ตอนที่ 13 : ll CUTIE SASAENG : CHAPTER 12 ll เขาทำดีกับเรา ใช่ว่าเขาชอบเรา {LOADING 100%}
12
เขาทำดีกับเรา ใช่ว่าเขาชอบเรา
09.30 AM
ฉันปรือตาขึ้นมายามเช้าเพียงเพราะนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ที่ฉันตั้งค่าเอาไว้ในทุกๆ วัน แต่การตื่นครั้งนี้กลับไม่ใช่บ้านตัวเองแต่อย่างใด นี่ฉันเผลอหลับไปจริงๆ สินะ…
เมื่อคืนฉันฝันแปลกๆ ฝันว่าน้องเก๋งล้มทับฉันแถมยังเอาปากมาชนฉันอีกแน่ะ มันเหมือนจริงมากจนฉันยังไม่หายหน้าร้อนเลยตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ฉันมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีร่างสูงนอนอยู่บนพื้นข้างๆ โซฟา นี่เขาไม่ได้ขึ้นไปนอนที่ห้องเขาหรอกเหรอ อ่ะ…เขากินยาตามที่ฉันบอกด้วย น่ารักซะไม่มี
ฉันค่อยๆ ลุกและพยายามที่จะไม่ทำเสียงดังให้คนที่นอนอยู่บนพื้นตื่นขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเอาเสียแล้ว เพราะอยู่ๆ เก๋งก็เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งหน้าตาเฉย แถมเป็นตอนที่ฉันกำลังจะก้าวข้ามตัวเขาอีก
“อ้าว พี่ตื่นแล้วเหรอ” เสียงงัวเงียของเก๋งเอ่ยทักฉันขึ้น เขาขยี้ตาตัวเองไปมาเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด “หิวไหมพี่”
เก๋งพูดจบก็ดันตัวเองลุกขึ้นยืนทันที ผมของเขาเวลาไม่เซตนี่ดูดีชะมัด แถมน้ำเสียงอ่อยๆ นี่อีก ใจสั่นเป็นบ้า
“คะ คือพี่ต้องกลับก่อนน่ะ”
“อ๋อ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งดีกว่า”
“ไม่เป็นไรๆ พี่กลับเองก็ได้แค่นี้เอง เก๋งอยู่บ้านไปเถอะ ยิ่งไม่สบายอยู่”
ฉันรีบห้ามเก๋งทันทีที่เขาเตรียมทำท่าจะไปส่งฉัน จะให้เจ้าของบ้านไปส่งบ้านมันก็ยังไงอยู่นะ บางทีฉันก็เกรงใจเก๋งอยู่เหมือนกันแม้ว่ามันจะเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้อยู่ใกล้ๆ เก๋งก็เหอะ เอาไว้ช่วงเวลาอื่นที่ดีกว่านี้ ช่วงเวลาที่เขาไม่ต้องมาลำบากตัวเองด้วย
“งั้น พี่กลับดีๆ นะ พรุ่งนี้เจอกันที่มอนะพี่”
ฉันยิ้มส่งให้เก๋งก่อนจะยกมือบ๊ายบายเขาด้วยท่าทางเขินๆ ทำไมยิ่งฉันมองหน้าเก๋งภาพในความฝันที่ฉันจูบกับเขามันยิ่งลอยเข้ามาในหัวนะ เหมือนจริงจนฉันอยากจะบ้าอยู่แล้ว
เก๋งเดินออกมาส่งฉันที่หน้าบ้านตัวเองก่อนจะยิ้มกริ่มให้ฉัน ฉันกระชับสายกระเป๋าตัวเองก่อนจะเดินออกมาจากจุดหน้าบ้านเก๋งโดยทันที หน้าของฉันเริ่มระอุขึ้นเรื่อยๆ เป็นอะไรของฉันวะ ตั้งแต่รู้จักกับเก๋งมา เขินมากสุดก็คงเป็นตอนเก๋งนอนตักฉัน แต่นี่แค่ความฝันที่ติดตาแค่นั้น ดันทำฉันเขินหนักกว่าเจอของจริงเสียอีก แต่จะว่าไปก็แอบเจ็บปากเบาๆ แหะ คงเอาแขนฟาดปากตัวเองตอนหลับแน่ๆ -_-
ติ้ง!
