ตอนที่ 14 : ll CUTIE SASAENG : CHAPTER 13 ll เขาปกติจะตาย เราจะเขินทำไมอะ {LOADING 100%}
13
"เขาปกติจะตาย เราจะเขินทำไมอะ"
‘เขาไม่ได้ดีกับแกหรอก แต่เขาดีกับทุกคน’
คำพูดของเจ้มิ๊วตีกันอยู่ในหัวไม่ยอมออกไปไหน ฉันทึ้งหัวตัวเองเข้ากับโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะที่ๆ เดิมประจำของฉัน วันนี้แอนมีเรียนคาบเช้าเลยทำให้ฉันต้องมานั่งอยู่คนเดียวที่นี่ เมื่อคืนฉันไม่กล้าส่งข้อความหาเก๋งเลยด้วยซ้ำ ฉันเพิ่งมาสังเกตตัวเองว่าฉันกำลังก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไปหรือเปล่า ขืนทักไลน์เขาไปทุกวันมีหวังรำคาญฉันแน่ๆ
แม้ว่าเก๋งจะไม่บ่นว่ารำคาญก็เหอะ
ฉันหยิบหนังสือเรียนภาษาเกาหลีที่เพิ่งไปสอยมาฝึกได้ไม่กี่วันขึ้นมาอ่าน ฉันกะว่าเมื่อเรียนจบจะลองไปหางานที่เกาหลีทำดู อย่างน้อยฉันก็สามารถสมัครเป็นครีเอทีฟสักที่ในเกาหลีได้แหละ งานที่นั่นดูเปิดกว้างน่าจะหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่ว่าฉันเป็นติ่งแล้วจะมีความคิดที่จะไปเกาหลีเพื่อตามดาราอย่างเดียวนี่นา การงานฉันก็ต้องอยากทำปะแหม่
ฉันไล่อ่านและออกเสียงในใจ แอบคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรี่ย์แล้วทำหน้าทำตาเวลาพูดภาษาเกาหลี ฉันจะน่ารักหรือน่าถีบมากกว่ากันให้ทาย
“พี่ทำไรอะ”
แต่ดูเหมือนว่าสมาธิที่ฉันตั้งใจจะอ่านหนังสือก็กระจัดกระจายหายไปในพริบตา หลังจากที่เก๋งเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะฉัน ฉันเงยหน้ามองบุคคลที่เข้ามาเยือนก่อนจะยิ้มให้แบบเก้งๆ กังๆ
ฉันรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูกเลยแหะ
“อะ อ่านหนังสือน่ะ” ฉันตอบเก๋งไปทันที เก๋งชะเง้อหน้ามองหนังสือของฉันก่อนจะหยิบไปอ่านต่อหน้าตาเฉย “เก๋งอ่านออกเหรอมันภาษาเกาหลีนะ”
“พี่เรียนภาษาเกาหลีเพิ่มด้วยเหรอ ดีจัง” เก๋งพูดกับฉันแต่สายตาของเขายังคงตั้งใจมองไปที่หนังสือ เขาไล่สายตาขึ้นลงเหมือนกำลังหาคำอะไรอยู่
“เก๋งอย่าไปสนใจเลย เอามาให้พี่เถอะ”
“นี่ๆ คำนี้แม่ผมชอบให้ผมเรียก” เก๋งไม่ได้ส่งหนังสือมาให้ฉันแต่เขากลับชี้ไปที่หน้าๆ หนึ่งก่อนจะยื่นมาให้ฉันดูด้วย “ออมม่า แปลว่า แม่”
เก๋งพูดเสร็จเขาก็ยิ้มกว้างเหมือนกำลังเล่นเกมส์ทายคำกัน ฉันหัวเราะพรืดที่เขาพูดถึงแม่แล้วดูมีความสุขเหมือนเด็กๆ เลย
“งี้ก็แปลว่าเก๋งได้หลายคำเลยอะดิ เพราะมีแม่คอยสอนใช่มะ”
ฉันได้ทีก็ชวนเขาคุยเรื่องนี้ ท่าทางเขาจะสนใจการพูดเกาหลีเหมือนกันนะเนี่ย เมื่อไรเขาจะเลิกทำตัวน่ารักอะไรพรรคนี้สักที มันยิ่งทำให้ฉันมโนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขากำลังทำเอาใจฉันเพื่อที่จะได้หาทางคุยกันมากขึ้น แต่ก็อย่างที่เจ้มิ๊วบอก เขาไม่ได้ทำเพื่อฉันหรอก เขาคงมีนิสัยที่เฟรนด์ลี่แบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วล่ะ
