ตอนที่ 4 : ll CUTIE SASAENG : CHAPTER 03 ll เขาไม่ว่าง เราเศร้าใจ {LOADING 100%}

“เป็นไร”
ทันทีที่ฉันฟุบตัวลงบนโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ แอนก็ถามไถ่อาการฉันทันที ฉันเดินระห้อยโตงเตงจากสนามบอลมานี่ด้วยร่างกายและจิตใจที่อ่อนแอเสียเหลือเกิน ทำไมทีต้องมาบอกเรื่องร้ายอะไรกับฉันด้วยนะ
“น้องเก๋งเป็นเกย์ ToT” ฉันเงยหน้าบอกแอนที่กำลังนั่งจดรายงานอย่างตั้งอกตั้งใจ ฉันไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรแล้วตอนนี้ มีแต่คำว่าเกย์เต็มหัวไปหมด นี่สินะที่เขาบอกหญิงไทยเจ็บใจชายไทยเจ็บตูด
“เฮ้ย เป็นไปไม่ได้อะ” แอนพูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ ฉันเลยมองมันด้วยความอยากรู้
“เอาอะไรมามั่นใจวะ” ฉันถาม
“ก็ตอนรับน้องคณะ ฉันเป็นพี่ว๊าก ฉันสังเกตออกน่า มันไม่เป็นหรอก”
ฉันเอามือจับปากพลางครุ่นคิดกับคำพูดของแอน ยัยนี่เป็นคนช่างสังเกตมากและเวลามันพูดอะไรออกมามันมักมีเหตุผลเสมอ ฉันพยักหน้ากับคำปลอบของเพื่อน อย่างน้อยก็ทำให้ฉันสบายใจได้ระยะนึงล่ะวะ
มาคิดๆ ดูแล้ว ฉันโครตเสียดายช่วงรับน้องคณะเลย แทนที่ฉันจะมาดูน้องๆ ฉันกลับเอาเวลาเหล่านั้นนอนอยู่บ้านเฉยๆ ต่างกับแอนที่รับหน้าที่พี่ว๊ากมันเลยกลายเป็นรุ่นพี่ที่น่าเกรงขามต่อรุ่นน้อง ต่างจากฉันที่เป็นใครไม่รู้ เป็นคนไม่มีตัวตนในคณะไปเฉย TT
“แต่อิน้องที่ชื่อทีมันบอกฉันแบบนั้นอะ”
“โดนมันอำแล้วล่ะ อย่าคิดมาก” แอนใช้ปากกาเคาะหัวฉันเบาๆ ก่อนจะก้มลงจดอะไรของมันต่อ
ฉันล้วงมือถือในกระเป๋าสะพายขึ้นมา ก่อนจะนึกหาประโยคทักทายน้องเขา ไม่รู้ว่าน้องจะทำอะไรอยู่หรือเปล่า ขอทักไปหน่อยแล้วกัน
NEW’KOI :: ส่งสติกเกอร์รูปหัวใจดวงใหญ่
NEW’KOI :: อ้าว ส่งผิด หว่า ขอโทษน้าน้องเก๋ง
ฉันหัวเราะให้กับสิ่งที่ฉันพิมพ์ส่งไป แอนเงยหน้ามองก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย ฉันไม่ตอบอะไรเพื่อนรักไป แต่เมื่อเห็นบนหน้าจอขึ้นคำว่าอ่านแล้ว ฉันจึงใจจดใจจ่อรออ่านข้อความที่เขาจะตอบกลับมาทันที
GENG :: ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าพี่จงใจแกล้งส่งผิด
คนบนหน้าจอตอบฉันมา ทำให้ฉันต้องฟุบหน้าลงโต๊ะด้วยความเขิน ดูสิขนาดแค่ข้อความเขายังทำหน้าฉันร้อนได้ขนาดนี้ แถมเขายังรู้ว่าฉันแกล้งส่งผิดอีก นี่ถ้าไม่รู้ใจจริงจะเดาไม่ออกหรอกนะ อิอิ
“เป็นบ้าอะไรของแกวะ?” แอนถามฉันขึ้นเมื่อเห็นฉันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาคนเดียวสักพัก
“น้องเก๋งตอบข้อความฉัน แอร๊ยยย” ฉันส่ายไปมาหลังจากยื่นหน้าจอที่เก๋งส่งข้อความมาหาฉันให้แอนอ่าน แอนส่ายหน้าเบาๆ อย่างเอือมๆ นี่งะ ไม่สนใจโลกอะไรเลย
ฉันดึงมือถือกลับมากดข้อความต่อ