ฉันที่ยืนรอแท็กซี่อยู่ป้านรถเมล์อยู่ๆ เสียงแจ้งเตือนข้อความจากแอพไลน์ก็ดังลั่น ทำให้ฉันต้องหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าใครส่งมาหาฉัน น่าแปลกใจที่ความคาดหมายที่ฉันคิดไว้ดันเกินไปหน่อย ในตอนแรกฉันนึกว่าแอนหรือไม่ก็เปาโลที่มักจะทักมาถามอะไรฉันบ่อยๆ วันนี้กลับเป็นเก๋ง คนที่ฉันเพิ่งแยกจากกันไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
GENG :: พี่ถึงบ้านยัง
ข้อความดูเหมือนเป็นห่วงของเก๋งทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาเบาๆ ใครจะไปกลับบ้านเร็วอะไรขนาดนั้น
NEW’KOI :: พี่ยังอยู่ป้ายรถเมล์อยู่เลย ถ้าถึงเดี๋ยวพี่บอกน้า
/ สติ๊กเกอร์แมวเต้นอะโกโก้
GENG :: กลับบ้านดีๆ นะพี่
สิ้นสุดข้อความของเก๋ง ก็เล่นทำเอาฉันเป็นบ้ายืนยิ้มคนเดียวจนป้าที่ยืนข้างๆ ต้องเดินหนีฉันเลยทีเดียว ฉันปิดหน้าจอก่อนจะเอาเข้ากระเป๋า แต่จู่ๆ ก็มีข้อความเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เป็นข้อความของเจ้มิ๊วคนดีผู้ช่วยเหลือความรักของก้อยเอฟวี่ติงเอฟวี่เดย์
MEW :: ก้อยว่างไหม มากินนมปั่นเป็นเพื่อนหน่อยแถวมหาวิทยาลัยแกอะ
ฉันขมวดคิ้วงงสงสัยกับคำขอของเจ้มิ๊วที่ทักฉันมาตั้งแต่หัววัน แล้วบ้านเจ้หรือคลับเจ้ก็ไม่ได้ใกล้มหาวิทยาลัยฉันเลยด้วยซ้ำ ทำไมถึงมากินข้าวแถวมหาวิทยาลัยฉันได้นะ ฉันไม่คิดให้เปลืองเวลารีบกดโทรไลน์หาเจ้มิ๊วไปโดยทันที
“ว่าไงเจ้ ให้ก้อยไปที่ไหน”
ฉันรีบกรอกคำถามข้อสงสัยใส่สายไปทันทีที่เจ้รับ
(ร้านนมปั่นหน้ามหา'ลัยแกอะ มีอยู่ร้านเดียวปะวะแก รีบๆ มานะ ฉันเลี้ยง)
ไม่ทันที่จะคุยอะไรรู้เรื่อง อยู่ๆ เจ้ก็วางสายไปหน้าตาเฉย เป็นปกติที่เจ้มักจะชวนฉันกินข้าวหรืออะไรต่อมิอะไรตลอด เจ้ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย อาจเป็นเพราะพอจบมหาวิทยาลัยต่างคนต่างก็แยกย้ายไปทำงานไม่มีเวลาว่างตรงกันสักเท่าไร ผลสุดท้ายฉันก็เลยมาสนิทกับเจ้ได้เพราะออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยสุดนี่แหละ