“ก็ได้นิดหน่อยครับ” เก๋งพยักหน้าตอบกลับก่อนจะกรอกตาเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง “นูน่า~”
ฉันชะงักไปเมื่ออยู่ๆ เก๋งก็ยู่ปากทำท่าน่ารักและเรียกฉันด้วยสรรพนามที่ฉันไม่คิดว่าชาตินี้หรือชาติไหนจะได้ยิน แม้ว่าฉันจะไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของไอดอลที่โดนแฟนคลับเรียกว่าอปป้าบ่อยๆ ก็เหอะ แต่ความรู้สึกเวลาถูกเรียกว่านูน่านี่มัน…
ดีจริงๆ นะเว้ย!
“เก๋ง…”
“แปลว่า พี่สาวใช่ไหมครับ ผมดูซีรี่ย์แล้วพระเอกชอบเรียกพี่สาวบ่อยๆ”
“อะ อ๋อ ใช่ๆ…”
ฉันพ่นลมหายใจออกมาเหมือนกำลังถูกขัดใจพังความฟินยังไงไม่รู้ ฉันเอื้อมมือเพื่อที่จะเอาหนังสือคืน แต่เก๋งกลับเบี่ยงตัวหลบก่อนจะเปิดไปอีกหน้านึงและไล่อ่านอย่างสนใจอีกครั้ง ฉันหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อดับความเขินและความอายที่ผสมปนเปไปหมด
“พี่ก้อย” เก๋งละสายตาจากหนังสือก่อนจะเรียกด้วยสีหน้าสงสัยสุดฤทธิ
“อือ” ฉันที่กระดกน้ำอยู่ก็ได้แต่อือออตอบเขากลับไป
“แล้วชากียานี่มันแปลว่าอะไรอะ”
พรวดดดดดด!
น้ำในปากต่างพุ่งไปในรัศมีที่กว้างขวาง แต่โชคดีที่ฉันยังพอมีสติหันหน้าไปพุ่งทางอื่นแทนที่จะพุ่งตรงไปที่หน้าเก๋ง ฉันใช้หลังมือปาดปากตัวเองก่อนจะพยายามกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก เก๋งอมยิ้มขำนิดๆ เมื่อเห็นฉันมีท่าทางที่ร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
“อยากรู้ไปทำไมอะ” ฉันย้อนถามเมื่อเห็นว่าเก๋งดูสงสัยจริงๆ
“เห็นพระเอกเรียกนางเอกบ่อยอะ เลยอยากรู้ หนังสือพี่ผมหาไม่เจอเลย”
เก๋งเบะปากเหมือนโดนขัดใจจากการหาคำว่า ชากียาจากหนังสือแบบจริงจัง สรุปนี่ฉันต้องตอบเขาจริงๆ เหรอ…
หน้าร้อนชะมัด ใครก็ได้เอาแอร์มาอังหน้าฉันทีเถอะ
“แปลว่า…” ฉันเว้นช่วงเมื่อเก๋งยื่นหน้ามาเหมือนสนใจกับสิ่งที่ฉันพูด “…ที่รัก”
โอ้ยยยย ทำไมต้องหน้าร้อนอะไรเบอร์นี้ ฉันพยายามเกร็งหน้าไม่ให้เผลอเขินต่อหน้าเก๋งสุดขีด แต่สายตาที่เก๋งจ้องนี่มัน…
“หน้าพี่แดงมากอะ” เก๋งทักฉันก่อนจะเอานิ้วมาจิ้มแก้มฉันเสมือนว่าเป็นของเล่น “แค่คำว่าที่รักเอง ไม่เห็นต้องแดงขนาดนี้เลยนี่นา”
“อะ อะไร ใครหน้าแดง พี่ร้อนเหอะ”
“ผมรู้แล้ว” เก๋งยกยิ้มขึ้น ทำให้ฉันเลิกคิ้วงง แต่ทำไมเขายังยื่นหน้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ วะเนี่ย
“ใช่มะ ร้อนใช่มะ” ฉันรีบพัดหน้าตัวเองประกอบแอคติ้งเล็กน้อย
“ไม่ใช่เรื่องนั้น” เก๋งส่ายหน้าเมื่อฉันพูดเออออเพื่อกลบความเขินเหล่านั้น แต่แล้วก็ต้องถูกพังลงเพราะเขาไม่ได้หมายถึงเรื่องอากาศร้อนแต่อย่างใด “เรื่องชากียาต่างหาก”
“อ้าว!”
