอ”
ฉันยู่หน้าเพราะความอาย จริงๆ ไม่ควรอายอะไรแล้วมาถึงขนาดนี้ แต่บางทีฉันก็มีความบางบนใบหน้ามั้งปะวะ
“ชวนมันไปสถานที่ที่แกชอบ”
อีกแล้ว! ที่ๆ ฉันชอบอีกแล้ว!
“ที่ๆ ก้อยชอบอีกแล้วเหรอ…”
“ใช่ แกชอบที่ไหนก็พาเขาไป เพราะที่ที่เราชอบเราจะรู้เส้นทางการเดินทางดีที่สุด ไม่นก!”
คำว่านกของเจ้ คือหมายถึงการทำพลาดเกี่ยวกับผู้ชาย ในกรณีสมมติ ถ้าเราไปหาผู้ชายที่นัดไว้ แล้วเขามาตามนัด เราจะถือว่านัดครั้งนั้นไม่นก แต่ถ้าไปแล้วไม่เจอ นั่นถือว่านกสุดๆ ศัพท์กระเทยวันละคำจากเจ้มิ๊ว
“ก้อยไม่ค่อยชอบไปไหนซะด้วย แต่ก็มีสถานที่นึงนะ ก้อยไปบ่อยจนรู้ทางหมดแหละ”
ฉันนึกถึงสถานที่นึงและพอนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่กี่วันมันก็จะมีกิจกรรมที่นั่น ฉันเลยเกิดไอเดียที่จะนัดเก๋งไป
“นั่นแหละ ลองนัดไปดู ถ้าอยากถามอะไรก็โทรหรือไลน์มา ฉันว่างตอบเสมอ โอเค๊”
เจ้มิ๊วทำมือโอเคมาให้ฉัน ฉันจึงพยักหน้าและกอดเจ้มิ๊วตอบ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายก็เหอะ กอดนิดกอดหน่อยคงไม่ระทวยอะไรกับชะนีอย่างฉันหรอกมั้ง
ฮึบ! เอาล่ะ การนัดเดทของฉันคราวนี้ต้องไม่นก เก๋งต้องมาเที่ยวกับฉันให้ได้!
- GENG SAY -
“วันนั้นมึงหนีพี่ก้อยกลับก่อนทำไมวะ?”
คำถามเอ่ยขึ้นจากปากทีเพื่อนสนิทคนเดียวของผมอีกครั้ง หลังจากที่เราเล่นบาสเสร็จก็แวะมากินข้าวแถวมหาวิทยาลัย ผมช้อนตาขึ้นมองคนถามด้วยสีหน้านิ่งก่อนจะตอบมันไปตามความจริง
“ไปตามผู้หญิงคนนึง”
และแน่นอนว่าคนนั้นคือพี่แอน ผมเห็นเธอเดินผ่านหน้าร้านนมปั่นไปวันนั้น กะว่าจะคุยเรื่องทั้งหมดและขอโทษทุกอย่าง ผมจะบอกเขาว่าผมกลับมาเป็นน้องคนเดิมก็ได้ แต่พี่เขาไม่ฟังผมแล้ว ผมกลายเป็นตัวรำคาญสำหรับเขาไปแล้วล่ะ
“คนที่มึงบอกว่าแอบชอบเขาน่ะเหรอ” ทีที่มีความขี้สงสัยเป็นทุนเดิมถามขึ้นอีกครั้ง “มึงไม่เคยบอกกูเลยว่ามึงชอบใคร ปิดบังเพื่อนอยู่ได้”
น้ำเสียงงอนๆ จากปากเพื่อนทำผมขนลุกเบา นี่ถ้าคนไม่รู้ว่าผมเป็นเพื่อนกัน คงคิดว่าเป็นคู่เกย์กันแหงๆ
“ไม่จำเป็นที่กูต้องบอกมึงทุกเรื่องนี่หว่า” ผมปัดตอบ
“แหม่ ความลับเยอะชิบหาย” ทีมองค้อนผมคงเป็นเพราะผมเป็นคนไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวกับคนรอบข้างด้วยแหละ เลยกลายเป็นคนความลับเยอะไปโดยปริยาย
“กูว่ากูจะเลิกชอบเขาแล้วล่ะ เพราะชอบไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา”
อยู่ๆ ผมก็ตัดสินใจเอ่ยเรื่องของผมอีกครั้ง บางทีถ้าปรึกษาเพื่อนตัวเองอะไรๆ ก็อาจจะดีขึ้นมาในระดับนึงมั้ง
“กูดูดวงคนที่หน้าออกมึงรู้ปะ”
ทีไม่ได้สนใจอะไรที่เกี่ยวกับสิ่งที่ผมต้องการสื่อ มันจ้องมาที่ตาผม สายตามุ่งมั่นของมันทำให้ผมเกิดอาการสนใจขึ้นมา ดูดวงอะไรวะ ตั้งแต่คบมามันไม่เคยเห็นพูดเรื่องนี้นี่นา
“พร่ำไรมึง” ผมเอ่ยขึ้นแต่ตายังจ้องหน้ามันไม่กระพริบ ถ้าให้บรรยายฉากในตอนนี้ แม่งก็เหมือนปลากัดกำลังจ้องตากันเนี่ยละ “ไหนพูดมาดิ มองออกยังไง”
“ดวงมึงกำลังมีเคราะห์ กำลังมีเจ้ากรรมนายเวรตามติดชีวิตมึงอยู่” ทีพูดขึ้น ซึ่งดูท่าว่าจะตรงพอสมควร ผมเลยยิ่งสนใจและจ้องมันเข้าไปอีก “มึงไม่สมควรชอบใครในตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะมาดีหรือมาอ่อยมึงก็ตาม”
“ทำไม”
“เพราะเขาจะพาชีวิตมึงไปสู่อันเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนนน”
“ส้นตีน!”