แทนที่ฉันจะได้โบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว ผลสุดท้ายก็ต้องตรงดิ่งมาที่มหาวิทยาลัยอย่างจำยอม ในตอนแรกฉันว่าจะกลับไปอาบน้ำก่อนค่อยมา แปรงฟงแปรงฟันก็ไม่ได้แปรง มาแบบเปลี่ยวๆ หน้าสดงดเบื่อทวง แต่เจ้ก็เร่งเอาเร่งเอาเพราะว่านางหิว ผลสุดท้ายฉันก็มาถึงร้านนมปั่นที่เคยพาเก๋งมาคราวนั้น
ทันทีที่ฉันลงจากแท็กซี่ ฉันก็รีบก้าวเท้าเข้าไปในร้านอย่างไม่รีรอ เจ้กำลังนั่งเลือกเมนูอย่างพินิจ ฉันที่จะเอ่ยทักเจ้แต่พอเหลือบไปเห็นพนักงานชายที่กำลังจดเมนู ฉันก็แทบจะหันหลังกลับโดยทันที
“ยัยก้อย มาพอดีเลย เลือกเมนูเร็ว”
เจ้ก็ไม่น่าตาไวเลยจริงๆ T^T
ฉันหมุนตัวกลับเข้าไปที่เดิม สายตาของพนักงานชายคนนั้นเงยขึ้นมามองที่ฉันทันทีที่ได้ยินชื่อ แววตาพร้อมไฝว้แบบนี้มันมีอีกแล้ว ให้ตายเหอะ
ฉันนั่งลงก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่ ฉันล้วงหมากฝรั่งในกระเป๋าขึ้นเคี้ยวอย่างจำยอม ขืนให้พูดทั้งๆ ที่ไม่ได้สัมผัสแปรงแบบนี้เจ้ต้องเมาขี้ปากฉันแบบไม่ต้องสืบเสาะหาสาเหตุแน่นอน เจ้ยิ้มให้ฉันพร้อมยื่นเมนูมา ในขณะที่ฉันกำลังจะรับมาดู จู่ๆ พนักงานชายก็คว้าไปหน้าตาเฉย
หน็อย อิที!
“ขอเมนูด้วยค่ะ จะสั่ง” ฉันแบมืออย่างขอไปที ทีก้มหน้าก้มตาจดเมนูที่เจ้มิ๊วสั่งก่อนหน้านี้โดยไม่สนใจคำพูดฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันจะฟ้องผู้จัดการไอ้บ้า!
“รับอะไรดีครับ^^”
แต่แล้วทีก็เงยหน้าพร้อมยิ้มให้ฉันแต่ไม่ยักจะส่งเมนูมาให้ฉันอ่าน ฉันตีหน้านิ่งมองเขาอย่างเอาเรื่อง ส่วนเจ้มิ๊วก็มองฉันสลับกับทีอย่างไม่เข้าใจ
“มีเมนูอะไรแนะนำบ้างไหมคะ” ได้ทีฉันก็เล่นกลับ เอาสิ อยากกวนฉันมากก็เอา
“นมปั่นวัวแก่ คัดสรรอย่างดีนมวัวพันปีจากเดนมาร์กครับ”
น้ำเสียงประชดประชันเน้นย้ำคำว่าวัวแก่เต็มหน้าเต็มตาฉันอย่างไม่ใยดี ฉันกัดฟันแน่นก่อนจะส่งยิ้มไปอย่างไม่ย่อท้อ
“มีเมนู ไอติมถั่วดำยำเพื่อนกันเองไหมคะ”
“อ่อ ของหวานเรามีครับแต่ไม่มีถั่วดำ มีแต่หญ้าอ่อนคั่ว ชอบไหมครับ”
น้ำเสียงกดต่ำของทีเล่นทำเอาฉันนั่งไม่อยู่สุข สายตาของฉันและทีปะทะกันจนฉันรู้สึกถึงประกายไฟยิบยับ เจ้มิ๊วลุกขึ้นก่อนจะมายืนคั่นกลางระหว่างฉันกับทีอย่างเหลืออด
“เอาเหมือนกันกับพี่อ่ะค่ะน้อง จัดมาสองแก้ว ด่วน!”