“ที่มันแปลว่าที่รักอะ ผมรู้ตั้งนานแล้ว ฮาๆ"
ฉันย่นจมูกเหมือนถูกขัดใจอย่างรุนแรง นี่สรุปจะมาเล่นทายคำภาษาเกาหลีวันละคำหรือไง บ้าจริง
"รู้แล้วจะมาหลอกถามพี่ทำไม เก๋งนี่ร้ายจริงๆ"
"ก็ผมแค่อยากรู้นี่นา..."
"..." ใจของฉันกระตุกวูบเมื่อน้ำเสียงของเขาแผ่วลงจนน่าตกใจ นัยน์ตาของเก๋งพุ่งตรงมาก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคที่เล่นทำเอาฉันแอบสะอึกเบาๆ
"ว่าเวลาผู้หญิงพูดคำว่าที่รักกับผมเนี่ย...จะน่ารักขนาดไหนกัน"
-35%-
ฉันรีบหลุบสายตาก่อนจะคว้าเอาหนังสือในมือเขามาอ่านโดยไม่มองหน้าเขาอีกเลย เก๋งหัวเราะชอบใจเหมือนแกล้งฉันสำเร็จ เขากลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะเคาะโต๊ะเหมือนทำลายบรรยากาศการเงียบของฉัน
เขามาแปลก เขาไม่ใช่เก๋ง โนๆ
“ผมว่า ผมเรียกพี่ว่านูน่าดีกว่ามะ” เก๋งเอ่ยออกมาอีกครั้ง ฉันลดหนังสือลงก่อนจะมองไปที่เขาที่เลิกคิ้วถามฉัน “แบบก้อยนูน่าไรงี้ ฮ่าๆ”
“เรียกพี่น่ะดีแล้ว เรียกนูน่าขนลุกจะตาย”
ฉันรีบพูดขัดทันที ขืนให้เรียกนูน่ามีหวังฉันคงจะเป็นบ้าลงไปดิ้นเพราะความเขินตายแหงๆ แค่เรียกพี่ก็น่ารักจะตายอยู่ล่ะ
“ผมน่าจะเกิดเร็วกว่านี้สักสี่ห้าปีเนอะ” เก๋งยู่ปากอีกครั้ง ทำไมวันนี้เขามาแนวน่ารักวะเนี่ย “พี่จะได้เรียกผมอปป้าได้ คงรู้สึกดีน่าดู”
ถ้าหนังสือในมือของฉันราคาไม่แพง ฉันจะขย้ำแดกเดี๋ยวนี้เลย ฉันกัดฟันแน่นไม่ให้เผลอทุบโต๊ะเพื่อระบายความเขิน หน้าฉันร้อนจนแทบจะระเบิดออกมาแล้วให้ตาย ฉันต้องไปห้องน้ำ ใช่ไปห้องน้ำ!