NEW’KOI :: วันนี้เลิกเรียนกี่โมงล่ะเรา
ฉันไม่รอช้ารีบเบี่ยงประเด็นถามคำถามเขาทันที
GENG :: พี่จะมาส่งผมอีกแล้วเหรอ 5555
NEW’KOI :: เปล่าจะชวนไปกินข้าว
พิมพ์ไปแล้วก็เขินจริงจัง เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ชวนผู้ชายไปกินข้าวด้วย ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้นี่เอง
GENG :: ขอโทษนะพี่วันนี้ผมไม่ว่างอะ
GENG :: ไว้วันอื่นนะพี่ ผมเตะบอลล่ะ
สิ้นสุดประโยคตัดจบสนทนาของฉันกับน้องเขา ก็ทำให้ฉันปิดหน้าจอและใส่กระเป๋าอย่างเซ็งๆ นึกว่าจะได้ไปกินข้าวกับเก๋งอยู่แล้วเชียว
แต่ไม่นานนักคนตรงหน้าฉันก็ลุกขึ้น แอนเก็บข้าวของใส่กระเป๋าทันทีโดยไม่เอ่ยบอกฉันสักคำ
“ไปไหนวะ”
“เข้าเรียนอะดิ เข้าสายโดนด่าแน่”
แอนรีบร้อนรนวิ่งไปทันทีหลังจากโบกมือบายบายฉัน ฉันถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แต่ไม่วายล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง ฉันกดเข้าไปที่ไอดีไลน์เก๋งก่อนจะกดที่รูปหน้าดิสไลน์ของเขา รูปถ่ายที่ดูเหมือนคนถ่ายรูปไม่เป็น ทำเอาฉันแอบขำกับท่าทางของเขา ยังกับคนถ่ายบัตรประชาชนแน่ะ น่ารักเป็นบ้า
ฉันจัดการกดค้างและบันทึกรูปเขาไว้ในเครื่องทันที ดูท่าว่าเขาจะมีเพียงรูปเดียวในแกลลอรี่แหะ ช่างเถอะ ไว้ค่อยขอเขาวันอื่นคงไม่เป็นไร ฉันกดลบรูปอปป้าไอดอลคนโปรดที่ใช้เป็นหน้าจอมือถือประจำก่อนจะใช้รูปเก๋งขึ้นแทน…
แค่เขารู้จักชื่อฉันมันก็มากพอแล้วจริงๆ…
--------------------------------------------------
- GENG SAY –
GENG :: ไว้วันอื่นนะพี่ ผมเตะบอลล่ะ
ผมกดออกจากไลน์ที่ชื่อว่า NEW’KOI ก่อนจะเข้าไลน์ใครบางคนและจัดการกรอกข้อความลงไป
GENG :: ผมว่างแล้ว
ผมพิมพ์ข้อความนั้นเสร็จก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ผมตบบ่าทีเป็นเชิงบอกลาก่อนจะวิ่งมาที่สวนออกกำลังกายของมหาวิทยาลัย
ทันทีที่ผมมาถึงก็พบกับคนที่มายืนรออยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ผมยาวกลางหลังนั่นผมจำได้ดีเลยล่ะ แถมหุ่นที่ตัวเล็กกะทัดรัดผิวขาวระเรื่อที่ทำเอาผมใจสั่นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
ผมไม่รอช้ารีบวิ่งตรงเข้าไปหาเธอทันที เมื่อมาถึงคนตรงหน้าก็หันมามองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ ตามฉบับที่ผมคุ้นเคยประจำ ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องทำหน้าโหดใส่ผมตลอด ไม่เคยเห็นเธอยิ้มให้ผมเลยสักครั้ง
“รอนานไหม” ผมถามเธอในขณะที่ยังคงหอบแห่กๆ เพราะความรีบ
“ไม่นะ” เธอยกนาฬิกาขึ้นดูเหมือนคนเร่งรีบ “สองนาทีพอไหม”
“แค่นี้ก็พอใจแล้ว ^^” ผมยิ้มให้คนตรงหน้า แต่คนตรงหน้ากลับส่งสายตานิ่งกดดันให้ผม ผมยืนตรงก่อนจะมองใบหน้าของเธออีกครั้ง คิดถึงจัง