เจ้มิ๊วจัดการสั่งให้ฉันอย่างเสร็จสรรพ ฉันพ่นลมหายใจและพัดหน้าตัวเองเพื่อระบายความร้อนที่อยู่ๆ ก็เดือดระอุเอาดื้อๆ ทีจดเมนูตามคำสั่งก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านไม่วายยังหันมามองฉันเพื่อทิ้งท้ายไปอีก เจ้มิ๊วถอนหายใจเหมือนเหนื่อยล้าก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิมและมองมาที่ฉันดั่งต้องการคำตอบ
“ไม่มีอะไรเจ้”
ฉันรีบพูดตัดหน้าก่อนที่เจ้จะถามสาวความอะไรมากกว่านี้ ฉันมองไปข้างนอกร้านอย่างอารมณ์เสีย ร้อนก็ร้อนยังมาไฝว้กับคนแบบนี้ให้ร้อนไปอีก ร้อนทั้งอารมณ์ทั้งอากาศเลยเว้ย!
“นายนั่นมันเพื่อนเก๋งไม่ใช่เหรอ ทำไมดูเหมือนแกสองคนไม่ถูกกัน”
และฉันก็ห้ามไม่ให้เจ้ถามได้จริงๆ สินะ
“เรื่องมันซับซ้อนเล็กน้อยอะเจ้ ไว้ถ้าเรื่องมันเงียบกว่านี้ก้อยจะเล่า กินของหวานคลายเครียดกันเถอะ อย่าไปรู้อะไรแบบนี้เลย”
“มีความลับอีกแหละ เบื่อหน่ายแกจริงๆ ทั้งแกทั้งแอนเลย ปวดหัว”
ฉันเท้าคางไว้กับโต๊ะอย่างหน่ายๆ ก่อนที่นมปั่นจะมาเสริฟ แต่คราวนี้กลับเป็นพนักงานอีกคน ดีแล้วล่ะ ถ้าเป็นอีตาทีฉันว่าคงมีแก้วแตกกับคว่ำนมกันแน่ๆ
“เออเจ้ ก้อยมีเรื่องจะถาม” ฉันที่พอนึกอะไรได้ก็เริ่มเปิดประเด็นการสนทนาแบบจริงจังของวันนี้โดยทันที “คำว่าขืนใจเนี่ย เขาใช้ในกรณีอะไรบ้างอะ”
ฉันถามเจ้มิ๊วก่อนจะดูดนมปั่นขึ้นมาทำตาปริบๆ รอคำตอบ ฉันยังติดค้างคาใจกับคำนี้มาตลอด ฉันเสริชหาในกูเกิ้ลคำตอบที่ได้มาก็ออกแนวกามอารมณ์ล้วนๆ ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝงอะไรทั้งนั้น
“ข่มขืนงะ” และคำตอบเจ้ก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันสบายใจเลยสักนิด
“อย่างอื่นอะมีอีกมะ”
“มันก็แปลว่าฝืนใจ บังคับจิตใจอีกฝ่ายอะไรทำนองนี้มั้งแต่ส่วนใหญ่เขาก็ใช้กับพวกบังคับในเรื่องข่มขืนอะ”
ฉันเสมองออกนอกร้านอย่างใจลอย เก๋งไม่น่าจะใช้คำนี้เอาจริงๆ ถ้าเก๋งจะฝืนใจใคร ในกรณีจะใช้คำว่าขืนใจมันก็ดูแปลกๆ กับคนฟังปะวะ เก๋งก็โตพอที่จะเข้าใจคำเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้สิ
“งั้นเหรอเจ้”
“เป็นอะไร ใครขืนใจแกเหรอ”
เจ้หันมาถามฉันอย่างสนใจ ใบหน้าอยากรู้อยากเห็นดูสดใสทันตาเห็น ฉันส่ายหน้ากลับทันที อารมณ์หง่อยๆ นี่มาอีกแล้วอะ ไม่ชอบเลย
“ไม่มีอะเจ้ แค่ถาม” และฉันก็เลือกที่จะโกหกเจ้ไป เพื่อความสบายของฉันด้วยแหละ ไม่อยากเล่าให้ตัวเองเจ็บ
“แล้วสรุปวันนั้นเป็นไงบ้างที่ไปเที่ยวกัน แกคิดไงถึงไปสนามบิน”