“พี่ขอตัวก่อนนะ!” ฉันดีดตัวลุกขึ้นโดยทันที
“ไปไหนอะ” เก๋งเงยหน้าถามอย่างสงสัย
“หะ ห้องน้ำ!”
“อ๋อ…ผมนั่งรอตรงนี้นะ”
ฉันพยักหน้าให้เก๋งแบบรีบๆ ฉันจะล้างหน้าระบายความร้อนบนใบหน้าไปให้หมด ฉันจะต้องไม่หน้าแดงต่อหน้าเขาสิไม่งั้นเขาก็รู้หมดว่าฉันชอบเขา แม้ว่าการกระทำฉันจะสื่อออกไปมากจนไม่สามารถปิดบังได้ก็เหอะ แต่การเป็นสาวเป็นนาง จีบแบบเนียนๆ ให้เขารู้สึกชอบเราถือว่ามิชชั่นสำเร็จ แต่ตอนนี้เก๋งดูผีเข้าผีออก ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาคิดยังไง ดูยังไงก็ไม่ใช่รู้สึกดีกับฉันอะ นี่มันอ่อย อ่อยชัดๆ
ทันทีที่ฉันจะเดินออกจากจุดนี้เพื่อไปห้องน้ำ สายตาอันยาวไกลของฉันก็เห็นผู้ชายคนนึงเดินตรงมาทางนี้ และฉันก็รู้ดีว่าอีตานั่นจะมาหาใคร
ถ้าไม่ใช่เก๋งก็ฉันนี่แหละ!
“พี่ไม่ไปแหละ” ฉันหมุนตัวกลับก่อนจะนั่งลงตามเดิม สายตามองไปข้างหลังเก๋ง ชายร่างเล็กคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ งานนี้ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอก
อิที!
“อ้าว ทำไมอะ”
“มึงอยู่นี่นี่เอง”
เก๋งถามฉันเป็นจังหวะเดียวที่ทีเดินมาตบหลังเก๋งพอดิบพอดี สายตาทีมองมาที่ฉันแว๊บเดียวก่อนจะก้มมองเพื่อนตัวเองด้วยแววตาที่ดูมีความสุขเสียเหลือเกิ๊น!
“ไม่ไปเรียนเหรอ” เก่งเงยหน้ามองคนมาเยือน ทีไม่ตอบอะไรเก๋ง เขานั่งลงข้างๆ เก๋งก่อนจะเอื้อมมือโอบคอเก๋งเหมือนปกติที่เพื่อนชายทำกัน แต่สำหรับฉันมันไม่ปกติ มันไม่ใช่ เพราะเขาไม่ได้คิดกับเก๋งแบบเพื่อนเว้ย! “แล้วมาหากูทำไมอะ”
“ไปกินข้าวกัน” ทีส่งยิ้มฟันติดเหล็กสีชมพูฟรุ้งฟริ้งไปที่เก๋งอย่างออกอรรถรส สายตาทีประนามมาที่ฉันประมาณว่าทำไม่ได้แบบฉันล่ะสิ หึหึ ฉันกรอกตาเบ้ปากดั่งตัวร้ายไปสามแปด เบื่อ ทำไมฉันถึงเบื่ออีตานี่เข้าไส้ก็ไม่รู้
แต่ดูเหมือนว่าฉันจะมีพวกเพิ่ม เมื่ออยู่ๆ แอนก็ลงบันไดออกมาจากตึกคณะ ก่อนจะยกมือทักทายฉันและเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะนี้ทันที สายตาเก๋งและทีมองมาที่แอนก่อนที่แอนจะนั่งลงข้างฉัน เธอเอาหนังสือวางไว้บนโต๊ะโดยไม่สนใจผู้ชายสองคนที่กอดกันกลมออยู่ด้านหน้า