ผมผงะออกจากการมองหน้ามันทันที ไร้สาระชิบหายไม่น่าเชื่อมันตั้งแต่แรกเลย บ้าชิบ
ผมฮึดฮัดที่ถูกเพื่อนตัวเองหลอกอย่างหัวเสีย ทีหัวเราะออกมาเหมือนหลอกผมสำเร็จ จริงๆ ผมก็ไม่ใช่คนซื่อบื้อถึงขนาดหลอกอะไรได้อย่างง่ายดาย แต่ผมแค่คิดไม่ทันคนแค่นั้นแหละ จริงๆ นะ!
‘ติ้ง’
ดูเหมือนจะมีข้อความส่งมาที่มือถือของผม ตั้งแต่ผมให้ไลน์พี่ก้อยไป ไลน์ของผมก็คึกครื้นขึ้นทุกวัน บางวันเขาก็ส่งสติ๊กเกอร์ให้ผมมาใช้ฟรี บางวันก็ส่งเพลงให้ผมฟัง บางวันก็ถ่ายรูปหน้าตัวเองมา ซึ่งเขาไม่ได้ถามผมเลยสักนิดว่าผมต้องการไหม แต่มันก็ดีนะ ผมไม่เหงาเหมือนเมื่อก่อนดี
และดูเหมือนว่าเธอจะพิมพ์ข้อความมาชวนผมไปไหนสักหนสักแห่งนะ…
NEW’KOI :: วันอาทิตย์หน้าว่างไหมอะ
คำถามเหมือนจะชวนผมไปไหนโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ ผมกรอกตานึกปฏิทินเวลาตัวเอง เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ติดธุระอะไร ผมจึงรีบกรอกข้อความบอกเธอไปตามตรง
GENG :: ว่างครับ พี่จะชวนผมไปไหนเหรอ
NEW’KOI :: พี่จะชวนเราไปเที่ยวอะ
และดูเหมือนเธอจะไวไฟรีบชวนผมโดยไม่เบี่ยงประเด็นอะไรทั้งนั้น อืม ไหนๆ ผมก็ว่างแล้ว ไปกับเธอไม่เสียหายหรอกมั้ง
GENG :: ไปก็ได้ครับ ที่ไหนอะ
ผมตอบเธอไปทันที เธออ่านแล้วหายไปเกือบหนึ่งนาที นี่คงไม่ได้วิ่งหนีไปไหนหรอกใช่ไหม หายไปนานจัง แต่ไม่นานเธอก็กลับมาตอบผมอีกครั้ง ข้อความของเธอคราวนี้เล่นผมเหวอไปชั่วขณะ…
NEW’KOI :: พี่จะชวนเราไป...
NEW’KOI :: สนามบิน
-100%-
มาแล้วแกรรรรร
หลังจากแอบดองไปเกือบอาทิตย์ 5555
เพิ่งว่างมาอัพจริง ขอโทษคนที่รอด้วย
บทถัดๆ ไป จะมีบทก้อยเก๋งมากขึ้นแล้วนะคะ
เรามาดูว่ามันจะกุ๊กกิ๊กหรือมันจะมโนแค่ไหน
ฝากติดตามด้วยเน้อออออออ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไปสนามบินทั้งทีเหมือนไปต้อนรับโอปป้ามาไทยอะไรอย่างงี้ป่ะหลงรักในความติ่งของนาง
เอาค่ะสบามบินก็สนามบินแต่ขอแค่อย่างเดียวนะคะอย่านกก็พอสาธุๆขอใก้เด็กมันใจอ่อนซะทีติดตามต่อไปเด้อจ้าาาาสู้ๆเด้อค่าเด้อออ
ถามนิดนึงนะ
ตกลงแอน ชอบก้อยจริงๆหรอ หรือชอบน้อวเค้าเหมือนก้น แต่ปากแข็ง!!
แหมๆ แบบนี้มันต้องสืบบบบ
เดทสนามบินนน 555