เจ้ถามย้อนกลับและวกเข้าประเด็นสุดฮอตของทวิตอีกครั้ง ฉันฝืนยิ้มออกมาก่อนจะตอบไปตามตรง
“พาเก๋งไปติ่ง” ฉันยิ้มกว้างอย่างรู้ชะตาว่าจะถูกด่าในไม่ช้าแน่นอน
“อิง่าว แกไม่เคยมีแฟนแบบจริงๆ จังๆ สินะ ทำไมถึงพาเขาไปเดทในที่แบบนั้น ฉันก็โง๊โง่ที่ให้แกเลือกสิ่งที่แกชอบ ลืมไป ชีวิตแกมีแต่เกาหลี เกาหลี และก็เกาหลี”
“แต่ตอนนี้ก้อยไม่ได้คลั่งเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ” ฉันเถียง
“แหม่ แล้วพาเก๋งไปติ่งด้วยนี่คือไม่คลั่ง บ้าบอมากแก”
เจ้มิ๊วผลักไหล่ฉันเบาๆ เหมือนจะตี ฉันว่าฉันก็มีความสุขดีนะที่ได้พาเก๋งไปในสถานที่ที่ฉันชอบ แต่เก๋งนี่สิไม่รู้มีความสุขอะไรกับฉันไหม แม้เขาจะบอกสนุกก็เหอะ ความเกรงใจของคนดูออกซะที่ไหน
“ตอนนี้ก้อยว่าก้อยก็เริ่มสนิทกับน้องเขามากขึ้นในหนึ่งระดับแล้วนะเจ้”
ฉันหันไปบอกเจ้ด้วยความหวังที่ดูเหมือนปลอบใจตัวเอง เพราะเก๋งเป็นคนที่นิสัยดีอยู่แล้วฉันเลยไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเขาดีกับฉันหรือดีแบบนี้กับทุกคน แต่อย่างน้อยเราก็คุยกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ หรือว่าฉัน…
“แกคิดไปเองหรือเปล่าก้อย”
นั่นสิ…
“แต่เก๋งดีกับก้อยมากขึ้นนะ เขาไม่ค่อยคุยกับใคร…”
“เอาอะไรมามั่นใจว่าเขาไม่ค่อยคุยกับใคร?” อยู่ๆ เจ้มิ๊วก็เอามีดมาแทงที่อกฉันดังจึก นั่นสิ ฉันกับเขาไม่ได้อยู่ตัวติดกันตลอดนี่หว่า ฉันเอาอะไรมามั่นใจวะ
“จริงสิ”
“เขาไม่ได้ดีกับแกหรอก แต่เขาดีกับทุกคน”
-GENG SAY-
“ก้อยกลับไปแล้วเหรอ”
พี่โก๋ทักผมขึ้นหลังจากกลับมาจากต่างจังหวัด พี่โก๋นั่งลงข้างๆ ผมทันทีก่อนจะคว้าน้ำขวดที่ตั้งอยู่กระดกดื่มอย่างกระหาย
“ตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะ” ผมตอบแต่ตายังดูซีรี่ย์ที่ดูค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน “แล้วแม่อ่ะ”
“ไปยืนเม้าเรื่องซีรี่ย์จุงกิกับป้าหน้าบ้านอยู่ เดี๋ยวก็เข้ามาละมั้ง”
เป็นปกติที่แม่ผมถ้าเจอคนคุยถูกคอ แม่ก็กลายเป็นมิตรเขาไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่แม่ผมเป็นคนที่สานไมตรีกับผู้คนยากมาก แต่ถ้าพูดเรื่องซีรี่ย์คุยยาวข้ามวันข้ามคืนแม่ก็ทำมาแล้ว
“แล้วนี่ถามถึงพี่ก้อยทำไมอะ” ผมเหลือบสายตาไปมองพี่โก๋ที่หยิบขนมขึ้นมากิน พี่โก๋เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะทำหน้าเหลอหลาอยู่แบบนั้น “ชอบพี่เขาเหรอ”
และผมก็ตัดสินใจถามพี่โก๋ไปตรงๆ พี่ผมยังไม่เคยมีแฟนมาตั้งแต่เกิดพอๆ กับผม หลายคนคงรู้ว่าสาเหตุหนึ่งเกิดจากอะไร
แม่ผมไงจะใครล่ะ!