“ส่งข้อความมามีไร”
“เรากลับมาเป็นปกติไม่ได้เหรอ” ผมพูดความต้องการให้เธอทันทีที่ถาม คนตรงหน้าเอียงคอแบบไม่เข้าใจในคำถามผม "แบบคนคุยเหมือนเดิมก็ได้"
“พูดกี่รอบแล้วเก๋ง ว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ที่ทำให้เห็นทุกวันนี้ยังไม่ชัดเจนพอเหรอ”
คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเคืองๆ ผสมรำคาญจนผมต้องกัดฟันอดกลั้นแน่น ผมจะมาอ่อนแอเพราะคำพูดไม่กี่คำไม่ได้ ผมไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมงอแงและเด็กเกินไป
“ขอร้องเถอะ อย่าเมินกันเลย อย่าทำเหมือนไม่รู้จักเก๋งแบบนี้สิ”
ผมยื่นมือไปจับมือเขา แต่คนตรงหน้ากลับไวเบี่ยงหลบได้ทัน ทำให้ผมจับอากาศเล่นซะงั้น จริงๆ เธอกับผมตอนแรกคุยกันดีมากตอนรับน้องคณะ แต่เพราะความปากไวของผมที่บอกชอบเธอไป ทำให้ผมกลายเป็นคนไม่มีตัวตนสำหรับเขาไปทันที
“ถ้าจะเรียกมาคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก อย่าเรียกมานะ รำคาญ”
“อย่าไป” ผมพูดยื้อเธอทันทีเมื่อเห็นว่าเธอจะก้าวเท้าออกไป คนตรงหน้าชะงักเท้าไปนิดเดียว ก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาสั่นเครือ
“อยู่กันแบบไม่รู้จักกันน่ะดีแล้วเก๋ง…”
“ขอร้อง…”
“…”
“อย่ามองผมเป็นอากาศแบบนี้เลยนะ…”
“…”
“…พี่แอน”
ผมจับแขนคนตรงหน้าแน่น เพื่อไม่ให้เดินหนีผมไปไหน พี่แอนมองมือผมที่จับแขนเขาก่อนจะชายตามองหน้าผมแบบไม่พอใจ ผมไม่ปล่อยไปแล้ว…ผมจะไม่ปล่อยคนที่ตัวเองชอบอีกต่อไปแล้ว
“เก๋ง” พี่แอนแกะมือผมออกก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ “เราบอกชอบพี่ตั้งแต่วันรับน้องจนมาถึงกลางเทอมขนาดนี้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
“ไม่อะ คนชอบจำเป็นต้องเบื่อในสิ่งที่ชอบเหรอ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจในความคิดคนตรงหน้า
“จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคนเขามีใจให้ เขาไม่หนีแบบนี้หรอก”
“…”
“ชัดเจนแล้วนะ ที่พี่หนีเราเพราะพี่ไม่ชอบเรา” พี่แอนถอนหายใจออกมาก่อนจะล้วงบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋า “เอาคืนไป”
พี่แอนส่งของบางอย่างมาให้ในมือผม มันคือกล่องดนตรีที่ผมพยายามตั้งใจเก็บเงินเกือบสองเดือนเพื่อซื้อให้พี่เขา ผมรับมาอย่างง่ายดายเพราะในเมื่อคนที่ผมต้องการให้เขาไม่เอา ผมก็ควรได้กลับคืนมา
“พี่จะไม่ให้โอกาสผมเลยเหรอ” ผมยังคงยื้อคำถามเดิมๆ ไว้
“เราน่ะ เปิดใจรับคนอื่นเข้ามาบ้าง ไม่ใช่ปิดกั้นรับแค่คนที่ตัวเองโอเค ยังมีอีกหลายคนที่เก๋งรู้สึกดี แต่เก๋งแค่ไม่เปิดรับ” พี่แอนตบบ่าผมเหมือนแม่ที่ตักเตือนลูก เพราะเธอดูเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ไงผมถึงหลงชอบเธอ “รักคนที่เขารักเรา ดีกว่ารักคนที่เขาไม่รักนะ”