“เรียนเสร็จแล้วเหรอ” ฉันเบี่ยงความสนใจของทีมาหาแอนที่หันมายกยิ้มให้ฉันนิดๆ เธอหันไปมองสองคนนั้นแว๊บนึงก่อนจะหันมาตอบฉัน
“อืม ไปกินข้าวกันปะก้อย”
แอนไม่พูดเปล่า มือของแอนจับที่มือของฉันเหมือนปกติที่ยัยนี่จะชอบถึงเนื้อถึงตัวบ่อยๆ ฉันชินแล้วล่ะ เราดูเหมือนคู่เลสมะ
“เก๋งไปด้วยกันเปล่า”
ฉันหันไปถามเก๋งที่ตีหน้านิ่งเฉย สายตายังคงมองไปที่แอนแต่เมื่อฉันเลิกคิ้วถาม เขาก็หันมาหาให้ฉันโดยทันที
“ไปครับ ไปด้วยกันหมดเลยก็ได้ ปะไอ้ทีไปกินข้าว”
"ฮ่าๆ ปะๆ คนเยอะสนุกสนาน" ทีรีบเออออเมื่อเก๋งหันไปชวน
ฉันยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่สายตาทีกลับไม่ได้แสดงออกแบบนั้น แม้เขาจะหัวเราะออกมาประดุจว่ายิ่งคนเยอะยิ่งสนุก ฉันรู้ดีว่าเขาคงไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแน่ๆ
แอนจับมือฉันลุกขึ้นก่อนที่สองคนนั้นจะลุกมาติดๆ เก๋งรีบเดินมายืนข้างฉัน ในตอนนี้เราเดินเรียงหน้ากระดานจากซ้ายไปขวาก็มีที เก๋ง ฉันและแอน ทำไมความรู้สึกรัศมีความอึดอัดมันแผ่รอบข้างแปลกๆ สายตาแต่ละคนดูดุดันแทบจะต่อยกันยังไงอย่างนั้น เช่นฉันกับที ตายกันไปข้างไหมล่ะวันนี้
“เก๋งกินหอยทอดกัน” ฉันหันไปชวนเก๋งในขณะที่เราเดินมาในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
“เก๋งแพ้อาหารทะเล”
น้ำเสียงเรียบๆ ตึงๆ ของทีกระแทกเข้าหน้าฉันเต็มๆ ฉันลืมเรื่องนี้ไปอีกแล้ว ให้ตายสิ แบบนี้เก๋งต้องหาว่าฉันไม่ใส่ใจชีวิตของเขาแน่ๆ
“งั้นพี่ก้อยไปกินสเต็กกันไหม” เก๋งชี้ไปอีกร้านเป็นข้อเสนอให้ฉัน แต่ว่า…
“ก้อยไม่ชอบกินเนื้อ”
น้ำเสียงของแอนโพล่งขึ้นฉับพลัน เก๋งลดนิ้วชี้ลงก่อนจะแสยะยิ้มให้ฉัน จริงๆ ฉันกินได้แหละ แต่ถ้าสเต็กฉันกินกลางวันฉันจะปวดท้องมาก แปลกใช่มะ ถ้ากินเวลาอื่นฉันกลับไม่เป็นอะไรทั้งนั้น
ในตอนนี้เราสี่คนต่างมองรอบๆ โรงอาหาร ฉันเบื่อก๋วยเตี๋ยวแล้วอะดิเลยอยากหาอะไรใหม่กินดู
“ต่างคนต่างแยกกันไปกินดีมะ”
“ไม่ / ไม่!”