“บ้าแหละไอ้เก๋ง คนเพิ่งเจอครั้งแรกจะให้มาชงมาชอบ บ้าบอคอแตก” พี่โก๋เหวี่ยงขึ้น
“คนชอบกันตั้งแต่แรกเห็นมีเยอะแยะไป ผมยังเคยเลย”
“กับก้อยเหรอ”
พี่โก๋เริ่มสนใจกับการสนทนาอีกครั้ง สายตาอยากรู้อยากเห็นนี่มันอะไรกันครับ
“กับเพื่อนพี่ก้อย”
“เดี๋ยวนะ” พี่โก๋ยกมือห้ามไม่ให้ผมพูดต่อ “แกอย่าบอกนะว่าแกชอบเพื่อนก้อย ทั้งๆ ที่ก้อยก็ชอบแกเนี่ยนะ”
พี่โก๋พูดจบก็ทำให้ผมขมวดคิ้ว พี่ก้อยเนี่ยนะชอบผม จริงเหรอวะ…ตามผมในทุกๆ วันนี่เพราะชอบผมเหรอ ไม่ใช่อยากสนิทเฉยๆ เหมือนที่พี่เขาบอกหรอกเหรอ
“พี่รู้ได้ไงว่าพี่ก้อยชอบผม มั่วว่ะ”
“พี่ว่า…เก๋งไม่ได้ซึนนะ เก๋งโง่มากกว่า” พี่โก๋ยกยิ้มพลางส่ายหน้าเหมือนระอาเต็มทน “ใครๆ ก็ดูออก ผู้หญิงบุกมาหาเพราะห่วงขนาดนี้ เกลียดแกมั้ง”
ผมกระพริบตามองพี่โก๋ปริบๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปดูซีรี่ย์ตามเดิม แต่ในสมองกลับไม่มีเรื่องในสิ่งที่ดูเลยสักนิด มีแต่ชื่อพี่ก้อยวนเวียนตีอยู่ในหัวจนทำผมสับสนแปลกๆ อยู่ๆ ภาพที่ผมเซไปจูบพี่ก้อยก็แว๊บเข้ามาในหัวอัตโนมัติ ทำให้ผมยกมือปิดปากตัวเอง ผมจูบเขาตอนที่เขาไม่รู้ตัวนี่ถือเป็นการฉวยโอกาสปะวะ ผมควรบอกพี่เขาไหมอะ ให้ตายเหอะ
“เก๋งไม่เคยมีความรักเก๋งจะไปรู้ได้ไงล่ะครับแหม่ พ่อเชี่ยวชาญด้านผู้หญิง”
ได้ทีผมก็ย้อนพี่ชายตัวเอง พี่โก๋มองผมด้วยสายตาเคืองๆ ใจจริงตั้งแต่สนิทกับพี่ก้อยมานี่ผมแทบจะไม่คิดเรื่องพี่แอนเลยนะ อาจเป็นเพราะผมกำลังทดลองตัดใจจากพี่เขาดู การเปิดใจรับอะไรใหม่ๆ อาจจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่าที่เป็นก็ได้
และผมก็เริ่มรับรู้สิ่งเหล่านั้นขึ้นมาบ้างแล้ว
“ประชดแบบนี้เดี๋ยวเตะปากแม่ง” พี่โก๋พูดหยอกล้อกับผมทำเอาขำกันอยู่สองคน เหมาะเจาะกับฉากในจอทีวีที่เป็นฉากตัวโกงกำลังข่มขืนนางเอก และบังคับข่มขู่อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ไม่ชอบเลยว่ะ ผู้ชายไม่ให้เกียรติผู้หญิงเนี่ย แม่งไม่เท่เอาซะเลย
‘หยุดดิ้นเสียที’
‘อย่าขืนใจฉันเลยนะขอร้องปาร์คชานยอล’
ซับไทยวิ่งขึ้นอยู่ใต้จอภาพในซีรี่ย์ อยู่ๆ ผมก็เอะใจคำว่าขืนใจขึ้นมาโดยทันที ในวันนั้นผมบอกพี่ก้อยว่าผมไปขืนใจคนที่แอบชอบใช่ปะวะ…