“แต่ผม…”
“เอาความเห็นแก่ตัวของตัวเองมาตัดสินความรัก มันก็มีแต่พังกับพังล่ะเก๋ง พี่ยังไม่ใช่คนที่ใช่ของเก๋งหรอก มองหาคนที่ใช่คนที่ใจบอกว่าโอเคดีกว่านะ”
“แต่ใจผมมันบอกว่าเป็นพี่อ่ะ”
ในตอนนี้ใจของผมเริ่มบีบคั้นจนผมรู้สึกจี๊ดเจ็บขึ้นมาแปลกๆ อกหักจริงๆ จังๆ มันเป็นแบบนี้เหรอวะ ทั้งเจ็บทั้งจุก ไม่ชอบเลยว่ะ
“เก๋งเรียนชายล้วนมาใช่ไหม” พี่แอนถามคำถามที่ผมเคยบอกเขาไปแล้วตอนเจอกันครั้งแรก ผมพยักหน้ารับอย่างไม่เข้าใจ “เก๋งยังควบคุมการเจอรักแท้ไม่ได้ยังไงล่ะ โรงเรียนของเก๋งไม่มีผู้หญิง พอเก๋งมาเจอในสิ่งที่ตัวเองเรียกหา มันมักตัดสินใจผิดพลาดกันแบบนี้ล่ะ ความรักมันต้องไตร่ตรองและทำความเข้าใจนานๆ นะ ไม่ใช่คิดจะรักก็รักเลย”
ผมพยักหน้ากับคำพูดที่มีเหตุผลของพี่แอนอย่างจำยอมก่อนจะก้มมองกล่องดนตรีในมือ มันคือผู้หญิงอุ้มแมวกำลังเริงระบำท่ามกลางหิมะที่มีเด็กผู้ชายร่างสูงกำลังกลางร่มให้ด้วยรอยยิ้ม ขอให้สองคนนี้เป็นตัวแทนระหว่างผมกับพี่แอนไม่ได้เลยเหรอ…
ผมตัดสินใจความรักอะไรพลาดไปเหรอ…
“ผมเชื่อว่ายังไงผมก็ชอบพี่ และผมจะใช้เวลาพิสูจน์ให้ดู” ผมพูดเสียงแข็งแต่แววตาของผมสั่นเครือจนห้ามไม่อยู่แล้ว อีกสักพักถ้ามีอะไรมาจี้จุดคงต่อมน้ำตาแตกแน่ๆ
“ไม่ต้องหรอก เสียเวลา”
“การรอคนรักมันไม่มีคำว่าเสียเวลามาเกี่ยวหรอกพี่!”
“อย่าพยายามอีกเลย พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้วเก๋ง…”
คำพูดของพี่แอนเล่นทำเอาผมหยุดประโยคที่จะพูดออกไป ปากของผมเริ่มควบคุมการสั่นไม่ได้แล้ว ทั้งหัวใจ ทั้งร่างกายผมไม่สามารถควบคุมมันได้เลยเมื่อได้ยินคำเมื่อครู่
“…พี่มีคนที่ชอบแล้วเหรอ” ผมถามเธอด้วยย้ำเสียงสั่นเครือและน้ำที่คลอเบ้าตาจนควบคุมมันไม่ได้อีกแล้ว ผมมองเธอลึกขึ้นอีกครั้งเพื่อเตือนสติตัวเอง
“อืม”
“คะ ใคร…”
“นิ้วก้อย”

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ช็อคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
โฮ๊ยยยยยยยยย ช่วยเจ๊ที
ไม่นะแกรรรฉันนึกว่าอ่านตอนแรกจะใสๆนางเอกไล่ตามจีบผู้ชายอะไรทำนองนี้แต่ไหงจุดพีคเป็นเยี่ยงนี้
ปวดหัวให้กับความสัมพันธ์ยุ่งๆแบบนี้จังแล้วถ้าเกิดนิ้วก้อยของงามของดิฉันรู้ขึ้นมาจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย
ไม่อยากจะคิดถึงเลยแต่เอาเถอะค่ะเรื่องแบบนี้ต้องรอดูต่อไปแต่ขอยืนยันว่า #ทีมนิ้วก้อย นาจาาาาา
สู้ๆเด้อจะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ :D
นึกว่าเรื่องนี้จะใสๆ
กลายเป็นว่าดาร์กมากกกกกกก
มีความช็อกกก
#นี่มันอารา้ยย รักสามเศร้าหรออ
ชอบมากค่ะติดตามเลย