ฉันและเก๋งหันไปปฏิเสธทีที่เสนอข้อเสนอที่ฉันไม่เห็นด้วยสุดๆ ออกมา โชคดีที่เก๋งดันใจตรงกับฉันในเรื่องนี้ หน้าเก๋งเริ่มไม่มีอารมณ์ที่จะร่วมมีความสุขกับใครหน้าไหน
ในระหว่างที่ฉันพยายามสอดส่องหาร้านดีๆ อยู่ๆ มือของเก๋งก็จับเข้ากับมือฉัน ก่อนจะดึงฉันให้ตามเขาไปทันที ปล่อยให้ทีและแอนยืนอยู่ตรงนั้น ฉันหันไปมองแอนที่มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเรียบตึง ไม่แสดงอารมณ์อะไร ต่างจากทีที่อ้าปากเหวอ งงที่เพื่อนสนิทตัวเองก็ลากฉันเดินหนีเขาซะงั้น เก๋งพาฉันออกมาข้างนอกโรงอาหารโดยไม่พูดจาอะไร เราสองคนมาหยุดที่หน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่เก๋งจะปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ
ฉันมองหน้าเก๋งที่ดูเหมือนเคืองอะไรสักอย่าง แต่ในตอนนี้หน้าเขาเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งเมื่อเราอยู่กันแค่สองคน
“ไปกินชาบูกันพี่”
เก๋งเอ่ยขึ้น ฉันเบิกตาตกใจที่เขาชวนฉัน ชวนฉันคนเดียวเนี่ยนะ…
“แล้วสองคนนั้นอะ แอน…” ฉันชี้ไปข้างหลังตัวเอง ฉันทิ้งแอนกินข้าวคนเดียวไม่ได้อะ ยัยนั่นขี้เหวี่ยงจะตาย
‘ติ้ง’
ฉันที่ยังได้รับคำตอบจากเก๋ง ข้อความจากไลน์ฉันก็เด้งและมันก็ปรากฏถึงชื่อคนส่งนั่นก็คือแอน ฉันรีบกดเข้าไปอ่านเป็นการด่วน ยัยนี่ต้องโกรธฉันแน่ๆ ให้ตายสิ
ANN :: แกไปกินข้าวกับน้องเขาเหอะ เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านพอดี
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด แม้ข้อความมันจะดูปกติ แต่สำหรับฉันมันดูเหมือนงอนแปลกๆ แหะ…
“พี่ไม่ต้องไปกับผมก็ได้นะ…” ดูเหมือนจะมีคนน้อยใจเพิ่มมาอีกหนึ่งราย ฉันรีบเงยมองเขาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธเป็นการด่วน เก๋งยิ้มอย่างดีใจขึ้นอีกครั้งหลังจากทำหน้าตาเศร้าซึมไปเมื่อกี้
“เราไปกินชาบูกันก็ได้ J”ฉันตอบเพื่อย้ำความมั่นใจให้เขา
“เย้ ไปกันนนน”
เก๋งดูดีใจออกนอกหน้าจนใจฉันกลับมาเต้นรัวและเร็วขึ้นอีกครั้ง ฉันไม่ได้คิดไปเองฉันหรือเปล่า ทำไมต้องมาทำให้ฉันสับสนตัวเองอยู่เรื่อยเลยนะ
เก๋งคว้ามือฉันไปจับอีกครั้งก่อนจะพาไปที่ป้ายรถเมล์ และเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือฉันเลย ฉันก้มมองมือข้างซ้ายที่ถูกร่างสูง คนที่ฉันพยายามตามตื้อมาเกือบๆ เดือนพันธนาการเอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำแบบนี้กับเพื่อนตัวเองบ้างหรือเปล่า แต่สำหรับฉัน มันคือครั้งแรกที่ฉันถูกคนที่ชอบทำแบบนี้ นับวันเราก็เริ่มรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดนี้
ฉันคิดไปเองจริงๆ ตามที่เจ้บอกเหรอ…