“พี่โก๋” ผมหันไปสนทนากับพี่ชายตัวเองอีกครั้ง “ขืนใจแปลว่าไรวะ”
ผมพูดคำว่าขืนใจไปเพราะในตอนนั้นผมเบลอและคิดคำไม่ออกจริงๆ เขาเรียกอะไรกันว่ะ ที่หมายถึงบังคับบีบคั้นให้เขามาชอบเราอะ…แบบเร่งเร้าให้เขารับรักเราเสียที อะไรทำนองนี้นี่แหละ
ไม่ได้เรียกขืนใจหรอกเหรอ
“ข่มขืนไง เนี่ย แบบฉากนี้อะ” พี่โก๋ชี้ไปที่หน้าจอทีวีก่อนจะบรรยาย
“แล้วเราใช้กับพวกเหตุการณ์อื่นได้ปะ”
ใจชักไม่ดีเลยแหะ ถ้าพี่ก้อยเขาหมายความว่าผมไปข่มขืนใครเข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหนวะเนี่ย
“ส่วนมากก็ใช้กับกรณีถูกข่มขู่บังคับจิตใจในการโดนกระทำชำเรานะ ในกรณีอื่นนี่มีตัวอย่างปะ”
“ก็แบบ เราเหมือนบีบคั้นให้เขามารับรักเราอะไรแบบนี้อะ”
“มันก็ได้นะแต่มันก็ไม่ควรอะ เรียกว่าบังคับฝืนใจให้เขารักดีกว่า”
ฉิบหายแล้วเก๋ง…
“โอ้ย ผมไม่น่าเล่นคำทั้งๆ ที่ไม่รู้ความหมายเลยแม่ง” ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“ทำไมวะ”
“ผมไปบอกพี่ก้อยว่า ผมเคยไปขืนใจคนที่ชอบอะดิ”
“แล้วไมต้องทำท่าเครียดแบบนี้วะ ฮาๆ” พี่โก๋หัวเราะออกมาเหมือนพร้อมสมน้ำหน้าผม “แคร์ด้วยเหรอ”
“แคร์ดิพี่ ถ้าพี่ก้อยเขาเข้าใจผมผิดอะ ทำไง” ผมเบ้หน้าอย่างหมดอารมณ์ที่จะดูซีรี่ย์ ไม่น่าเลยอะ ไม่น่าพูดจริงๆ
"คิดมาก ไม่มีไรหรอก" พี่โก๋ตบไหล่ผม แต่ผมไม่มีอารมณ์สุดๆ เลยคว้ารีโมทกดจบปิดทีวีโดยทันที
"ผมหงุดหงิดอะ"
“เก๋ง” จู่ๆ พี่โก๋ก็วางมือบนบ่าพร้อมกับจ้องมาที่ผม เล่นเอาผมใจกระตุกวูบเหมือนมีลางว่าเขาต้องพูดอะไรแน่ๆ “แกรู้หรือเปล่าที่แกเป็นแบบนี้เพราะอะไร”
ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ก่อนจะถามออกไปอย่างสงสัย
“เพราะอะไรอะ…”
“เพราะแกเริ่มชอบก้อยแล้วไง”


นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

วรั้ยยยยยงานนี้ก้อยเราจะไม่นกแล้วนะคะดูได้จากการที่อิเก๋งมันเริ่มสนใจในเรื่องนุ้งก้อยของเราแล้ว
เตรียมจุดพลุค่ะกรี๊ดดดดดดดดดส่วนในเรื่องของทีและก้อยนั้นพวกนางสองคนก็ยังคนพร้อมใจกัดกันเป็นงานอดิเรกไปแล้ว
เอาค่ะเสี้ยมกันไปกันมาอยู่นั้นแหละค่ะสุดท้ายจะเป็นยังไงก็รอดูอีกทีนะคะติดตามต่อไปเด้อสู้ๆน้าาาา