ทันทีที่รถเมล์สายที่เราจะไปห้างกันมาถึง ฉันและเก๋งก็รีบขึ้นไปทันที เราสองคนรีบหาที่นั่งแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบที่ว่างสักที เบื่อเวลานี้ที่สุด พอเลิกเรียนทุกคนก็กลับบ้านบางคนก็ไปเที่ยว แล้วรถสายนี้มักจะมาชั่วโมงละคัน ทำให้พวกเราต่างจดจ่อรอกันและผลก็เป็นอย่างที่เห็น คนรีบแย่งกันขึ้นต่างพากันเบียดแน่นจนจะขาดอ็อกซิเจนกันอยู่แล้ว
“พี่ก้อยยืนถนัดหรือเปล่า”
เพราะความเตี้ยที่พกพามาตั้งแต่เกิด ชีวิตการโหนรถเมล์จึงไม่เคยอยู่ในซีรีบรัมของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ต่อให้เอื้อมจนสุดแขน อย่าว่าแต่คานโหนเลย แม้แต่ที่จับที่ห้อยลงมาฉันก็จับไม่ถึง ฉันขยับไปใกล้ๆ เบาะที่นั่งและจับพนักพิงเก้าอี้ของผู้โดยสารเอาไว้ ความอึดอัดนี้ทรมานจริงๆ เลยเว้ย
“พี่ยืนบ่อย ถนัดอยู่แล้ว ^^;”
และแน่นอนว่าฉันโกหก ฉันไม่เคยมีความคิดที่จะขึ้นรถเมล์สายนี้เลยสักครั้งเพราะมันไม่เคยเหลือที่นั่งให้ฉันยังไงละ ฉันยิ้มเหยๆ ให้เก๋งพอเป็นพิธี เก๋งที่จับคานโหนก็ค่อยเขยิบมาใกล้ๆ ฉัน ก่อนที่แผ่นอกของเขาจะชิดแนบหัวฉันพอดิบพอดี
ฉันยืนตัวเกร็งเพราะมันชิดจนฉันแทบจะไม่อยากหายใจออกหรือขยับเลยสักนิดเดียว ขืนขยับนิดนึงละก็ เราจะกอดกันโดยทันทีน่ะสิ
เอี้ยดดดด!
ตุ๊บ!
แต่โชคชะตาก็เล่นตลก เมื่ออยู่ๆ คนขับก็ดันเหยียบเบรกกะทันหันเพียงเพราะหมานอนอยู่กลางถนน
ฉันรีบใช้สองมือจับพนักพิงแน่นก่อนจะเกร็งตัวไม่ให้ตัวเองเกิดอาการกลิ้งหมุนๆ เป็นหมีแพนด้าภายในรถ แต่คนทางด้านหลังกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอยู่ๆ เก๋งก็ปล่อยมือจากจับคานมาจับพนักพิงเดียวกับฉัน กลายเป็นว่าเราสองคนดูเหมือนกำลังกอดกันจากทางด้านหลังยังไงก็ไม่รู้ เสียงลมหายใจดังอยู่ข้างหูฉันเบาๆ รถทั้งรถเงียบจนฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่ดังขึ้นจนน่าใจหาย เราสองคนใกล้มากใกล้จนแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว ยิ่งพอเก๋งหันริมฝีปากมาจ่อที่หูฉันพร้อมกระซิบยิ่งทำให้ฉันแทบจะเป็นลมล้มพับไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
“ฉากนี้เหมือนพระเอกกับนางเอกเอ็มวีเพลงเกาหลีเลยเนอะพี่ J”

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันเขินตั้งแต่ฉากอ่านหนังสือแล้วครับพี่น้องนูน่าเอย...ชากียาเอย.....เป็นฉันนี่ฉันจะไม่ทน!!!!!!จับมันจูบตรงนั้นเลย
โทษฐานชอบโปรยอ้อยใส่ผู้อื่นแล้วไหนจะฉากบนรถเมย์โอ๊ยตายๆๆๆๆๆตายกันพอดีค่ะโรคหัวใจจิกำเริบ
ฟินอะไรเบอร์นีสาธุ! อิเก๋งอ้อยขนาดนี้แล้วขอให้ได้กันเร็ววันเร็วคืนค่ะ ติดตามต่อไปนะคะสู้ๆเด้อ :D
พลังความกดดันระดับสิบบ
ฉากบนรถเมย์เขินระดับร้อยย
พร้อมจะระเบิดตัวตายภายใน 5..4..3..2..1.. บู้มมม
เก๋งรู้แอนเป็นเบี้ยน
ก้อยรู้ทีเป็นเกย์
แอนทีคู่กันคงสนุกดีนะ55